Group Blog
 
All Blogs
 

หนังสือท่องเที่ยว E-BOOK ไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่อิหร่าน

อิหร่านประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานมากว่า 5,000 ปี อาณาจักรเปอร์เซียของอิหร่านยิ่งใหญ่เคียงคู่มากับ โรมันและกรีกเลยทีเดียว จึงไม่ต้องสงสัยว่าอิหร่านจะมีความน่าสนใจแค่ไหน มาในยุคปัจจุบัน ประเทศที่ในสายตาตะวันตกอิหร่านคือซาตาน ผู้ก่อการร้ายของโลก ประเทศที่โดนคว่ำบาตร ประเทศที่มีแต่เรื่องร้ายมานำเสนอต่อสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง CNN เป็นประเทศไม้เบื่อไม้เมากับมหาอำนาจอย่างอเมริกา  เรารับรู้แต่เรื่องแย่ๆของอิหร่าน แต่ในความเป็นจริงล่ะ มันช่างแตกต่างจากสื่อที่เราได้เห็นชนิดราวฟ้ากับเหว ประเทศที่คนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง จะสามารถเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ โดยไม่ต้องมีคุณสมบัติแบบ ณเดช อั้ม พัชราภา คุณก็ได้สัมผัสกับคำว่า ซุปเปอร์สตาร์ อยากเป็นซุปเปอร์สตาร์สักครั้งหนึ่งในชีวิตกันไหมล่ะ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบให้คุณ Tag

อิหร่านประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานมากว่า 5,000 ปี อาณาจักรเปอร์เซียของอิหร่านยิ่งใหญ่เคียงคู่มากับ โรมันและกรีกเลยทีเดียว จึงไม่ต้องสงสัยว่าอิหร่านจะมีความน่าสนใจแค่ไหน
มาในยุคปัจจุบัน ประเทศที่ในสายตาตะวันตกอิหร่านคือซาตาน ผู้ก่อการร้ายของโลก ประเทศที่โดนคว่ำบาตร ประเทศที่มีแต่เรื่องร้ายมานำเสนอต่อสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง CNN เป็นประเทศไม้เบื่อไม้เมากับมหาอำนาจอย่างอเมริกา 
เรารับรู้แต่เรื่องแย่ๆของอิหร่าน แต่ในความเป็นจริงล่ะ มันช่างแตกต่างจากสื่อที่เราได้เห็นชนิดราวฟ้ากับเหว ประเทศที่คนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง จะสามารถเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ โดยไม่ต้องมีคุณสมบัติแบบ ณเดช อั้ม พัชราภา คุณก็ได้สัมผัสกับคำว่า ซุปเปอร์สตาร์ อยากเป็นซุปเปอร์สตาร์สักครั้งหนึ่งในชีวิตกันไหมล่ะ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบให้คุณ

สนใจเข้าไปดูได้ที่  

https://www.mebmarket.com/ebook-72737-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99

หนังสือ ebook อีกเพจ


https://www.ebooks.in.th/ebook/47544/%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99/


และที่นี่ 

https://www.ookbee.com/shop/book/48bce7f6-c1e2-4fef-a594-9338ebabfa9f/%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99
 
Tagเที่ยวอิหร่าน  




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2562    
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 13:39:18 น.
Counter : 804 Pageviews.  

เที่ยวเมือง โพคารา นั่งเครื่องบินเล็ก ultralight aircraft ชมยอดเขาหางปลา เนปาล

ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันว่า ที่เมืองโพคารา (pokhara) ประเทศเนปาล มีให้บริการเครื่องบินเล็ก ultralight aircraftชมยอดเขาหิมาลัยด้วย ความตั้งใจของการมาเที่ยวเนปาลครั้งนี้ ตั้งใจจะมาชม เรียนรู้ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเนปาล ชมธรรมชาติสวยๆชมยอดเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ที่เมืองไทยไม่มี ชม วัดวาอาราม ปราสาท ราชวัง เดินเขา ชมหมู่บ้าน ชนบท ระยะทางสั้นๆไปเช้า เย็นกลับ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาภูหิมะแสนสวย เท่านั้น


ครั้งแรกที่เห็นรูปภาพเครื่องบินเล็ก บินอยู่บนยอดเขาหิมะ ในร้านเอเจนซี่ท่องเที่ยว ความรู้สึกแรกว่า อยากลอง วิ่งเข้าไปในหัวสมอง ทันที พอลองเข้าไปสอบถามราคา หัวคิ้วชนกัน ไมเกรนขึ้นสมองทันที ราคาตั้ง 200 ยูโร หรือประมาณ 8,000 บาท แต่คิดไปคิดมาไหนๆก็ทำงานหนักมาทั้งปีแล้ว ขอให้ของขวัญปีใหม่ตัวเองแล้วกัน เพราะอีกไม่กี่วันก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว แต่คนที่เค็มและงก เฮ้ย รอบคอบอย่างผม มีหรือที่จะตกลงจองทันที ลองเปรียบเทียบราคาดูหลายๆเอเจนซี่แล้วกัน ถึงได้รู้ว่า แต่ละที่ราคาไม่เท่ากันจริงๆด้วย ทั้งๆที่การบริการเหมือนกัน และถือคติที่ว่า ในโลกนี้ไม่มีที่อะไรต่อรองไม่ได้ ก็เลยขอลดราคาแกมบังคับ ในที่สุดก็อ้อนจนได้ราคา 175 ยูโร หรือประมาณ 7,000 บาท ถูกกว่าตั้ง 1,000 บาท เพราะการตั้งราคาสไตล์ประเทศแถบเอเชีย เกือบทุกประเทศ จะตั้งไว้สูงๆเผื่อการต่อรองอยู่แล้ว ใครที่ใจร้อน ไม่เปรียบเทียบราคาก่อน หรือไม่ต่อรองราคา คนขายก็ฟันกำไรเนื้อๆ



ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่ตี 5 ให้รถแท็กซี่ ไปส่งที่สนามบิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโพคาราเลย มาถึงสนามบินยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ แล้วเขาก็พาเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่หมวกกันน๊อค ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เพื่อความอบอุ่นของร่างกาย เพราะข้างบนลมแรง และอากาศหนาวมาก เพราะมาช่วงหน้าหนาวพอดี เครื่องบินเล็กจะนั่งได้เพียงผู้โดยสารกับกัปตันเท่านั้น

กัปตันส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งมีหลายเชื้อชาติ กัปตันของผมเป็นชาวรัสเซีย ตัวสูงใหญ่ หน้าตาบึ่งตึง เย็นชาเหลือเกิน กัปตันชาติอื่นก่อนนำผู้โดยสารเหินฟ้า ชมยอดเขาหิมะ ระหว่างรอคิวเตรียมตัวบิน เห็นมาทักทาย แนะนำตัว พูดคุยกับผู้โดยสาร ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง แต่ไหงอีตากัปตันชาวรัสเซียคนนี้ของผม ตรงกันข้าม แค่ทักทาย Good morning แค่นั้นจบ ผมอยากจะพูดคุยกับเขาตามประสาคนชอบสอดรู้สอดเห็น เฮ้ย ไม่ใช่ ตามประสาคนที่ชอบพุดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ แต่เห็นท่าทาง เย็นชาเหมือน หิมะบนยอดเขาแล้ว เลยขออยู่เฉยๆดีกว่า ไม่รู้ว่าเป็นบุคลิกของคนที่มาจากประเทศรัสเซียหรือเปล่า เห็นว่าคนประเทศนี้ หน้าตาบึ้งตึง บอกบุญไม่รับ กันค่อนประเทศ


ช่วงที่เครื่องบินลำเล็ก วิ่งบนรันเวย์ เหินขึ้นฟ้า เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมากๆ ไม่มีความรู้สึกกลัวความสูง หรือเครื่องบินจะโหม่งพื้นเลย เครื่องบินสูงขึ้นเรื่อยๆ มองลงมาข้างล่าง เห็นตึกรามบ้านช่อง เห็นรถวิ่งบนถนนคันเท่ามด และแน่นอน สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด ก็คือเทือกเขาหิมะ ที่ทอดยาวไกลแสนไกล จนสุดสายตา เทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน มียอดเขาหลายลูก สูงลดหลั่นกันไป แน่นอนยอดเขาที่ได้รับความสนใจและโดดเด่น เป็นพระเอก ก็คือ ยอดเขามัจฉาปูชเร (Machhapuchhre) หรือ ยอดเขา หางปลา หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่า Fish tail ยอดเขาหางปลาไม่ใช่ยอดเขาที่สูงที่สุด ของเทือกเขาอันนะปุรณะ (Annapurna) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยอันยาวไกล มีความสูง 6,997 เมตร ส่วนยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาAnnapurna คือยอดเขา Annapurna I ( หมายเหตุ ตัว I หมายถึงเลขโรมัน ที่ 1 นะครับ มันชื่อซ้ำกัน มี ที่ 1,2,3 ,I II, III ) ซึ่งมีความสูง 8,091 เมตร สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ส่วนอันดับ 1 .ใครๆก็รู้จัก ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ (Everest)นั่นเอง ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก มีความสูง 8,848 เมตร ยอดเขาหางปลา ถึงจะไม่สูงที่สุดแต่ก็เป็นยอดเขาที่เด่นที่สุด ถ้ามองจากเมืองโพคารา จะเห็นยอดเขาหางปลาใกล้ที่สุด เลยดูเหมือนจะสูงกว่าทุกยอดเขา แต่ด้วยความที่มีรูปร่างแปลกตาโดดเด่น น่าจดจำที่สุด เลยต้องเป็นพระเอกไปโดยปริยาย โดยไร้ข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น ที่ได้ชื่อว่า ยอดเขา หางปลา ก็เพราะมีรูปร่าง เหมือนหางปลานั่นเอง


ส่วนตัว มองยังไงก็ไม่เห็นจะเหมือนหางปลาตรงไหน แล้วที่ว่าเหมือน หางปลา มันปลาอะไรก็ไม่รู้ นัยว่าที่เรียกยอดเขาหางปลา เพราะเงาสะท้อนยอดเขาในทะเลสาบมันมองดูเหมือนหางปลา เอาเถอะ มันจะเหมือนหางปลา หรือว่าหางอะไรก็ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆ ใครๆมาเที่ยวที่นี่ต่างก็สนใจยอดเขานี้กันทั้งนั้นแหล่ะ ถ้ามาเที่ยวเมืองโพคาราแล้ว ไม่เห็นยอดเขาหางปลา หรือไม่ได้ถ่ายรูปกับยอดเขา หางปลา จะถือว่ามาไม่ถึงเมือง โพคารา ก็คงไม่ผิดนัก แต่สำหรับผม นอกจากได้ชมยอดเขาหางปลาและถ่ายรูปกับยอดเขาหางปลาจากบนพื้นดินจนหนำใจแล้วมันยังไม่สะใจโก๋ ขอติดปีกเป็นนกน้อย พญาอินทรีย์โบยบิน เข้าไปชมยอดเขาหางปลาใกล้ๆ แบบสายตาของพญาอินทรีย์ ที่เรียกกันว่า Bird ,s eye view ด้วยการนั่งเครื่องบินเล็ก ชมแบบใกล้ๆ มันซะเลย ส่วนยอดเขาอื่นๆในเทือกเขา Annapurna ที่ไกลออกไป ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันชื่ออะไรบ้าง ผมก็รู้จักแต่ยอดเขาหางปลาเท่านั้น และการนั่งเครื่องบินเล็ก เขาก็เน้นเฉพาะ ยอดเขาหางปลา เช่นกัน จะว่าไปแล้ว ยอดเขาหางปลา มีรูปร่างเหมือนยอดเขา แมทเทอร์ฮอร์น (matter horn )เทือกเขา แอลป์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เหมือนกัน เป็นแฝดคนละฝาก็ว่าได้ อันหนึ่งตีความเป็น หางปลา ส่วนอีกยอดเขาตีความเป็น เขาสัตว์ ซะงั้น แต่เรื่องความสูง ยอดเขาหางปลา กินขาด เพราะแมทเทอร์ฮอร์น สูงเพียง 4,478เมตร เท่านั้น












ในเมื่อสวมวิญญาณของพญาอินทรีย์ ด้วยราคาแสนแพง จะบันทึกความงดงามด้วย สายตาและความทรงจำ อาจจะลืมเลือนไปกับกาลเวลา คงต้องให้เทคโนโลยีช่วยบันทึกความทรงจำอันสวยงามด้วย ซึ่งตอนก่อนบิน พนักงานเตือนแล้วเตือนอีก ไม่แนะนำให้เอากล้องขึ้นไปด้วย อาจหลุดมือหล่นลงพื้น เพราะข้างบนลมแรงถ่ายรูปไม่สะดวกนัก และ แน่นอน ไม่มีทางได้กล้องคืนแน่ๆ ดีที่กล้องผมเป็นกล้องคอมแพ็คเล็กๆ ผูกเชือกคล้องไว้กับข้อมือเลยไม่ลำบากในการถ่ายรูปสักเท่าไหร่ ผมกดชัตเตอร์ถ่ายรูปแบบไม่ยั้ง ถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมด แสงแดดช่วงเช้าสาดส่องกระทบกับยอดเขาหิมะ สวยงามยิ่งนัก ข้างบนลมแรงมาก ปะทะหน้าจนปากแห้งไปหมด แต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผมเท่าไหร่นัก เสียดายที่ถ่ายรูปตัวเองได้มุมกล้องที่ไม่สวยนัก
ครั้นจะให้กัปตัน ถ่ายให้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ใครจะขับเครื่องบิน เกิดเครื่องบินโหม่งพื้น คงไม่รอดกันทั้งคู่ แต่เขาก็มีกล้องถ่ายรูปให้ จะติดกล้องไว้ที่ปีกเครื่องบิน เวลาจะถ่ายรูปกัปตัน จะส่งเสียงบอก ให้มองกล้อง แล้วก็กดปุ่ม ถ่ายรูปให้ มัวแต่ถ่ายรูปเพลินประกอบกับลมแรง เลยไม่ค่อยได้ยินเสียงกัปตันเตือนให้มองกล้อง ตั้งตัวไม่ทัน ไม่ได้โพสต์ท่าเต็มที่ แต่คิดว่ารูปที่ออกมาต้องสวยแน่ๆ เพราะเห็นรูปถ่ายคนอื่น มันช่างสวยนัก เครื่องบินสีสันสวยงามลอยล่องกลางอากาศ ตัดกับฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะหางปลาแสนสวย ผู้โดยสารหน้าเปื้อนยิ้มด้วยความสุข โบกไม้โบกมือเล่นกับกล้อง ผมก็หวังว่า รูปถ่ายของผมคงจะสวยแบบนั้นเหมือนกัน จะเอารูปไปลง facebook ให้เพื่อนอิจฉาเล่นๆ การได้เผชิญหน้าใกล้ๆยอดเขาหางปลา เป็นความรู้สึกที่ ตื่นตาตื่นใจพอสมควร ผมเคยนั่งชมเทือกเขาหิมะทางหน้าต่างเครื่องบินโดยสารหลายครั้ง ความรู้สึกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะมองเห็นเต็มตา ไม่มีกระจกกั้น และใกล้ชิดกว่ามาก





เวลาประมาณ 30 นาที ของการนั่งเครื่องบินเล็ก ไม่ได้เห็นเพียงแค่ เทือกเขาหิมะแสนสวย Annapurna เท่านั้น แต่ยังเห็นวิวรอบๆเมืองโพคารา ทั้งเทือกเขาสีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ และเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หมู่บ้าน แม่น้ำ ทะเลสาบเฟวา (Phewa Lake) เจดีย์สันติภาพสีขาว( Peace pagoda ) ตั้งอยู่บนยอดเขา อีกด้วย เรียกว่าชมวิว บนฟ้าจนเพลินไปเลย


พอลงจากเครื่องบินเล็ก ผมเข้าไปดูรูปถ่าย อยากจะบ้าตาย ฝีมือการถ่ายรูป ของอีตากัปตันรัสเซีย ไม่ได้เรื่องเลย รูปผมหน้าดำเป็นเหนี่ยง ไม่ชัดเลย มองดุไม่รู้เลยว่าเป็นตัวผม สงสัยจังหวะถ่ายรูป อาจจะแสงไม่พอ หรือย้อนแสง ถ่ายมา 2 รูป คนละช่วงเวลา ใช้ไม่ได้สักรูป นอกจากนิสัยจะเย็นชาแล้ว ยังถ่ายรูป ได้ห่วยแตกมาก ไม่รู้จักจังหวะของการถ่ายรูปเลย หรืออย่างไร เป็นกัปตันที่ไม่ได้เรื่องเลย โชคร้ายจริงๆเลยที่ต้องมาเจอกัปตันคนนี้ อุตส่าห์ฝันหวาน จินตนาการไปไกล ว่าจะได้รูปสวยๆไว้เป็นที่ระลึก ต้องมาพังทลายลงอย่างย่อยยับ ถึงราคาอัดรูปจะไม่แพงมาก ผมก็ไม่อยากได้อยู่ดี จะเอาไปทำไมให้เจ็บใจเล่นๆ พนักงานพยายามกล่อมให้ผมอัดรูป ผมบอกว่า ไม่ชอบ เขาเลยยินดีจะลดราคาให้ผม แต่ในความรู้สึกผม ก็ยังไม่อยากได้อยู่ดี เลยสั่งให้เขาลบรูปไปเลย แต่ทางบริษัทเขาก็มีใบประกาศนียบัตรลงชื่อให้ไว้เป็นที่ระลึก ว่าเคยขี่เครื่องบินเล็กชมยอดเขาหางปลา มาแล้ว มันก็แค่กระดาษแผ่นเดียว ความรู้สึก และประสบการ์ณต่างหาก ที่จะอยู่ในความทรงจำไปนานแสนนาน







เมืองโพคารา เป็นเมืองที่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ล่องแก่งในแม่น้ำไหลเชี่ยว ร่มร่อน พาราไกลเดอร์ ( paraglider )โดดบันจี้จั๊ม นั่งเรือชมทะเลสาบ เฟว่า ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ผมสนใจทั้งนั้น ผมอยากโดดบันจี้จั๊มมาก แต่เสียดายที่นักท่องเที่ยวเยอะ เต็มหมดทุกที่ เลยพลาด และการมาเที่ยวเมืองโพคาราที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคือ การเดินเขานั่นเอง ทั้งการเดินเขาแบบธรรมดาๆระยะสั้นๆ และเดินเขาจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวแบบ Trekking มี หลายๆเส้นทาง แบบวันเดียวไปเช้าเย็นกลับ หรือจะค้างคืนหนึ่งคืนแล้วกลับก็ได้หากใครมีเวลามากจะเดินชมหมู่บ้านชนบท ในหุบเขาหิมะแสนสวยเป็นอาทิตย์หรือมากกว่านั้นก็ได้ ตามแต่เวลาจะอำนวย เพราะวิวภูเขาหิมะหิมาลัยสวยจนบรรยายไม่ถูก จะอาแบบไหนมีเวลาน้อยหรือมาก สามารถบอกไกด์ ได้เลย เขาจะจัดการ แนะนำเส้นทางให้ พร้อมด้วยเดินนำทาง หรือใครที่ศึกษาเส้นทางมาเองอย่างดี จะเดินเอง ไม่ต้องจ้างไกด์ก็ได้ ถ้าผมมีเวลามากพอจะเดินเขา Trekking สัก 10 วันเลย ส่วนขากลับจะนั่งเครื่องบินกลับเมืองโพคารา จะให้เดินกลับคงใช้เวลานานเกิน


ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว สักวันผมจะกลับมา ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ให้ได้ เพราะดูในภาพแล้วมันสวยอลังการมากๆ แต่คราวนี้ขอเดินอุ่นเครื่องแค่ 1 วัน ก่อน เพราะไม่มีเ วลามากพอ ผมเลือกเส้นทาง ออสเตรเลียน แค้มป์ (Australian camp )ผ่านหมู่บ้าน Dhampus เป็นการเดินเขา ระยะสั้นๆ ไปเช้า เย็นกลับ
มีรถรับส่ง พร้อมไกด์นำทาง 1 คน ในราคาประมาณ 1,000 กว่าบาท รวมหมดแล้วทุกอย่าง ทั้งไกด์นำทาง รถรับส่ง อาหารกลางวัน 1 มื้อ ถือว่าคุ้มค่า สมราคามาก เป็นเส้นทางที่สวยงามมาก เดินไปไหนก็มองเห็นยอดเขาหิมะหางปลาโดดเด่น เป็นฉากหลัง ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ดูวิถีชีวิต ผู้คน รายทางมีโรงแรมน่ารักๆราคาถูกๆให้พักมากมาย ระหว่างทางเดินสวนกับ นักท่องเที่ยวเดินเขาหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นชาวตะวันตกทั้งนั้น บางกลุ่มมากันทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูกๆ พร้อมด้วยไกด์และลูกหาบ เด็กๆถึงจะตัวเล็กแต่ ท่าทางดูมุ่งมั่น กันเหลือเกิน ถึงจะเดินไกลเป็นสิบกิโลเมตร แต่ไม่มีความรู้สึกว่าเหนื่อยเลย เพราะอากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์มองไปทางไหนก็สวยไปหมด ผ่านหมู่บ้าน แวะทักทาย กับผู้คน ถ่ายรูปกับเด็กๆ พอเห็นหน้าผมเท่านั้น แหล่ะเด็กๆ ร้อง ช๊อคโกแลต ๆ เสียดายไม่มีขนมมาแจกน้องๆเลย

ประเทศเนปาล ถึงจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ และการมาเที่ยวเนปาล ค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงมาก คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ถึงเมืองไทยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย การได้มาสัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่ ได้เรียนรู้วัฒนธรรม เพื่อนร่วมโลก ถือว่าเป็นกำไรของชีวิต ได้สัมผัสบรรยากาศที่ไม่มีในเมืองไทย ประเทศ ที่มี 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก และร้อนตับแตก เนปาลจึงเป็นประเทศที่นักเดินทาง ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม












 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 11:52:02 น.
Counter : 894 Pageviews.  

เฟิ่งหวง เมืองโบราณแห่งสายน้ำ

นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วสำหรับประเทศจีน ประเทศที่แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน แถมยังมีความหลากหลายทั้งภมิศาสตร์และเผ่าพันธ์มนุษย์ ไหนจะเรื่องของความเก่าแก่ของศิลปะและวัฒนธรรมอีก
จึงไม่น่าแปลกที่การเดินทางมาประเทศจีน จะมีครั้งต่อไปเรื่อยๆไม่รู้จักเบื่อ และแต่ละภุมิภาคก้น่าสนใจไปซะหมด รวมทั้งการขอวีซ่าและค่าใช้จ่ายไม่ได้เกินกำลัง การเดินทางก็ไม่ได้ลำบากเกินไป อาหารการกินก้แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย การท่องเที่ยวเมืองจีน เสียอยู่อย่างเดียวคือประเทศนี้ หาคนพูดภาษาอังกฤษได้ยากเต็มทน หากไม่มีคู่มือ ภาษาจีนแล้ว ยุ่งยากพอสมควร แต่โชคดีที่เทคโนโลยี สมัยนี้ทันสมัย มีโปรแกรมแปลภาษาในมือถือ ก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน แต่เรื่องที่ลำบากที่สุดและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย ของการท่องเที่ยวในประเทศจีนก็คือ ประชากรของเขานั่นเอง ทำไมมันถึงได้เยอะขนาดนี้ แทบจะไม่มีที่ให้หายใจ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวประเทศนี้ พลอยไม่สนุกไปด้วย


ไหนจะเจอกับมารยาทของชาวจีน ที่ยังล้าหลัง ไม่ทันปรับตัว ไปตามมารยาทสากล ที่พึงจะทำ
แต่ถ้ามองข้ามตรงนี้ไป ก็มองเป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติ ของประเทศที่เพิ่งเปิดโลกสู่โลกกว้าง ก็จะเข้าใจไปเองว่าทำไมคนจีน ต้องเป็นแบบนี้ ทำไมคนจีนต้องเป็นแบบนั้น ทุกอย่างมันมีเหตุและผลทั้งนั้น เราเป็นเพียงนักท่องเที่ยว ต้องยอมรับความแตกต่างทางด้าน สังคม และวัฒนธรรม ของเพื่อนร่วมโลกให้ได้ อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักวาล มันจะทำให้การเดินทางของเรา ไม่สนุกไปด้วย









เพิ่งจะรู้จักเมืองเพิ่งหวง เมื่อไม่นานมานี่เอง จากเวปไซด์ท่องเที่ยว อ่านรีวิว แล้วมีความรู้สึกว่ามันสวยจังเลย แม่น้ำใสไหลเย็น ไหลผ่านเมืองโบราณ กลางคืนเปิดไฟแสงไฟสีสวยกระทบกับสายน้ำเป็นเงาสะท้อน ดูแล้วอลังการงานสร้างมาก ต้องไปให้เห็นกับตาให้ได้

มาถึงเฟิ่งหวงตอนเช้า ลากกระเป๋าเดินหาโรงแรมไปเรื่อยๆ ตั้งใจจะไปหาโรงแรมที่เขารีวิวไว้เพราะบรรยากาศสวยเหลือเกิน ได้นั่งชมวิวสายน้ำที่หน้าต่างด้วย แต่พอถามหายื่นที่อยู่ให้ดู ไม่มีใครรู้จักเลย ขี้เกียจเดินหาพอมีนายหน้าโรงแรม อาสาพาไปดูห้อง เลยเดินตามไปแต่โดยดี ราคา 100 หยวนหรือ 500 บาทไทย ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ในเมื่อจะอยู่แค่คืนเดียว และวันทั้งวันคงไม่ได้มุดหัวอยู่แต่ในห้องทั้งวันแน่ๆ เอาแค่ไว้ซุกหัวนอน และอาบน้ำ ก้น่าจะพอแล้ว อีกอย่างเสียเวลามามากแล้ว เอาเวลาไปชมเมืองน่าจะดีกว่า จะเอาอะไรนักหนา ชีวิตนักท่องเที่ยวแบบ backpacker จนๆ เดินทางตามลำพังคนเดียว ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องแคร์ใครอยู่แล้ว ไม่ต้องปรึกษา ขอความเห็นจากใคร













เก็บกระเป๋าเสร็จออกสำรวจเมืองทันที เดินลัดเลาะไปตามริมแม่น้ำ ตั้งใจจะเดินทวนสายน้ำขึ้นไปเรื่อยๆน้ำใสไหลเย็น และวิถีชีวิตของชาวบ้าน ช่างกลมกลืนกับสายน้ำจริงๆ บ้านเรือนสองฝั่งแม่น้ำต่างใช้ประโยชน์จากสายน้ำ ทั้งซักผ้า ล้างจาน ล้างผัก อาบน้ำ เป็นวิถีชีวิตจริงๆของชาวบ้าน ไม่ใช่การจัดฉากแต่อย่างไร ด้วยความที่สายน้ำไหลถ่ายเทตลอด จึงไม่ทำให้สายน้ำสกปรก แต่อย่างไร เพราะมีเจ้าหน้าที่พายเรือ คอยช้อนเก็บขยะ ตลอดทั้งวัน












ช่วงความยาวของสายน้ำที่ไหลผ่านเมืองเก่าแห่งนี้ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำหลากหลายไปหมด ทั้งการเช่าชุดถ่ายรูปของชนเผ่า หรือชุดสมัยใหม่ ใครอยากเป็น นางเอก พระเอก มือปืน มีให้หมดรู้สึกจะเป็นชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเจ้าถิ่นเหลือเกิน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ใส่ชุดชาวเผ่าดั้งเดิมของที่นี่ แล้วกางกระโปรงประชันกัน โดยมีฉากหลังเป็นกังหันน้ำ

ส่วนพวกนักเรียนศิลปะก็มานั่งสเก็ตภาพเมืองโปราณ ส่วนพวกนักถ่ายภาพ ก็หัดปนะลองฝีมือกันเป็นกลุ่ม เป็นชมรม เดินดูบรรยากาศของเมืองเก่าที่มีแม่น้ำไหลผ่านแล้ว เพลิดเพลินจำเริญใจเหลือเกิเกิน ส่วนใครอยากจะล่องเรือชมเมืองโบราณทั้ง 2 ฝั่ง ก็เป็นกิจกรรมที่ไม่น่าพลาดเช่นกัน แต่ดูราคาแล้วก็แพงเหมือนกัน ใครมาคนเดียวก็ไม่เป็นปัญหา จะไปรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวคนอื่นก็ได้
จำนวนคนเต็มลำแล้วถึงออกเป็นคิวๆไป คนรอขึ้นล่องเรือเยอะมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนไปด้วย
ส่วนใครอยากเป็นส่วนตัวไม่อยากร่วมกับใคร อยากโรแมนติคเป็นส่วนตัว ก็เช่าเหมาลำก็ได้ และสามารถเลือกช่วงล่องเรือได้ เขาจะมีแผนที่ให้ดูว่าจะไปจุดไหนบ้าง หากใครไม่ชอบตรงนี้ ก็เดินตามสายน้ำไปอีกจุด ก็มีบริการให้ล่องเรือชมเมือง ชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำเช่นกัน





นอกจากชมวิถืชีวิตชาวเมืองเฟิ่งหวงแล้ว ยังมีอย่างอื่นให้ชมด้วย ด้านบนมีตลาดขายของสำหรับนักท่องเที่ยว เดินดูสินค้าพื้นเมืองต่างๆ พวกขนมพื้นเมืองก็น่าซื้อเป็นของฝาก ทำกันสดๆหน้าร้านกันเลย เดินถ่ายรูป ชมตลาดไปเรื่อยๆ อยู่ๆก็มีนักท่องเที่ยวหนุ่มๆชาวจีนมาทัก พอรู้ว่ามาจากเมืองไทย ก็ตั้งท่ามวยไทยให้ดู คนจีนเท่าที่เจอส่วนใหญ่ รู้จักเมืองไทยทั้งนั้น ไม่น่าแปลกเพราะคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยปีละเกือบ 2 ล้านคน ไหนจะกระแสหนังจีนที่มาถ่ายทำในเมืองไทย เรื่อง lost in thailand อีก เดินผ่านร้านค้ายังได้ยินเปิดเพลงไทยตั้งหลายร้าน ที่จำได้ก้มีเพลง ภาพลวงตา ของดา เอ็นโดฟิน เมื่อ 3 ปีที่แล้วไปเที่ยวลี่เจียงก็มีร้านขายอาหารฟาสฟู๊ดเปิดเพลงไทยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาชอบกันหรืออย่างไร

















ส่วนสีสันชีวิตกลางคืนของที่นี่ ก็มีผับมีบาร์ ให้เหล่าผีเสื้อราตรี ได้ออกลวดลายย้ายสะโพกเช่นกัน
แต่สำหรับคนที่มาจากเมืองแห่งแสงสี จากแดนสยาม เรื่องแบบนี้ไม่มีที่ไหนในโลกสู้เมืองไทยได้อยู่แล้ว เลยขอเดินชมแสงสี สวยๆยามราตรี ของเมืองเฟิ่งหวง ซึ่งเป็นจุดดึงดูดอย่างหนึ่งของเมืองโบราณเฟิ่งหวง












เดินทาง เมษายน 2556










 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2556 13:39:32 น.
Counter : 2094 Pageviews.  

Hong Kong สวรรค์ของนักช้อปปิ้ง ตอน 2

วันที่ 2 ของการอยู่ฮ่องกง วันนี้ตั้งใจจะไปชมวิว บนยอดเขา และไปชมพระใหญ่ที่เกาะลันเตา
แต่ไม่มีแผนว่าจะไปชม ดิสนีย์แลนด์ เพราะส่วนตัวไม่ได้สนใจเท่าไหร่
วันนี้ตื่นแต่เช้าเมื่อคืนตกลงกับหนุ่มสเปน ว่าจะไปชมวิว victoria peak กับพระใหญ่ big buddha ด้วยกัน แต่ไหงพ่อหนุ่มนอนขี้เซาแบบนี้ ผมเลยไม่รอ ไปคนเดียวก็ได้ เดินถ่ายรูปรอบๆ
hostel ตึกนี้ hostel ตั้งหลายที่รวมอยู่ในตึกเดียวกัน สภาพค่อนข้างแออัด โทรมๆ แต่ทำไมราคาห้องมันถึงแพงนักก้ไม่รู้ ตั้ง 700 กว่าบาท










ชีวิตคนฮ่องกงคงชินกับการอยุ่แบบนี้ ใครมีบ้านเป็นหลังแสดงว่าคงรวยมากๆ
การเดินทางไป victoria peak ก็ไม่ยาก นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี mong kok ลอดใต้ทะเล ไปลงที่เกาะฮ่องกง สถานี central เดินจากใต้ดินขึ้นมาบนพื้นดิน ก็จะเจอกับตึกทันสมัยสวยงาม สูงเสียดฟ้าของฮ่องกง พร้อมกับป้ายโฆษณาแสนสวย เย้ายวนให้ซื้อสินค้ายิ่งนัก มองไปทางไหนก็น่ามองไปหมด รวมทั้งรถเมล์ 2 ชั้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากอังกฤษที่เกาะแห่งนี้เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อน ถ่ายรูปซะเพลินไปเลย
ถ้าจะไป victoria peakd ก็เดินไปอีก ประมาณ 700 เมตร ก็จะเจอสถาณีรถราง เพื่อนขึ้นไปชมวิวบนยอดเขา ผมก้ไปไม่ถุกหรอก อาศัยถามคนฮ่องกง เขาก็ชี้บอกให้เดินไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เจอเอง โชคดีไปเจอนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย มากันเป็นครอบครัว คุณแม่กับลุกสาว 2 คน
เลยได้พลัดกันถ่ายรูป และเดินไปด้วยกัน เพราะจะไปที่เดียวกันด้วย ตอนแรกเขาคิดว่า ผมเป็นประเทศเดียวกับเขาซะอีก









การขึ้นไปจุดชมวิวต้องนั่งรถรางไป บนยอดเขา ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดชมวิว แต่การมาฮ่องกงของผมคราวนี้ ทำไมมันแย่อยางนี้ เพราะบนภูเขาฝนตก หมอกลงหนาจัด มองอะไรแทบไม่เห็นเอาซะเลย เลยได้แต่เดินดูสินค้าไปเรื่อยๆ สมกับเป็นเกาะสวรรค์ของนักช้อปปิ้งจริงๆ ไม่ว่าไปมุมไหนของเกาะก็จะมีร้านค้าแทบทุกตารางนิ้ว แต่ใครอยากจะชมพิพิธภัรฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดาม ทุซโซ่ madame tussauds ก็ได้นอกจากดารา ฮอลลี่วูีดแล้ว ยังมีนักแสดงชาวจีนและฮ่องกงด้วย ที่เด่นที่สุดก็คงไม่มีใครเกิน บรู๊ซ ลี ใส่ชุดสีเหลือง ใครๆก็อยากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันทั้งนั้น
ในเมื่อหัวใจหลักของการมาที่นี่คือชมวิว รอบๆเกาะฮ่องกง ในเมื่อมันไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย ก้ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม กลับลงเชิงเขาด้วยหัวใจแตกสลาย วางแผนว่าจะไปชมพระใหญ่ต่อ ก็เลยต้องล้มกลางคัน คิดว่าไปก็คงไม่ต่างจากที่นี่เท่าไหร่ ดีแล้วที่ไม่ซื้อตั๋วล่วงหน้ามาจาก hostel ที่ราคาถูกกว่าไปจองหน้างาน เยอะเหมือนกัน เพราะไม่ไว้ใจสภาพอากาศ เป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆ
เพราะรู้จากหนุ่มสเปนที่ไปมา มองดูรูปที่เขาถ่ายมา มองอะไรไม่เห็นเลย แย่กว่าของผมอีก













ไม่รู้จะไปไหนแล้วขอกลับไปย่านเดิม ฝั่งเกาลูนดีกว่า มาเดินเล่นแถว victoria bay
เดินเล่นไม่นานถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ผนทำท่าจะตกอีกแล้ว เลยข้ามถนนไปย่านช้อปปิ้งดีกว่า
แล้วมาต่อที่ถนน ช้อปปิ้ง canton road ถนนคู่ขนานกับ ถนน nathan road มีสินค้าแบรนเนมยี่ห้อดังๆทั่วโลก ที่เขาบอกว่าเศรษฐกิจฮ่องกง โตวันโตคืน ก็เพราะว่ามีเศรษฐีชาวจีนมาช้อปปิ้ง
แบบเป็นบ้าเป็นหลังที่ฮ่องกง ท่าจะจริง เพราะเห็นเดินถือถุงกระดาษแบรนด์หรุๆ กันให้ว่อน ไม่ว่าจะเป็น chanel hermes louis vuitton โดยเฉพาะ ร้าน louis vuitton ต่อแถวยาวมาก จนล้นออกมานอกถนน แม้ว่าฝนจะตกพวกเขาและเธอ เหล่าแฟชั้นนิสต้า ก็ไม่ยั่น บ้าช้ออปิ้งกันจริงๆ ไปเล่าให้แม่สาวฝรั่งเศสเพื่อนร่วมห้องฟัง เธอก็หัวเราะร่า บอกที่ปารีส บ้านของเธอ ยิ่งกว่าที่ฮ่องกงอีก












นอกจากซุปเปอร์แบรนด์ชั้นนำแล้ว ยังมีแบรนด์ที่เกิดใหม่ให้เหล่านักช้อปปิ้ง ได้กระเป็าฉีกอีกเพียบ
ตั้งแบรนด์เล็กๆ ราคาหลัก 100 ยันหลัก 100,000 ตามที่ฟังเขาเล่ามา ว่าเศรษฐีใหม่ชาวจีน ไม่รู้หรอกว่า ยี่ห้อไหนที่เขานิยมกัน ไม่ทราบหรอกว่าชื่อยี่ห้อออกเสียง แบบฝรั่งเศส ออกเสียงแบบอิตาลี ยังไง แต่อันไหนที่แพงๆก็จะซื้อไว้ก่อน เพราะคิดว่ามันต้องเท่เก๋ล้ำหน้าใครแน่ๆ
แต่เท่าที่ยืนดู พวกแฟชั่นนิสต้า เขาแต่งตัว ก็เห็นแต่งตัวสวยๆเท่ๆกันทั้งนั้นไม่ว่าหญิงหรือชาย กระยาจกอย่างผม กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือบ้านนอกเข้ากรุงไปทันที แต่จะแต่งตัวสวยหล่อยังไง
คนจีนก้ยังเป็นคนจีน วันยังค่ำ เดินสูบบุหรี่ปุ่ยๆ พ่นควันพวยพุ่ง กันแบบไม่สนใจคนรอบข้างเลย มีเงินแต่ซื้อมารยาทสากล ไม่ได้จริงๆ







ถ้าเทียบแหล่งช้อปปิ้งระว่างย่านราชประสงค์ของกรุงเทพ หรือถนน orchard road ของสิงคโปร์แล้ว ฮ่องกงชนะขาดทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่น มันเป็นสวรรค์ของนักช้อปปิ้งจริงๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมเกาะฮ่องกง คนไทยถึงได้มากันเยอะนัก เดินไปที่ไหนก็ได้ยินเสียงคนไทยคุยกันตลอด

แต่สำหรับผมนักท่องเที่ยวแบกเป้ยากจน คงไม่มีวาสนาได้ช้อปปิ้งแบบคนไทยทั่วไป ได้แต่เดินดูเฉยๆ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว แม้ไม่ได้ครอบครอง

อากาศช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย ฝนตกตลอด จะทำอะไรก้ไม่สะดวก จะนั่งรถเมล์สองชั้นชมรอบเกาะฮ่องกง สำหรับนักท่องเที่ยว ก็คงไม่คุ้มค่า ฝนนี่มันเป็นอุปสรรคการท่องเที่ยวจริงๆ
เดินกลับที่พักดีกว่า กลับไปนั่งคุยกับเพื่อนร่วมห้อง 2 คนดีกว่า ไม่มีอะไรให้ทำที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
















เดินทาง เมษายน 2556








 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2556 18:43:42 น.
Counter : 1937 Pageviews.  

Hong Kong สวรรค์ของนักช้อปปิ้ง ตอน 1

ฮ่องกง ชื่อเกาะนี้รู้จักมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของภาพยนต์ เรียกว่าโตมากับหนังฮ่องกง
เลยก็ว่าได้ และหนังฮ่องกง สมัยนั้นมีอิทธิพลกับตัวผมเอง มากกว่าหนังจากฮอลลี่วู๊ดด้วยซ้ำ
รู้จักดารา ที่ดังๆ อย่าง หลิวเต๋อหัว เหลียงเฉาเหว่ย โจวเหวินฟะ หวีอันอัน เจ๊ทลี จางมั่นอี้
จำแทบไม่หวาดไม่ไหว นอกจากภาพยนต์แล้ว ยังได้ดูหนังทางทีวีอีก เรียกว่าติดหนังทีวีของฮ่องกง
งอมแงมเลยล่ะ จึงไม่แปลกใจที่วันหนึ่งผมอยากจะมาเยือนฮ่องกง สักครั้งหนึ่งในชีวิต อย่าว่าแต่คนไทยเลย แม้แต่จีนแผ่นดินใหญ่ ใต้หวัน ก็อยากมาเยือนเกาะฮ่องกง เช่นกัน ว่าเกาะที่ปกครองโดยชาวอังกฤษ ทำไมถึงได้เจริญล้ำหน้า ไปไกลกว่าแผ่นดินของตนนัก









วันที่รอคอยก็มาถึง แต่การมาเที่ยวฮ่องกงครั้งแรกของผม ไม่ได้มาทางเครื่องบิน แต่ข้ามแดนมาจากเมือง เซินเจิ้น ข้ามพรมแดนมาทางรถไฟฟ้า สายสีฟ้าจากสถาณี Lo wu มาลงที่สถาณี mong kok east เพราะพักแถว mong kok จริงๆแล้วการมาฮ่องกง คราวนี้ของผม ไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไรมามาก อาศัยการถามชาวฮ่องกงพร้อมกับมีแผนที่ใบเดียว ที่แจกฟรีตามโรงแรม ก็สามารถเดินทางไปไหนในฮ่องกง ได้อย่างสะดวกสบายแล้ว แค่กางแผนที่ออก นั่งศึกษาเส้นทางไม่นาน ก็รู้แล้วว่าจะต่อรถไปตามสถานที่ต่างๆสายไหน ยังไง ถ้าไม่เข้าใจก็สอบถามเจ้าหน้าที่โรงแรม หรือแต่แม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ ที่ทำงานเป็นแม่บ้าน ก็พูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี



เดินหาที่พักใช้เวลาไม่นาน เพราะสอบถามคนฮ่องกง ที่ส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ไม่เห็นจะเหมือนที่เคยได้ยินมาเลย

มาฮ่องกงคราวนี้พัก hostel ห้องรวม 3 เตียงรวมชายหญิง มีหนุ่มน้อยชาวสเปน และสาวฝรั่งเศส เป็นเพื่อนร่วมห้อง ทักทายเพื่อนร่วมห้องพอหอมปากหอมคคอ พร้อมขอคำแนะนำเล็กน้อย
เพราะเมื่อวานเขาเพิ่งไปมา บอกว่าให้ผมเดินไปตามถนน Nathan ไปเรื่อยๆจนสุดถนน จะเจอรูปปั้น บรูซ ลี นักแสดงชาวจีนที่โกอินเตอร์ไปไกล ถึงฮออลี่วู๊ด และได้ชมอ่าว ชมวิว สวยๆของเกาะฮ่องกง

ผมเดินไปเรื่อยๆแวะชมนั่นชมนี่ข้างทาง ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เจอร้านขายเสื้อผ้า แฟชั่นเต็มไปหมด ดูแล้วเพลิดเพลินจำเริญใจเหลือเกิน ในที่สุดก็มาถึงจนได้ ระยะทางคงประมาณ 3 กิโลเมตรได้ แต่มีความรู้สึกว่าไม่ไกลเลย เพราะถนนนาธาน มีอะไรให้ดูให้ชมเยอะแยะไปหมด











ในที่สุดก็เดินมาถึง victoria bay จนได้ เคยเห็นแต่ในรูปที่แท้ตรงนี้นี่เอง ที่หลายๆคนชอบถ่ายรูป ชมแสงสี พลุ ดอกไม้ไฟตอนกลางคืน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงนี้เขาเรียกว่าอะไร มองเห็นฝั่งตรงข้ามเป็นเกาะฮ่องกง และจุดตรงนี้นี่เองที่ได้เห็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของฮ่องกง ก็คือเรือสำเภาใบพัดสีแดงเลือดหมู นั่นเอง เคยเห้นแต่ในหนังและหนังสือท่องเที่ยว ได้ดูของจริงก้วันนี้นี่เอง




กะว่าจะอยู่ชมแสงสี แสงไฟตอนกลางคืน แต่ดูท่าทางจะไม่มีวาสนาซะแล้ว ฝนเจ้ากรรมดันตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา เกลียดจริงๆเลยสำหรับฝน มันคือศัตรุหมายเลข 1 ของผมจริงๆ ทุกอย่างจบสิ้นไปในพริบตา เลยเดินกลับที่พักดีกว่า และถือโอกาสเดินดูสินค้าไปด้วย


จะว่าไปแล้วฮ่องกง ดูสวยงาม ทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้าเต็มไปหมด การคมนาคมขนส่ง ก็สะดวกสบาย การเดินทางไปไหนก็สะดวก รถก็ไม่ติดเลย แต่มุมหนึ่งกลับดูหดหู่ยังไงไม่รู้ ผู้คนต้องอยู่กันแบบ แออัดบนตึกสูงๆ คนมีเงินคงจะไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับคนจน คงต้องทนอยุ่ในห้องแคบๆเหมือนรูหนู ผมแอบเห็นคุณป้าอายุน่าจะเกือบ 100 ปีได้ เดินหลังค่อม เดินยืดตัวตรงก้ไม่ได้ เข็นรถเก็บขยะประทังชีวิต ไปตามทาง ท่ามกลางถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่องที่ทันสมัย แม้จะดูหดหู่ แต่ก็มีความสวยงามให้เห็น ผมเห็นหนุ่มวัยกลางคน ยื่นธนบัตรฮ่องกง ใส่มือคุณป้า แล้วเดินจากไปแบบเร่งรีบ ตามแบบฉบับบของคนฮ่องกง คุณป้ารับเงินไปแบบไม่เคอะเขิน แล้วเข็นรถต่อไป หายไปในมุมตึก ผมเคยอ่านสารคดี ว่าคนจนในฮ่องกง ต้องอยู่ในห้องที่คับแคบมากเป็นครอบครัว นี่คงเป็นเศษเสี้ยวหนึ่ง ของชีวิตในฮ่องกง ที่ไม่ได้มีแต่ความสวยหรู ความทันสมัย เหมือนภาพที่เราเห็นตามเสื่อต่างๆ





เห็นรถเมล์ 2 ชั้นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะฮ่องกง อยากจะนั่งมาก แต่วันนี้คงไม่มีเวลาเสียแล้ว
เลยเดินเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย ถ้าหลงทางก็คงแต่กางแผนที่ แล้วชี้ให้ดูว่าเราจะหลับที่พัก ก็คงไม่ยากเท่าไหร่ ในที่สุดก็หลงทางจริงๆ เดินมาโผล่ที่ตลาดสด ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าคนฮ่องกงเขากินอยู่อย่างไร แต่ที่แปลกใจคืองงว่า ทำไมแอ๊ปเปิ้ลที่นี่ราคาถึงถูกกว่าเมืองไทยมาก
ราคาลูกละ 10 บาทแค่นั้นเอง ในขณะที่เมืองไทยลูกละ 25 บาท

กลับมาเดินเล่นแถวๆที่พัก ไปเดินเล่นตลาดนัด ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เสื้อผ้าคุณภาพแย่ๆของก๊อปปี้คุณภาพก็แย่ แต่ราคากลับแพงเกินจริง เดินเล่นตลาดเปิดท้ายเมืองไทยยังมีอะไรน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ ขอกลับห้องพักไปนอนเอาแรง ไปเที่ยวพรุ่งนี้ดีกว่า













เดินทาง เมษายน 2556








 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2556 18:34:24 น.
Counter : 1365 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

butterfly angel
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับเพื่อนร่วมโลกทุกคน
ข้อความทั้งหมดที่ผมเขียนก็แค่อยากเขียน อยากเล่า อยากถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ตามแบบฉบับของตัวเอง ไม่ได้ยึดหลักการเขียนแบบนักเขียนมืออาชีพ เพราะก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแบบเขียนที่ดีเป็นแบบไหน อยากเขียนแบบไหนก็เขียน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้ความรู้และความบันเทิง ไม่มีมากก็น้อย

ข้อมูลหรือความคิดทั้งหมด เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด หากใครแวะมาอ่าน โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

ล๊อกอินนี้ใช้ร่วมกับหลานสาวและครอบครัวนะครับ
บางกระทู้ ก็เป็นคนในครอบครัวใช้นะครับ
แต่บล๊อกเป็นงานเขียนของผมคนเดียว




Friends' blogs
[Add butterfly angel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.