วันที่ 12 สิงหาคมทุกปี เป็น “วันแม่แห่งชาติ”
ซึ่งลูกของแม่ทุกคนต่างรับรู้ถึงพระคุณของแม่ดังเพลงค่าน้ำนมที่เนื้อเพลงท่อนหนึ่งได้บอกว่า “หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย” ซึ่งเรื่องราวของแม่ที่ทำเพื่อลูกมีหลากหลายเรื่องของผู้ที่เป็นแม่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลผู้เป็นแม่ เดลินิวส์ออนไลน์ขอรายงานพิเศษเนื่องในวันแม่แห่งชาติจากข้อเขียนของผู้อ่าน “เดลินิวส์” จาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาที่บุตรสาวเขียนถ่ายทอดเรื่องของ “แม่” ตัวเอง ซึ่งแม่เห็นข้อเขียนของลูกแล้วประทับในเนื้อหา จึงได้ส่งมาที่ “เดลินิวส์ให้ช่วยเป็นสื่อกลางแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ให้ผู้อื่นได้มีโอกาสรับรู้ หรือนำสิ่งดี ๆ ไปถ่ายทอดให้กับครอบครัวอื่น ๆ ได้รับทราบต่อ ๆ กันไป ดังข้อเขียนของลูกที่เขียนถึงแม่ของตนเองที่สู้ชีวิตดังต่อไปนี้
......................................
ครอบครัวของหนูมีพื้นเพอยู่ที่ภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นครอบครัวฐานะปานกลาง มีอาชีพขายของเด็กเล่นใกล้ ๆ กับตลาดสด ในครอบครัวของหนูเป็นพี่คนโตมีน้องสาวหนึ่งคน น้องชายอีกหนึ่งคน คุณแม่ของพวกเราคือ คุณแม่เมตตา ทองจันทร์ ครอบครัวของพวกเราถึงจะเป็นครอบครัวขนาดเล็ก แต่ความรักและความอบอุ่นของครอบครัวเรานั้นไม่ได้เล็กเหมือนขนาดของครอบครัวเลย
ตั้งแต่หนูจำความได้ ย้อนไปเมื่อประมาณยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นครอบครัวของเราอาศัยอยู่ในบ้านเช่าซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นบนเป็นห้องนอนและเป็นโกดังเก็บของเก่าไปในตัว ส่วนชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของเด็กเล่น ทุก ๆ วันคุณแม่จะต้องตื่นแต่เช้าเข้ามาเปิดร้านขายของ พร้อมทั้งต้องวุ่นวายกับการเตรียมพร้อมลูกลิงอย่างหนูและน้อง ๆ เพื่อไปโรงเรียนให้ทัน เหตุการณ์เหล่านี้เหมือนการจับปูใส่กระด้งก็ไม่ปาน
คุณแม่ของหนูเป็นคนที่ขยันมาก คุณแม่ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด เพื่อที่จะหาเงินมาให้พวกหนูได้เรียน ได้กิน ได้ใช้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ
คุณแม่ไม่เพียงแต่ส่งเสียให้หนูเรียนในโรงเรียนเท่านั้น ไม่ว่าหนูอยากเรียนพิเศษในด้านภาษา หรือดนตรีเพิ่มเติม คุณแม่ไม่เคยปฏิเสธ ถึงแม่ตอนนั้นการเงินที่บ้านของพวกเราจะยังไม่พร้อมนัก คุณแม่ให้เหตุผลว่า “ชีวิตในวัยเด็กนั้นผ่านไปรวดเร็วนัก อะไรที่ลูกสนใจและใฝ่จะเรียน ย่อมเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะสนับสนุน หากผ่านวัยเหล่านี้ไปแล้ว เมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ ตอนนั้นอยากจะกลับมาเรียนใหม่ก็คงยาก อีกทั้งการเรียนใช่ว่าจะเรียนไปแล้งสูญเปล่า ลูกสามารถที่จะนำวิชาเหล่านั้นไปพัฒนาตนได้ในอนาคต ตอนที่แม่ส่งเสริมให้เรียนก็เปรียบเสมือนกับแม่ได้ลงทุนให้ลูก เพื่อที่ลูกจะได้ไปเก็บกำไรในอนาคต”
ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนขยันบวกกับการที่เป็นคนมีไหวพริบทางการค้าจึงทำให้เป็นหาเงินได้เก่ง แต่เงินทุกบาททุกสตางค์นั้นคุณแม่ได้นำไปใช้หาความสุขเป็นส่วนตนเลย เงินส่วนใหญ่หมดไปกับการเลี้ยงดูลูกๆและการเก็บออม
|
........................................