|
หมูแฮมอาจเป็นใครก็ได้ แต่เข้าใจว่ามีคนแบบนี้อยู่ไม่น้อยในสังคมไทย
หมูแฮมอาจเป็นใครก็ได้ แต่เข้าใจว่ามีคนแบบนี้อยู่ไม่น้อยในสังคมไทย
พอได้ทราบเรื่องราวทำให้นึกไปถึงอดีตเมื่อ 5-6 ปีก่อน มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งมาพบ เข้ามาแล้วผู้หญิงก็ขอตัวออกไป ผู้ชายทำหน้างงว่าเกิดอะไรขึ้น แค่บอกว่าผู้หญิงบอกว่าอยากให้ฝึกให้ใจเย็นลงกว่านี้
ผู้ชายคนนี้ถ้าเอ่ยชื่อนามสกุลก็เป็นที่รู้จักกันดีในทุกวันนี้ เพราะเข้าองค์ประกอบคล้ายหมูแฮม คือมาจากครอบครัวใหญ่ ดัง และรวย เข้าทำนองมีอำนาจอิทธิพลอีกต่างหาก ผู้หญิงที่พามาเป็นแฟน เป็นแฟนชนิดที่เรียกว่า รักชอบกันมาก พ่อแม่ให้เขาไปเรียนหนังสือที่เมืองนอก เขาถึงกับออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้แฟนตามไปเรียนเมืองนอกด้วยกัน
เขาบอกว่าเป็นคนขี้โมโหและฉุนเฉียวรุนแรงมาก ขนาดไหน ขนาดที่ว่า มีครั้งหนึ่งขับรถบีเอ็มดับบลิวหรูระยับไปเฉี่ยวชนกับมอเตอร์ไซค์บนถนน
พูดคุยกับรถมอเตอร์ไซค์สักพัก จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบได้ เพราะอาจารย์ไม่รู้ข้อเท็จจริงและไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ สรุปความว่า คนขับรถมอเตอร์ไซค์ทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะไม่ตกลงด้วย คนที่นั่งในรถมาด้วยจึงขอให้เขาเข้าไปสงบสติอารมณ์ในรถแล้วออกมาเจรจาสงบศึก จัดการเรื่องราวแทน
เรื่องไม่จบแค่นั้น พอดูเหมือนตกลงกันเรียบร้อย ต่างคนต่างจะเอารถของตัวเองออกไป กลับบ้านกลับช่องให้จบเรื่องจบราว คนๆนี้ขับรถตามมอเตอร์ไซค์และขับชนจนมอเตอร์ไซค์ตกรถลงมาถึงอาการหนักต้องนอนโรงพยาบาล
อย่างนี้คือระงับอารมณ์ไม่อยู่ และคั่งแค้นถึงกับพร้อมที่จะทำร้ายและทำลายชีวิตคนอื่นได้ เป็นอารมณ์ที่น่ากลัวมาก
กรณีหมูแฮมจะคล้ายกับเรื่องนี้หรือเปล่า คือถูกเลี้ยงดูแบบที่ตัวเองเป็น the star ทุกคนต้องยอมให้ ไม่เคยไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ บวกกันไปกับภาพที่อาจเคยเห็น เคยได้ยิน ว่าล้วนอำนาจอิทธิพลของผู้ใหญ่ที่ทำให้ดูเหมือน"ทำอะไรใครก็ได้"
อ่านข่าวหรือฟังวิจารณ์จากบางคน บอกว่ารถเมล์อาจไปกวน เลยโดนหินทุบหัว คนบนรถเมล์ปากร้ายออกมาด่า เลยขับรถชนให้ และก็พูดเหมือนเห็นใจคนกระทำ
โอ..พระเจ้า นี่สังคมยอมให้เราตอบสนองสิ่งต่างๆเกินกว่าเหตุอย่างนี้เชียวหรือ
หรือเป็นเพราะคนกระทำหน้าตาดี มาจากครอบครัวที่หลุดออกมาจากหน้าซุบซิบไฮโซของนิตยสารต่างๆ
ทำให้ย้อนไปอีกทีหนึ่ง ตอนที่มีข่าวดังเรื่องของหมอคนหนึ่ง ที่ฆ่าหั่นศพหมอที่เป็นเมียอีกคน อาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหงคนหนึ่งบอกว่า ก็เมียมันร้าย (เลยถึงกับต้องฆ่าหั่นศพเชียวหรือ)
นี่เราอยู่ในสังคมที่ว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นจะอะไรยังไงทำไมก็ช่างเถอะ สำคัญที่ "ใครทำ" กระนั้นเชียวหรือ
ความรู้สึกเหล่านี้แปลว่าสังคมของเราตอนนี้เป็นลัทธิบูชาฮีโร่ คนส่วนใหญ่ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีหลักการ ไม่มีจุดยืน ใครนำเสนอดี ภาพพจน์สวยหรู นั่นแหละคือจุดยืนและหลักการที่ฉันจะดำเนินตาม เป็นลักษณะจิตคลั่ง ideal อย่างหนึ่ง
สังคมไทยของเราอ่อนแอเหลือเกิน ถ้าประเทศชาติล้มครืนลงไปเพราะความคลั่ง ideal จะไม่แปลกใจเลย
Create Date : 22 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 22 สิงหาคม 2550 20:20:34 น. |
|
1 comments
|
Counter : 503 Pageviews. |
|
|
|
โดย: บอนน์ วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:3:23:34 น. |
|
|
|
| |
|
|