พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (Pergamon Museum) พิพิธภัณฑ์ชั้นเยี่ยมของโลก

             พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (Pergamon Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน ที่เก็บรักษาและแสดงให้เห็นศิลปะโบราณที่งดงาม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในกลุ่มเกาะพิพิธภัณฑ์ “มูเซอุมอินเซล” (Museuminsel) หนึ่งในห้าพิพิธภัณฑ์ที่กล่าวไว้ในบล็อกที่แล้ว บนเกาะกลางแม่น้ำสเปร์  พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (Pergamon Museum) นับว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุด เป็น 1 ใน 10 พิพิธภัณฑ์ชั้นเยี่ยมของโลก ที่มีการเก้บรวบรวมงานศิลปวัตถุโบราณล้ำค่าของโลก และมีสิ่งที่จัดแสดงที่หาดูยากที่สุดด้วย Hightlight คือพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมศิลปยุคโบราณมาให้ชม โดยเฉพาะศิลปบาบิโลเนียน ซึ่งเก่าแก่กว่า 500 ปีก่อนคริสตร์กาล


    
         สถาปัตยกรรมด้านนอกอาคาร เป็นอาคารเก่าแก่สีปูนดิบ ลวดลายศิลปะทั้งต้นเสาทรงกลมที่โดดเด่น ประตูซุ้มโค้ง ตัวอาคารเป็นลักษณะอิฐซ้อนๆ กัน เป็นสถาปัตย์แนวกรีก-โรมัน  ส่วนด้านในแสดงศิลปะและของสะสมหลายอย่าง รวมศิลปะจากหลายประเทศทางตะวันออกกลาง อิหร่าน จอร์แดน เปอร์เซีย รวมไปถึงของโบราณจากซีเรีย เมโสโปเตเมีย อัสซีเรีย โดยใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 20 ปี Hightlight คือพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมศิลปยุคโบราณมาให้ชม โดยเฉพาะศิลปบาบิโลเนียน ซึ่งเก่าแก่กว่า 500 ปีก่อนคริสตร์กาล



          พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอนแบ่งเป็นสามอาคารสำหรับเก็บรักษาโบราณวัตถุและโบราณสถาน (Antiquity Collection) พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม (Islamic art Museum) และพิพิธภัณฑ์ตะวันออกกลาง (Middle East Museum)  ระหว่างทางไกด์ชี้ให้ดูร่องรอยกระสุนปืนที่ต้นเสาทรงกลมโบราณที่เรียงรายตามทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ ว่าร่องรอยกระสุนปืนเหล่านี้เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ได้เก็บไว้เป็นอนุสรณ์โดยมิได้ซ่อมแซม



             พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (Pergamon Museum) ใช้สถาปัตยกรรมแนวกรีก-โรมัน สังเกตที่ชื่อของพิพิธภัณฑ์ ตั้งตามชื่อของแท่นบูชาเพอร์กามอน (Pergamon Altar) ของกรีกโบราณ ในยุค 200 ปีก่อนคริสตกาล แท่นบูชาเพอร์กามอน (Pergamon Altar) นี้สร้างเพื่อใช้บูชาเทพเจ้าซุส ที่ถูกค้นพบที่เมืองเพอร์กามอน ประเทศตุรกี โดยนักโบราณคดีชาวเยอรมัน และย้ายมาเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (Pergamon Museum) แห่งนี้  ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 20 ปี จนในที่สุดได้เพอร์กามอน อัลตาร์ ขนาดเท่าของจริงมาจัดแสดงอยู่ที่นี่ พร้อมด้วยผนังห้องรายล้อมด้วยประติมากรรมนูนสูง ที่ต่อขึ้นจากเศษซากปรักหักพังที่ขุดพบ เล่าเรื่องสงครามระหว่างเทพและยักษ์ ถือว่าเป็นศิลปะชิ้นโบว์แดงของกรีก โดยจัดแสดงไว้ในโซนแรก    



                ในโซนที่ 2 เป็นการจัดแสดงคือ ประตูเมืองอิชตาร์ (Ishtar Gate) เป็นกําแพงทางเดินเข้าเมืองบาบิลอน (Processional Way of Babylon) สร้างด้วยอิฐเคลือบสีน้ำเงินสลับเหลือง เขียว และขาว เป็นลวดลายสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น สิงโต ม้า กระทิง อายุเก่าแก่กว่า 600 ปีก่อนคริสตกาล สร้างความตื่นตาตื่นใจมาก 



              ในสมัยของพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ได้มีการสร้างกำแพงล้อมรอบกรุงบาบิโลนเอาไว้ โดยมีประตูหลวงมีชื่อว่า “ประตูอิชตาร์” (The Ishtar Gate) จุดประสงค์ในการสร้างประตูนั้นเพื่อถวายแก่มหาเทวีอิชตาร์ (Ishtar) อันเป็นเทวีประจำเมืองและเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งชาวบาบิโลเนียเคารพนับถือเช่นเดียวกับเทพเจ้ามาร์ดุค (สัตว์ผสมระหว่างงู ปลา นกอินทรี และสิงโต)



            “ประตูอิชตาร์” (The Ishtar Gate) มีขนาดสูง 47 ฟุต สร้างประมาณ 604-562 ปีก่อนคริสตร์กาล สร้างจากวัสดุประเภทอิฐและเคลือบสีสวยงามมาก มีการแกะสลักเป็นภาพสัตว์ต่าง ๆ เช่น ม้า วัว สิงโต และมังกร ฯลฯ ประดับอยู่ทั่วไปเป็นระยะ ๆ



               กว่าจะมาเป็น "ประตูอิชตาร์” (The Ishtar Gate) อย่างในปัจจุบัน มีการขนย้ายกำแพงจากอิฐก้อนเล็กๆ มาประกอบเป็นจิ๊กซอร์จนได้กำแพงขนาดใหญ่อย่างที่เราได้เห็นกัน มันยากลำบากขนาดไหนในการประกอบอิฐแตกจนออกมาเป็นกำแพงใหญ๋โตสวยงามอย่างที่จัดแสดงในปัจจุบัน





                 โมเดลจำลองเมือง โดยรวมแล้ว ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในศิลปะโบราณประเภทต่างๆ คงเดินชมแบบลืมเวลา ที่นี่ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากเพื่อที่จะซึมซับรายละเอียดได้ทั้งหมด


                            

           ความอลังการต่อมาคือ ประตูตลาดมิเลตุส (Market Gate of Miletus) ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 2 เป็นศิลปโรมัน ต่อมาได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและพังทลายลง ในศตวรรษที่11( ราวปี ค.ศ.1100 )


         
               ประตูตลาดมิเลส (Market Gate of Miletus) ใหญ่โตมโหฬารมาก มีความสูงถึง 17 และกว้าง 29 เมตร เป็นสิ่งก่อสร้างจากสมัย โรมันราว ค.ศ.120 ซึ่งต่อมาได้พังทลายลงราวปี ค.ศ.1100  ในช่วงศตวรรษที่19 ได้ถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันและเก็บกู้ซากมาบูรณะขึ้นใหม่และย้ายมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน 


          หนังสือและตำราเก่า โชว์ไว้ในตู้กระจก รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้โบราณที่เป็นลายแกะสลักต่างๆ มากมาย








        
           โบราณวัตถุ อุปกรณ์ เครื่องใช้โบราณ ที่เป็นลายแกะสลักต่างๆ มากมาย ที่นำมาแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และด้วยเวลาอันจำกัด ทำให้เราต้องรีบเร่งในการชม ขอแนะนำว่าต้องเผื่อเวลาไว้มากๆ เพื่อจะได้ชมพิพิธภัณฑ์ได้อย่างทั่วถึง


เวลาเปิด : ทุกวัน 10.00-18.00 น. วันพฤหัส เปิดถึง 20.00 น.
ค่าเข้าชม : 19 ยูโร




 

Create Date : 10 กันยายน 2563   
Last Update : 10 กันยายน 2563 16:20:39 น.   
Counter : 4138 Pageviews.  


มูเซอุมอินเซล” (Museuminsel) เกาะพิพิธภัณฑ์เรียกตามภาษาเยอรมัน

        “เกาะพิพิธภัณฑ์” หรือเรียกตามภาษาเยอรมันว่า “มูเซอุมอินเซล” (Museuminsel) ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ บนแม่น้ำสเปร์ที่ไหลผ่านกลางนครเบอร์ลิน โครงการเกาะพิพิธภัณฑ์เกิดขึ้นตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าวิลเฮล์มที่ 3 เพื่อให้เบอร์ลินเป็นศูนย์กลางทางศิลปะและวัฒนธรรมของยุโรป และเปิดโอกาสให้ประชาชนสัมผัสงานศิลปะและของสะสมอันเป็นสมบัติของราชสำนักได้อย่างใกล้ชิด โดยใช้พื้นที่เกาะกลางแม่น้ำสเปร์อันเป็นส่วนหนึ่งของเขตพระราชวัง เป็นสถานที่จัดเเสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ย่อยจำนวน 5 แห่ง แต่ละอาคารล้วนมีจุดเด่นแตกต่างกันไป



          พิพิธภัณฑ์ย่อยจำนวน 5 แห่ง บนพื้นที่เกาะกลางแม่น้ำสเปร์ พิพิธภัณฑ์แรกอยู่ทางตอนใต้เกาะ อยู่ติดกับ
มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) คือ “อัลเทส มูเซอุม” (Altes Museum หรือ Old Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นอาคารเก่าแก่ทำจากหินทรายแบบนีโอคลาสสิกที่ก่อสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1820 เพื่อเก็บรวบรวมงานศิลปะส่วนตัวของราชวงศ์ปรัสเซีย รวมถึงงานศิลปะจากโรมและกรีกยุคโบราณ หันหน้าออกสู่จัตุรัสลูสท์การ์เทิน (Lustgarten) 



      ถัดมาเป็น
“อัลเทอ นาชิโอนาลกาเลรี” (Alte Nationalgalerie หรือ Old National Gallery) เป็นที่เก็บรวบรวมศิลปะยุคศตวรรษที่ 19 จากทั่วยุโรป จัดแสดงงานประติมากรรมและภาพวาดแบบนีโอคลาสสิก โรแมนติกและสมัยใหม่ยุคต้นรวมไปถึงผลงานของศิลปินอิมเพรสชันนิสม์ชาวฝรั่งเศส จัดแสดงงานประติมากรรมและภาพวาดแบบนีโอคลาสสิก เป็นมิวเซียมแรกที่เปิดให้เข้าชมได้จากพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 บนเกาะ


 
          พิพิธภัณฑ์ต่อมาคือ  “นอยเอส มูเซอุม” (Neues Museum : New Museum) เป็นศิลปะสมัยอียิปต์โบราณ ท่ามกลางศิลปวัตถุ เครื่องเรือนและประติมากรรมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีรูปปั้นครึ่งตัวของพระราชินีเนเฟอติติแห่งอียิปต์ในช่วงศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสต์ศักราช   ซึ่งเนฟอร์ติติและคอลเล็กชันไอยคุปต์ถูกย้ายมาจัดแสดงที่นี่



           อาคารพิพิธภัณ์ที่อยู่ทางด้านเหนือ คือ “บอเดอ มูเซอุม” (Bode-Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งที่สี่ในห้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่บนเกาะพิพิธภัณฑ์ 
เป็นสถาบันที่สร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงประติมากรรม ศิลปะจากยุคไบแซนไทน์ และเหรียญโบราณโดยเฉพาะ ค้นพบประติมากรรมยุคเรอเนซองส์ของอิตาลีและกอธิกเยอรมัน รวมถึงเหรียญกษาปณ์ที่มีอายุย้อนไปหลายพันปี

           และพิพิธภัณฑ์แห่งที่ 5 คือ “เพอร์กามอน มูเซอุม” (Pergamon Museum) ซึ่งพระเจ้าเฟรเดริก วิลเลียม ที่ 4 แห่งปรัสเซียได้อุทิศพื้นที่ส่วนนี้ให้แก่ “ศิลปะและวิทยาศาสตร์” ชมสถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์ ที่ใช้สถาปัตย์แนวกรีก-โรมัน สังเกตที่ชื่อยังตั้งโดยอาศัยแรงบันดาลใจจาก แท่นบูชาเพอร์กามอน บูชาเทพเจ้าซุส

        บริเวณเกาะพิพิธภัณฑ์หรือมูเซอุมอินเซล (Museuminsel : Museum Island) แห่งนี้ เป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและยังรวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ ไว้มากมาย ได้การรับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกด้วย  



            สำหรับผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นับว่ามีความคุ้มค่ามาก เนื่องจากเป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและยังรวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ และในบล็อกต่อไปผมจะนำเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์ต่อไป




     

    Create Date : 02 กันยายน 2563   
    Last Update : 2 กันยายน 2563 15:32:55 น.   
    Counter : 1248 Pageviews.  


    มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) ศาสนสถานอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี

                มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral)  เป็นโบสถ์โปรเตสแตนต์ที่สำคัญ ใหญ่และหรูหราที่สุดในนครเบอร์ลิน  มีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี    โดมใหญ่ตระง่านตระการตาใจกลางอาคาร นั่นคือ เบอร์ลินโดม (Berlin Dom) ศิลปกรรมที่โดดเด่น ประดับตกแต่งด้วยภาพโมเสกที่มีสีสันประกอบขึ้นจากแผ่นกระเบื้องมากกว่าหลายแสนชิ้น ตัวโดมนั้นมีสีฟ้าสดใสและปลายยอดสีเหลืองทองอร่าม ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวยิ่งนัก พลาดไม่ได้กับการไปเยี่ยมชม



             มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสแปร (Spree) ตรงส่วนที่แม่น้ำแยกออกจากกันกลายเป็นเกาะ เป็นโบสถ์ในนิกายโปรเตสแตนต์ที่ถือว่าหรูหราใหญ่โตที่สุด  ตัวอาคารโบสถ์ตกแต่งอย่างประณีตด้วยสไตล์แบบบาโรกและเรอเนสซองซ์ โดมใหญ่ตรงกลางสูงถึง 114 เมตร สร้างขึ้นครั้งแรกราวศตวรรษที่ 15 เคยเป็นโบสถ์ประจำราชวงศ์โฮเฮนซอลเลิร์น แล้วมีการสร้างทับครอบของเดิมอีกครั้งในปี 1894 - 1905 หลังที่เห็นในปัจจุบันเป็นหลังที่ได้รับการบูรณะใหม่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งได้รับความเสียหายไม่แพ้สิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในเบอร์ลิน แต่ต่อมาได้รับการบูรณะให้เป็นตามลักษณะเดิม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมความงาม



           ภายในมีแท่นบูชาและการประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนแสดงเรื่องราวในพระคัมภีร์ รูปนกพิราบสัญลักษณ์ของพระจิตที่ช่องแสงบนยอดโดม ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญให้สมาชิกในราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นพิธีเจิมน้ำมนต์ พิธีอภิเษกสมรสรวมทั้งสถานที่ฝังพระศพ จักรพรรดิปรัสเซียนและราชวงศ์อีกหลายพระองค์ และที่สวยงามโดดเด่นก็คือหีบพระศพพระเจ้าฟรีดริซที่ 1 กับพระนางโซฟีชาล็อตเต พระมเหสี นอกจากนี้ยังสามารถเดินขึ้นบันได 270 ชั้น ขึ้นไปชมยอดโดมและทิวทัศน์ เหนือกรุงเบอร์ลินได้รอบทิศทาง



            ไฮไลท์ของที่นี่คือ ออร์แกนเก่าแก่ขนาดยักษ์ (Berlin Cathedral Pipe Organ) ถูกแขวนอยู่เหนือศีรษะที่รับรองแขกกลางโบสถ์ เสียงของออร์แกนจะถูกบรรเลงกึกก้องเมื่อถึงวันสำคัญต่างๆ หรือ การจัดงานพิเศษ อย่าง Summer Organ Organisation ซึ่งเป็นงานระดับนานาชาติ และยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับเสียงดนตรีอีกมากมายที่จัดขึ้นบ่อยๆ หากใครที่เป็นสายดนตรีคลาสสิกก็ไม่ควรพลาดกับคอนเสิร์ตสุดอลังการที่จะจัดขึ้นภายในมหาวิหารเบอร์ลิน 


      
               ด้านในมีความหรูหรา ศักดิ์สิทธิ์ ด้านหน้าเป็นลานน้ำพุ ให้ผู้คนเข้ามานั่งชม พักผ่อนอิริยาบถ ชมความงามของวิหาร ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพเป็นที่ระลึก ด้านหน้าได้อารมณ์หนึ่ง หรือจะถ่ายภาพให้รับกับอาคารอื่นๆ ก็ได้อีกอารมณ์



              มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) เป็นหนึ่งในอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก นอกจากเป็นมหาวิหารนิกายโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเบอร์ลินแลัว ยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเบอร์ลิน

              หากมีโอกาสมายังนครเบอร์ลินแห่งนี้ ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมและเช็คอินที่มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) นับว่าคุ้มค่าแน่นอน  นอกจากได้ชมวิหารแห่งนี้แล้ว ยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่อยู่บริเวณเกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island) ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิหารนี้ด้วย



           พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่อยู่บริเวณเกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island) ที่อยู่ใกล้วิหารนี้ได้การรับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกด้วย ที่ผมจะพาเยี่ยมชมต่อไปครับ




     

    Create Date : 05 สิงหาคม 2563   
    Last Update : 28 สิงหาคม 2563 10:32:59 น.   
    Counter : 2375 Pageviews.  


    ขาหมูเยอรมัน "Schweinshaxe" เสิร์ฟพร้อมกับกะหล่ำปลีดอง สุดยอดอาหารสไตล์เยอรมัน

                  วันนี้เรามาชิมอาหารเยอรมันกัน หากพูดถึงอาหารเยอรมัน เราจะนึกถึงใส้กรอกและขาหมู และหากพูดถึงขาหมูแล้ว เป็นที่ทราบกันดีต้องเป็นขาหมูเยอรมันมีรสชาติขึ้นชื่อและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก   วันนี้เราจะมาชิมขาหมูสไตด์เยอรมันกันครับ    ที่ประเทศเยอรมันจะเรียกว่าขาหมูว่า  "Schweinshaxe" หรือ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า German Pork Hocks เป็นเมนูอาหารขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ที่ใครไปเยอรมันก็ต้องลิ้มลองพอๆกับไส้กรอกเยอรมัน 


                   
                    สูตรขาหมูเยอรมันสูครประจำชาติ วิธีการทำโดยเอาขาหมูไปต้มจนสุก ผึ่งแดดให้แห้งแล้วเอาไปทอดจนเหลืองกรอบเสิร์ฟมา  พร้อมซาวร์เคราท์คือผักกาดดองแบบเยอรมันมีรสเปรี้ยว แก้เลี่ยนได้ดี ถั่วบด และมันฝรั่งต้ม  แบบว่า ขาหมูที่เมืองไทยชิดซ้ายไปเลย แนะนำเลยว่าต้องไปชิมให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรดั้งเดิมแบบเยอรมันแท้



             ร้านที่เรามาชิมอาหารเยอรมันในวันนี้มีชื่อว่า Brauhaus Südstern Restaurant เป็นร้านอาหารพื้นเมืองดั้งเดิมเยอรมัน จัดแต่งด้วยสไตล์โบราณ บรรยากาศเรียบง่ายแต่คลาสสิค 



                 



           ในร้าน Brauhaus Südstern Restaurant มีเครื่องดื่มประจำชาติ หรือเบียร์ของเยอรมันหลากหลายรสชาติให้ลิ้มลองตามชอบใจ 





             การจัดรูปแบบของร้านค่อนข้างลงตัวและโรแมนติกเลยทีเดียว เหมาะสำหรับคู่รักมาเดทรับประทานอาหารกัน 
     


                 หากมีโอกาสได้มาเยอรมันแล้ว พลาดไม่ได้ที่จะต้องลิ้มลองขาหมูเสิร์ฟพร้อมกับกะหล่ำปลีดองซาวร์เคราท์ ไส้กรอกเยอรมัน กับ เบียร์หลากหลายรูปแบบของเยอรมัน 




     

    Create Date : 25 มิถุนายน 2563   
    Last Update : 11 สิงหาคม 2563 10:57:03 น.   
    Counter : 9172 Pageviews.  


    พิพิธภัณฑ์ Checkpoint Charlie BlackBox พิพิธภัณฑ์เรื่องราวของสงครามเย็น

                 ห่างจากจุดเช็กพอยท์ชาร์ลี (Checkpoint Charlie) ที่เรามาเยี่ยมชมกันในบล็อกที่แล้วเพียงไม่กี่เมตร ตรงหัวมุมฝั่งตรงข้ามมีอาคารทรงกล่องสีดำ ที่เรียกว่า BlackBox เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเย็น ทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม มีส่วนหนึ่งของกำแพงเบอร์ลินที่ถูกนำมาแสดงไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ ณ บริเวณลานกลางแจ้งให้ได้ดูกันชัด ๆ 


     
                  พิพิธภัณฑ์ Checkpoint Charlie BlackBox แสดงนิทรรศการแบบในร่มและกลางแจ้งที่ครอบคลุมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ระหว่างปี พ.ศ. 2488-2533 ที่เกี่ยวข้องกับสงครามเย็น  สามารถชมนิทรรศการ BlackBox ได้ตามอัธยาศรัย เท่าที่เราต้องการโดยไม่จำกัดเวลา โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 30 - 45  นาทีก็ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ได้ข้อมูลและเนื้อหาครอบคลุมทั้งหมด  โดยสถานที่แห่งนี้เปิดทำการถึง 22.00 น. ของทุกวัน 



                   พื้นที่กลางแจ้งมีส่วนของกำแพงเบอร์ลินที่นำมาจัดแสดงให้เห็นกันอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถดู แตะต้อง สัมผัสและถ่ายรูปได้ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคสงครามเย็น  และข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกำแพงเบอร์ลิน



                 ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์กล่องดำ Checkpoint Charlie BlackBox   ผู้เข้าชมจะเดินผ่านพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการซึ่งจัดขึ้นตามลำดับเหตุการณ์ การจัดแสดงภาพและวิดีโอวิดีโอ  แสง เสียง ช่วยให้เรามองเห็นชีวิต รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญในยุคสงครามเย็นตั้งแต่ต้น ผ่านมาจนถึงการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน จนกระทั่งถึงเวลาการรวมประเทศเยอรมนี



             


                 หากต้องการรู้ประวัติศาสตร์เพิ่มก็สามารถไปชมต่อได้ที่พิพิธภัณฑ์ Mauermuseum The Wall Le Mur เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นหลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลายลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน ปีค.ศ.1989 



                พิพิธภัณฑ์ Mauermuseum The Wall Le Mur ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับเช็คพอยท์ชาร์ลี (ตรงข้ามกับร้าน McDonald's) ได้เก็บรวมรวมและจัดแสดงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเช็คพอยท์ชาร์ลีในสมัยนั้นเอาไว้ เช่น ชิ้นส่วนและเรื่องราวของกำแพงเบอร์ลิน หอสังเกตการณ์ รั้วลวดหนาม รถถัง วีรบุรุษ สายลับ วิธีการและนวัตกรรมที่ชาวเยอรมันตะวันออกใช้หลบหนีมายังตะวันตกในยุคนั้น รวมถึงนิทรรศการกลางแจ้งที่จำลองป้ายประกาศ ธงชาติ ด่านตรวจ และทหาร เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก



                    การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Checkpoint Charlie BlackBox และ Mauermuseum The Wall Le Mur รวมทั้งเที่ยวชมบรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนเช็กพอยท์ชาร์ลี (Checkpoint Charlie) ในวันนี้ ได้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของยุคสงครามเย็นอย่างละเอียดครบถ้วนทุกแง่มุม ต้องชื่นชมรัฐบาลเยอรมนีที่มีการเก็บรักษาและการจัดแสดงนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ต่างๆ และนำเสนอได้อย่างดีเยี่ยม




     

    Create Date : 25 มิถุนายน 2563   
    Last Update : 11 สิงหาคม 2563 10:57:49 น.   
    Counter : 1031 Pageviews.  


    1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

    camel_27
     
    Location :
    สมุทรสงคราม Thailand

    [Profile ทั้งหมด]

    ฝากข้อความหลังไมค์
    Rss Feed
    Smember
    ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




    [Add camel_27's blog to your web]

     
    pantip.com pantipmarket.com pantown.com