|
ประโยชน์จากการดื่มชา
"ทำให้สุขภาพดีขึ้น"
หลายคนอาจจะรุ้แล้วว่า การดื่มชาสามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ และยังช่วยทำให้อายุยืนอีกด้วย ในปัจจุบันได้มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันได้ว่าในใบชาเป็นแหล่งรวมของสาร antioxidant polyphenols เช่น catechins และ quercetin
ซึ่งหลังจากที่เราดื่มชาแล้วประมาณ 30-50 นาที antioxidant activity ในเลือดจะพุ่งพรวดขึ้นไป 41-48% และคงอยู่เช่นนั้นนานประมาณ 80 นาที ซึ่งจะมีระโยชน์ต่อร่างกายตรงที่ทำให้ free radicals ซึ่งเป็นภัยของร่างกายถูกขจัดไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น
นอกจากนั้นแล้ว ชายังช่วยลด คอเลสเตอรอล และช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด การศึกษาวิจัยยังแสดงด้วยว่าช่วย ป้องกันการเกิดมะเร็งและหยุดยั้งการแพร่กระจายของมะเร็งอีกด้วย
แหล่งข้อมูล : วารสารการแพทย์
Create Date : 16 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 16 ตุลาคม 2549 17:12:20 น. |
Counter : 566 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ทำไมทรายตามชายหาดจึงมีสีขาว?
"แร่ควอทซ์"
ถ้าพูดถึงทะเลที่เราพบเห็นทั่วไป มักจะมีหาดทรายสีขาวสวยงาม (ไม่นับชายหาดที่เปลี่ยนสี เพราะน้ำมือมนุษย์)หลายคนคงคิดว่า
เอ๊ะ! แล้วทำไมมันถึงเป็นสีขาวได้ล่ะ...???
สีขาวของทรายตามชายหาดนั้นเกิดจากแร่ชนิดหนึ่ง คือ ควอทซ์(QUARTZ) ตัวอย่างเช่น หินเขี้ยวหนุมาน แร่ควอทซ์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักส่วนใหญ่ของทรายสีขาว ทั้งนี้เกิดจากการรวมตัวของธาตุ 2 ชนิด คือซิลิกอน และออกซิเจน ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้ จากการสำรวจพบว่า มีอยู่เป็นจำนวนสัดส่วนที่สูง เมื่อเทียบกับธาตุอื่น ๆ ที่มีอยู่ใกล้ผิวโลก
"การรวมตัวของซิลิกอน และออกซิเจน"
แร่ควอทซ์นอกจากจะมีอยู่มากตามธรรมชาติแล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นได้อีก จากการรวมตัวของซิลิกอน และออกซิเจน ซึ่งธาตุทั้งสองก็พร้อมที่จะรวมตัวกันอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้แร่ควอทซ์ หรือหินควอทซ์ ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเฉพาะตัว ในเรื่องความแข็งแกร่ง และคงทนต่อสภาพการกัดเซาะ และสึกกร่อน จากอิทธิพลของคลื่นจากทะเลได้เป็นอย่างดี ต่างจากหินชนิดอื่นที่มีความคงทนน้อย พอเกิดการบดกันก็จะทำให้แตกย่อยจนแหลกละเอียด ต่อจากนั้นก็จะถูกพัดพาลงสู้ก้นมหาสมุทรต่อไป เพราะฉะนั้น บริเวณชายหาด จึงเหลือเพียงอนุภาคของหินควอทซ์ ที่มีสีขาวอย่างที่เราเห็น
แหล่งข้อมูล : สำนักหอสมุดกลาง ม.รามคำแหง
Create Date : 16 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 16 ตุลาคม 2549 17:10:06 น. |
Counter : 368 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หมอสหรัฐฯ พบไก่ทอดแมคโดนัลด์-เบอร์เกอร์คิง มีสารก่อมะเร็ง
หมอสหรัฐฯ พบไก่ทอดแมคโดนัลด์-เบอร์เกอร์คิง มีสารก่อมะเร็ง จากกรุงเทพธุรกิจ
แพทย์สหรัฐฯ ฟ้องร้านอาหาร ฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง 7 แห่ง อาทิ แมคโดนัลด์ เบอร์เกอร์คิง ขายไก่ทอดที่มีสารก่อมะเร็ง
นายนีล บาร์นาร์ด ประธานคณะกรรมการด้านการแพทย์ที่รับผิดชอบด้านยาในกรุงวอชิงตัน หรือ PCRM เปิดเผยว่า PCRM ได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลในแคลิฟอร์เนีย
หลังตรวจพบตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไก่ทอดจากร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง 7 แห่ง คือ Chick-fil-A, chili´s,Applebee´s, Outback Steakhouse, TGI Friday´s,แมคโดนัลด์ และเบอร์เกอร์คิง มีค่า PhIP เป็นบวก
ซึ่งสาร PhIP เป็นกลุ่มสารประกอบก่อให้เกิดมะเร็ง ที่พบในเนื้อสัตว์ย่าง ซึ่งไก่ทอดเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งและผู้บริโภคสมควรที่จะได้รับรู้ว่า ผลิตภัณฑ์ไก่ทอดนอกจากมีไขมันสูงแล้วยังก่อให้เกิดมะเร็ง
Create Date : 09 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 10 ตุลาคม 2549 10:15:10 น. |
Counter : 302 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ดื่มน้ำบำบัดโรค ชะลอความแก่
ดื่มน้ำบำบัดโรค ชะลอความแก่ เค้าบอกว่า การดื่มน้ำมากๆจะทำให้อายุยืน
ยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่า ร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียว วิธีแก้แบบง่าย ปลอดภัย และประหยัดที่สุดก็คือ การดื่มน้ำ นั่นเอง
แต่...จะดื่มยังไงดี???? นั่นคือคำถาม ดื่มให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ 14 แก้ว ได้แก่
1. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 4 แก้ว 2. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว 3. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว 4. ในเวลา 10.00, 14.00 ,16.00 เวลาละ 1 แก้ว 5. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว
รวม 14 แก้ว ........เอิ๊ก...จะดื่มไหวมั้ยเนี่ย...ต้องลองดูนะ เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพนี้
เค้าบอกว่าถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า ต้องดื่มน้ำอุ่น....แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้ว ให้ดื่มน้ำเย็นค่ะ เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพลของพระอาทิตย์-พระจันทร์มานาน ถ้าทำได้ดังที่ว่านั้น เค้าบอกว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณอย่างเห็นได้ชัด
เพราะ การดื่มน้ำ สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ ทำให้โอกาสในการเป็นโรคภูมิแพ้ต่ำ สามารถล้างคราบไขมันตามลำคอ และล้างลำไส้ที่มีความยาว 12 เมตรของมนุษย์ได้ .. ที่สำคัญ การดื่มน้ำในจำนวนนี้ทำให้การขับถ่ายไม่มีปัญหา ..
สำคัญอยู่ที่ว่า เราจะสามารถดื่มน้ำได้ตามคำแนะนำนี้หรือเปล่า ถ้าทำได้..ไม่เพียงจะดีกับสุขภาพของคุณ หากยังประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาลได้อีกด้วยค่ะ
Create Date : 09 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 10 ตุลาคม 2549 10:15:55 น. |
Counter : 273 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
คืนวันออกพรรษา ลุ้นระทึกกับบั้งไฟพญานาค
พญานาค(จำลอง)กับตำนานที่เกี่ยวพันกับลูกไฟประหลาด
ทุกๆปี ในคืนวันออกพรรษา หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11(ปีนี้ตรงกับวันที่ 7 ต.ค.) ณ ลำน้ำโขงรอยต่อจังหวัดหนองคายกับเมืองเวียงจันทน์ โดยเฉพาะที่ อ.โพนพิสัย จะเกิดปรากฏการณ์อันน่าพิศวงที่คนรู้จักกันดีในนามบั้งไฟพญานาค ซึ่งมีลักษณะเป็นลูกไฟประหลาดลักษณะเหมือนไข่ไก่สีแดงส้ม พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ลำน้ำโขงแล้วดับหายไปในอากาศ แบบไร้เสียงไร้ควัน ไร้กลิ่น ในระยะเวลาสั้นๆเพียง 5-10 วินาที ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงกลางดึกที่ดูแล้วน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
ตราบจนทุกวันนี้บั้งไฟพญานาคยังคงเป็นปริศนาดำมืดรอคอยให้มนุษย์ขี้สงสัยทั้งหลายพิสูจน์กันต่อไปว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
บ้างก็ว่าเป็นการกระทำของพญานาคที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง?!?
บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ?!?
ส่วนบางคนว่าจริงๆแล้วบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์?!?นี่แหละ
แต่ไม่ว่าบั้งไฟพญานาคจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสีสันในเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือ เรื่องราวของเมืองพญานาคใต้ลำน้ำโขงช่วงเขต จ.หนองคายและเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งไปสอดรับกับเรื่องของพญานาคในทางพุทธศาสนา ที่มีบันทึกไว้ว่า
...เดิมพญานาคที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลมีนิสัยดุร้าย แต่พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เลิกนิสัยดุร้าย และคิดจะหันมาออกบวช แต่ติดตรงที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามะกะในกาลต่อมา
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนครบ 1 พรรษา ( 3 เดือน) และเสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันออกพรรษา(15 ค่ำ เดือน 11) พญานาคที่อยู่เมืองบาดาลเมื่อรู้ข่าว จึงได้จัดทำบั้งไฟพญานาคถวายในคืนวันออกพรรษาของทุกๆปี
และนั่นก็คือเรื่องราวของตำนานบั้งไฟพญานาค ที่ ณ วันนี้ แม้ยังคงเป็นปริศนา?!? แต่ว่าอานิสงส์ของบั้งไฟพญานาคก็ทำให้ในช่วงวันออกพรรษาจังหวัดหนองคายคึกคักคึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง
ในปีนี้จังหวัดหนองคายมีการจัดงานชวนชมบั้งไฟพญานาคขึ้น(เหมือนเช่นทุกปี) ตั้งแต่วันที่ 39 ต.ค. 2549 เวลา 18.00 น. ณ ถนนริมเขื่อนวัดศรีบุญเรือง อ.เมืองโดยจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การแสดงแสง-สี-เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค ถนนสายอาหาร การประกวดกระทงยักษ์ การแข่งขันเรือยาว
ส่วนในวันออกพรรษาปีนี้( 7 ต.ค.)ที่เป็นวันไฮไลท์ จะมีพิธีบวงสรวงพญานาค ณ ศาลหลักเมืองปากห้วยหลวง อ.โพนพิสัย จากนั้นก็เป็นการลุ้นระทึกกับบั้งไฟพญานาคว่าปีนี้จะขึ้นมากขึ้นน้อยแค่ไหน?!? โดยจุดชมบั้งไฟพญานาคนอกจากที่ริมน้ำโขง อ.โพนพิสัยแล้ว ยังมีที่บริเวณริมฝั่งน้ำโขง ในเขตพื้นที่ริมโขงอื่นๆในจังหวัดหนองคาย อาทิ อ.เมือง อ.ปาดคาด อ.บึงกาฬ อ.บึงโขงหลง กิ่ง อ.รัตนวาปี รวมถึงที่ริมน้ำโขงในเมืองเวียงจันทน์
งานนี้ใครโชคดีก็จะได้เห็นบั้งไฟพญานาคสมใจอยาก
ที่มา : //webboard.mthai.com/7/2006-10-05/271950.html
Create Date : 07 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 7 ตุลาคม 2549 13:34:49 น. |
Counter : 456 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|