ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 
เก็บตกจากรายการวิ่งประชานานาชาติ

ฝนตกตั้งแต่เช้ามืดวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม ผมขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าไปถนนติวานนท์เพื่อร่วมการแข่งขันรายการ ๑๐ กิโลเมตรวิ่งเพื่อประชานานาชาติ

ทุกทีช่วงวันสหประชาชาติ (๒๔ ตุลาคม) ทางสหประชาชาติจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันยูเอ็นรันทุกปี แต่เนื่องจากปีนี้ความไม่สะดวกเรื่องของสถานที่เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง...ที่ยังไม่สงบ สหประชาชาติจึงงดจัดการแข่งขันปีนี้ แต่ทางบริษัทอเมซิ่งฟิลด์เป็นคนจัดเองโดยใช้สถานที่บริเวณกระทรวงสาธารณสุขเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน

ฝนโปรยปรายมาตลอดทาง...เห็นรถปิกอัพคันหน้าบรรทุกนักวิ่งนั่งตากฝนมุ่งหน้าไปยังกระทรวงสาธารณสุข

นักวิ่งมาราธอน...มักจะตื่นเช้าเสมอ รายการแข่งขันมักจะเริ่มต้นเวลาเช้ามากๆ หลายรายการเริ่มต้นวิ่งเวลาตี ๓ หรือว่าตี ๔ เพื่อให้การแข่งขันเสร็จสิ้นลงก่อน ๙ โมงเช้าเพื่อไม่กีดขวางการจราจรในเวลาปกติ

เมืองไทยยังมีคนที่ไม่เข้าใจและไม่สนใจกีฬามาราธอนอีกมาก ทุกคนสนใจแต่เรื่องของตนเอง สนใจแต่ความสะดวกสบายของตนเอง เขาไม่สนใจว่าทำไมต้องมีการปิดถนนให้แก่นักวิ่ง..วิ่งผ่านชั่วขณะ พวกเขารู้แต่ว่าเขาจะรีบไป...แล้วพวกนักวิ่ง...เป็นตัวกีดขวางการจราจร

บรรยากาศมันผิดกับการแข่งขันมาราธอนในต่างประเทศ ในญี่ปุ่นคุณยาย คุณตา แม่บ้าน เด็กๆ ออกมาโบกธง ปรบมือให้แก่นักวิ่ง ตะโกนให้กำลังใจ ตลอดเส้นทางที่วิ่่ง สำหรับนักวิ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสีสันและกำลังใจที่มีค่า เขามีการแจ้งให้คนในละแวกที่มีการแข่งขันทราบล่วงหน้าว่าจะมีการแข่งขันมาราธอนในช่วงเวลาดังกล่าว หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทาง ตำรวจและอาสาสมัครโบกให้รถจอดในขณะที่นักวิ่งกำลังวิ่งข้ามถนน ไม่มีใครตะโกนด่านักวิ่งเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในรายการกรุงเทพฯมาราธอน

ความจริงกีฬาอย่างมาราธอนสามารถดึงดูดคนทั่วโลกให้เข้ามาแข่งขันและตามมาด้วยเม็ดเงินที่มีการใช้ในระหว่างที่พักในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯขาดวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาการแข่งขันมาราธอนให้น่าประทับใจเหมือนอย่าง ลอนดอนมาราธอน โตเกียวมาราธอน เบอร์ลินมาราธอน มันน่าเศร้าใช่ไหม?

บรรยากาศในกระทรวงสาธารณสุขร่มรื่นมาก...ไม่มีรถพลุกพล่าน เหมาะแก่การจัดเป็นสถานที่แข่งขันมาราธอนระยะ ๑๐ กิโลเมตร

ก่อนการแข่งขันมาราธอน ๑๐ กิโลเมตรจะเริ่มขึ้น...มีการวอร์มอัพด้วยท่าเต้นแอโรบิค คงเป็นแอโรบิคที่เต้นเป็นครั้งแรกในครึ่งปีหลังของปีนี้ มันแปลกดี..ที่มีการเต้นแอโรบิคก่อนจะวิ่ง ไปวิ่งที่ไหนมาก็ไม่เคยมีบรรยากาศแบบนี้ แต่ก็ทำให้มีสีสันดีแล้วก็สนุกสนานไปในตัว ครูเต้นแอโรบิคกล้ามเนื้อท้องสวยมากๆ

ปีที่แล้วลงแข่งยูเอ็นรัน...เป็นครั้งแรกที่สวมชุดวิ่งของชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพของที่ทำงานลงวิ่ง วันนี้ก็เอาชุดวิ่งของชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพของที่ทำงานใส่ลงวิ่งด้วย เจอคนสวมชุดชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพของที่ทำงานหลายคน ยกมือไหว้ทักทายพี่ๆเขาแม้ว่าโดยส่วนตัวจะไม่เคยคุยกันมาก่อน ถือว่าทำงานที่เดียวกันและอยู่ชมรมเดียวกัน แต่ปีนี้จำนวนนักวิ่งของชมรมฯที่มาร่วมแข่งน้อยกว่าปีที่แล้ว อาจจะด้วยเหตุผลของสถานที่จัดงานไกลและชมรมฯไม่ได้สมัครรายการนี้ให้เหมือนปีที่แล้ว ปีที่แล้วมีนักวิ่งของชมรมฯลงวิ่งกว่า ๒๐๐ คน

เท่าที่คุยกับคุณกรรณิการ์และคุณสงคราม ไกรสนธิ์ที่เป็นคนจัดงานเห็นเขาบอกว่าปีนี้มีคนแข่งขันราวๆ ๒ พันกว่าคน ในขณะที่รายการยูเอ็นรันที่ผ่านมามีคนแข่งขันเกือบ ๑ หมื่นคน จำได้ว่าปีที่แล้วมีจำนวนนักวิ่งที่เข้าคิวเพื่อออกตัวเรียงจากหน้าสหประชาชาติไปจนถึงบริเวณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เวลาสตาร์ทแล้ววิ่งติดมากๆเพราะมีนักวิ่งออตัวกันมากบนถนน กว่าจะเริ่มต้นแซงเร่งขึ้นมาได้ก็บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า

วันนี้พอเขาเริ่มปล่อยตัว...วิ่งสบายๆ ไม่ติด รักษาสปีดเอาไว้ได้ตลอด แรงไม่ตก มีอาการหอบเป็นระยะๆช่วงแรก แต่พอเอาจังหวะหายใจเป็นตัวกำหนดในการสร้างสมาธิ ก็ไม่ทำให้เหนื่อยในระหว่างวิ่ง สังเกตเวลาจากนาฬิกาที่ข้อมือทำเวลา ๑ กิโลเมตรอยู่ที่ ๕ นาทีกว่า ซึ่งถ้ารักษาเวลาขนาดนี้เอาไว้ได้คาดว่าคงเข้าเส้นชัยได้ภายใน ๑ ชั่วโมงสำเร็จ

สำหรับการวิ่งคราวนี้ ผมไม่มีเป้าหมายใหญ่ๆอะไร เป็นเพียงการทดสอบกำลังขา สภาพร่างกาย แล้วตัดสินใจว่าจะวิ่งระยะเท่าไหร่ในรายการกรุงเทพฯมาราธอนในเดือนหน้า การที่มีอาการบาดเจ็บข้อเท้าหลังแข่งฟูลมาราธอน ๒ รายการเมื่อตอนครึ่งปีแรกทำให้...ไม่แน่ใจสภาพร่างกาย บวกกับการที่มีระดับคลอเรสเตอรอลที่สูงมาก ทำให้ไม่มั่นใจว่าร่างกายเหมาะกับการวิ่งระยะฟูลมาราธอนไหม?

มาราธอนเป็นกีฬาที่นักวิ่งทุกคน...วิ่งเพื่อเอาชนะตัวเอง หลายๆคนค้นหาตัวเองเจอจากการวิ่งระยะโหดๆอย่างมาราธอน

สำหรับผม...ทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้นในชีวิต ผมมักจะกลับไปหาการวิ่งเสมอ แล้วมักค้นพบคำตอบในระหว่างที่วิ่ง ดังนั้นทุกครั้งที่ได้วิ่งจึงมีความสุข นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นการฝึกเอาชนะใจตนเองแล้ว การที่เราสามารถเอาชนะใจตนเองได้ เราก็ได้ความมั่นใจ แล้วก็มีกำลังใจที่จะเอาชนะทุกสิ่งที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ว่าจะหนักหนาขนาดไหนก็ตาม

ถ้าถามนักวิ่งที่วิ่งเป็นเรื่องเป็นราว...ทุกคนคงคิดคล้ายๆกันว่ากีฬาวิ่งนี่มันมหัศจรรย์แล้วก็ทุกคนคิดแต่จะเอาชนะตัวเองมากกว่า ก็น่าแปลกที่จะพบนักวิ่งในวัย ๓๐ กว่าเป็นส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพราะคนในวัยนี้เข้าใจชีวิตมากขึ้น ค้นหาตัวเองเจอ แล้วกีฬาวิ่งเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ได้ดี นักวิ่งส่วนมากจึงเป็นคนในวัย ๓๐ ขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่

วันนี้ในขณะที่วิ่งระยะ ๔ กิโลเมตร ผมได้ยินเสียงพ่อที่เป็นนักวิ่งรายหนึ่งบอกกับลูกชายในวัยเพียง ๑๐ ปีที่วิ่งตามพ่อว่า "หายใจยาวๆ ผ่อนแรง" เด็กคนนั้นไม่เคยวิ่งระยะนี้มาก่อน พ่อเขาเห็นแววเลยให้ลองวิ่งดู ครั้งนี้เป็นมาราธอนครั้งแรกสำหรับน้องเขา

เห็นน้องรายนี้แล้วทำให้นึกถึงตอนผมเป็นเด็ก เราเคยคิดจะวิ่งระยะไกลอย่างมาราธอน แต่ไม่มีใครส่งเสริมให้เราวิ่ง ไม่มีใครชี้นำเราว่าควรทำอย่างไร? ความฝันก็ยังคงเป็นความฝันมาตลอด จนกระทั่งผมไปเรียนหนังสือในญี่ปุ่นและเวลาผ่านไปหลายปีจนกระทั่งผมไม่มีข้ออ้างให้ตัวเอง...ปีที่อายุ ๓๔ ผมจึงเริ่มแข่งมาราธอนเป็นครั้งแรกในชีวิต และการแข่งขันครั้งนั้นก็ทำให้ผมเข้าใจว่า

"ถ้าเราไม่มีข้อแม้ให้ตัวเราเอง...เราพยายามพัฒนาต่อไป...สิ่งที่เราเคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้...มันมีสิทธิเป็นไปได้เสมอ"

พ่อลูกคู่นี้ยังคงวิ่งประกบกันไปตลอด พ่อคอยแนะนำลูกว่าควรรักษาจังหวะวิ่งอย่างไรเพื่อไปถึงเส้นชัย มีโอกาสได้คุยด้วยกับพ่อของน้องเขาบางช่วงที่วิ่งไปด้วยกัน ได้ยินมาว่าถึงแม้ว่ากีฬามาราธอนจะดีขนาดไหนก็ตาม เด็กในวัยที่ต่ำกว่า ๑๘ ปียังไม่สมควรวิ่งระยะไกลมากๆเพราะจะมีผลเสียต่อโครงสร้างและรูปร่างของเด็กในอนาคต น่าชื่นชมที่พ่อรายนี้เขาให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬาแก่ลูกชายของเขา พ่อลูกต่างเล่นกีฬาด้วยกัน

ตอนที่วิ่งผ่านระยะ ๕ กิโลเมตร ตอนนั้นผมทำเวลาได้ ๒๘ นาที ๒๕ วินาที พอจะประมาณการณ์ได้ว่า...น่าจะถึงเส้นชัยอยู่ราวๆ ๕๘ นาทีถ้ายังรักษาความเร็วในการวิ่งระดับนี้ได้โดยฝีเท้าไม่ตกเลย

ระยะทางที่ผ่านไปจาก ๖ กิโลเมตร เป็น ๗ กิโลเมตร จนในที่สุดก็เหลือแค่ ๑ กิโลเมตร ผมไม่พยายามเร่งความเร็วแต่รักษาสปีดเอาไว้คงที่ ก่อนถึงเส้นชัยราวๆ ๑๐๐ เมตร ฝนเริ่มตกลงมา สำหรับนักวิ่งมาราธอน...เราไม่สนฝนจะตกหรือว่าแดดจะออก เราวิ่งจนกว่าจะถึงเส้นชัย ในการแข่งขันภูเก็ตมาราธอนครั้งแรกที่ผมวิ่ง...ฝนตกหนักลงมาตลอด ๔ ชั่วโมง ผมวิ่งท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักแบบนั้น เปียกไปทั้งตัว

วันนี้เข้าเส้นชัยด้วยเวลา ๕๘ นาทีสำเร็จอย่างที่คิดเอาไว้ อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้ไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรจนเกินไปสำหรับการวิ่ง เป็นการวิ่งแบบสบายๆมากกว่า พอมาถึงเส้นชัยด้วยเวลาที่คาดการณ์ไว้สำเร็จก็พอใจ ผิดกับการแข่งภูเก็ตมาราธอนปีนี้ที่ตั้งเป้าเอาไว้จนสูงมาก...พอทำไม่ได้ เราเองผิดหวัง แถมมีอาการบาดเจ็บอีก...ทำให้ไม่ประทับใจผลงานนัก

น้องรายนั้นเขาวิ่งเข้าถึงเส้นชัยพร้อมกับพ่อของเขาในเวลาที่เกินกว่า ๑ ชั่วโมง แต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวร้าย เด็กในวัย ๑๐ ปีที่สามารถวิ่งจนครบ ๑๐ กิโลเมตรได้ถือว่าน่ายกย่อง ผมเข้าไปจับมือน้องเขา ชมเชยและขอให้เขาพยายามต่อไป วันนึงในอนาคตเขาอาจจะคว้ารางวัลก็ได้

ผมขอถ่ายรูปที่ระลึกกับน้องเขาพร้อมครอบครัวของน้องเขา




คราวนี้ผมอยู่หลังเส้นชัยบันทึกเหตุการณ์สีสันของการแข่งขันวันนี้ภายหลังผมเข้าเส้นชัยแล้วบ้าง




เจ๊หมา...แกมักพาน้องหมามาวิ่งกับแกรายการมาราธอนหลายๆรายการเสมอ การแข่งขันวันนี้เจ๊หมาก็ไม่พลาด ทุกคนลุ้นกันใหญ่ตอนเจ้หมาพาบรรดาน้องหมาเข้าเส้นชัยพร้อมกัน



หลังจากผู้ใหญ่เข้าเส้นชัยแล้วได้สักพัก คราวนี้เขาให้เด็กๆในวัยต่ำกว่า ๑๒ ปีร่วมการแข่งขันรายการ ๑ กิโลเมตรบ้าง ซึ่งเขาเรียกชื่อว่า "Stars of Tomorrow" บรรยากาศมันมีสีสันมากขึ้น เพราะเด็กบางคนไม่ได้วิ่งคนเดียวตามลำพัง พ่อหรือแม่ หรือว่าทั้งพ่อและแม่เขาร่วมวิ่งกับลูก

กิจกรรมแบบนี้ผมเคยเห็นเขาจัดในญี่ปุ่น แต่ในเมืองไทยยังไม่ค่อยเจอการจัดการแข่งขันแบบนี้ขึ้นมากนัก ความจริงกีฬามาราธอนสามารถสร้างความรักและความผูกพันในครอบครัวขึ้นมาได้

ในภาพก่อนเด็กๆจะออกวิ่งฝนเทลงมา พ่อแม่กางร่มให้ลูกก่อนสตาร์ท




พอปล่อยตัว...คราวนี้เร่งกันสุดชีวิต



ภาพที่แม่จูงมือลูกเข้าเส้นชัยพร้อมกัน มันอบอุ่น ภาพบรรยากาศแบบนี้ผมเคยเห็นในญี่ปุ่น แต่ในเมืองไทย...นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เห็น



ภาพข้างล่างนี้หละ....มันบอกอะไรได้มากมาย คุณเห็นด้วยไหม?



ก็น่าคิดนะ...ถ้าคุณสามีชอบกีฬามาราธอน วันนึงคุณสามีเธออยากจะออกไปแข่งมาราธอน ออกจากบ้านไปวิ่งแต่เช้า แต่คุณภรรยาเธอพูดกับคุณสามีว่า "เธอออกไปวิ่งตามลำพังเถอะ ฉันจะขอนอน เสาร์-อาทิตย์ทั้งทีอยากจะขอพักผ่อน" ถ้าเป็นสถานการณ์แบบนี้ถ้าคุณเป็นสามีคุณจะรู้สึกอย่างไร?

เปรียบเทียบกับกรณีนี้ดู..

คุณสามีจะไปวิ่ง คุณภรรยาถึงจะไม่ชอบ แต่เธอตามสามีไปด้วย ไปนั่งอ่านหนังสือรอ เตรียมอาหารที่คุณสามีชอบเอาไว้รอหลังเส้นชัย พอสามีจะเข้าเส้นชัย เธอรอลุ้นให้กำลังใจ คุณเป็นสามีคุณรู้สึกอย่างไร?

หรือทั้งสามีและภรรยาไปวิ่งด้วยกัน ไปวิ่งพร้อมกันทั้งครอบครัว เข้าเส้นชัยพร้อมกันทั้งพ่อแม่ลูก ไม่มีใครคิดว่าจะต้องเข้าเส้นชัยดีที่สุด รู้แต่ว่า...เราจะเข้าเส้นชัยพร้อมกันทั้งครอบครัว เพราะชัยชนะก็คือชัยชนะของครอบครัว ไม่ได้ไปแข่งกับใคร ถ้าใครซักคนในครอบครัวไม่สามารถเข้าถึงเส้นชัยได้...อย่างไรก็ไม่ถือว่าครอบครัวบรรลุเป้าหมายด้วยกัน

ผมไม่สรุปคำตอบว่าอย่างไหนดีที่สุด ท่านผู้อ่านคงหาคำตอบเองได้

แต่เหตุการณ์การแข่งขันมาราธอนในญี่ปุ่นมีภาพประทับใจแบบนั้นให้ผมเห็นอยู่เสมอและทำให้เข้าใจว่าความหมายของคำว่า "ครอบครัว" คืออะไร


ผมขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก


ของที่ระลึกจากรายการแข่งขันวันนี้เป็นเหรียญและเสื้อยืด





วันนี้ได้ลงมือทำครัวอีกที หยิบเมนูเกี๋ยมอี๋ที่ไม่เคยทำตั้งแต่กลับมาจากญี่ปุ่นมาทำเป็นอาหารเช้าวันนี้ ในญี่ปุ่นหาตัวเกี๋ยมอี๋ไม่ได้ เมนูที่ดัดแปลงตามความอยากลองทำเมนูใหม่ๆ วันนี้ผมเลยลองทำ "ผัดซอสเปรี้ยวมะระหมูสับกับพริกไทยอ่อน" หน้าตาออกมาเป็นแบบนี้ รสชาติใช้ได้นอกเหนือจากทำให้ท้องเราอิ่มหนำสำราญใจ ที่เลือกเมนูทำจากมะระก็เพราะว่ามะระมีคุณสมบัติช่วยลดอาการอ่อนเพลีย มันจึงเหมาะกับการที่พึ่งเสร็จจากการออกกำลังกายอย่างหนักอย่างเช่น กีฬาวิ่งมาาราธอน





เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีโอกาสไปงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ผมมีโอกาสเจอนักเขียนอย่างคุณ วินทร์ เลียววารินทร์ ซื้อหนังสือที่เขียนโดยคุณวินทร์ แล้วก็ขอให้คุณวินทร์ช่วยเขียนคีย์เวิร์ดให้หน่อย คำขอร้องผมทำให้คุณวินทร์งงไปแป๊บนึงเพราะบรรดาแฟนคลับไม่ค่อยมีใครมาขออะไรประหลาดๆแบบผมหรอก
หลังจากคุณวินทร์ตั้งสติได้ก็เขียนคีย์เวิร์ดพร้อมลายเซ็นให้ผม







คนเรามีความฝัน แต่บ่อยครั้งเราปล่อยให้มันกลายเป็นแค่ความฝัน ไม่พยายามสานฝันต่อให้มันกลายเป็นจริง โดยเรามีข้ออ้างให้ตัวเราเองตลอดเวลาเพื่ออธิบายว่าทำไมเราถึงไม่บรรลุฝันเสียที ถึงแม้ความฝันบางครั้งจะเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นแต่ถ้าเราไม่ล้มเลิกทิ้งฝันไว้กลางคัน..แต่หมั่นพยายามที่จะมุ่งไปสู่ฝันนั้นโดยไม่สนใจต่อคำพูดที่ทำลายฝันจากคนรอบข้าง วันนึงใครจะรู้ว่าฝันนั้นมีวันที่จะเป็นจริง


Create Date : 26 ตุลาคม 2551
Last Update : 26 ตุลาคม 2551 23:57:25 น. 12 comments
Counter : 768 Pageviews.

 
เข้ามารับความรู้ดีๆอีกแล้วค่ะ
อ่านแล้วทำให้ได้พลังขึ้นเยอะเลยค่ะ
ทำให้ต้องรีบทำความฝันของตัวเองให้เป็นรูปธรรมสักที
ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ


โดย: tanta-wan IP: 202.28.78.137 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:18:22:20 น.  

 
เงี้ยบ

อันนี้พ่อกับลูกก็ลงแข่งด้วยกัน ไม่รู้เคยดูหรือเปล่า

//www.youtube.com/watch?v=VJMbk9dtpdY


โดย: ต๋อง IP: 209.129.155.253 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:23:44:04 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกดีเหมือนเคยค่ะ เมนูก็น่ากินค่ะ


โดย: Poon kha IP: 123.220.123.21 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:9:00:05 น.  

 
สวัสดีค่ะ ดร.
สบายดีนะคะ
พักนี้งานยุ่งไม่ได้มาเยี่ยมบ่อยๆ
แต่ก็ยังคิดถึงนะคะ
ปล.ขอบคุณสำหรับภาพที่นำมาฝากค่ะ
สุขภาพกาย สุขภาพจิตดีค่ะ


โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:16:25:54 น.  

 

"ถ้าเราไม่มีข้อแม้ให้ตัวเราเอง...เราพยายามพัฒนาต่อไป...สิ่งที่เราเคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้...มันมีสิทธิเป็นไปได้เสมอ"



โดย: ชอบประโยคนี้ IP: 58.8.45.211 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:23:13:58 น.  

 
ไม่คิดเลยว่าจะได้ลงสนามเเข่ง ยอดมากค่ะ
กว่าจะเข้าต้องเตรียมพร้อมมากมาย ถ้าไม่มีความอดทน..ทำให้สำเร็จไม่ได้หรอกค่ะ..นับถือ..นับถือ

ตอนนี้เลิกพูดเรื่องญีป่นเเล้วค่ะ คนจะหมั่นไส้เอา เเต่เข้ามาที่ไรก็นนึกถึงประเทศญี่ปุ่นทุกที บางทีเขียนเราเข้าใจเอง เเต่ผิดความหมายก็มี..ลำบากนะการเขียนเนี่ยย บางทีตกคำเดียวความหมายตรงข้ามเลย

เวลาเเข่งมาราธอน ส่วนมากเห็นไปกันทั้งครอบครัวเพื่อให้กำลังใจ นักวิ่งส่วนมากไม่ใช่ว่าเเข็งเเรงทุกคน เเต่" กำลังใจเเละความอดทน " เพื่อตนเองได้บรรลุความตั้งใจ

เคยคิดเหมือนกันค่ะ เคยเห็นไม่ว่าหนุ่มหรือเเก่หรือสาววิ่ง ก็อิจฉาเหลือเกินที่เเต่ละคนออกกำลังเพื่อสุขภาพ
ลองวิ่งเหมือนกันค่ะ เเหม..หอบเเทบเอาชีวิตไม่รอด

จริงนะคะที่เมืองไทยไม่ค่อยสนับสนุนกิฬาชนิดนี้ทั้งๆที่ให้ประโยชน์เเก่ร่างกาย เเละให้เรียนรู้ความอดทนว่า " เราต้องทำได้ "

เเต่นิสัยประจำตัวอย่างหนีีงคือ เคารพในตัวบุคคลที่สามารถทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้หรือยังไม่มีโอกาสได้ทำ

ไม่ว่าอาชีพนั้นจะเป็นอาชีพอะไรก็ตาม เเม้กระทั่งคนล้างห้องน้ำ ดิฉันยังเคยขอบคุณที่เขาทำความสอาดด้วยความตั้งใจ เป้นอาชีพบริสุทธ์ ขอบคุณเธอเหล่านั้นจากใจจริง

ว่างๆมาเล่าต่อค่ะ ชีวิตปรกติเเต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ทุกคนมีความสามารถต่างกัน

ทำอาหารเก่ง..น่าทานมากค่ะ


โดย: * ยูกะ * (YUCCA ) วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:2:44:39 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทายครับ

ต๋อง...มีคนส่งคลิปเรื่องนี้มาให้ดูแล้ว เนื้อเรื่องมันบอกว่าคนเราถ้ามีความตั้งใจทำอะไรก็ตาม...มันมีผลลัพธ์ตอบแทนเสมอ ร่างกายที่ไม่พร้อม..เป็นแค่รูปแบบของ
ความไม่สะดวกสบายเท่านั้นเอง

เรื่องเมนูอาหาร..บ่งบอกว่าถ้าคนเราทำอะไรที่ชอบ...ทำแล้วมีความสุข สุดท้าย...มันก็จะมีอะไรที่พัฒนาออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายมันก็จูงใจให้สนุกกับสิ่งที่ทำต่อไปเรื่อยๆโดยไม่เบื่อ

คุณยูกะ...ไม่ต้องกลัวว่าใครจะหมั่นไส้หรอกครับ เรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นมีคนสนใจและไม่รู้อีกมาก การได้แชร์ประสบการณ์และความเห็น...ทำให้คนที่เข้ามาอ่านได้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา

เรื่องเขียน...ลองค่อยๆคิดก่อนเขียน เขียนเสร็จตรวจทานดูอีกทีก่อนส่ง เขียนไปแล้วก็แล้วกัน..ไม่ต้องคิดมาก มันก็แค่ความเห็น ถ้าไม่ถูกเดี๋ยวก็มีคนคัดค้านเอง

การที่เห็นคนอื่นทำอะไรที่เรายังทำไม่ได้หรือว่าไม่เคยทำ....คนเหล่านั้นกลายเป็นแบบอย่างให้เราพยายามเพื่อจะไปถึงวันนั้นบ้าง ลูกศิษย์ภาษาไทยในวัย ๖๐ เขามาเริ่มต้นเรียนภาษาต่างประเทศในวัย ๖๐ กว่าๆ เขาสามารถพูดได้ร่วม ๗ ภาษา ผมเห็นแล้วชื่นชม..เลยพยายามที่จะเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม เมื่อคืนดูหนังที่เป็นภาษาสเปน...ได้รื้อฟื้นคำในภาษาสเปนบางคำที่ลืมไปแล้ว Gracia!!!

ลูกศิษย์ผมคนนี้เขาวิ่งมาราธอนปีละ ๓ ครั้งและเขาเป็นคนชักชวนให้ผมลองวิ่งฟูลมาราธอนเป็นครั้งแรก ถ้าเขาไม่เอาใบสมัครมาให้ผมลองดู...ผมคงไม่รู้ว่าข้ออ้างที่ผมเคยสร้างขึ้นมาขวางตัวเองสุดท้ายผมก็พังทลายลงได้สำเร็จและเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ข้างในที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะทำได้ (ลองอ่านเรื่องประสบการณ์จากการวิ่งมาราธอนที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ดูครับ)

คนเรามีความฝันแต่หลายคนปล่อยฝันทิ้งเอาไว้แบบนั้นเพราะอายว่ามันเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเราเห็นผู้คนอื่นที่เขาพยายามอย่างหนักจนมาถึงฝันของเขาได้ เราก็จะเข้าใจว่าความฝันของผู้คนมีสิทธิ์เป็นจริงได้เสมอถ้าคนเราไม่คิดจะละทิ้งความฝันของตัวเองเอาไว้



โดย: ชีวประภา วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:20:07:33 น.  

 
ช่วงหนึ่งได้ออกกำลังกายทุกเย็นที่สวนลุม

เช้าวันหนึ่งจึงมีโอกาส เข้าร่วมมาราธอน 5 กม ที่สวนลุม

ก่อนเข้าการแข่งขัน เย็นนั้น ฝนตกแรงมาก ไม่ได้ซ้อม

พอรุ่งเช้าไปร่วม โอ้...กิ่งไม้ ใบไม้ เต็มถนน

ต้องคอบหลบกับดักทั้งหลาย

ก็สนุกดี และ ได้เหงื่อด้วย

ช่วงนี้...ฝนตก ไม่ค่อยได้ไป..(ข้ออ้างค่ะ)



โดย: ความสุข..อีกแล้วครับท่าน IP: 58.8.21.208 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:52:13 น.  

 
มาเยี่ยมอีกเช่นเคยค่ะท่านชีวประภา

ถ้าเคยเข้าสนามมาราธอน ทุกวันนี้คงเริ่มชินกับการวิ่งทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ ร่างกายอยู่สภาพคงตัว ครั้งต่อไปคงใช้เวลาได้รวดเร็วกว่าครั้งก่อนเเน่นอน

สนับสนุนค่ะเพราะไม่มีความสามารถทำได้..นำภาพมาอวดกันบ้างค่ะ..จะคอยชม


โดย: * ยูกะ * (YUCCA ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:40:09 น.  

 
เหลืออีก ๑๘ วันจะแข่งกรุงเทพฯมาราธอนแล้วแต่ยังฟิตซ้อมไม่เต็มที่เลย ดูเหมือนมีข้ออ้างให้ตัวเองอยู่บ่อยๆ

ถ้าคิดว่าแข่งมามราธอนเพื่อความสะใจที่ได้วิ่ง...เวลาที่ดีอย่างที่อยากได้ถือเป็นของแถม

ถ้าจะเอาเวลาที่ดีที่สุดเวลาใหม่สำหรับตัวเอง...ซ้อมเหยาะแหยะแบบนี้ท่าทางจะเป็นไปได้ยาก

เวลาที่เหลือไม่กี่วัน...อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นก็ได้ ใครจะรู้


โดย: ชีวประภา วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:07:05 น.  

 
ต้องซ้อมหนักๆ ไม่ช้าก็เข้าที่
คุณชีวประภา...ซะอย่าง ทำได้เเน่นอน

อยู่ไกลมาให้กำลังใจด้วยคน ถึงเเม้จะไม่ได้ผลมากเท่ากับคนใกล้ๆตัว..ก็ยังดี


โดย: " ยูกะ " (YUCCA ) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:12:10 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและแรงเชียร์มาจากแดนไกลนะคุณยูกะ

วันแข่งเป็นของจริงที่ต้องพิสูจน์ว่าระยะ ๑๐.๕๕ กม.จะทำเวลาได้เท่าไหร่


โดย: ชีวประภา วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:07:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.