หลงใหลในความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด


Jap@Pro
Location :
Tokyo Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




อยากนำเสนอความรู้ในแนวทางใหม่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกคน
Business Development
Enterprise Currency Marketing
Psychological Marketing
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Jap@Pro's blog to your web]
Links
 

 
ทีวีดิจิตัล ภาค 2(1)

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาGoogleประกาศว่าได้ออกสินค้าตัวใหม่Chomecastเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กพอเสียบทีวีปุ๊บ

ทีวีธรรมดาบ้านเราก็จะกลายเป็นสมาร์ททีวีทันทีสามารถเล่นอินเตอร์เน็ตดูหนัง ฟังเพลง ผ่านไวไฟภายในบ้าน

ต่อตรงเข้าสู่อาณาจักรของGoogleทันที


นอกจากคอมพิวเตอร์มือถือ แท็ปเล็ตที่มีเจ้าตลาดแพล็ตฟอร์มอยู่แล้วการแย่งชิงหน้าจอที่ 4ของมนุษย์เรานั้นเข้มข้นทุกขณะเพราะว่ายังไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าตลาดอย่างแท้จริงในอุปกรณ์พื้นๆที่มีอยู่ทุกบ้านมาเป็นเวลาหลายสิบปี


ยูทูปเป็นเครื่องมืออันทรงพลังของGoogleสำหรับการแข่งขันในตลาดนี้ไม่เพียงแต่เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการค้นหาหรือเก็บไฟล์วีดีโอเท่านั้น


กลยุทธ์ทางการตลาดยังแยบยลอีกด้วย


ทุกวันนี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือต่างก็ปวดหัวกับปริมาณข้อมูลที่วิ่งผ่านโครงข่ายโดยเฉพาะข้อมูลวีดีโอที่มีปริมาณมหาศาลและยังเพิ่มขึ้นเป็นอัตราส่วนที่รวดเร็วมากจนทำให้โครงข่ายล่มเป็นระยะๆ


แต่เราเคยสังเกตุไหมว่าทำไมทำไมเราดูยูทูปได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเล่นผ่านผู้ให้บริการมือถือหรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเจ้าไหนก็ตามทั้งๆที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของGoogleอยู่ที่สิงคโปร์


ข้อมูลที่วิ่งมาจากสิงคโปร์ไม่ควรจะเร็วขนาดนี้จริงไหมครับ


เพราะGoogleมาตั้งCacheServerที่ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและผู้ให้บริการมือถือทุกเจ้าในเมืองไทยนั่นเอง

ข้อมูลที่มีการดูอยู่ประจำจะอยู่เก็บไว้ที่CacheServer ทำให้ไม่ต้องทำการเชื่อมต่อกับทางGoogleที่สิงคโปร์ตลอดเวลานั่นเองซึ่งFacebookก็ดำเนินนโยบายแบบเดียวกันเพียงแต่ว่าใช้ CacheServer ของผู้ให้บริการเจ้าอื่นอยู่


แต่ไม่ดีอย่างไร


สำหรับผู้ใช้บริการอย่างเราๆนั้นดีแน่นอนครับแต่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือต่างปวดหัวกันไปตามๆกันเพราะถึงแม้ปริมาณข้อมูลที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองไทยกับสิงคโปร์จะลดลงแต่ปริมาณข้อมูลในโครงข่ายโทรศัพท์มือถือไม่ได้ลดลงเลยกลับกลายเป็นว่ายิ่งดูวิดีโอง่ายรวดเร็ว ผู้ใช้บริการยิ่งชอบดูมากขึ้นทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือต้องคอยอัพเกรดโครงข่ายอยู่ต่อเนื่องโดยเม็ดเงินที่ใช้เป็นหลักหลายๆหมื่นล้านบาท


แต่Googleไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียวครับ


นี่คือตัวอย่างPowerof Content อย่างหนึ่งครับ


ย้อนกลับมาที่อุตสาหกรรมทีวีบ้างการที่ยักษ์ใหญ่อย่าง GoogleและAppleขยับมาที่เทคโนโลยีบนทีวีนั้นย่อมเป็นเรื่องของผลประโยชน์มหาศาลเหตุผลง่ายๆครับ


เพราะว่าทุกบ้านมีทีวี


แต่เทคโนโลยีทีวีในอนาคตถ้าจะทำให้ล้ำยุคต้องอินเตอร์แอ็คทีพครับหรืออีกนัยนึงคือผู้บริโภคสามารถตอบสนองต่อเนื้อหาบนทีวีได้ไม่ใช่เป็นแบบส่ง SMSตามรายการทีวีทั่วไปไม่ใช่แค่ต่ออินเตอร์เน็ตได้เอาให้ทันสมัยหน่อยสามารถตอบคำถามจากรายการทีวีโดยแค่กดปุ่มรีโมตเท่านั้น


มันไม่ใช่แค่นั้นครับ


ผู้ผลิตกล่องทีวีของเกาหลีเจ้าหนึ่งมีฟังก์ชั่นที่ก้าวล้ำกว่านั้นระหว่างที่เราดูละครอยู่เราเห็นว่านางเอกใส่นาฬิกาดูดีเรือนหนึ่งอยากใส่บ้างเราสามารถกดปุ่มที่รีโมตแล้วไปโฟกัสที่นาฬิกาของนางเอกจากนั้นระบบจะค้นหาว่ามีร้านค้าออนไลน์ไหนบ้างที่ขายนาฬิกาแบบเดียวกันจากนั้นก็มาแสดงที่ด้านขวามือของจอทีวี


เราสามารถซื้อนาฬิกาได้ง่ายๆไม่กี่คลิ๊กครับ


เมื่อข้อมูลทุกอย่างผ่านทางอินเตอร์เน็ตแล้วอะไรก็เรียกว่าทำได้เกือบทั้งหมดพฤติกรรมผู้บริโภคจะถูกวิเคราะห์คนที่ชอบดูกอล์ฟ ก็จะมีรายการกีฬาแนะนำคนที่ชอบดูละครก็จะมีรายการภาพยนตร์ต่างๆมาให้เลือก

การโฆษณาจะมีประสิทธิภาพและเข้าถึงผู้ที่มีความสนใจจริงๆ


การวางกลยุทธ์บนโลกทีวีนั้นจะแตกต่างจากคอมพิวเตอร์มือถือ และแท็ปเล็ตถึงแม้ว่าจะอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตเหมือนกันแต่พฤติกรรมผู้บริโภคที่ต่างกันบนหน้าจอที่วัตถุประสงค์ต่างกันบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองต่อโลกทีวีในอนาคต


ฤาเทคโนโลยีดิจิตัลทีวีจะเป็นแค่ทางผ่าน






Create Date : 27 กรกฎาคม 2556
Last Update : 27 กรกฎาคม 2556 16:48:44 น. 0 comments
Counter : 672 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.