ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 
ประสบการณ์จากมาราธอน (ตอนที่ ๑๑)

เนื่องจากกรุงเทพเป็นเมืองหลวงที่มีปัญหาการจราจรมาก การแข่งขันมาราธอนใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง...ทำให้การปิดถนนเป็นไปได้ลำบากถ้าเริ่มต้นวิ่งในเวลาปกติ ถึงแม้กีฬาจะเป็นสิ่งที่ดี..แต่คนที่เข้าใจเรื่องของการวิ่งมาราธอนยังมีแต่ไม่มาก แน่นอนการจัดการแข่งขันมาราธอนเพื่อโปรโมทเมืองไทยเชิงกีฬา..แต่คนที่ต้องใช้ท้องถนนจำนวนไม่น้อยไม่สนใจการโปรโมทเชิงกีฬา คนเหล่านั้นมองว่าเรื่องของตนสำคัญกว่า ดังนั้นขืนปิดถนนเวลาธรรมดา...ย่อมมีเสียงคัดค้านด่าทอจากคนใช้ถนน

ทางผู้จัด..แบ่งกลุ่มที่คิดว่าใช้เวลาวิ่งมากกว่า ๕ ชั่วโมง กลุ่มนี้เริ่มออกวิ่งเวลาตี ๒ ในขณะที่กลุ่มที่คาดว่าจะวิ่งน้อยกว่า ๕ ชั่วโมงจะเริ่มออกวิ่งเวลาตี ๓ ครึ่ง

ก่อนจะออกวิ่งมีการตีกลองทัดกระหึ่มข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง แล้วเขามีการเป่าแตรเสียงดังก่อนจะปล่อยตัวนักวิ่ง เสียงชิพที่ผูกกับข้อเท้าของนักวิ่งเริ่มจับเวลาเมื่อวิ่งผ่านเซ็นเซอร์

อากาศวันที่วิ่งอบอ้าวมากๆ แล้วก็ไม่มีป้ายบอกระยะทางทุกๆระยะ ๑ กิโลเมตรเหมือนที่เคยวิ่งในญี่ปุ่น แต่มามีป้ายทุกๆระยะ ๒ กิโลเมตร ในความเห็นส่วนตัว..ไม่ค่อยดีนักสำหรับนักวิ่งเพราะจะเช็กความเร็วลำบากกว่าการมีป้ายบอกระยะทางทุก ๑ กิโลเมตร ผิดหวังที่ไม่มีรถสุขาเคลื่อนที่ของกรุงเทพมหานครจำนวนมากพอบนทางยกระดับ เห็นใจนักวิ่งหญิงที่พวกเธอต้องอดทนอั้นฉี่ตลอดระยะทางกว่า ๒๙ กิโลเมตรตลอดระยะทางที่วิ่งบนทางยกระดับจากปิ่นเกล้าไปพุทธมณฑลสาย ๓และกลับมาลงที่สะพานพระราม ๘

ความเร็วค่อยๆตกลงเรื่อยๆ มีอาการเมื่อยขามากขึ้นเรื่อยๆ ที่เข้าใจว่าผู้จัดจะมีน้ำเกลือแร่ให้นักวิ่งทุกคน กลายเป็นว่านักวิ่งที่อยู่กลุ่มท้ายๆไม่มีโอกาสได้น้ำเกลือแร่เลยเพราะน้ำเกลือแร่หมดก่อน ผมมาถึงระยะ ๒๒ กิโลเมตรเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าน้ำเกลือแร่เกเตอเรทหมดแล้ว เหลือแต่ขวดให้ดูต่างหน้า เขากรุณาผสมน้ำเฮลซ์บลูบอยส์ให้ผมดื่มแทน

ตลอดระยะทางมีรถพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งคอยให้บริการนวดขาให้กับนักวิ่งเป็นระยะๆ ผมปวดขามากๆที่ระยะ ๒๔ กิโลเมตร ตัดสินใจเข้ารับการนวดขาที่รถพยาบาลข้างทาง วิ่งได้ดีขึ้นหน่อยก่อนจะหยุดวิ่งแล้วเดินแทนเพราะปวดขามากๆ เดินมาจนถึงบริเวณเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเห็นกลุ่มนักวิ่งระยะควอเตอร์มาราธอนราวๆ ๑๐.๐๔๕ กิโลเมตรกำลังวิ่งบนทางยกระดับมุ่งหน้าสู่สะพานพระราม ๘ นักวิ่งควอเตอร์มาราธอนแยกกับนักวิ่งระยะฟูลมาราธอนตรงบริเวณเชิงสะำพานพระราม ๘

ที่ระยะ ๓๐ กิโลเมตรเจอเจ้าหน้าที่จากสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย เขาออกเงินซื้อน้ำเกลือแร่มาให้นักวิ่้ง ได้ดื่มน้ำเกลือแร่แล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมีแรงวิ่งต่อมากกว่าเดิม มีคนแจกลูกอมคลอริฟิลซีใ้ห้เราเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเพราะยังต้่องวิ่งต่ออีก ๑๒ กิโลเมตร

พอวิ่งมาถึงสวนสัตว์ดุสิต..แรงตก เดินสลับกับวิ่ง นักวิ่งรายอื่นๆส่วนมากเริ่มเดินกันแล้่ว มีจุดเช็กระยะอีกทีที่หน้าสวนจิตรลดา เขาทำระบบเอาไว้เช็กว่านักวิ่งบางคนลักไก่วิ่งย่อระยะทางไหม? จากสวนจิตรลดามุ่งหน้าไปลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วก็วิ่งมุ่งหน้าไปสะพานผ่านฟ้า

ที่รู้สึกแย่กับการวิ่งมาราธอนครั้งแรกในเมืองไทยก็คือ...ตำรวจจราจรไม่ได้เป่าหยุดรถให้นักวิ่งทุกคนวิ่งผ่าน กลุ่มนักวิ่งกลุ่มท้ายๆต้องตัดสินใจเอาเองว่าควรวิ่งผ่านไปดีไหม เพราะรถที่แล่นผ่านหลายคันก็ไม่สนใจว่าควรหยุดให้นักวิ่งวิ่งผ่านไปก่อน คนขับรถเหล่านั้นคิดว่าเรื่องของเขาสำคัญกว่าการจะยอมหยุดรถให้นักวิ่งวิ่งผ่านไปก่อน

เรื่องของความปลอดภัยของนักวิ่งเป็นเรื่องที่ทางผู้จัดการแข่งขันควรให้ความสำคัญไม่ว่านักวิ่งจะอยู่กลุ่มไหนก็ตาม ในเมื่อเขาเหล่านั้นก็เสียค่าสมัครเท่ากัน

วิ่งหลงทางบริเวณบางลำพูเพราะไม่มีป้ายบอกทางชัดเจนแต่ก็คลำหาทางจนมาโผล่บริเวณใต้สะพานปิ่นเกล้า บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีกองเชียร์ของนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ได้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น เจอนักวิ่งชาวญี่ปุ่นที่เขาไม่แน่ใจเส้นทาง ผมเลยชวนเขาวิ่งไปด้วยกัน

ตอนนั้นรถเริ่มแล่นมากขึ้น ไอเสียจากรถเมล์ รถยนต์ที่แล่นผ่านย่านวัดมหาธาตุ และกำแพงมหาราชวัง..ซึ่งไม่ดีต่อนักวิ่งเพราะพวกเราหายใจไอเสียเข้าไปเต็มๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกที่มีต่อการจัดการแข่งขันมาราธอน...ยังรู้สึกเหมือนเดิมว่ากรุงเทพไม่เหมาะที่จะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟูลมาราํธอน เพราะขาดการประสานงานที่ดีจากหน่วยงานต่างๆ แม้ว่างานนี้จะชื่อว่า กรุงเทพมาราธอน แต่ดูเหมือนกรุงเทพมหานครทำแค่้ประชาสัมพันธ์งานแต่การให้ความช่วยเหลือยังขาดอยู่มากๆ ตัวอย่างเช่น ไม่มีป้ายบอกเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่ใช้วิ่ง หรือจำนวนรถสุขาเคลื่อนที่ที่มีจำนวนน้อยมาก

ผมวิ่งเข้าเส้นชัยพร้อมๆกับนักวิ่งญี่ปุ่นที่มาทราบชื่อต่อมาว่า ซาโตริ โยชิดะ คราวนี้ใช้เวลามากกว่าแข่งโตเกียวอารากาว่ามาราธอนเกือบ ๑ ชั่วโมง

การแข่งขัุนกรุงเทพมาราธอนเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ผมไม่คิดจะแ่ข่งในรายการนี้อีกตราบเท่าที่การจัดการแข่งขันยังเป็นรูปแบบนี้ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ

น่าเสียดายนะที่งานมาราํธอนที่ใหญ่ที่สุดของไทยแต่ขาดการประสานงานที่ดีของหน่วยงานต่างๆใ้ห้การแข่งขันประสบความสำเร็จเป็นหน้าตาของประเทศและนักท่องเที่ยวเดินทางมาแข่งเพิ่มขึ้น นักวิ่งต่างชาติเอารายได้มาทิ้งให้คนไทยจากการแข่งขันมาราธอน...ถ้าเขาไม่ประทับใจ..เขาจะกลับมาอีกหรือ?



Create Date : 12 มิถุนายน 2550
Last Update : 13 มิถุนายน 2550 9:10:56 น. 1 comments
Counter : 573 Pageviews.

 
เห็นด้วย เอาตัวเป็นประกัน ว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ


โดย: คนหนึ่ง IP: 161.200.100.2 วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:21:41:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.