ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
คุณหมอเตือนภัย โรคร้ายของวัยทีน

ระยะนี้มีข่าวโรคภัยไข้เจ็บแปลกๆ ที่เกิดในวัยที่ไม่น่าจะเกิด

ที่ช็อกไปทั้งเมืองได้แก่ กรณี "ณมน" หรือ "น้องน้ำหนึ่ง" น.ส.กัญณนนพัทน์ วงศาโรจน์ อายุ 24 ปี อดีตพิธีกรสาวสวยรายการ Sexy on Tube ทางช่อง Maxxitv ของแกรมมี่ และเจ้าของประโยคฮิต "ชิดกว่าชมอีก" จากโฆษณาชุดชั้นในซาบีน่า ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเกี่ยวกับเส้นประสาท หรือที่เรียกว่า "Neuroendocrine Malignamcy" ซึ่งเป็นโรคที่แทบไม่เคยได้ยินมาก่อน หนำซ้ำยังพบได้ในวัยรุ่นอายุไม่มาก

นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่าเป็นกลุ่มมะเร็งที่เกิดจากปมประสาทผิดปกติ พบได้ทั้งช่วงหลังทรวงอก รวมไปถึงระบบทางเดินอาหาร ทั้งลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่

ส่วนอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "Neurogenic Tumor" เป็นโรคมะเร็งที่พบก้อนเนื้อบริเวณด้านหลังของทรวงอก เกิดจากเส้นประสาทที่ผิดปกติเช่นกัน ทั้งนี้ มะเร็งกลุ่มเหล่านี้พบไม่มาก แต่มักพบในกลุ่มอายุน้อย หรือกลุ่มวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปี

ในกลุ่มมะเร็งที่พบมากในวัยนี้ และมักคิดไม่ถึง เนื่องจากอาจเข้าใจว่ามาจากการเจ็บปวดจากการเล่นกีฬา หรือการทำกิจกรรมต่างๆ มากเกินไป คือ มะเร็งกล้ามเนื้อ จะพบว่ามีก้อนเนื้อใต้ผิวหนังปูดขึ้นมาจนเห็นได้ชัด หรือในกรณีไม่สามารถมองเห็นชัดเจน แต่สามารถคลำจนพบผิดสังเกตและมีอาการเจ็บ ซึ่งแตกต่างจากการเป็นซีสต์ที่มีลักษณะก้อนเล็กๆ นิ่มๆ และมักหายเองได้

ทั้งนี้ หากมีลักษณะดังกล่าวและรู้สึกว่าไม่หายเองประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย นอกจากนี้ ยังมีมะเร็งกระดูก ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในวัยอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่บางครั้งก็พบได้ในกลุ่มอายุน้อยแต่ไม่มาก โดยบางครั้งวิ่งๆ อยู่ หรือแทบไม่ได้ทำอะไรเกิดอาการขาหัก กระดูกหัก ไม่ทราบสาเหตุ สิ่งเหล่านี้ก็ควรมีการตรวจวินิจฉัยด้วยเช่นกัน

"การเกิดมะเร็งในกลุ่มวัยรุ่นนั้น นอกจากมะเร็งระบบเส้นประสาท หรือมะเร็งที่เกิดจากปมประสาทผิดปกติแล้ว ยังมีมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ผิดปกติต่างๆ ซึ่งกลุ่มพวกนี้มาจากตั้งแต่เด็กแต่ไม่ทราบ หรืออาจเกิดตั้งแต่ตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ยังมีมะเร็งที่เกิดจากพฤติกรรมของวัยรุ่นเองด้วย เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เมื่อสะสมไปนานๆ ก็ก่อให้เกิดมะเร็งปอด มะเร็งตับ ได้เช่นกัน และที่อยากฝากเตือนคือ การเจ็บป่วย หรือมีอาการปวดบริเวณใด ยิ่งเจ็บปวดเรื้อรังควรไปพบแพทย์ทันที ไม่ควรซื้อยากินเอง และไม่ควรเปลี่ยนแพทย์บ่อย เพราะจะทำให้เสียโอกาสการรักษา ทำให้ต้องตรวจวินิจฉัยใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งอาจทำให้อาการยิ่งทรุด"

ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งกล่าว แต่ไม่ว่าจะโรคอะไรก็ตาม หากรู้จักป้องกันและลดความเสี่ยงก็สามารถห่างไกลโรคไม่ยาก ง่ายๆ เพียง 12 ข้อ พึงปฏิบัติ แบ่งเป็น 5 ข้อป้องกัน คือ

1.กินผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บร็อกโคลี ฯลฯ 2.กินอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่นๆ 3.กินอาหารที่มีเบต้า-แคโรทีน และวิตามินเอสูง เช่น ผัก ผลไม้ สีเขียว-เหลือง 4.กินอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ และ 5.ควบคุมน้ำหนักตัว

ส่วน 7 ข้อลดความเสี่ยง คือ 1.ไม่กินอาหารที่มีราขึ้น 2.ลดอาหารไขมัน 3.ลดอาหารดอง เค็ม ปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือไนเตรต-ไนไตรต์ 4.ไม่กินอาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ 5.หยุดหรือลดการสูบบุหรี่ 6.ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และ 7.อย่าตากแดด นอกจากนี้ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ รู้จักผ่อนคลาย ไม่เครียดจนเกินไป

แค่นี้ไม่เพียงห่างไกลโรคมะเร็ง ยังลดโอกาสเกิดโรคอื่นๆ อีกด้วย

อีกโรคหนึ่ง ที่ผู้รู้ขอเตือนไปยังวัยรุ่นทั้งหลายได้แก่ โรคไวรัสเอชพีวี

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคอธิบายว่า วัยรุ่น จัดเป็นกลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพจากเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ และยังมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม จากโรงเรียนมัธยมศึกษาไปสู่ระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงระดับนี้จะนำไปสู่ความเป็นอิสระมากขึ้น มีความอยากรู้อยากลอง โดยปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การมีเพศสัมพันธ์ไม่พร้อม และไม่ถูกวิธี ซึ่งปัญหาตรงนี้จะนำไปสู่การเกิดโรคทางเพศสัมพันธ์

โรคทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากังวล นอกจากการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์จากการไม่ป้องกันแล้ว ยังมีโอกาสติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV: Human papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ในตระกูล Papillomavirus ซึ่งมีมากมายหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์กลุ่ม 16 และ 18 จะมีโอกาสเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกสูง สาเหตุของการติดเชื้อนี้คือ มาจากทั้งการมีเพศสัมพันธ์หลายคู่ หรือแม้แต่คู่เดียวก็ได้ในกรณีที่คู่นอนที่มีเชื้ออยู่แล้ว ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่ใช่ว่าจะป้องกันได้ 100% เพราะเชื้อเอชพีวีติดทางสัมผัสได้เช่นกัน

"จริงๆ แล้ว การติดเชื้อเอชพีวี ไม่ใช่แค่การมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่สามารถติดได้จากการสัมผัสด้วยการจับแก้วน้ำ หรือจิบแก้วน้ำที่มีเชื้อ และมือไปจับถูกเนื้อเยื่อของตัวเอง เช่น ปากหรือตาก็มีโอกาสติดเชื้อได้ รวมไปถึงการจูบอย่างดูดดื่มก็มีโอกาสติดเชื้อด้วย ตรงนี้กลุ่มวัยรุ่นอาจไม่ระวังเท่าที่ควร สิ่งสำคัญควรดูแลตัวเองให้ดี มีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อม และควรแยกสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว เพราะอย่าลืมว่ากลุ่มวัยรุ่นบางครั้งเมื่อติดเชื้อแล้วจะไม่แสดงอาการ แต่จะมาแสดงอาการของโรคอีกครั้งตอนอายุมาก หรืออาจเมื่อสายไปแล้ว" นพ.โอภาสกล่าว และว่า นอกจากนี้ ในกรณีที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไข้เลือดออก หากไม่ดูแลสุขภาพให้ดีหรือพบแพทย์ไม่ทันก็มีโอกาสเชื้อขึ้นสมอง ทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น ไม่ว่าป่วยด้วยโรคอะไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด



  • สนับสนุนเนื้อหา มติชน



Create Date : 18 กรกฎาคม 2556
Last Update : 18 กรกฎาคม 2556 8:00:28 น. 0 comments
Counter : 1818 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.