How to Crochet a Granny Square..... [ ฮาว ทู นี้ทำให้เพื่อน]



Granny square mania


ก่อนอื่นขอ"สวัสดีปีใหม่"ทุกคนก่อน
พอดีว่าช่วงวันขึ้นปีใหม่ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาอวยพรเพื่อนๆในนี้ มาตอนนี้ก็หวังว่าจะไม่ช้าเกินไปนะ
Happy Happy Happy New Year!
ปีใหม่มาถึงแล้ว หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของทุกๆคน ใครคิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา สุขทั้งกายและสุขทั้งใจน้าาาา


มาเข้าเรื่องที่ตั้งใจมาเขียนวันนี้ดีกว่า...

"Granny Squares"


จะว่าไปก็มีเรื่องอื่นที่เขียนค้างไว้ อย่างเรื่องเมือง Bourtange ที่ยังไม่ได้กลับมาเขียนต่อให้จบ (ขออภัย แฮ่ๆๆ) และอื่นๆอีกหลายเรื่อง แต่พอดีว่าช่วงนี้จิตใจของฉันยังคงหมกมุ่นอยู่กับการถักโครเชท์ เลยรู้สึกว่าอยากเขียนถึงเรื่องนี้อีก อีกอย่างเห็นกิ๊ก KOok_k เปรยๆว่าอยากจะให้ฉันสอนถัก granny squares ให้ด้วย
เรื่องสอนน่ะไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือกว่าจะได้เจอกันอีกก็คงนาน เลยคิดว่างั้นเอาเรื่องนี้มาเขียน how to ในบล้อกสอนให้กิ๊กแทนไปพลางๆก่อนดีกว่า และเผื่อคนอื่นที่สนใจเข้ามาอ่านด้วย

(ถ้ากิ๊กเข้ามาอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวอ้อมค่อยไปอธิบายหลังไมค์ใหม่นะกิ๊กนะ )

Granny square ถ้าอธิบายง่ายๆคือการถักโครเชท์ให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมนั่นเอง แต่แพทเทิร์นหรือลายการถักหรือการนำไปใช้ประโยชน์นั้นถือว่าหลากหลายและฟรีสไตล์ ใครจะถักเป็นรูปดอก เป็นสี่เหลี่ยมธรรมดา ขนาดใหญ่ หรือเล็ก ถักเป็นกระเป๋า เป็นเสื้อ เป็นผ้าห่ม หรือใช้ชนิดไหมแบบไหน ก็คงแล้วแต่คนถักเอง





ฉันเคยบอกไปในบล้อกก่อนๆว่าฝึกถักนู่นนี่มาตั้งแต่เด็กๆ แต่กับการถักgranny squareนี่ ถ้าจะว่าจริงๆเลยก็พึ่งจะรู้สึกอยากถัก ตอนเห็นรูปข้างบนนี้ในแม็กกาซีนแต่งบ้านเล่มหนึ่งของเยอรมันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เิอง

และพอเริ่มทำมันก็เพลิน จากนั้นความคิดและไอเดียต่างๆก็ต่อยอดไปเรื่อยๆ บางอย่างก็ลองเองหรือดัดแปลงเอาเอง หรือถ้าติดขัดอะไรก็หาข้อมูลเอาจากอินเตอร์เน็ต

นี่เป็นสามเว็บไซต์ที่ฉันมักจะเข้าไปดูเป็นประจำ (เอาแปะไว้ในนี้ด้วยเผื่อใครสนใจเพิ่มเติม)
//www.yvestown.com
//woodwoolstool.blogspot.com
//www.purlbee.com/granny-square-project

รูปในแม็กกาซีนข้างบนนั้นเป็น Classic granny square
แต่ how to ที่ฉันจะมานำเสนอในวันนี้เป็นอีกแพทเทิร์นหนึ่งซึ่งจะว่าไปฉันชอบทำมากกว่า ฉันตั้งชื่อให้เองว่าเป็นลายดาวกระจาย (หรือการถักแกรนนี่สแควร์จากวงกลม)

หมายเหตุ : ฉันไม่เคยอ่านตำราถักโครเชท์ในภาษาไทยมาก่อน เพราะฉะนั้นศัพท์เทคนิคที่ใช้อาจจะไม่ถูกต้องตามหลัก และ how to นี้ใช้ตัวย่อสากลอธิบาย ถ้าหากว่าใครไม่เข้าใจสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

dc = double crochet (เช่น 2 dc คือการถัก double crochet สองครั้ง)
sc = single crochet (เช่น 3 sc คือการถัก single crochet สามครั้ง)
ch = chain (เช่น ch 4 คือการถักโซ่สี่โซ่)





เยือกเย็น และ ร้อนแรง แยกกันชัดเจน อิอิ....



มาเริ่มกันเลยดีกว่า.....






สีของไหมพรมที่นำมาสาธิตวันนี้







[ch 4]
เริ่มที่ฐานก่อนโดยการถักโซ่ 4 โซ่







[1 dc + ch 1]
connect ฐานเข้าด้วยกันเป็นวงกลม แล้วถักโซ่เพิ่มอีก 3 โซ่ (ถือว่าเป็น 1 dc) จากนั้นถักเพิ่มอีก 11 dc และแต่ละอันเว้นช่องไฟด้วยการถักโซ่ 1 ครั้ง







แถวแรกเสร็จแล้ว ถ้านับดูจะมีทั้งหมด 12 dc (แต่ละ dc อย่าลืมเว้นช่องไฟด้วยการถักโซ่หนึ่งครั้ง) จากนั้นตัดไหม เปลี่ยนมาใช้สีเหลืองสำหรับแถวที่สอง











[2 dc + ch 1]
แถวนี้เริ่มคล้ายๆแถวแรกคือ ถักโซ่ 3 โซ่ (ถือว่าเป็น 1 dc) จากนั้นในช่องไฟเดียวกันถักอีก 1 dc ถ้าดูตามรูปจะเห็นว่ามี 2 dc ในหนึ่งช่อง







จากนั้นถักแบบเดิม(2 dc ในหนึ่งช่องไฟ)อีก 11 ครั้ง และอย่าลืมเว้นช่องไฟด้วยการถักโซ่ 1 โซ่ เหมือนเดิม







แถวที่สองเป็นอันว่าเสร็จ นับดูจะมีทั้งหมด 12 คู่ (อย่าลืม แต่ละคู่เว้นช่องไฟด้วยการถักโซ่ 1 โซ่) จากนั้นตัดไหม เปลี่ยนมาใช้สีน้ำเงินสำหรับแถวที่สาม







[3 dc + ch 1]
ทำเหมือนแถวที่สอง แต่คราวนี้จากเป็นคู่ ก็มาเป็นสามในหนึ่งช่องไฟ และอย่าลืมเว้นช่องไฟด้วยการถักโซ่ 1 โซ่ เหมือนเดิม







อ้อ... ลืมบอกถึงวิธีการซ่อนปลายไหมที่เป็นส่วนเกิน เราสามารถซ่อนด้วยการถักทับไปเลย ทำแบบนี้สะดวกดี ไม่ต้องมานั่งใช้เข็มเย็บผ้าตามเก็บทีหลังซึ่งเป็นงานที่น่าเบื่อมาก







แถวที่สามเสร็จแล้ว จากนั้นต่อด้วยสีขาวซึ่งจะเป็นแถวสุดท้าย







แถวนี้จะยุ่งยากหน่อยเพราะเป็นแถวที่จะทำให้วงกลมกลายมาเป็นสี่เหลี่ยม เริ่มต้นด้วย 3 dc + ch 1 + 3 dc ในช่องไฟเดียวกัน การทำวิธีนี้จะทำให้เราได้มุมแรกของสี่เหลี่ยม







เว้นช่องไฟหนึ่งช่องด้วยการถักโซ่ 1 โซ่ จากนั้นตามด้วย 3 sc (single crochet) ถักโซ่อีกหนึ่งโซ่ ก่อนจะถักอีก 3 sc (ในรูปจะเห็นได้ชัดว่า single crochet จะมีขนาดสั้นกว่า double crochet) เว้นช่องไฟอีกรอบ ตามด้วย 3 dc + ch 1 + 3 dc คราวนี้เราจะได้มุมที่สองของสี่เหลี่ยม ทำซ้ำแบบนี้ไปจนครบทั้งสี่มุม


ขั้นตอนนี้ฉันถ่ายวิดีโอประกอบด้วย ดูแล้วอาจจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ฉันพยายามถักช้าๆ ไม่รู้ดูทันกันหรือเปล่า จริงๆอยากจะพูดอธิบายประกอบไปด้วย แต่อายเสียงตัวเองอ่ะ
(อ้อ...มีเพื่อนของแม่สามีมาเห็นวิธีการจับเข็มไหมพรมของฉันและการคล้องไหมที่นิ้วชี้แบบนี้เค้าบอกว่าแปลกดี และถามด้วยว่าส่วนมากคนไทยจับเข็มถักแบบนี้กันใช่ไหม ฉันเลยตอบว่าไม่รู้เหมือนกันเพราะยังไม่เคยไปนั่งดูคนอื่นถักเลย แต่ว่าน้าฉันสอนมาแบบนี้อ่ะ มันเลยติดแบบนี้ อิอิ)











และแล้วเราก็ได้แกรนนี่สแควร์มาหนึ่งชิ้น แบบที่ฉันทำให้ดูนี้ถ้าทำเสร็จออกมาจะได้ขนาดประมาณ 7 x 7 เซนติเมตร ชิ้นต่อๆไปก็ทำเหมือนเดิม จากนั้นก็เอาทั้งหมดประกอบกัน ซึ่งจะใช้กี่ชิ้นก็แล้วแต่คนถักว่าจะเอาไปทำเป็นอะไร

วิธีประกอบกันแบบง่ายๆก็คือการเอาแต่ละชิ้นมาเย็บต่อกันด้วยเข็มธรรมดาๆ ตอนแรกๆที่ทำฉันก็ใช้วิธีนี้ แต่รู้สึกว่ามันเสียเวลาเยอะมากๆ และงานออกมาค่อนข้างแน่นและทึบ เลยลองอีกวิธีนึงที่เจอจากที่นี่ คือการถักไปด้วย พร้อมกับประกอบเข้าด้วยกันไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งพอลองแล้วก็ติดใจทันทีเพราะสะดวกมากๆ และประหยัดเวลาไปได้เยอะมากๆ

ถักไปประกอบไป แป๊บๆก็เสร็จแล้ว

อ่านในเว็บนั้นแล้วหลายคนอาจจะงงๆ ฉันเลยลองอธิบายใหม่ตามเวอร์ชั่นที่ตัวเองลองทำ ตามรูปข้างล่าง...





1. สอดเข็มโครเชท์เข้าไปตรงมุมของแกรนนี่สแควร์ชิ้นที่เราจะเอาไปประกบ
2. คล้องไหมออกมา แล้วจะได้สองห่วง
3. คล้องไหมอีกรอบ
4. จนเหลือห่วงเดียว ก็เป็นอันว่าเสร็จ ต่อกันได้หนึ่งจุดแล้ว






จุดแรกที่ต่อเสร็จจะออกมาหน้าตาแบบนี้ จากนั้นก็ถักปกติ [3 dc + ch 1]







พอถึงจุดที่ต้องต่ออีกก็สอดเข็มโครเชท์ทะลุเข้าไปแบบนี้ แล้วก็ทำซ้ำขั้นตอน 1-4 ที่พึ่งกล่าวไป



ดูรูปแล้วเผื่อยังงงๆ ฉันก็มีวิดีโอแถมให้ดูด้วย ฮี่ๆๆ
วิดีโอนี้แพทริคเป็นคนถ่ายให้ (อันก่อนหน้านี้ด้วย) ถ้าใครเปิดลำโพงด้วยจะได้ยินเสียงเดินของโทบี้ "ทิ๊บๆๆๆๆๆ" ไปมาๆรอบห้อง พร้อมกับเสียงคิกๆคักๆของเราสองคน เพราะกลั้นหัวเราะกันไม่อยู่ สุดท้ายเลยต้องหยุดถ่ายกลางคัน อาจจะสั้นไปหน่อยแต่ดูแล้วคิดว่าน่าจะได้ไอเดียอยู่บ้างว่าต้องทำยังไง

(อายมือของตัวเองในวิดีโอจัง ทำไมถ่ายออกมาแล้วมันใหญ่เบ้อเริ่มเหมือนมือผู้ชายเลยอ่ะ กร้านๆคล้ำๆอีกต่างหาก)










ต่อเสร็จแล้วจะออกมาหน้าตาย่นๆประมาณนี้ ด้านที่เห็นรอยต่อนี้ฉันจะใช้เป็นด้านหลัง (บางคนอาจจะเอาด้านที่เห็นรอยต่อเป็นด้านหน้า อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ)







นี่คือรูปด้านหน้าที่ไม่เห็นรอยต่อ



สรุปคือวิธีประกอบเข้าด้วยกันแบบนี้อาจจะยุ่งยากเกินไปสำหรับมือใหม่หัดถัก เพราะฉะนั้นฉันแนะนำให้ใช้วิธีประกอบกันแบบธรรมดาที่ใช้เข็มเย็บผ้าสอยเข้าด้วยกันดีกว่า

.
.
.






รูปนี้คือ classic granny square หรือแกรนนี่สแควร์แบบดั้งเดิม (ลายเดียวกับที่เห็นในรูปแม็กกาซีน) ที่ฉันทำเสร็จและใช้เป็นที่คลุมโต๊ะ แกรนนี่สแควร์แบบนี้ทำค่อนข้างง่ายกว่า ถ้าใครสนใจก็ทิ้งข้อความบอกกล่าวกันได้เลย (จะมีมั้ยเนี่ยยย) คราวหน้าฉันจะได้มาเขียน how to ให้ดูกันอีก







ปิดท้าย how to วันนี้ด้วยผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของเรา และตัวการที่ทำให้เราถ่ายวิดีโอกันต่อไม่ได้ อิอิ (หม่ามี้อยู่ไหน ผมขอตามไปนั่งเฝ้าด้วยยยยยย)


นี่เป็นฮาวทูแรกในชีวิต ถ้าหากว่าผิดพลาดประการใดหรืออ่านแล้วไม่เข้าใจยังไงก็ขออภัยด้วยน้าาาา

Enjoy Crocheting Everyone!












 

Create Date : 04 มกราคม 2553    
Last Update : 4 มกราคม 2553 19:33:33 น.
Counter : 13729 Pageviews.  

The crochet obsession & My DIY command post...






...The crochet obsession...




ทั้งๆที่ชีวิตช่วงนี้ออกจะดูยุ่งๆวุ่นวายๆกับอะไรหลายอย่าง ทั้งเรื่องเรียน ทั้งเรื่องงานในบ้าน และอื่นๆอีกจิปาถะ แต่ก็แปลกแฮะที่ยังหาเวลาถักโครเชท์ได้อยู่เรื่อยๆ...

พอเริ่มติดและทำไปอย่างสม่ำเสมอมาพักใหญ่ๆ ตอนนี้การถักเลยเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิต(ประจำวัน)ไปแล้ว ตอนแรกๆก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองตึดหนึบกับมันขนาดนี้ จนมีคืนหนึ่งขณะนั่งถักบนเตียงก่อนจะเข้านอน แพทริคซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆถามขึ้นมาว่า You've finally found what you 'love' to do, haven't you?




จะว่าไปแล้วพฤติกรรมการถักไหมพรมของฉันจะไม่ใช่การหยิบไหมมา แล้วนั่งลงตั้งหน้าตั้งตาถักอย่างเอาเป็นเอาตาย (ถ้าไม่นับตอนนั่งถักบนเตียงก่อนนอนเพื่อกล่อมตัวเองให้หลับง่ายขึ้น) แต่ส่วนมากฉันจะเลือกทำในช่วงเวลาคั่นกลางระหว่างทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วยมากกว่า ไม่รู้คนอื่นเป็นแบบนี้ไหม อย่างเช่น ตอนนั่งรอรถเมล์กลับบ้าน ช่วงพักเบรคระหว่างเรียน เวลานั่งคุยกับเพื่อนในห้อง เวลาดูทีวี หรือช่วงที่ทำอาหารและรออาหารสุก (คิดอยู่ว่าจะใส่ "ช่วงที่ทำธุระในห้องน้ำ" ไปด้วยดีมั้ยน้าาา แต่ไม่ดีกว่า เอิ๊กๆๆ )

ในบล็อกก่อนหน้านี้ ฉันแค่เกริ่นๆถึงที่มาที่ไปของการเริ่มถักโครเชท์ ถึงตอนนี้เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆแล้ว จะว่าไปก็มีผลงานเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้างอยู่เหมือนกัน มาดูกันว่าทำอะไรเสร็จไปบ้าง

.
.
.
.







หมอนอิงใบแรก : เป็นของขวัญวันเกิดที่ทำให้แม่แพทริคเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นผลงานชิ้นแรกที่ทำเสร็จและรู้สึกภูมิใจนิดๆ







ที่ภูมิใจเพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มถักเป็นตั้งแต่อายุ 8-9 ขวบ จนแก่ปูนนี้ ไม่ค่อยจะมีอะไรเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันซักเท่าไหร่้ จำได้ว่าเคยสัญญากับแม่(ของตัวเอง)ตั้งแต่ฤดูหนาวปีไหนก็ไม่รู้ว่าจะถักผ้าคลุมไหล่ให้ ป่านนี้ก็ยังทำค้างอยู่และไม่มีวี่แววว่าผ้าคลุมไหล่จะเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไหร่ บางทีเวลาคุยกันเล่นๆขำๆกันกับแม่ แม่ก็ยังแอบทวงอยู่เลย
"ไหนๆผ้าคลุมไหล่ของแม่น่ะ เมื่อไหร่จะเสร็จ"







เข้ามาดูใกล้ๆ... รูปนี้ถ่ายที่บ้านแม่แพทริค และช่วงนี้แม่แต่งบ้านโทนสีดำ-ขาว ลายไหมที่เลือกเลยเน้นสีดำกับเทาเป็นหลัก แล้วแต้มด้วยดอกหลากสีตรงกลาง (เลือกสีดำตามใจแม่ ส่วนดอกหลากสีนั้นตามใจตัวคนถักเองเพราะเป็นคนชอบสีสันเยอะๆ ฮ่าาา)







หมอนใบนี้ใช้วิธีถักทั้งสองด้าน ตอนแรกคิดๆอยู่ว่าจะให้ด้านหนึ่งเป็นผ้า อีกด้านเป็นไหม จะได้ทุ่นแรงและเวลา แต่เพราะว่ายังเย็บไม่คล่อง เลยไม่อยากเสี่ยงกับงานชิ้นแรกแถมทำให้คนอื่นอีกด้วย เลยเลือกเป็นไหมทั้งสองด้านซึ่งตัวเองถนัดทำมากกว่า

หมอนใบนี้ขนาด 40x40 ซม. ซิปที่เห็นนี้แม่ส่งมาให้จากไทย ไม่เคยติดซิปมาก่อน เลยใช้วิธีเย็บมือแบบมั่วๆแทนเย็บจักร


............................









หมอนอิงใบที่สอง : อันนี้ทำให้ตัวเอง สีสันเลยออกมาสดใสแบบนี้ (พึ่งสังเกตเห็นตอนถ่ายรูปนี่เองว่าตัวเองมีของที่มีสีส้มในบ้านเยอะมากกกกกก) หมอนใบนี้ด้านหลังฉันใช้ผ้า (ขออภัย ลืมถ่ายรูปด้านที่เป็นผ้ามาให้ดูแบบชัดๆ) ซึ่งก็ประหยัดเวลาและทุ่นแรงถักจริงๆด้วย ตอนแรกไม่ค่อยมั่นใจฝีมือการเย็บจักรของตัวเองเท่าไหร่ เลยโทรปรึกษากิ๊ก KOok_k นิดหน่อย ขอบใจกิ๊กมากๆน้าาาาา เดี๋ยววันหลังโทรไปรบกวนอีก ฮี่ๆๆ


.....................










(ชิ้นส่วน)หมอนอิงใบที่สาม : นอนรอแบบนี้มามาสองสามวันแล้วล่ะ แต่ใจเย็นๆน้าาา ช่วงนี้การบ้านเยอะด้วย คงราวๆอาทิตย์หน้าคงเสร็จ(มั้ง)



........................










รูปนี้...ใครที่เคยอ่านบล็อกเก่าๆคงจำม้านั่งตัวนี้ได้ ตอนแรกฉันกะจะทาสีทับ แต่ไปๆมาๆเปลี่ยนใจใช้วิธีถักไหมพรมครอบดีกว่า ตอนนี้หน้าตาเลยออกมาแบบนี้....







มาดูกันใกล้ๆดีกว่า...







ไม่รู้คนอื่นจะชอบหรือเปล่า แต่สำหรับตัวฉันเอง ฉันว่ามันก็ดูเก๋ไปอีกแบบนึงนะ ลายถักก็เหมือนการถัก granny square ทั่วไป แต่เพราะว่าอันนี้ถักเป็นวงกลม รู้สึกว่าเค้าจะเรียกว่า granny circle แทน (มั้ง)



.......................................................










...My DIY command post...


คุยเรื่องถักๆไปแล้ว เปลี่ยนมาคุยเรื่องงาน DIY อื่นๆบ้างดีกว่า ข้างบนนั่นตั้งชื่อซะโอเว่อร์ จริงๆ command post ที่ว่าก็คือ"มุมทำงานเล็กๆส่วนตัว"ของฉันนั่นเอง

เพราะหลังๆมานี้ต้องแชร์ห้องทำงานกับแพทริค ฉันเลยเกิดความคิดอยากแยกส่วนที่ทำงานของตัวเองออกมา แต่เพราะบ้านหลักเล็กนิดเดียว ไม่รู้จะแยกไปไหนดี สุดท้ายเลยมาลงเอยที่มุมเล็กๆด้านนึงของห้องนั่งเล่นแทน เห็นเล็กๆแบบนี้ แต่มุมนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์น้าาาา (เริ่มขี้โม้อีกแล้วเรา) เพราะจะว่าไปแล้วของเกือบทุกชิ้นในมุมส่วนตัวเล็กๆมุมนี้ ถ้าไม่ใช่ของเก่า(จากคนอื่น) ก็เป็นของที่ตัวเองมีอยู่แล้วแต่เอามาดัดแปลง เปลี่ยนหน้าตานิดหน่อย

เข้ามาดูใกล้ๆกันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง....




มองโดยภาพรวม





เริ่มต้นกันที่ โต๊ะทำงาน โต๊ะตัวนี้หน้าตาเดิมเป็นแบบรูปข้างล่างนี้...







เป็นโต๊ะที่เจ้าของเดิมเค้าประกาศให้ฟรีๆในเว็บขายของมือสอง ฉันเองซึ่งคอยเสาะหาโต๊ะสไตล์นี้มานานอยู่แล้ว เลยไม่ต้องคิดอะไรมาก เห็นปุ๊บก็รีบติดต่อเจ้าของปั๊บ

เพราะสภาพของโต๊ะไม่ได้สมบูรณ์แบบ ตอนแรกเลยว่าจะเอามาทาสีทับแบบที่ทำกับโต๊ะตัวนี้ แต่อยู่ๆก็เปลี่ยนใจ
ฉันนี่...เอะอะอะไรๆก็ทาสีๆเนอะ มันธรรมดาเกินไป เลยอยากทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมบ้าง สุดท้ายเลยใช้วิธีติดด้วยผ้าคลุมโต๊ะพลา่สติคสีชมพูลายหวานแหววแทน พูดซะหรู แต่เลือกวิธีง๊ายง่ายเนอะ... ฮ่าๆๆ

อ้อ...แล้วก็เปลี่ยนที่จับ(?) เอ....อืมมม ไม่ได้ใช้ภาษาไทยนาน มันเรียกว่าอะไรหว่าาา ลูกบิดหรือเปล่า??


............................










โคมไฟ : รูปนี้(อันสีดำ)คือหน้าตาเดิมของโคมไฟ จริงๆน่าจะเรียกว่าโป๊ะไฟหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เป็นของที่ป้าแพทริคให้มา แต่เพราะไม่ชอบสีดำทะมึนๆแบบนี้ ฉันเลยจัดการตัดเศษวอลเปเปอร์ที่เหลือจากผนังห้องนอนมาแปะๆทับ ง่ายอีกแล้วเนอะ...



.............................










กล่องใส่ไหมพรมติดผนัง : แต่เดิมกล่องที่เห็นนี่คือลังใส่เบียร์เล็กๆ (ชนิดหกขวด) ที่ทำจากไม้ กล่องนี้ใช้วิธีที่ถนัดคือจับมาทาสีแบบลวกๆ ง่ายแต่ออกมาค่อนข้างถูกใจเลยล่ะ


.
.
.


มีอะไรอีกน้าาาที่ควรจะพูดถึง อืมมม โซฟาสีขาวนี่เคยพูดถึงไปแล้วในบล็อกนี้ อ้อ...รูปวาดที่เห็นตั้งบนโต๊ะ ฉันวาดเองล่ะ จริงๆไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เพราะเห็นว่าสีมันสดดี เลยเอามาประดับไว้ด้วย


นั่งดูรูปโดยรวมอีกรอบ อืมม คิดว่าคงหมดแล้วมั้ง เอาไว้คราวหน้าถ้ามีงานอะไรที่ทำเสร็จเพิ่มเติม แล้วค่อยมาอัพเดตกันใหม่ดีกว่า คุยยาวเดี๋ยวกลัวคนอ่านจะเบื่อกันไปซะก่อนเนอะ


............................




::คุยท้ายบล็อกอีกนิด::

เหตุผลที่ทำให้หายหน้าไปจากบล็อกนานพอสมควร ถ้าจะพูดกันตรงๆก็คือขี้เกียจเข้ามาเขียนนั่นเอง ฮี่ๆๆ แต่ถ้าจะพูดให้ดูดีก็คือช่วงนี้ยุ่งๆกับนู่นๆนี่ๆอย่างที่เกริ่นๆไว้ข้างบน จริงๆมีเรื่องที่จะเข้ามาเขียนหลายเรื่องทีเดียว อย่างเรื่องที่ไปเที่ยวทะเลเมื่อเดือนก่อน หรือ ตอนนัดเจอกับกิ๊ก KOok_k ที่อัมสเตอร์ดัม เอาไว้มีโอกาสค่อยมาเล่าอีกทีดีกว่าเนอะ

อ้อ...และถึงฉันจะไม่ค่อยได้เข้ามาในนี้เท่าไหร่ แต่ก็ยังมีเพื่อนบล็อก (ที่ฉันมีอยู่น้อยนิด) เข้ามาแวะเวียน ทักทาย ถามไถ่ ฉันซาบซึ้งและขอบคุณมากๆที่ยังไม่ลืมกัน หลังจากเขียนบล็อกนี้เสร็จแล้ว เดี๋ยวจะตามเข้าไปทักทายทุกคนน้าาาา






 

Create Date : 04 ธันวาคม 2552    
Last Update : 4 ธันวาคม 2552 10:14:46 น.
Counter : 6332 Pageviews.  

Granny Squares กับภาวะหมกมุ่นช่วงนี้...






...ได้เวลามาอัพบล็อกซะที
พอดีว่าช่วงนี้กำลังบ้าและหมกมุ่นกับการถักโครเชท์น่ะ...




ทั้งๆที่มีงานในบ้านหลายอย่างที่ต้องจัดการให้เสร็จ แต่อากาศเย็นๆหนาวๆแบบนี้อารมณ์จะทำงานหนักๆอย่างทาสีบ้าน หรือขัดสีเฟอร์นิเจอร์เลยไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ เลยนึกอยากหากิจกรรมอื่นๆที่เบาๆเพลินๆทำแทน อย่างเช่น "การถักไหมพรม"...

ใครที่เข้ามาอ่านบล็อกของฉันก่อนหน้านี้ ปกติจะเห็นฉันทำงานแบบผู้ชายๆอย่างเลื่อยไม้ หรือทาสี ใช่ไหม แต่จริงๆงานฝีมือผู้หญิงๆอย่างการถักไหมพรม ฉันก็ทำเป็นน้าาา ทั้งนิตติ้งทั้งโครเชท์ จริงๆก็ทำเป็นมาตั้งแต่เด็ก หมายถึงลายง่ายๆน่ะ เพราะสมัยก่อนน้า(น้องสาวแม่)จะชอบถักนู่นถักนี่เป็นประจำ ฉันเห็นว่าน่าสนุกดีเลยขอให้น้าสอน จากนั้นพอเริ่มถักเองเป็น ทุกๆปีเวลาเข้าหน้าหนาวทีไรฉันจะถักผ้าพันคอหรือไม่ก็หมวกให้ตัวเอง พ่อแม่ หรือไม่ก็ญาติคนอื่นๆ จริงๆก็ทำเสร็จบ้าง ไม่เสร็จบ้าง แต่คือทุกปีจะต้องเริ่มถักอะไรซักอย่าง

น่าเสียดายที่พอโตมามันมีนู่นนี่ให้สนใจทำมากกว่า เลยทำให้ห่างๆจากการถักไป ครั้งสุดท้ายที่ทำงานถัก ถ้านับเวลาดูก็คงจะเกินสิบปีมาแล้วมั้ง

การถัก จะว่าไปฉันว่ามันก็เหมือนกับการขี่จักรยานนะ พอเป็นแล้ว ถึงไม่ได้ทำมาหลายปี มันก็ไม่ลืม แถมพอเริ่มทำแล้วก็หยุดไม่ได้อีกต่างหาก อย่างฉันตอนนี้ บางทีก็นั่งถักทั้งคืน ไม่ยอมหลับยอมนอน อิอิ...







ที่ตั้งใจและขะมักเขม้น(สะกดถูกมั้ยเนี่ย)ถักอยู่ตอนนี้คือ Granny Squares
Granny Squares คือการถักเป็นสี่เหลี่ยมหลายๆชิ้นแล้วเอามาต่อกันทีหลัง หรือแล้วแต่คนถักเองว่าจะเอาไปทำอะไร ลายง่ายๆแบบนี้คิดว่าคนส่วนใหญ่คงทำกันได้อยู่แล้ว ฉันเลยขออนุญาตไม่อธิบายวิธีทำก็แล้วกัน

ว่าแต่ถักแล้วฉันจะเอาไปทำอะไรน่ะเหรอ?

อืมมม...ไม่แน่ใจเหมือนกัน จริงๆก็คิดไว้หลายอย่าง อาจจะเอาเป็นผ้าคลุมเตียง หรือไม่ก็ผ้าคลุมโซฟา หรืออะไรก็ได้ที่เอาไปใช้ตกแต่งบ้านได้น่ะ ไว้ดูกันอีกที ตอนนี้ก็ถักเรื่อยๆไปก่อน

ปกติฉันจะเป็นคนที่เบื่อกับการทำอะไรซ้ำๆเดิมๆ หรือซ้ำๆซากๆมาก สมาธิเลยสั้นกับการทำงานฝีมือทั่วไป แต่กับการถัก Granny Squares แบบนี้ฉันว่ามันไม่น่าเบื่อนะ เพราะเราสามารถเปลี่ยนสีหรือสลับสีไปได้เรื่อยๆ เบื่อสีนี้ ก็เปลี่ยนไปอีกสี แล้วแต่ละชิ้นมันใช้เวลาสั้นๆ แป๊บๆเดียวก็ได้งานหนึ่งชิ้นแล้ว งานแบบนี้เลยเหมาะมากๆกับคนขี้เบื่อง่าย


เอาไว้ถ้าตกลงใจได้เมื่อไหร่ว่าถักแล้วจะเอามาทำอะไร ฉันค่อยมาอัพเดตให้อ่านกันอีกทีดีกว่า วันนี้ก็ดูรูป Granny Squares แยกชิ้นแบบนี้ไปพลางๆก่อนเนอะ







อ้อ... พูดถึงอากาศหนาว

เมืองไทย(ภาคเหนือ)สมัยก่อน หน้าหนาวนี่มันหนาวจริงๆนะ คือแต่ละบ้านจะมีตู้ไว้เก็บผ้าห่มผืนหนาๆกับเสื้อกันหนาวตัวโตๆโดยเฉพาะ เข้าหน้าหนาวทีก็ต้องขนออกมาใช้ เช้ามาหรือค่ำมาก็ต้องก่อไฟ นั่งล้อมวงสนทนากันรอบกองไฟ ได้บรรยากาศของหน้าหนาวมากๆ

เวลาไปโรงเรียน นั่งเขียนหนังสือแทบจะไม่ได้เพราะมือมันแข็ง แต่สมัยนี้อะไรแบบนี้คงไม่มีแล้วมั้งเนอะ หน้าหนาวกับหน้าร้อนนี่คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เสียดายจัง...


...........................







::คุยท้ายบล็อกอีกนิด::

พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ฝนฟ้าก็แปรปรวน เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวฝนตก เดาใจฟ้ายากแฮะ ซักผ้าทีก็ต้องคอยสังเกต อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน ฉันอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ารีบเอาผ้าเข้าเครื่อง เพราะเห็นเค้าว่าจะมีแดด พอซักเสร็จเอาผ้าตากแดด และยืนสังเกตท้องฟ้ากับโทบี้ซักพัก (แดดหน้านี้สวยและโรแมนติคดีจังเนอะ) เห็นฟ้าใสและโปร่งแบบนี้เลยกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ คิดเป็นมั่นเหมาะว่าคงแดดไปอีกนานหลายชั่วโมงแน่ๆ จากนั้นก็เข้ามาในบ้านทำอะไรเรื่อยเปื่อย แต่เผลอแป๊บเดี๋ยวมองหน้าต่างอีกที ฝนตก!!!

วิ่งออกไปเก็บผ้าจากราวแทบไม่ทันแน่ะ พอขนผ้าเข้ามาในบ้านเสร็จ กะจะหาที่ทางตากผ้าในบ้าน แต่พอมองไปนอกหน้าต่างอีกที ฝนหยุดตกแล้วและแดดกลับมาออกเหมือนเดิม







 

Create Date : 12 ตุลาคม 2552    
Last Update : 12 ตุลาคม 2552 22:55:08 น.
Counter : 2110 Pageviews.  

My 'sweet retro' study & the Billy bookcases... ปรับปรุงห้องทำงานใหม่ กับ ชั้นหนังสือบิลลี่







My 'sweet retro' study...ห้องทำงานใหม่


จะว่าไปแล้วเรื่องนี้น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มบล็อกตกแต่งบ้านมากกว่า แต่เพราะเห็นว่าหลายบล็อกก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์เก่าเอามาเปลี่ยนหน้าตาใหม่ ฉันเขียนเอาไว้ในกลุ่มบล็อก DIY เลยเอาเรื่องนี้มาไว้ในกลุ่มเดียวกันด้วย อีกอย่างคิดว่าคนอ่านในกลุ่มนี้ (DIY และงานฝีมือ) น่าจะมีความสนใจตรงกับสิ่งที่ฉันบอกเล่าไปมากกว่า...มั้ง

ไม่พูดพล่ามทำเพลง มาคุยกันเลยดีกว่าเกี่ยวกับเรื่องห้องทำงานใหม่ที่ฉันพึ่งทำเสร็จไป (จริงๆเสร็จแค่ครึ่งเดียวและมุมเดียวคือมุมโต๊ะทำงาน ยังเหลือที่ต้องทำอีกหลายอย่าง อย่างเช่น ต้องเปลี่ยนม่าน และจัดการกับอีกมุมของห้องที่จะเอาใช้เป็นที่วางคอมพิวเตอร์)

หลายคนอาจจะสงสัยว่าสไตล์การแต่งบ้านแนว retro คืออะไร ฉันขออธิบายๆง่ายๆและสั้นๆละกันว่า คือการตกแต่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุค 1950's, 60's และ 70's (หมายเหตุ: แต่ถ้าย้อนหลังไปเก่ากว่านั้นจะเรียกว่า แนววินเทจ แต่ปัจจุบันนี้ส่วนมากคนจะเอาการแต่งบ้านสองแนวนี้มาผสมกลมกลืนกัน บางทีเลยบอกยากว่าตกลงนั่นเป็นวินเทจหรือเรโทรกันแน่)

การตกแต่งแนวเรโทรจะเน้นการใช้ธีมสว่าง สดใส และสีที่ค่อนข้างจัด อย่างเช่นสีเหลืองมัสตาร์ด สีเขียวอะโวคาโด ผสมกลมกลืนกับสีอื่นๆอย่างสีดำ ขาว ม่วง ชมพู ฯลฯ การตกแต่งมีลูกเล่นออกแนวสนุกสนานโดยเห็นได้จากการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่บางทีก็ออกแนวหลุดโลก หรือ funky อย่างเช่น Lava Lamp หรือโต๊ะเก้าอี้ดีไซน์แปลกๆ ถ้านึกกันไม่ออก หลายคนอาจจะเคยดูซิทคอมเรื่อง That 70's show ที่เน้นการตกแต่งแนวนี้ที่เห็นได้ชัดๆ หรือถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติมก็ลองกูเกิ้ลหากันได้ตามสบายเลย


ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆถึงอยากจัดห้องทำงานให้ออกมาแนวเรโทร เดาว่าสงสัยเป็นเพราะตัวเองเป็นคนชอบจัดบ้านแนวสดใสมั้ง ปกติเวลาแต่งบ้านฉันจะพยายามคุมโทนให้บ้านออกมาแนวกลางๆ แต่สุดท้ายมันก็อดไม่ได้ที่ต้องเอาสีสันสดใสแต้มเข้าไปทุกที ถ้าใครจำได้จากบล็อกก่อนๆ จะเห็นว่าฉันเคยทาผนังห้องครัวเป็นสีเขียวจ้า กับห้องนั่งเล่นสีกาแฟ จริงๆห้องเก็บของก็ทาสีเหลือง(ไข่แดง)ด้วย เพียงแต่ว่ายังไม่เคยถ่ายรูปมาลงบล็อกเท่านั้นเอง อิอิ...







จากรูปข้างบน จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ออกมาแนวเรโทรแท้ๆหรอกเนอะ จริงๆตอนแรกฉันก็คิดจะติดวอลเปเปอร์สีเข้มๆแนวเรโทรแท้ๆเหมือนกันให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ แต่ไปๆมาๆก็เปลี่ยนใจเพราะคิดว่าคงจะทำให้ห้องดูมืดเกินไป (ลายที่เล็งๆไว้เป็นลายกราฟฟิคสีส้มสลับกับน้ำตาลและครีม) สุดท้ายเลยเลือกลายที่สีสดใสดูเย็นตาแบบนี้แทน แต่เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกมาก็มีกลิ่นอายของเรโทรอยู่ เพียงแต่ทาสีขาวทับให้ดูสว่างและน่าใช้งานมากขึ้น พอแต่งเสร็จดูภาพรวมของห้อง ฉันเลยตัดสินใจตั้งชื่อใหม่ซะเองว่านี่คือสไตล์ Sweet Retro ฮี่ๆๆ...





นี่คือหน้าตาของโต๊ะตอนแรกที่ได้มา โต๊ะตัวนี้ซื้อมาจากเว็บขายของมือสอง ถ้าจำไม่ผิดราคา 15 ยูโรมั้ง (ซื้อมาหลายเดือนแล้วเลยลืมๆ) ตอนไปรับของ เจ้าของบอกว่าเค้าใช้โต๊ะนี้มาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นเลย เดาจากหน้าตาคิดว่าตอนนี้เค้าคงอายุซักสามสิบปลายๆมั้ง

โต๊ะแนวๆนี้ส่วนมากจะถอดขาออกได้ด้วย ทำให้ขนขึ้นรถสะดวกสบายมาก และตัวนี้แม้จะเก่าหลายปีแต่สภาพโต๊ะถือว่าดีมากๆ ล็อคต่างๆยังใช้ได้ดี และหลังจากขนกลับมาที่บ้าน ฉันก็จัดการขัดแล็กเกอร์ออกด้วยกระดาษทราย ทารองพื้นก่อน จากนั้นก็ทาสีขาวทับลงไป






ชั้นหนังสือที่เห็นเป็นของไอเคีย ก่อนหน้านี้เคยอยู่ชั้นล่างในห้องรับแขก และเป็นสีไม้ธรรมดาๆ พอย้ายขึ้นมาที่ห้องทำงานเลยจัดการทาสีขาวทับให้เข้ากับสีโต๊ะด้วย ส่วนเก้าอี้นี่ก็ซื้อมาจากเว็บขายของมือสองเช่นกัน ประมูลชนะคนอื่นและจ่ายไป 14 ยูโรเอง ถูกเนอะ จริงๆมีสองตัวหน้าตาเหมือนกันเด๊ะ แต่ตอนนี้เอาใช้ตัวเดียว อีกตัวที่เหลือกำลังคิดอยู่จะเอาไปวางไว้ที่ไหนดี






หน้าตาห้องทำงานเมื่อตอนนู้นนนนนนนน

ดูไม่จืดเลยแฮะ สมัยนั้นความรู้เรื่องการแต่งบ้านถือว่ายังเป็นศูนย์ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ มีอะไรก็เอามาใช้ ไม่มีธีม ไม่มีคอนเซ็ปท์อะไรในหัวเลย โต๊ะทำงานตัวนี้ ตอนนี้กลายเป็นโต๊ะกินข้าวแทนไปซะแล้ว






หน้าตาห้องทำงานตอนนี้

ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย เห็นแล้วทำให้รู้สึกอย่างนั่งทำงาน นั่งวาดรูป นั่งอ่านหนังสือ แปลหนังสือ ฯลฯ แต่บอกอีกครั้งว่าที่เห็นนี่เสร็จแบบครึ่งๆกลางๆ มันเลยดูโล่งๆแบบนี้ อ้อ...ดอกไม้สีเหลืองบนโต๊ะนั่นคือดอก Black Eyed Susan จากสวนหลังบ้านที่บานเต็มสวนช่วงนี้ สวยมากๆ


ถ้าใครสนใจจะแต่งบ้านแนวนี้และมีงบไม่มาก(แบบฉัน) สำหรับคนอยู่ต่างประเทศ ลองหาดูตามเว็บขายของมือสอง ที่อีเบย์ก็มีเยอะ แต่สำหรับคนที่เมืองไทย อันนี้ฉันก็ไม่ทราบแหล่งเหมือนกันแฮะ ขออภัยน้าาา

จริงๆขอสารภาพว่าช่วงนี้ฉันสะสมเฟอร์นิเจอร์ไว้เยอะพอสมควร กะว่าถ้ามีเวลาจะจับทาสีเปลี่ยนโฉมให้หมด นับๆดูตอนนี้ก็มีประมาณสี่ห้าตัว ซึ่งส่วนมากเป็นโต๊ะ สะสมไปๆมาๆตอนนี้บ้านจะไม่มีที่เก็บอยู่แล้ว อิอิ คนอื่นอาจจะเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า ไปเที่ยว หรือเข้าร้านอาหารดีๆหรูๆ แต่ฉันกลับเพลินเพลินไปกับการใช้เวลาหาเฟอร์นิเจอร์แปลกๆในอินเตอร์เน็ต หรือตาม flea market เหมือนกับว่านี่เป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเองไปแล้วนะเนี่ย อย่างตู้เล็กๆเตี้ยๆที่เห็นในรูปข้างล่างนี้...




จริงๆด้านที่โล่งๆนั้นเป็นกระจก แต่พอดีเห็นแล้วรำคาญ เลยทุบออกไป ฮ่าๆๆ ตู้นี้ก็ออกแนวเรโทรเหมือนกัน หาเจอในเว็บเช่นกันและเจ้าของเค้าประกาศให้ฟรีๆ ฉันเลยติดต่อไป ตอนไปรับของปรากฏว่าเจ้าของเป็นคุณตาที่อายุเกือบแปดสิบปีแล้ว คุณตาดูท่าทางใจดี ชวนคุยนั่นคุยนี่ทั้งๆที่เราก็เป็นคนแปลกหน้า ดีจัง... พอมีไลฟ์สไตล์แบบนี้ เลยมีโอกาสได้พบปะเจอะเจอผู้คนหลากหลายดีนะฉันว่า เวลาไปรับของก็แอบๆดูบ้านคนอื่นเค้าไปด้วย สนุกดี ดูว่าเค้าอยู่กันยังไง ตกแต่งบ้านแบบไหน ออกแนวสอดแนมชาวบ้าน โรคจิตนะเนี่ย ฮี่ๆๆ






.......................................




Billy...finally!!!



จบเรื่องห้องทำงานไป และนานๆทีจะมีเวลามาอัพบล็อก เลยขออนุญาตแทรกเรื่องของชั้นหนังสือใหม่ที่พึ่งซื้อมาด้วยดีกว่า

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ฉันว่าตัวเองเป็นโรคถูกโฉลกกับชั้นหนังสือเอามากๆๆๆ เวลาดูนิตยสารแต่งบ้าน หรือไปเที่ยวบ้านใคร แล้วเห็นบ้านนั้นถูกตกแต่งด้วยชั้นหนังสือสวยๆ ฉันจะแอบกรี๊ดอยู่ในใจคนเดียว และอีกความรู้สึกที่ตามมาคือบ้านไหนมีหนังสือ แสดงว่าเจ้าของบ้านเป็นคนชอบอ่าน และคนชอบอ่าน(ส่วนมาก)มักจะเป็นคนที่น่าสนใจ โลกไม่แคบ และเป็นคนที่น่าคบหาสมาคมด้วยเป็นอย่างยิ่ง อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวน่ะ ถ้าหากคนอื่นคิดไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นไรน้าาาา ไม่ว่ากัน

ตอนนี้พอมีบ้านเอง ก็เลยทำให้อยากมีชั้นหนังสือสวยๆในห้องนั่งเล่นกับเค้าบ้าง แต่ก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเอาแบบไหนดี สุดท้ายเลยมาลงตัวที่ชั้นหนังสือบิลลี่ของไอเคียที่ไปสอยมาเมื่อวันเสาร์นี่เอง จริงๆที่ตัดสินใจซื้อเพราะมีบัตรลดด้วยน่ะ อิอิ...

ไม่พูดมากละ มาดูรูปดีกว่า







ชั้นหนังสือสีขาวนี่มันช่างเข้ากันได้ดีกับผนังสีเขียวอ่อนแบบนี้เนอะ ตอนซื้อมาฉันก็เกิดอาการคันไม้คันมืออยากจะประกอบทันที แต่ติดที่ตอนกลับเข้าบ้านมามันดึกมากแล้ว เลยต้องรอวันถัดไป ปกติเวลาซื้อเฟอร์นิเจอร์จากไอเคียฉันจะประกอบเองซะส่วนใหญ่ แต่ครั้งนี้ต้องขอให้แพทริคช่วยเพราะชั้นหนังสือนี้มันค่อยข้างสูงมาก (สองเมตร) ถ้าประกอบเองกลัวทำล้มเสียหายอีกแบบชั้นในห้องน้ำน่ะ อันนั้นล้มเกือบทับโทบี้ด้วย







ชั้นหนังสือทรงสูงแบบนี้ทำให้เพดานห้องดูสูงขึ้นด้วยนะ คือรู้สึกเหมือนห้องมันกว้างขึ้นมาทันทีเลย อ้อ...ว่าจะเปลี่ยนโคมไฟด้วย แต่ยังหาโคมไฟแบบที่ถูกใจไม่ได้เลยใช้อันเก่านี้ไปพลางๆก่อน



กระถางกล้วยไม้นี้มีญาติคนหนึ่งให้มา เห็นกล้วยไม้แล้วทำให้คิดถึงแม่แฮะ แม่ของฉันชอบดอกกล้วยไม้มาก และในสวนของแม่มีกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์มากๆ ตอนนี้คงมีเยอะขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะมั้งหลังจากที่ฉันห่างบ้านมาหลายปีแบบนี้




... นึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรต่อ เอาเป็นว่าลากันดื้อๆแบบนี้เลยดีกว่า หวังว่าคนเข้ามาอ่านคงจะเอนจอยกับเรื่องราวที่ฉันเขียนนะ 

เกี่ยวกับการแต่งบ้าน บางทีฉันก็พูดแบบมีหลักการไปอย่างนั้นแหละ เอาเข้าจริงๆ พอลงมือแต่งเองจริงๆ มันก็จับนั่นผสมนี่ มั่วๆไปหมดเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้ามันออกมาลงตัว เห็นแล้วไม่มีอะไรขัดหูขัดตา แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วเนอะสำหรับการแต่งบ้านน่ะ อีกอย่างเราแต่งเองอยู่เอง ถ้ามันจะออกมาขาดๆเกินๆไปบ้างก็ช่างมันเถอะ ชิลๆ...เนอะ






 

Create Date : 02 กันยายน 2552    
Last Update : 15 มิถุนายน 2560 0:55:43 น.
Counter : 7480 Pageviews.  

เรื่อยเปื่อยในสวนหลังบ้าน + รั้วและกระถางดอกไม้ทำเองแบบง่ายๆ

หลายวันที่ผ่านมาฝนตกเกือบทุกวันเลยแฮะ หรือแม้วันไหนที่ฝนไม่ตก ท้องฟ้าก็ยังมืดๆอึมครึมๆอยู่ดี และเวลาอากาศเป็นแบบนี้ทีไรก็ทำให้รู้สึกขี้เกียจและเบื่อๆขึ้นมาซะอย่างงั้น



แต่ถึงขี้เกียจยังไงก็ไม่อยากอยู่เฉยๆอยู่ดี เพราะไม่อย่างนั้นก็ทำให้รู้สึกเบื่อมากขึ้นไปอีก เลยต้องหาอะไรทำซะหน่อย แต่จะทำอะไรดีล่ะ? ใจนึงก็คิดจะทาสีภายในบ้านต่อ แต่ว่าอากาศแบบนี้ถ้ายิ่งมัวอุดอู้ทาสีอยู่แต่ในบ้านก็คิดว่าคงยิ่งไปกันใหญ่ อีกอย่างไม่ค่อยมีอารมณ์อยากทาสีด้วยล่ะ อยากออกไปทำอะไรเพลินๆนอกบ้านรับอากาศบริสุทธิ์มากกว่า

คิดแบบนั้นเลยนั่งเล็งๆฟ้าฝน เช็คพยากรณ์อากาศดูแล้วหาจังหวะตอนฝนไม่ตกเพื่อแว้บออกไปปลูกดอกไม้และต้นไม้ที่หลังบ้าน

เพราะว่าพึ่งจะขยายแปลงดอกไปที่รั้วอีกด้านของสวน เมื่อหลายวันก่อนฉันเลยซื้อต้นไม้และดอกไม้ใหม่มาเพิ่มหลายต้น ที่ซื้อมาส่วนมากเป็นไม้ตัดดอกด้วย เพราะฉันอยากได้ดอกเอามาใส่แจกัน อย่างดอกพีโอนี่ คาร์เนชั่น เยอร์บีร่า ฯลฯ ทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อมาจากตลาดซึ่งก็หลายตังค์อยู่เหมือนกัน







นอกจากเอาดอกใหม่ลงปลูกแล้ว ฉันยังแพลนที่จะย้ายต้นไม้เก่าๆอีกหลายต้นด้วย อย่างต้นhortensiaที่จะย้ายไปอยู่แปลงใหม่ที่ดูร่มๆและไม่โดนแดดมาก

จากที่อ่านๆมาเค้าว่าฮอร์เทนเซียชอบที่ร่มๆมากกว่ากลางแดดจัด ปีที่แล้วต้นนี้โดนแดดจัด ใบเลยไหม้นิดหน่อย ปีนี้เลยต้องย้ายตั้งแต่ตอนนี้ก่อนหน้าร้อนจะมาถึง นอกจากนั้นก็มีต้นเล็กต้นน้อยอื่นๆอีก ก็จัดการย้ายลงปลูกให้เข้าที่เข้าทาง





ต้นดอกเยอร์บีร่าหลากสีที่พึ่งเอาลงดิน



ทว่า...ทั้งปลูกทั้งย้ายยังไม่ทันเสร็จดีก็โดนฝนไล่ ว้า...แย่จัง...

พอฝนหยุดตกก็กลับไปทำต่อไม่ได้เพราะแปลงดอกมีแต่โคลนและเฉอะแฉะไปหมด ตกลงต้นที่ยังไม่ได้เอาลงดินเลยต้องปล่อยให้ค้างอยู่ในกระถางไปก่อนจนกว่าอากาศจะดีกว่านี้ อ้อ...ดินสำหรับปลูกดอกที่ซื้อมาหมดด้วยล่ะ ก็ต้องรอดินด้วย


ไหนๆก็พูดถึงสวนหลังบ้าน เลยถ่ายรูปมาให้ดูเพิ่มเติมด้วยดีกว่า







จากรูปข้างบน: ดอกลาเวนเดอร์ที่ปลูกตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้โตขึ้นเป็นพุ่มสวยเชียวและดอกตูมๆเล็กๆเริ่มโผล่ขึ้นมาจากก้านแล้ว (วันนี้ก็ไปแอบดูมา ฉันเป็นเหมือนคนบ้า ชอบตื่นมาแล้วนั่งดูต้นไม้ดอกไม้ของตัวเองว่าโตขึ้นมาจากวันก่อนบ้างละยัง อิอิ)

ฉันชอบลาเวนเดอร์เพราะกลิ่นหอมดี โตเร็ว รูปทรงดี ไม่เทอะทะ และดอกสีสวย วันเสาร์นี้ฉันว่าจะหาซื้อมาปลูกเพิ่มด้วยล่ะ คิดว่าจะปลูกขนานไปตลอดกับริมรั้ว เวลาโตเต็มที่จะได้เป็นพุ่มกลมยาวเรียงกันไป คือเอาเป็น hedge ขนาดย่อมๆได้เลย








รั้วสีเขียวที่เห็นในรูปข้างบนนี่เป็นของคุณตาข้างบ้าน ที่พูดแบบนั้นเพราะเค้าเป็นคนสร้างเองตั้งแต่ก่อนเราย้ายมาอยู่แล้วน่ะ และเอียงๆแบบนี้มานานมากแล้วล่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่คุณตาจะซ่อมนะ จริงๆคุณตาบอกเราตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วว่าไม่ต้องห่วง เค้าจะจัดการเอง แต่สงสัยคุณตาคงยุ่งๆมั้งเลยยังไม่ได้ซ่อมซะที กลัวว่าวันดีคืนดีมันจะล้มน่ะสิ เดี๋ยวบอกให้แพททริคไปช่วยเค้าซ่อมดีกว่า

ต้นไม้เรียวๆสูงกว่าต้นอื่นติดกำแพงอิฐนั่นคือต้นดอกซากุระ นี่ก็พึ่งจะออกดอกไป และพันธุ์นี้ที่ฉันซื้อมาออกดอกสองครั้งต่อปีคือหน้าสปริงแบบนี้แล้วก็อีกทีตอนฤดูใบไม้ร่วง







เป็นต้นไม้ที่โตเร็วมาก ตอนซื้อมาสูงไม่ถึงเอวของฉันเลย แต่แค่ปีเดียวก็สูงท่วมหัวแพททริคด้วยซ้ำ







จะว่าไปแล้วสวนของเรายังไม่สวยหรอกเพราะยังอยู่ในช่วงปรับปรุง ซึ่งก็ต้องปรับกันอีกเยอะและคงใช้่เวลาอีกนานเลย หญ้าก็ยังไม่ได้ปลูกเพราะยังเคลียร์หน้าดินไม่เสร็จ และต้นไม้ก็ยังเล็กๆกันอยู่ แปลงดอกเลยดูโล่งๆ ขี้เหร่ๆ แบบนี้แหละ ฮะๆๆ (แต่ก็ดูดีกว่าปีที่แล้วนะ เพราะว่าหลายต้นเริ่มโตขึ้นมานิดนึงแล้ว)

สวนนี้ฉันตั้งใจจะให้ออกมาเป็นธีมคอทเทจแบบเรียบง่ายน่ะ เลยเน้นแปลงดอกไม้หลากสีและก็สนามหญ้า(ที่หวังว่าจะเป็นจริงในอีกไม่ช้าไม่นาน ฮาาา) นอกนั้นไม่มีอะไรเลยจริงๆ อิฐบล็อกปูพื้นก็ไม่มี(นอกจากบริเวณที่ใช้ตากผ้ากับที่นั่งเล่นกันหลังบ้านน่ะ)



........................



ไม่นานมานี้เราพึ่งทำรั้วไม้เตี้ยๆกั้นระหว่างที่นั่งเล่นกับส่วนที่เป็นสนามหญ้ากับแปลงดอกเสร็จไป จริงๆจุดประสงค์หลักคือทำเอาไว้กันโทบี้ไม่ให้ออกไปทำลายแปลงดอกน่ะ ฮ่าๆๆ

วิธีการทำรั้วก็ง่ายมาก คือซื้อไม้มาเป็นมัดๆตามรูปข้างล่าง







มัดละแค่ 1 ยูโรเอง มีห้าชิ้น และสูง 90 ซม. คือมั่นใจได้เลยว่าโทบี้จะกระโดดข้ามไม่ได้น่ะเพราะปกติโทบี้เป็นหมาที่กระโดดได้สูงมาก และไม้นี้ก็เอามาใช้ได้เลย ไม่ต้องเลื่อยหรือตัดให้ยุ่งยาก เราซื้อมาทั้งหมด 15 มัด (พอทำเสร็จจริงๆก็เหลืออีกหลายมัดด้วย) จากนั้นก็เอามาประกอบกันเป็นรั้วแบบง่ายๆอย่างที่เห็นในรูป แล้วสกรูติดกับเสารั้ว







ประตูก็ทำจากไม้แบบเดียวกัน เบ็ดเสร็จหมดเงินไปแค่ 20 ยูโรนิดๆซึ่งถูกมากเมื่อเทียบกับการซื้อรั้วสำเร็จมา รั้วสำเร็จเท่าที่ไปดูราคามาตามร้านอย่างถูกสุดและคุณภาพต่ำสุดชิ้นนึง (ขนาด 80x180 ซม.) ราคาตั้งยี่สิบกว่ายูโรแน่ะ และสวนเรากว้างสี่เมตรกว่าๆก็ต้องใช้กันประมาณสองชิ้นแล้วซื้อประตูแยกอีกต่างหาก ซึ่งคำนวณคร่าวๆคงเกือบร้อยยูโรแหงๆทั้งรั้วทั้งประตู แต่พอมาทำเองแบบนี้ประหยัดไปได้เยอะเลย





“ว้าาา...คราวนี้ป๋มก็ออกไปขุดดินเล่นที่แปลงดอกของหม่ามี้ไม่ได้แล้วอ่ะสิ เศร้าาาา...”








รั้วนี้ฉันตั้งใจจะทาสีขาวด้วยล่ะ ตอนนี้ยังดูงั้นๆและไม่ค่อยมีอะไร เอาไว้ทาสีเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาอัพเดตกันอีกทีดีกว่าเนอะ


.......................



และนอกจากรั้วแล้วเมื่อวันก่อนฉันยังลงมือทำกระถางต้นไม้เองอีกด้วย วัสดุที่ใช้ก็คือไม้เก่าที่เราถอดออกมาจากฝาบ้านที่เจ้าของบ้านคนก่อนเค้าทำกั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นน่ะ

จริงๆตอนแรกเรากะว่าจะทยอยๆทิ้งไป แต่เพราะว่ามันหนักและมีหลายชิ้น แบบว่าขี้เกียจขนไปทิ้งน่ะ และสภาพไม้ค่อนข้างดีอยู่ เลยเอาเก็บไว้ในห้องเก็บของบ้างหรือไม่ก็เอาไปวางทิ้งไว้ที่ริมรั้วที่ในสวนบ้าง ตอนนั้นคิดเผื่อไว้ว่าอนาคตอาจจะจะได้ใช้ และก็ได้ใช้จริงๆด้วย

ตอนทำรั้วก็ช่วยกันทำกับแพททริค(โดนฉันบังคับให้ช่วยต่างหาก เหอๆๆ) แต่พอคิดจะทำกระถางนี้ฉันตัดสินใจคิดเอง ทำเองคนเดียวเลย คือจากการที่รู้จักกันมาเกือบสิบปี คิดว่าถ้ารอแพททริคสงสัยปีหน้าก็คงยังไม่ได้ซักกระถางอยู่ดี ฮะๆๆ แพททริคกับงาน DIY น่ะเหรอ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คือเหมือนอยู่กันคนละโลก เอิ๊กๆๆ

ขั้นตอนการทำกระถางของฉันก็ง่ายมาก คือวัดความยาวของไม้ตามขนาดของกระถางที่ตัวเองต้องการ แล้วก็เลื่อยให้เป็นชิ้นๆ จากนั้นก็เอามาประกอบกันเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมแบบในรูป แค่นั้นเอง ง่ายมั้ย







รูปข้างบน: ลองประกอบดูว่าทุกชิ้นพอดีกันมั้ย (ยังไม่ได้ไขน็อต) ไม้ที่เรามีสามารถเอามาทำกระถางขนาดเดียวกันแบบนี้ได้ตั้งสองอันแน่ะ ความยาวกระถางแต่ละอันเกือบๆหนึ่งเมตร ฉันเห็นแบบนี้ที่ร้าน เค้าขายกระถางละห้าสิบยูโรขึ้นไปแน่ะ โอวววว..มายก็อด







ลงมือเลื่อยเองด้วยน้าาา (เลื่อยขึ้นสนิมนิดหน่อยเพราะหลายวันก่อนใช้แล้วลืมไว้นอกบ้าน และคืนนั้นฝนตก เลยขึ้นสนิม) ผลงานออกมาเรียบร้อยดีมาก (ชมตัวเองก็เป็น ก๊ากกก) นั่งเลื่อยมันกับพื้นแบบนี้เลย จริงๆมีโต๊ะเลื่อยนะ แต่ว่าไม่ถนัดอ่ะ ชอบนั่งเลื่อยกับพื้นมากกว่า ฮะๆๆ

จะว่าไปแล้วนั่งเลื่อยอยู่หลายชม.เหมือนกันนะ แม้เป็นงานผู้ชายแต่ฉันทำไปกลับรู้สึกเพลินไปด้วย สนุกดี เพื่อนบ้านเห็นอาจจะคิดว่ายัยแม่บ้านคนนี้มันนั่งเลื่อยไม้ไปทำอะไรหว่า...? งานประกอบน่ะแป๊บๆ แต่เสียเวลาตรงเลื่อยไม้นี่แหละ จริงๆยืมเลื่อยไฟฟ้าแบบ jigsaw มาจากพ่อด้วย แต่สงสัยไม้มันหนาไป ลองแล้วปรากฏว่าเลื่อยไม่เข้าอ่ะ (หรือเราใช้ไม่เป็นก็ไม่รู้)







ถ่ายรูปมือตัวเองมาให้ดูด้วย เพื่อจะโชว์ว่างานนี้ทุ่มทุนสร้างจริงๆ แบบยอมเจ็บตัวจริงไม่มีสตั๊นท์ ฮะๆๆ แบบว่าเลื่อยไปได้รับบาดเจ็บไปด้วย เลื่อยไปโดนมือตัวเองตั้งหลายครั้งแน่ะ เลือดออกซิบๆ กว่าจะเลื่อยเสร็จเลยได้มาหลายแผลเลย มือที่เคยบอบบาง ตอนนี้เริ่มจะกร้านแล้วเพราะทำงานหนัก ทั้งเลื่อยไม้ ทาสี ขัดกระดาษทราย โอววว...งานกุลสตรีก็มีเยอะแยะทำไม๊ไม่ทำ ทำไมฉันทำแต่งานแบบนี้!?! เอิ๊กๆๆ (แต่ชอบนะ อิอิ)







ถึงจะเจ็บตัวเล็กน้อยแต่เราก็บ่ยั่นน้าาา ก็ทำไปเรื่อยๆ ประกอบไป ไขน็อตไป คราวนี้ล่ะเริ่มไปเร็ว เพลินดีเหมือนกัน สถานที่ทำงานก็กลางแจ้งแบบนี้เลย ก็ไม่มีที่อื่นให้ทำแล้วนี่นา บ้านก็หลังเล็กเท่ารูหนูแบบนี้ ส่วนไม้ยาวๆหลายอันที่เห็นวางพิงกำแพงอยู่นั่นฉันกะจะเอามาทำเป็นโครงของตู้เก็บอุปกรณ์ทำสวน อันนั้นจะเป็นโปรเจ็คต่อไปที่แพลนไว้ล่ะ







ทำงานไปก็มีพ่อหนุ่มหัวฟูให้กำลังใจอยู่ข้างๆด้วย บางทีก็เข้ามาอ้อน ให้เรากอดเราหอมด้วย น่ารักจัง ลูกชายใครเนี่ย คริๆๆๆ (แต่บางทีก็แอบขโมยน็อตไปแทะเล่น เลยโดนดุไปหลายที ฮ่าๆๆ)





โทบี้: “สวัสดีค๊าบบบ อีกไม่กี่วันป๋มก็จะอายุครบสองขวบแล้วนะค๊าบบบบบ หม่ามี้สัญญาว่าจะทำบ้านน้อยให้ป๋มเป็นของขวัญวันเกิด แต่ป๋มยังสงสัยอยู่ว่าหม่ามี้จะทำได้อย่างที่พูดมั้ยเนี่ย เพราะแต่ละวันดูเหมือนว่าหม่ามี้จะมีโปรเจ็คใหม่ๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งๆที่ของเก่าก็ยังทำไม่เสร็จเลย ป๋มว่าป๋มไฮเปอร์แล้วนะ แต่หม่ามี้ไฮเปอร์กว่า ป๋มกับแด็ดดี๊เลยต้องพากันส่ายหัว เพราะเราสองคนตามความคิดของหม่ามี้ไม่ทันกันจริงจริ๊งงงงง จริงนะ...”








ตอนประกอบสงสัยไขน็อตและเจาะไม้ไปอย่างเมามันเกินไป จนลืมระวัง ผลก็คือทำหัวเจาะหัก(มันเรียกงี้ป่าวหว่า หรือเรียกว่าสว่าน) แงๆๆๆๆๆๆ

เฮ้อ ทำไงดีล่ะ เซ็งเลย งานชะงักทันที กระถางอันแรกใกล้จะเสร็จอยู่แล้วนะเนี่ย เสียอารมณ์เลย ไม่ได้ดั่งใจจริงจริ๊ง

จริงๆมีหัวเจาะเปลี่ยนอีกอันที่เอาไว้ใช้กับปูน ซึ่งคิดว่าถ้าเอามาใช้กับไม้คงไม่มีปัญหาเพราะไม้เนื้ออ่อนกว่าปูนนี่เนอะ แต่ปัญหาคือเปลี่ยนหัวเจาะเองไม่เป็นอ่ะ งานนี้ต้องให้แพททริคทำ กระซิกๆๆ จริงๆแพททริคก็สอนอยู่หลายรอบเหมือนกัน ไอ้วิธีเปลี่ยนหัวสครูไดรเวอร์นี่น่ะ แต่บอกกี่รอบๆก็ยังทำไม่เป็นอยู่ดี พยายามแล้วแต่มันเจ็บมืออ่ะ สุดท้ายก็ต้องเก็บเครื่องไม้เครื่องมือเข้าที่ร่ม(เผื่อฝนตก) แล้วรอเวลาให้แพททริคกลับจากทำงานก่อน และเปลี่ยนหัวเจาะใหม่ให้





กระถางที่เสร็จแบบครึ่งๆกลางๆ



ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อให้เสร็จละกัน เหลืออีกนิดเดียวเองเนอะ หลังประกอบเสร็จก็จะทาสีด้วย เพราะสภาพไม้มันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ทาแล้วก็จะได้ดูเข้ากันกับรั้วด้วย เดี๋ยวเอาไว้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฉันค่อยมาอัพเดตกันอีกทีนะ วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน บ๊ายบาย...


......................................



:: คุยท้ายบล็อก ::

วันก่อนนั่งเล่นเน็ตอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วไปเจอประโยคนี้เข้า You don't have to be rich to be wealthy อ่านแล้วชอบจัง รู้สึกว่ามันเหมาะกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ยังไงก็ไม่รู้ (อีกนัยหนึ่งคือพยายามปลอบใจตัวเองว่าจนแบบนี้แต่มีความสุขนั่นแหละดีแล้ว ไม่รวยเงินแต่รวยความสุข เหอๆๆ)

ถึงแม้จะชอบฝันนู่นฝันนี่ อยากเป็นนู่นเป็นนี่ แต่อย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยจะคิดถึงมากเท่าไหร่คือการที่ต้องมีเงินมากๆหรือต้องหาเงินๆๆๆๆจนลืมตัวตนของตัวเองเหมือนที่หลายๆคนทำน่ะ จริงๆนะ คือการมีเงินเยอะหรือเป็นคนรวยมันก็ดี ฉันก็ไม่ปฏิเสธข้อนั้น เพราะสิ่งที่ตามมาคือความสุขสบายต่างๆ แต่ถ้ามีเงินเยอะอย่างเดียวแต่ไม่มีความสุขเลย แบบนั้นฉันขออยู่อย่างจนๆ พอเพียงๆแบบนี้แต่มีความสุขดีกว่า

แต่แปลกนะ ระหว่างเงินกับความสุข ส่วนมากคนจะเลือกเงินมากกว่าเลือกความสุข เพราะความเชื่อที่ว่าถ้ามีเงินก็สามารถซื้อความสุขได้ พอหลงใหลไปกับวัตถุ สุดท้ายเงินเลยกลายเป็นพระเจ้า

จะว่าไปทุกวันนี้ฉันก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แค่พอมีกินมีใช้ (พอจริงๆแหละและไม่ค่อยเหลือด้วย กร๊ากกก ) แต่ฉันว่าฉันก็อยู่อย่างมีความสุขดีนะ สุขตามอัตภาพน่ะ เพราะจะว่าไปปัญหาต่างๆมันก็ยังมีอยู่และเข้ามารบกวนชีวิตเราบ่อยๆ ที่รู้สึกว่าสุขบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าชีวิตมันมาถึงจุดอิ่มตัวแล้วมั้ง เราเลยรู้สึกว่าเราพอแล้ว เราไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว

ซึ่งพอพูดแบบนี้คนอื่นอาจจะแย้งว่า ฉันก็ต้องมีความสุขอยู่แล้วสิเพราะสามีเลี้ยงนี่นา ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องออกมาผจญชีวิตหรือต่อสู้เหมือนคนอื่น ไม่สุขก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว หรือหลายคนอาจจะมองว่าฉันเป็นคนประเภทงอมืองอเท้าและรักสบายจนไม่อยากทำอะไร เลยเอาความสุขหรือความพอมาอ้าง ซึ่งไม่ใช่เลย ฉันบอกว่าตัวเองมีความสุข แต่การมีความสุขก็ไม่ได้หมายถึงการอยู่อย่างสบาย เข้าใจที่ฉันพูดไหม เพราะจริงๆชีวิตฉันยังถือว่าห่างไกลกับความสบายมากมาย เลื่อยไม้ ทาสีบ้านทั้งหลังเนี่ยนะสบาย ไม่เลย แต่คือมันเป็นทางเลือกหนึ่งของชีวิตต่างหาก และฉัน(เรา)เลือกที่จะพอใจแบบนี้

อ้อ...ฉันว่าหลายคนสับสนระหว่างความสุขกับความสบายนะ เคยได้ยินที่เค้าพูดๆกันไหมอย่าง “ทำงานเก็บเงินเยอะๆ แก่ตัวมาจะได้สบาย” แต่ไม่ค่อยมีใครพูดประมาณว่า “ทำงานที่ชอบนะ จะได้มีความสุข เงินน้อยช่างมัน ขอแค่มีความสุขพอแล้ว...” น่าคิดเนอะ... เหมือนหลายคนใช้คำว่าสบายจนติดปาก เลยลืมตัวหรือลืมคิดไปว่าคำว่า “สบาย” กับคำว่า “สุข” มันคนละเรื่องกันเลย สมมติอย่างคนที่เป็นเมียน้อยคนอื่นหรือคนที่มีเสี่ยเลี้ยง โอเคอาจจะสบายอยู่ แต่ถามว่าสุขมั้ย ก็ไปคิดกันเองดูละกัน

บางทีฉันก็นั่งคิดเล่นๆคนเดียวนะว่าถ้าจะให้อยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต ฉันก็ไม่รังเกียจนะ ฉันว่าฉันก็อยู่ได้ หมายถึงอยู่แบบเรียบง่ายไม่ร่ำรวยน่ะ

ขอแค่ให้ทุกวันได้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์สดชื่น ได้นั่งจิบกาแฟอุ่นๆ ดูทีวี อ่านหนังสือที่ตัวเองชอบ ทำงานบ้าน ทำโปรเจ็คนู่นนี่ ได้เงินมานิดๆหน่อยๆ ค่ำมาได้ใช้เวลากับสามี ดูหนังดูทีวี แบบนี้ฉันก็พอใจแล้ววววว หลายคนอาจจะมองข้ามสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำกันทุกวันอยู่แล้วจนเกิดความเคยชิน แต่อย่าลืมว่าสิ่งเล็กน้อย(แต่มีความหมายมากมายนัก)นี่ใช่ไหมที่ทำให้โลกเราหมุนไป...

“You don't have to be rich to be wealthy! And also you don't have to be rich to be happy!”






ปล. อยากขอบคุณกิ๊ก KOok_k ที่ทำให้รู้จักนิตยสารดีๆอย่าง Ariadne at home ตอนนี้เลยรู้สึกติดหนึบกับนิตยสารนี้มากๆ ขนาดว่าอยู่มุมไหนของบ้านก็จะหนีบเอา at home ไปอ่านด้วย อิอิ





 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2552 9:43:46 น.
Counter : 9235 Pageviews.  

1  2  3  4  

~ Cerulean Blue ~
Location :
ลำปาง Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




:: About Me ::


A girl, her life, and the old little Dutch house. Oh, and possibly a few adventures...

Anyway feel free to drop by and say hi :)

:: decorating ::
:: sewing ::
:: crafting ::
:: painting ::
:: traveling ::
:: and Living! ::

"ผจญภัยในอ้อมแลนด์"













:: PREVIOUS POSTS ::


...My simple kitchen pantry storage and the most frequently asked questions about Cerulean Blue...

...The guest bedroom and how to hang wallpaper...ห้องนอนเล็ก และ how to การติดวอลเปเปอร์แบบง่ายๆ...

...Blog is more than you think... ชีวิตและการเขียนบล็อก...

...The Little Groningse Kitchen...

...My polka-dot room and how to crochet 'Spring Blossom granny square # 2'...

...My 'blue' and 'white' curtain...

...and I am back again, officially... นกน้อย คืนรัง ^^...

...Window seat project #2... มุมริมหน้าต่างเสร็จแล้ว + งานเล็กๆของช่างไม้มือสมัครเล่น ^_^...

...My kitchen, my pride...

...'Cute curtains' and a quick peek into my sewing room...

...My new sofa slipcover!... โปรเจ็คยักษ์ 'ผ้าคลุมโซฟา' ^^...

...One Year already!... ครบหนึ่งปีพอดี + รวมมิตรรูปบ้าน และเรื่องบ้านๆที่อยากแบ่งปันกัน...

...Shabby shabby...เก่านิดๆ ถลอกหน่อยๆ...

...That nice 'ugly' shelf...

...'The white fireplace' and my old glass cabinet...

...A bit of a change in the living room...

...'Spring Blossom' granny squares...แกรนนี่สแควร์ลายใหม่ ^-^...

...'Cerulean' crochet cushion... และคุยเล็กคุยน้อย...

...Café curtains...

...My 'kitsch' kitchen...และชีวิตช่วงนี้...

...Another armchair slipcover!...ผ้าคลุมเก้าอี้ (อีกแล้ว)...

...Armchair slipcover...โปรเจ็คแรกแห่งปี!...

...Santa Wood(s), Christmas tree and a few tips of choosing colours for your home...

...A Little Update...

...Make it 'COZY'...



:: All About My Home ::


...New Home...
































































...Old Home...




























:: งานเขียนและรูปภาพในบล็อกนี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาต ::


New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ~ Cerulean Blue ~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.