บทที่ 23 อวสาน..
ภายในอาคารชั้นล่างสุดของโรงพยาบาลวิภาราม ผมสาวเท้าเร็วๆ ไปยังห้องเก็บเอกสารสำหรับเจ้าหน้าที่แผนกกายภาพบำบัด ผมกระชับแฟ้มรายงานอาการและความคืบหน้าของคนไข้ไว้แนบอก นึกหงุดหงิดจนอยากจะหันไปฟาดแฟ้มเล่มนี้ใส่หน้าของคนที่กำลังเดินตามผมอยู่จริงๆ

“เลิกตามผมซะทีได้มั้ยฮะ” ผมหยุดแล้วหันไปตวาดใส่คนข้างหลัง เจ้าตัวยิ้มเผล่ทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วยื่นมือมาจะหยิบแฟ้มจากมือผมไปแต่ผมเอาหลบทัน

“เดี๋ยวผมช่วย”

“ช่วยอะไร ผมกำลังทำงานอยู่นะ กลับไปได้แล้ว” ผมพูดต่อด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด กัดริมฝีปากตัวเองแน่นด้วยความโมโห

“งั้นแสดงว่าถ้าคุณเลิกงานผมก็ค่อยมาเจอกับคุณได้ใช่ป่ะ”

“ไม่ได้!!!” ผมตอบเสียงดังในทันที แล้วหันหน้าเดินต่อไป แต่ไอ้บ้านี่ดันมาเดินล้อมหน้าล้อมหลังขวางทางจนผมเดินไม่สะดวก

“น่า..นะ ดีกันนะ นะก้องนะ”

“ไม่!! พี่หมวยฮะก้องขอแฟ้มประวัติของคุณสุวัฒน์ห้องสี่สองสองหกหน่อย”

ผมหันไปพูดกับรุ่นพี่ที่ประจำอยู่ที่หน้าช่องกระจกของห้องเก็บเอกสารแผนกกายภาพ พี่หมวยทำหน้างงๆเพราะผมเผลอพูดเสียงห้วน เขาหันมามองพี ก่อนจะเข้าไปจัดการให้แล้วเดินกลับมายื่นให้ผมแลกกับแฟ้มเก่าที่ผมถืออยู่เพื่อให้พี่หมวยเอาไปเก็บ

“ขอบคุณฮะ”

“ดะเดี๋ยวๆก้อง เป็นอะไรอ่ะ หน้ามุ่ยเชียว” พี่หมวยถามหลังจากที่หันไปพยักหน้ารับคำทักทายจากผู้ชายตัวสูงที่อยู่ข้างๆผม

“เปล่าฮะ ก้องไปก่อนนะฮะพี่หมวย”

“อ่า..จ่ะ” พี่หมวยตอบรับด้วยท่าทางงุนงง ผมเดินจากมาแล้วแต่ข้างหลังผมมันเงียบผิดปรกติ พอหันไปก็พบว่าคนที่เดินตามผมต้อยๆมาทั้งวันไม่ได้เดินตามผมมาอีก แต่กลับกำลังยืนคุยกับพี่หมวยอย่างออกรส ฮึ! ไหนว่าจะมาง้อไง คอยดูนะ จะไม่คุยด้วยอีกเป็นเดือนเลย

.

.

.

บรรยากาศดีๆของร้านอาหารสไตล์ธรรมชาติ ไม้ยืนต้นนานาชนิดช่วยทำให้ร้านดูร่มรื่นแม้ว่าจะเป็นเวลาบ่ายแก่ๆที่แดดยังคงจัดอยู่แบบนี้ วันนี้เลิกงานเร็ว ผู้ชายหน้าคมที่ตอนแรกนึกว่าจะหมดความอดทนจนหนีกลับบ้านไปแล้วโผล่มาให้ผมเห็นหน้าอีกทีตอนบ่าย พอรู้ว่าผมเสร็จงานแล้วก็เลยอาสาพาผมมาทานข้าว เฮ้ออออ..ทานข้าวตอนบ่ายสามโมงกว่าๆนี่มันมื้อไหนกันเนี่ย

“ก้อง ทอดมันกุ้งร้านนี้อร่อยมากเลยนะ” ทอดมันกุ้งชิ้นโตถูกวางลงในจานของผมอย่างเอาใจ

“รู้แล้ว! คราวก่อนที่ผมง้อคุณผมก็พามาร้านนี้”ผมกระแทกเสียงตอบ ได้ยินเสียง ‘อูยย’เบาๆจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนที่เจ้าของเสียงจะทำหน้าจ๋อย

“ก้อง ปูอัดผัดผงกระหรี่ คุณชอบปูอัดไม่ใช่เหรอ นี่ผมสั่งให้คุณโดยเฉพาะเลยน้า ” อาหารหน้าตาน่ากินที่ตักมาจนพูนช้อนถูกวางบนจานของผมคำแล้วคำเล่า

“เมื่อวานผมเพิ่งไปปล่อยปลาที่วัดมา วันนี้เลยไม่อยากกินปลา” ผมตอบพลางเอาแขนขึ้นกอดอก มองออกไปที่บ่อน้ำขนาดใหญ่ที่เจ้าของร้านจงใจทำขึ้นให้ดูเหมือนว่าร้านมันตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ มองแล้วสบายหูสบายตากว่ามองคนตรงหน้าเยอะ

“คุณปล่อยปลา แต่นี่มันปูอัด”

“ก็มันทำมาจากปลา นี่คุณกวนผมเหรอพี!”ผมพูดเสียงห้วน หรี่ตามองเล็กน้อยก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางเดิม เห็นจากหางตาว่าเค้าทำแก้มพองแถมยังทำปากยื่น

“ขอโทษษษ~ นะ..”

ดื่มด่ำกับบรรยากาศของร้านที่ทำให้เจริญอาหารได้มากกว่าการมองใบหน้าจ๋อยๆแต่บางทีก็สลับกับยิ้มเผล่ของนายพีได้ซักพักก็รวบช้อนเป็นอันบอกว่าถึงเวลากลับบ้าน ผมหรี่ตามองเค้าอย่างไม่ไว้ใจเพราะอยู่ๆเค้าก็ก้มๆเงยๆมองอะไรไม่รู้ที่ใต้โต๊ะ ผมเพ่งมองแบบเนียนๆก็เห็นว่าสิ่งที่เค้าสนใจและจดๆจ้องๆอยู่ในมือก็คือโทรศัพท์เพราะซักพักเค้าก็เอามันกลับขึ้นมาวางไว้ข้างๆตัว จากนั้นก็ทำหน้าเลิกลั่กมองซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังรอหรือมองหาอะไรซักอย่าง

“คุณเป็นไรอ่ะ” ผมลองหยั่งเชิงถามดู พีรีบตวัดหน้ากลับมายิ้มเผล่แล้วส่ายหัวแรงๆ จากนั้นก็เรียกพนักงานมาสั่งของหวานเพิ่ม แต่คนมันมีพิรุธผมก็เลยรู้สึกได้ เค้าตั้งหน้าตั้งตาทานขนมหวานได้ไม่นานก็เริ่มจะหันซ้ายมองขวาอีกรอบ บางทีนั่งๆอยู่ก็กระดิกขาเล่นจนผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกได้

“บอกมาซะดีๆ รออะไรอยู่” ผมถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“เปล๊า!!”

“ทำไมต้องทำเสียงสูง!” เค้าสะดุ้งเมื่อผมตบโต๊ะเสียงดัง เหงื่อเค้าตกเพราะผมจ้องเค้าด้วยสายตาคาดคั้น กวาดตามองไปรอบๆเห็นโต๊ะใกล้ๆสามสี่โต๊ะมองมาพร้อมสีหน้าตกใจผมก็เลยย่นคอลงเหมือนเดิมเพราะเมื่อกี๊เผลอยืดตัวไปข้างหน้าตอนที่คาดคั้นเอาคำตอบจากพี ผมชี้หน้าเค้าพร้อมทั้งบ่นขมุบขมิบ

“อ่ะอ้าววว มาได้ไงครับเนี่ย!!” พีตะโกนเสียงดังจนโอเวอร์ ผมเงยหน้าจากนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าพี่หมวยกับพี่หมงเดินเข้ามาในร้านและกำลังตรงมาทางนี้ จากนั้นจำนวนคนที่เดินตามเข้ามาก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละคน ทั้งพี่กิ่ง พี่หญิง พี่วุฒิ พี่มิค จุ๊กจิ๊ก รวมทั้งทิพย์กับปุย เรียกได้ว่าแก๊งวิภารามที่คุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดีนี่มากันหมดเลย บังเอิญจังแฮะ

“อ้าววววววววก้องงงงงงงงงงงงงงงงง!!!” พี่หมงลากเสียงยาวพร้อมทั้งตบไม้ตบมือเหมือนว่าดีใจมากกับการบังเอิญครั้งนี้ รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยแต่ก็ทำได้เพียงหัวเราะออกไปอย่างงุนงง

“กินเลี้ยงกันนะก้องนะ เนี่ยพี่จองโต๊ะเอาไว้ละ ติดกันเลย แหม่ บังเอิ๊ญญบังเอิญ เนอะ โฮะๆๆ”

“ใช่ๆ นี่พี่จะบอกตั้งแต่บ่ายแล้วแต่ก้องออกมาก่อน มาๆ พีอยู่ด้วยกันนะ” พี่หมงกับพี่หมวยถามเองตอบเองแล้วพีเองก็ยิ้มเผล่พร้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก ผมที่กำลังจะขอตัวเพราะเพิ่งอิ่มไปจะให้ทานอะไรอีกก็คงจะไม่ไหว แต่ไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรทุกคนก็จับจองที่นั่งที่โต๊ะตัวยาวข้างๆกันเป็นที่เรียบร้อย พอจะหันมาคุยกับคนที่มาด้วยก็ปรากฏว่าเจ้าตัวไปนั่งหน้าบานอยู่กับแก๊งวิภารามซะแล้ว
รู้สึกเหมือนว่าอะไรมันไม่ค่อยจะปรกติยังไงก็ไม่รู้ ทุกคนบอกว่าชวนกันมากินวันนี้ก็เพื่อเลี้ยงส่งให้กับจุ๊กจิ๊กนักศึกษาสาวจอมทะเล้นที่มาฝึกงานจนจะครบกำหนดและต้องจากกันในอาทิตย์หน้า แต่ทำไมทุกคนกลับเอาแต่ให้ความสนใจกับผม หรือว่าผมจะคิดไปเอง

“พี่ก้องๆ เอาอีกแก้วนะ” จุ๊กจิ๊กหันมายิ้มกว้างจากนั้นก็หยิบแก้วของผมไปเติมทั้งที่น้ำอัดลมสีเข้มกับน้ำแข็งยังมีอยู่เต็ม พอเธอส่งกลับมาอีกทีแก้วใบนั้นมันก็กลายเป็นแก้วสีเหลืองอ่อนๆทำเอาผมย่นคิ้ว

“อะไรเนี่ยจุ๊กจิ๊ก เดี๋ยวนี้หัดชงเหล้าให้คนอื่น ได้ข่าวว่าตัวเองเป็นเจ้าของงานมาชงให้พี่ทำไมเนี่ย”

“เอ๊ยยยก้องๆๆ บ่นอะไรเนี่ย จิ๊กมันก็กินเหมือนกัน” พี่หมวยที่นั่งข้างๆผมบอก ผมหันไปมองที่พีที่นั่งตรงข้ามก็เอาแต่ยิ้มอยู่อย่างเดียว

“อ่ะ พี่ก้อง หมดแก้วนะ ถือว่าเพื่อน้อง” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ดันแก้วที่จุ๊กจิ๊กยื่นให้ออก

“วันนี้ก้องขอไม่ดื่มนะฮะ รู้อยู่ว่าก้องดื่มไม่ได้ แก้วสองแก้วก็ยืนไม่อยู่แล้ว”

“แต่ก้อง วันนี้เรามาเลี้ยงส่งให้จุ๊กจิ๊กนะ มา ผมดื่มเป็นเพื่อน” พีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็ยกแก้วของตัวเองที่มีสีเข้มกว่าผมนิดหน่อยยกขึ้นดื่ม สายตาของทุกคนที่หันมามองพร้อมกับยิ้มกว้างทำให้ผมกดดัน

“แก้วเดียวนะฮะ”

“อื้ม!!!”ทุกคนประสานเสียงกันตอบทำเอาผมรู้สึกงงๆแต่ก็ยกดื่มจนหมดแก้ว รสขมปร่าบาดคอทั้งๆที่สีของมันก็ไม่ได้เข้มอะไรมากมายเลย ผมรีบถามหาน้ำเปล่าดื่มตามหลังทันที



บรรยากาศผ่านไปด้วยความคึกคักเฮฮา ผมนั่งมองทุกคนคุยกันไปทานกันไป บางครั้งก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นพวกเขาพูดหรือทำอะไรที่มันตลกๆ พี่ทิพย์กับปุยรวมหัวกันแกล้งเอาพริกไทยกับเกลือไปเทใส่ในแก้วน้ำของจุ๊กจิ๊กผู้ที่อายุน้อยที่สุดแล้วถือเป็นเจ้าของงาน เจ้าตัวที่ถูกแกล้งไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่หันไปนั่งโม้กับพี่มิค เอ..หรือว่าพี่มิคจะทำเป็นชวนคุยเพื่อหันเหความสนใจให้สองคนนั้นแกล้งง่ายๆก็ไม่แน่ใจ พอจุ๊กจิ๊กพูดมากจนกระหายน้ำ มือก็ควานๆบนโต๊ะหยิบแก้วของตัวเองได้ก็กระดกเข้าปากก่อนจะปล่อยพรวดออกมากลางโต๊ะเล่นเอาหลบกันแทบไม่ทัน พี่ทิพย์กับปุยก็เลยขำกันจนท้องคัดท้องแข็ง จุ๊กจิ๊กเองพอรู้ว่าใครเป็นคนทำก็ได้แต่ร้องแว๊ดๆเพราะเอาคืนไม่ได้


อุก!!


ผมรีบเอามือปิดปากก่อนที่น้ำสีเข้มที่ผมเผลอยกขึ้นดื่มนั้นจะปล่อยพรวดออกมาเหมือนจุ๊กจิ๊ก ฝืนใจกลืนมันลงไปอย่างยากเย็น รู้สึกแสบคอเหมือนมีอะไรมาบาดและรสชาติขมๆก็ยังคงติดอยู่ที่ลิ้นไม่หาย ยกแก้วของตัวเองขึ้นดูก็พบว่ามันถูกชงขึ้นมาใหม่ด้วยส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นขึ้น

“เป็นอะไรรึเปล่าก้อง” พีถามเมื่อเห็นว่าผมดูอาการไม่ดี ผมดื่มน้ำเปล่าตามลงไปหลายอึกดับความขมจนรู้สึกดีขึ้น เคยได้ยินว่าถ้าไม่อยากเมามากในขณะดื่มพยายามอย่าแตะของหวาน แต่ว่าก่อนหน้านี้ผมกลับจัดการขนมหน้าตาน่ากินที่อยู่ตรงหน้าไปจนเกือบหมดเพราะไม่นึกว่าตัวเองจะดื่มอีก แย่ชะมัด ผมสะบัดหัวแรงๆแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ นั่งอยู่เฉยๆซักพักอาการมึนหัวก็คงจะดีขึ้น

“พี พี่ว่าว่าก้องกลับได้แล้วแล่ะ หลับไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย” ได้ยินเสียงหงุงหงิงๆดังอยู่ใกล้ๆแต่เหมือนจะจับใจความไม่ค่อยได้ พยายามลืมตาแต่ก็รู้สึกว่าหนังตามันหนักเกินไป ได้ยินเสียงตุบๆที่ขมับและปวดแบบหน่วงๆเหมือนหัวจะระเบิด พอลืมตาขึ้นมาได้เพียงนิดก็กลับมองเห็นไม่ชัด

“ก้องครับ กลับกันนะ” เสียงอันคุ้นเคยกระซิบอยู่ข้างหู ก่อนจะตัวลอยเมื่อถูกใครซักคนพยุงขึ้น เห็นหมดทุกอย่างผ่านจากตาของตัวเองเท่าที่พอจะลืมได้ว่ากำลังถูกพีพยุงเดินออกมาขึ้นรถ แอร์เย็นๆช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้บ้างและผมก็ปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนออกเพราะรู้สึกอึดอัด สบายขึ้นเยอะเลย อืมม..

“อืออออ” ผมครางเมื่อรู้ว่าหลังของตัวเองสัมผัสกับเตียง เห็นใบหน้าคมเข้มของคนที่รู้สึกคุ้นๆ คุ้นสิ ผมรู้ดีว่าต้องคุ้นแน่ๆแต่กลับนึกอะไรมากกว่านี้ไม่ค่อยออก ยกหัวขึ้นมาเห็นว่าเค้ากำลังถอดถุงเท้าให้ผมอยู่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกคุ้นใหญ่ อืม..


อ่อ..จำได้แล้ว พีนี่เอง หึหึ


“เป็นไงมั่งก้อง ปวดหัวมั้ย หืม” มือของพีลูบหน้าลูบตาของผมไปมา เปิดผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากผมขึ้น


รู้สึกดีจัง..


แต่หืม..ผมย่นคิ้ว


“ทำไมถึงมีสองหน้าล่ะ หือ..สามหน้าแล้ว ไมมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”ผมจิ้มลงไปที่แก้มสากๆนั่น แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง

“มือผม มือผมก็มีตั้งหลายมืออ่ะ” ผมกางนิ้วมือทั้งสิบแล้วจ้องด้วยความงุนงง ก่อนจะเอาสองมือนั้นโอบแก้มของพีไว้ทั้งสองข้าง แล้วภาพที่เบลอๆและใบหน้ากับมือที่เห็นหลายๆอันก็ค่อยๆนิ่งลงจนรวมกันเป็นภาพเดียว ผมหัวเราะออกมา

“ค่อยยังชั่ว หึหึ”

ได้ยินพีหัวเราะเบาๆ มือของเค้าเกลี่ยแก้มของผมไปมาอย่างอ่อนโยน ผมเองก็ยิ้มตอบจากนั้นใบหน้าของเค้าก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองใจง่ายแบบนี้นะถึงไม่ทำอะไรเป็นการปฏิเสธเลยซักอย่าง ได้แต่มองตาเค้านิ่งจนริมฝีปากของเราแตะกัน


อุก!!


ผมรีบยันอกของเค้าออกแล้วใช้สติเท่าที่ยังคงเหลืออยู่พาตัวเองวิ่งไปที่ห้องน้ำ ของเหลวหน้าตาไม่น่ามองถูกปล่อยลงชักโครกทันเวลาพอดี



เฮ้อ..
หมดแรง..


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“ก้อง ก้อง....คุณเป็นยังไงบ้าง”

ผมเขย่าตัวก้องบดินทร์ที่ตอนนี้นั่งกองอยู่กับพื้นห้องน้ำอย่างอ่อนแรง ใบหน้าสวยหวานซ่อนอยู่ในแขนทั้งสองข้างที่พาดไว้กับขอบชักโครก ผมพลิกร่างอวบอิ่มให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นตามขมับทั้งสองข้าง อดใจไม่ไหวที่จะใช้ปลายนิ้วเช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน ก้องบดินทร์ปรือตาขึ้นมามองผมอย่างยากลำบาก ก่อนที่ผมจะประคองคนขี้เมาให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล

“ไปพักก่อนนะก้อง เดี๋ยวผมพาไป”

คนหน้าหวานเดินไปตามแรงฉุดลากของผมแต่ก็โงนเงนทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่ พยายามประคับประคองให้ก้องเดินกลับไปที่ห้องนอนแต่ก็เป็นงานที่ยากเหลือเกิน

“ก้อง....เดินดีๆ สิ ก้อง”

“ทำไมประตูถึงมีสองบานอ่ะ” มีคู่สวยควานสะเปะสะปะไปทั่วในอากาศ แล้วก็ลามมาควานตามเนื้อตัวของผม

“ก้อง เดินดีๆ สิ.......เฮ้ย.......”

คนหน้าหวานบดเบียดร่างของตัวเองเข้ามาจนตัวของผมเซไปติดกับผนังห้องน้ำ มือที่ควานอยู่ตามเนื้อตัวของผมก็ยังคงทำงานอย่างยอดเยี่ยม

“คุณมีสองหัวอีกแล้ว นี่ด้วย ตัวคุณก็มีสองร่าง”

มือเรียวลูกไล้ไปตามใบหน้าของผมแล้วลามมาถึงสาบเสื้อ มือข้างหนึ่งของผมจับมือของก้องเอาไว้เพื่อหยุดการกระทำที่จะทำให้ผมสติเตลิด ขณะที่มืออีกข้างก็โอบเอวของคนมือซนเอาไว้ไม่ให้ล้มไปด้วยกัน

“ก้อง...คุณเมามากแล้วนะ”

“ใคร ใครเมา ผมไม่เมาสักหน่อยแค่มึนๆ” ก้องบดินทร์กระชากมือของตัวเองออกจากมือของผม ทำให้กระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของผมหลุดกระเด็นไปอยู่ที่พื้น

“โอ๊ย....ปวดหัวจัง” ศีรษะได้รูปพิงมาที่ไหล่ของผม เสียงหวานๆบ่นงึมงำอยู่ที่ซอกคอพร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบกับผิวเนื้อทำให้ความรู้สึกบางอย่างตื่นตัวขึ้นมา

“ร้อนอ่ะพี คุณร้อนม่ะ”

สิ้นคำ ก้องบดินทร์ก็ถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วเหวี่ยงมันไปไกลๆ เรือนร่างขาวผ่องที่ทรงตัวเองไม่ได้เบียดเข้ามาแนบชิด ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ดีว่ายังมีเสื้อบางๆของผมกั้นไว้อยู่ไม่อย่างนั้น........อ้าว...เฮ้ย!!!

“คุณก็ร้อนใช่มะ มาเดี๋ยวผมถอดให้”

คนขี้เมาปลดกระดุมเสื้อของผมอย่างรวดเร็วแล้วตั้งใจจะถอดมันออก แต่ผมรวมสาบเสื้อเอาไว้ไม่ให้อะไรๆ มันมากไปกว่านี้ คนหน้าหวานทำหน้าหงุดหงิดแล้วสอดฝ่ามือเข้าไปภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวเก่ง ไล้ฝ่ามือไปตามแผ่นอกของผมเพื่อแยกสาบเสื้อให้ออกจากกัน ผมสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงพยายามควบคุมสติไม่ให้ไขว้เขวไปกับสัมผัสนั่น แต่คนขี้เมาก็ช่างยั่วเหลือเกิน สุดท้ายผมก็ต้องผลักคนหน้าหวานออกไปเบาๆ

ก้องบดินทร์ทำท่าจะเสียหลักล้มลง ทำให้มือที่พยายามจะถอดเสื้อผมเมื่อสักครู่ปัดก๊อกฝักบัวที่อยู่ข้างๆ น้ำเย็นจัดพร่างพรมลงมารดตัวของเราทั้งคู่จนเปียกชื้น ผมรีบเข้าไปประคองคนหน้าหวานเอาไว้เพราะกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บ เมื่อเราทั้งคู่ต่างทรงตัวได้ ดวงตาสวยหวานก็หรี่ปรือขึ้นมามองผมภายใต้สายน้ำเย็นเฉียบ

“พี......”

ใบหน้าเนียนสวยอยู่ห่างจากผมเพียงแค่คืบ ปอยผมเปียกชื้นระลงมาที่ใบหน้าทำให้ก้องบดินทร์ดูหวานจนผมอยากจะลิ้มลอง ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อยๆ คล้ายเชิญชวนให้สัมผัส มือของผมลากไล้ไปตามข้างแก้มของคนช่างยั่วไปมา ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังรออะไรอยู่

“ผมรักคุณ”

สิ้นคำบอกรักของก้องบดินทร์ ผมประกบจูบลงไปอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนไล้ไปตามกลีบปากอิ่มก่อนจะซอกซอนเข้าไปในโพรงปากหวาน ลิ้นเล็กๆของก้องเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผมอย่างรู้งาน เรือนร่างของเราทั้งสองแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่างใดๆ ให้น้ำซึมผ่าน เสื้อเชิ้ตตัวเมื่อครู่ถูกถอดออกไปพร้อมกับแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาจนทำให้กายของผมเครียดเขม็ง
รสจูบแสนหวานทำให้สติของผมล่องลอย สองมือจับใบหน้าของก้องเอาไว้ให้แหงนหงายรอรับจูบของผมได้ถนัดยิ่งขึ้น ผมเลื่อนมือมายังหัวเข็มขัดของก้องบดินทร์แล้วถอดมันออกอย่างง่ายดาย กางเกงยีนส์สีเข้มถูกปลดออกกองอยู่ที่ข้อเท้าเหลือเพียงชั้นในตัวบางที่ปกปิดจุดสำคัญเอาไว้ ผมถอนจูบออกแล้วไซร้ซอกคอขาวไล้เรื่อยมายังยอดอกสีชมพูทั้งสองข้าง ดูดเม้มไล้เลียจนคนหน้าหวานครางเสียงแผ่ว ทุกที่ที่ริมฝีปากของผมลากผ่านก็จะประทับรอยแสดงความเป็นเจ้าของไปจนทั่ว ภายใต้สายน้ำที่เย็นจัด อารมณ์รักของเราทั้งสองกลับลุกโชนและร้อนแรงไม่ต่างอะไรกับกองเพลิงที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่งตรงหน้าให้เป็นจุณ



“อ่ะ....อ๊า.....”



ฝ่ามือของผมปลุกเร้าที่ส่วนอ่อนไหวที่สุดของคนหน้าหวานภายนอกชั้นในตัวบาง ก่อนที่จะสอดเข้าไปครอบครองเอาไว้เต็มอุ้งมือ ก้องบดินทร์ตื่นตัวเต็มที่และบดเบียดสะโพกเข้ากับฝ่ามือหนาของผม

“พะ.....พี”

ผมเร่งมือปรนเปรอความสุขให้กับคนตรงหน้า จนสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นที่ถูกปลดปล่อยออกมา ก้องบดินทร์พิงศีรษะซุกซบอยู่กับแผ่นอกของผม ลมหายใจหอบถี่กระชั้นกระทบกับผิวเนื้อแข่งกับสายน้ำที่ซัดสาดลงมา ผมถอดกางเกงของตัวเองออกแล้วประทับจูบดูดดื่มร้อนแรง ดันคนหน้าสวยให้แผ่นหลังชิดติดกับผนังห้องน้ำ ปลายนิ้วไล้เรื่อยไปทั่วร่างกายปรนเปรอความสุขให้แก่ก้องบดินทร์อย่างไม่รู้จักเบื่อ ก๊อกน้ำฝักบัวถูกปิดลงไปแล้ว แต่เพลงรักแสนหวานกำลังจะเริ่มบรรเลงไปตามการชักนำของวาทยกรอย่างผมไปอีกยาวนานตลอดทั้งคืน




ก้องบดินทร์หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนานุ่ม ปลายนิ้วไล้เกลี่ยแก้มเนียนสวยไปมาอย่างนึกเอ็นดู หัวใจของผมเต็มตื้นไปด้วยความรักก้องบดินทร์สุดหัวใจ ต้องขอบคุณแก๊งวิภารามที่ช่วยกันวางแผนทำให้ผมกับก้องได้ลงเอยกันอีกครั้ง ถึงขนาดมอมเหล้าคนขี้งอนให้สิ้นฤทธิ์ หึหึ....ถึงแม้ว่าก้องจะทำไปเพราะไม่ได้สติแต่เชื่อเถอะว่าพอก้องตื่นขึ้นมาก็จะง๊องแง๊งได้เพียงไม่นานเพราะถึงยังไงสุดท้ายแล้วเค้าก็ต้องเป็นของผมอยู่ดี นึกถึงสีหน้าเหวี่ยงๆที่จะได้เจอตอนที่ก้องตื่นขึ้นมาแล้วผมก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

ความรักของผมกับก้องบดินทร์ก็เปรียบเสมือนกับทรายที่ค่อยๆซึมซับน้ำทะเลเอาไว้ ความเข้าอกเข้าใจ ความห่วงหาอาทร และความปรารถนาดีที่มอบให้แก่กันนับวันมันยิ่งซึมลึกฝังรากลงไปในจิตใจของเราทั้งสงคน ถึงแม้บางครั้งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้ทรายต้องอยู่ภายใต้เปลือกโกแต่ความร้อนแรงและความกดดันก็ทำให้ทรายยิ่งแข็งแกร่งกลายเป็นหินตะกอนที่แข็งแรง เหมือนกับอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตคู่ของเรา แม้จะทำให้เราต้องเจ็บปวดและชอกช้ำ แต่ด้วยใจที่มั่นคงในรักทำให้เราทั้งคู่สามารถฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปด้วยกันและยิ่งทำให้ความรักของเราเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นจนใครๆก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้

ผมเอื้อมมือไปยังลิ้นชักที่หัวเตียงแล้วหยิบแหวนทองสีชมพูออกมา นานแล้วที่แหวนวงนี้อยู่ห่างจากเจ้าของ ผมตั้งใจไว้ว่าวันที่ก้องเลิกกับไอ้นิคโดยเด็ดขาด ผมจะคืนแหวนวงนี้ให้กับก้องบดินทร์ตามเดิม และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่แหวนแต่งงานวงนี้จะได้ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของก้องสักที
ผมบรรจงสวมแหวนทองสีชมพูลงไปบนนิ้วของก้องอย่างเบามือ จูบอ่อนโยนจากผมจรดลงไปบนนิ้วเรียวสวย ก้องบดินทร์ยังคงหลับตาพริ้มบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทราอันแสนสุข นึกอยู่ในใจว่าถ้าก้องตื่นขึ้นมาจะมีทีท่ายังไง จะเขินอายจนเหวี่ยงใส่ผม หรือจะยิ้มดีใจกอดผมไว้ทั้งตัว แต่ช่างเถอะ.....เอาไว้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ผมขอนอนกอดคนหน้าหวานเอาไว้ให้สมความคิดถึงหน่อยก็แล้วกัน

“ก้องบดินทร์ครับ ผมรักคุณ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ได้กลิ่นของไอแดดยามเช้าที่สาดแสงจางๆเข้ามาทางระเบียงเพราะผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้ สัญชาตญาณจากการที่ตื่นตรงเวลาแทบทุกวันทำให้รับรู้ว่านี่น่าจะได้เวลาที่ผมต้องลุกขึ้นจากเตียงถึงแม้ว่ายังรู้สึกง่วงงุนจนอยากจะนอนต่อ พอขยับตัวถึงได้รู้ว่ามีลำแขนหนักๆพาดอยู่ที่เอว พอลืมตามองให้ชัดๆก็เห็นเพียงแผงอกเปล่าเปลือยของใครบางคน ลำดับเรื่องราวได้ว่าเราสองคนไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะมานอนกอดกันได้ก็รีบผลักเค้าออกแล้วลุกขึ้นนั่ง เจ็บแปลบไปตั้งแต่ท้องน้อยลงไปถึงต้นขา สะโพกเจ็บร้าวจนเผลอใช้มือกำผ้าห่มแน่น หลับตานิ่งๆซักพักให้ความรู้สึกเสียววาบมันเริ่มจางลงก่อนจะตวัดหน้าไปมองคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้างๆ พีนอนในสภาพท่อนบนล่อนจ้อนอวดให้เห็นแผ่นอกกว้าง เห็นไรขนอ่อนที่หน้าท้องเป็นทางยาวและผลุบหายเข้าไปภายใต้ผ้าห่มสีขาวที่ปิดอยู่ที่สะโพกอย่างหมิ่นเหม่ แทบไม่ต้องเดาว่าภายใต้ผ้าห่มนั่นจะเปล่าเปลือยตามท่อนบนหรือไม่ รู้สึกแก้มร้อนจัดจนต้องเบี่ยงความสนใจมาที่ตัวเองทำให้พบว่าผมเองก็นั่งอยู่ที่หัวเตียงโดยไม่ได้ใส่เสื้อ รีบยกผ้าห่มดูท่อนล่างของตัวเองก็ต้องตาโตเพราะไม่มีแม้แต่กางเกงชั้นในซักตัว นึกได้ก็ดึงหมอนที่เค้าหนุนอยู่นั่นแหละออกมาแล้วปาใส่แรงๆไม่ยั้งหลายทีจนเค้าตื่นด้วยท่าทีงวยงง ตายังคงสะลึมสะลือ

“อะไรอ่ะก้องงงงงง” เค้าถามพลางลุกขึ้นนั่ง ขยับเข้ามาคว้าผมเข้าไปกอด หอมแก้มผมเสียฟอดใหญ่ทั้งๆที่ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น ผมสะบัดตัวหนีและมองหน้าเค้าด้วยความโมโห

“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!”จะเอื้อมมือไปหยิบหมอนที่กระเด็นไปอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาตีเค้าอีกก็เสียวแปลบที่ท่อนล่างจนทรงตัวไม่อยู่ต้องลงไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิม มือขย้ำผ้าห่มแน่น พีเห็นอย่างนั้นก็ตื่นเต็มตาเขยิบเข้ามาใกล้และเอามือมาโอบเอวผมไว้พร้อมกับเอาจมูกมาชนกัน ผมฮึดฮัดดันเค้าออกแต่เค้าก็จับหน้าผมให้หันกลับไปจ้องกันเหมือนเดิม

“ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลยน้า มาเหวี่ยงใส่ผมทำไมเนี่ย หืม..” พีกดจมูกลงมาที่หูและคลอเคลียไปมา

“ไม่ได้ทำเหรอ สภาพแบบนี้นี่นะไม่ได้ทำ! ไอ้บ้า ไอ้พีบ้า ไอ้บ้าเอ๊ย ปล่อย!”

“ไม่เอา..ก้องอ่ะ อยู่เฉยๆเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง นะ นะ” พีรวมมือผมที่ฟาดไปที่เค้ารัวๆเอาไว้ ผมนิ่งรอฟังคำแก้ตัว

“ก็เมื่อคืนคุณเมาแล้วก็มาอ้วกใส่ผม เราสองคนนี่เลอะไปทั้งตัวเลยนะ ผมก็เลยจัดการทำความสะอาดให้ แต่ก่อนจะทำความสะอาดมันก็ต้องถอดเสื้อก่อนใช่มั้ยล่ะ พอถอดเสื้อออกแล้วมันก็เห็นแล้วมันก็เลยอดใจไม่ไหวแล้วก็โอ๊ย!”

ผมไม่ปล่อยให้พีพูดจบก็ใช้ฝ่ามือฟาดลงไปที่ตัวเค้าแรงๆหลายที บ้าที่สุด ไอ้พีไอ้บ้า!

“คุณจะมาโทษผมไม่ได้นะ นี่ผมช่วยคุณนะ ”

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก!!” ผมตะโกนใส่หน้าเค้าเสียงดังลั่นก่อนจะกวาดตามองหาเสื้อผ้าหรืออะไรที่พอจะปิดบังร่างกายได้ เห็นเสื้อคลุมทิ้งอยู่ที่พื้นข้างเตียงก็รีบเอื้อมมือลงไปคว้ามาสวมแล้วปีนจากเตียงเดินอย่างทุลักทุเลเข้าไปในห้องน้ำทันที เข้าไปถึงก็ล็อคประตูจนปลอดภัยแล้วก็เปิดเสื้อคลุมออกจนเห็นถึงหัวไหล่ ยืนมองสภาพตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก รอยแดงเป็นจ้ำไล่ตั้งแต่ลำคอ หัวไหล่ไปจนถึงหน้าอก หน้าท้อง ลงไปจนถึงต้นขาด้านใน ปากก็เจ่อนิดๆด้วย ฮึ้ยยยยย!! เมื่อคืนเมาอีท่าไหนนะ จำไม่ได้ด้วยว่าอ้วกใส่เค้าจริงรึเปล่า ยังไม่หายโกรธเลยแท้ๆ ไม่น่าพลาดเลย!

ผมยื่นมือไปเปิดน้ำเพื่อจะล้างหน้าก็เห็นบางอย่างสะดุดตา แหวนทองสีชมพูที่นิ้วนางข้างซ้ายทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาโดยลืมไปว่ากำลังโกรธคนข้างนอกอยู่ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นแหวนวงนี้ นานแค่ไหนแล้วที่เราต้องอยู่บนความไม่เข้าใจและบาดหมางกันมาโดยตลอด หากย้อนเวลากลับไปได้ผมคงจะทำตัวให้มีเหตุผลมากกว่านี้ คงจะพยายามยอมรับและรับฟังกันและกันมากกว่านี้ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเวลาของการสูญเสียความทรงจำ แต่ถ้าหากเราอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ พยายามปรับตัวเข้าหากันก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเข้ากันได้ ผมลูบแหวนที่อยู่บนนิ้วเบาๆ ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เราผ่านมันมาด้วยกันทั้งร้ายและดี หลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่เราควรจะปรับตัวเข้าหากันให้มากกว่านี้ บางครั้งความรักอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้เรามีความสุขและอยู่ด้วยกันจนยั่งยืนได้



ขอบคุณนะพี..



ผมยิ้มให้กับแหวนทองสีชมพูด สิ่งแทนใจที่ผมรู้ว่าพีตั้งใจมอบมันให้ผมด้วยความรัก มอบให้ด้วยความจริงใจ


แต่...


จะมาโรแมนติกยังไงก็ไม่สามารถลบเลือนความผิดในเรื่องเมื่อคืนไปได้หรอกไอ้พีบ้าเอ๊ย!!!

ผมเปิดประตูออกไปก็เห็นพีที่นั่งมองมาอยู่บนเตียง เค้ายิ้มเผล่อย่างอารมณ์ดี พอผมเดินเข้าไปใกล้พีก็เอื้อมมือมาคว้าผมลงไปนั่งที่ข้างเตียง ผมหันไปตีเค้าดังผั่วะเพราะยังโมโหไม่หาย แถมที่เค้าดึงผมเมื่อกี๊มันทำให้อาการเจ็บจี๊ดที่สะโพกมันกลับมาอีกทั้งๆที่ผมพยายามเดินให้เบาๆเพื่อให้รู้สึกกระเทือนน้อยที่สุด

“ก้องง่า..”

“ทำไมถึงชอบฉวยโอกาสอยู่เรื่อย!” ผมถามเค้าไปตาก็มองไปที่ระเบียง เค้าโอบผมจากด้านหลังแล้วก็โยกตัวน้อยๆ จมูกก็ไม่อยู่สุขดมนู่นดมนี่ไปเรื่อยจนผมต้องย่นคอหนีหลายครั้ง

“โกรธเหรอครับ” คราวนี้น้ำเสียงเค้าดูจริงจังมากขึ้น เค้าวางคางลงมาที่หัวไหล่ของผมพร้อมกับกระชับกอดจนแน่น

“ก็..ไม่ใช่อย่างนั้น” ผมอ้อมแอ้มตอบออกไป จะว่าโกรธที่เรามีอะไรกันก็ไม่ใช่ ผมเองก็รักเค้า ทำไมผมจะต้องโกรธ แต่ที่โกรธเป็นเพราะเค้าทำโดยฉวยโอกาสตอนที่ผมไม่มีสติต่างหาก

“คุณชอบทำอะไรโดยที่ผมยังไม่ได้อนุญาต จะอยู่ด้วยกันได้นอกจากต้องอาศัยความรักแล้วยังต้องอาศัยความไว้วางใจด้วย เรื่องแค่นี้คุณยังทำให้ผมรู้สึกไว้ใจคุณไม่ได้ แล้วเรื่องอื่นต่อไปจะเป็นยังไง”
บางครั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆก็เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ๆ ผมไม่เคยรังเกียจไม่ว่าเราจะทำเรื่องแบบนี้กันซักกี่หน แต่ก็อยากให้เค้ามีความอดทนอดกลั้น มีความเป็นสุภาพบุรุษ อยากให้ผมมั่นใจได้ว่าไม่ว่าผมจะตกอยู่ในสภาพไหนก็จะคอยมีเค้าอยู่เคียงข้างและให้ความรู้สึกปลอดภัยกับผมได้ในทุกเรื่อง เอาเข้าจริงๆ ผมเองก็อยากมีส่วนรับรู้ในทุกครั้งที่เรา”กอด”กันมากกว่าจะตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกกอดไปแล้วโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้ พอคิดแบบนี้ขึ้นมาก็รู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนจัดขึ้นมา

“คุณไม่ชอบกอดกับผมเหรอก้อง” ผมเม้มปากแน่น หน้าที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนขึ้นเหมือนมีกองไฟมาสุมกันอยู่ใกล้ๆ ถามแบบนี้แล้วจะให้ผมตอบว่ายังไงล่ะครับนายพีรวิชญ์

“ก็..ไม่ใช่อย่างนั้น” ผมกัดฟันตอบแต่คงเพราะเสียงเบาจนแทบเป็นกระซิบเค้าเลยยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก

“ผมเข้าใจแล้วครับ ขอโทษนะ” ปากก็บอกว่าขอโทษแต่ใบหน้ากลับยื่นเข้ามาคลอเคลียที่หลังคอของผมไม่หยุด ผมเอี้ยวตัวหนีปลายจมูกโด่งที่กดลงมาที่ข้างแก้มหลายๆครั้ง

“อื้อออ ไม่เอา”

“ตัวคุณหอม” ปากตอบผมแต่ก็หอมไปทั่วไม่ยอมหยุด

“หอมบ้าอะไร ยังไม่ได้อาบน้ำเลยจะหอมได้ยังไง”

“หอมจริงๆนะ” ผมหันไปผลักเค้าออกห่างเมื่อเห็นว่าเค้าไม่หยุดซักที แถมมือของเค้ายังเริ่มซุกไซร้เข้ามายุ่มย่ามบริเวณสาบเสื้อคลุมผมซะอีก

“อื๊อออ พอเลย!” ผมพลิกตัวหันไปหาแล้วเอามือปิดปากเค้าไว้ จากตอนแรกที่เค้านั่งเอาขาคร่อมผมไว้จากด้านหลัง พอผมหันไปแล้วยกทั้งสองขาขึ้นไปวางพาดที่ขาข้างหนึ่งของเค้าตอนนี้เลยใกล้จะกลายเป็นว่าผมนั่งตักเค้าเข้าไปทุกที แต่ที่จริงคือผมนั่งอยู่หว่างขาของเค้าต่างหาก ยิ่งพอนึกถึงสภาพใต้ผ้าห่มที่เค้าเอามาปิดท่อนล่างไว้อย่างลวกๆแค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนวาบขึ้นมาอีกแล้ว

พีมองผมไม่วางตา ยิ่งใบหน้ามาอยู่ใกล้กันแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกอายเข้าไปใหญ่ มือของเค้ายกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมที่เริ่มยาวขึ้นไปทัดที่ใบหูให้ผมอย่างอ่อนโยน ผมแต่ก้มหน้าหลบแววตาหวาดฉ่ำที่มองมา เมื่อปากของเค้าเป็นอิสระเค้าก็เริ่มพูดอะไรบางอย่าง

“ต่อไปนี้ผมจะทำตัวให้น่าไว้ใจมากขึ้น ผมจะทำให้คุณไว้ใจผมได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

เค้าพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง ผมเงยหน้าสบตาเค้า

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะมีใครเข้ามา ผมจะไม่อารมณ์ร้อนอีก เราจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันอีก ดีมั้ยครับก้อง”

ผมเห็นแววตาจริงจังในทุกคำพูดของพี รู้สึกดีใจที่พีพูดเรื่องนี้ขึ้น ไม่ใช่เค้าคนเดียวที่ผิด ผมองก็ทำอะไรพลาดไปเยอะ เยอะจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมต้องสูญเสียเค้าไปจริงๆผมจะเป็นยังไง คิดได้แค่นั้นก็โถมตัวเข้าไปกอดเค้าเอาไว้แน่น พีชะงักไปชั่วครู่คงเพราะแปลกใจก่อนที่เค้าจะคลายความเกร็งของร่างกายลงจนผมรู้สึกได้ หากเรายังทะเลาะกันไปมาอยู่แบบนี้ หากถึงวันที่ผมต้องเสียเค้าไปในที่สุดผมจะอยู่ยังไง อาจไม่มีโอกาสให้ผมได้แก้ตัวให้ได้เค้ากลับคืนมาอีกเลยก็ได้ พีกอดตอบผม มืออุ่นๆของเค้าลูบหลังของผมไปมาอย่างแผ่วเบา

“ขอโทษนะ” ผมพูดออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ ยิ้มออกมาได้เมื่อนึกได้ว่าพียังอยู่ตรงนี้ ผมยังสามารถกอดเค้าได้ และผมจะไม่มีวันยอมเสียเค้าไปอีกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พีลูบแก้มผมเบาๆเมื่อผมคลายออกจากอ้อมกอดของเค้า

“ผมจะไม่เข้าใจคุณผิดอีก และคุณก็ต้องห้ามเข้าใจผมผิดด้วย มีอะไรก็ต้องคุยกัน เข้าใจมั้ย”

ผมย้ำกับเค้าอีกครั้ง เค้าพยักหน้าเบาๆพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาและกดจมูกเข้ากับหน้าผากของผมด้วยความนุ่มนวล ผมกอดเค้าไว้ด้วยความรู้สึกหวงแหน จะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว วันที่ผมกับเค้าจะทะเลาะกันไปมาด้วยเพียงเพราะว่าไม่ได้หันหน้าคุยกันอย่างตรงไปตรงมา แค่เกิดเรื่องเล็กๆน้อยๆเราก็พร้อมที่จะเข้าใจกันผิดตลอดเวลา ผมจะไม่ปล่อยให้มีช่วงเวลาแบบนั้นอีกแล้ว

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปากของเราสัมผัสกัน เผยอรับลิ้นอุ่นที่เข้ามาคลอเคลียอออดอ้อน ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามห้วงความรู้สึกอันเกิดจากความรักของเราสองคน ให้เข็มนาฬิกาหยุดเดินแล้วทิ้งความรู้สึกขุ่นเคืองใจเอาไว้เพียงแค่ตรงนี้ รับรู้เพียงแค่ตอนนี้เรามีกันและกันและขอหยุดช่วงนาทีนี้เอาไว้ก่อน จากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่และไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือปัญหาใดๆเข้ามามันก็จะต้องมีจุดจบที่สวยงามในทุกครั้งอย่างแน่นอน ในเมื่อตอนนี้ผมเชื่อมั่นในตัวเค้า และเค้าก็เชื่อมั่นในตัวผม เราจะเชื่อมั่นกันและกันไปอย่างนี้นานตราบเท่าลมหายใจสุดท้ายของชีวิต..





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




“หายโกรธผมแล้วนะ”

“อื้ม......ทีหลังก็อย่าฉวยโอกาสอีกแล้วกัน”

ผมรวบตัวคนหน้าหวานเข้ามากอดไว้จนแน่น ทำให้ก้องบดินทร์มองไม่เห็นแววตาวิบวับและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผมเผยออกมาทีละนิด ทีละนิด
.
.
.
โอเค๊......ผมจะเก็บเอาไว้เป็นความลับก็แล้วกัน ว่าเวลาคุณเมาน่ะ คุณ so hot ขนาดไหน







----------------จบบริบูรณ์----------------



ลาก่อนนะคะทุกคน(เว่อร์ กร๊ากๆ)

ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคนะคะ ขอบคุณทุกคนค่ะ



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 17 เมษายน 2555 8:08:41 น.
Counter : 771 Pageviews.

8 comments
  
มีความสุขจังเลยค่ะ
แต่ก็เศร้าที่ฟิคเรื่องนี้จบลงแล้ว
จะรออ่านฟิคเรื่องใหม่นะค่ะ
เพราะไม่อยากให้พีก้อง เป็นแค่ตำนาน
จะรัก พีก้องตลอดไป
โดย: Windy IP: 10.10.2.38, 61.19.71.146 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:54:09 น.
  
ฮืออออออ......


น้ำตาไหลพรากกกกก.....

จบแล้ว........


เป็นตอนจบที่น่ารักและน่าประทับใจมากค่ะ แหม๊ๆๆๆ พี่พีอ่ะ ร้ายนะค๊าาาา ใช้วิธิสามัญประจำบ้านอย่างการมอมเหล้าเยี่ยงนี้ น้องก้องก็เสร็จเรียบร้อยโรงเรียน pk หล่อเพลินเกินห้ามใจสิค๊าาา ( ฮ่าๆๆ ขออนุญาตน้องตองเอาชื่อนี้มาใช้หน่อยเน้อ อีป้าชอบจริงไรจริง) แต่ๆๆ หุ หุ he is so hot มว๊ากกกกก !!!

ไม่อยากจะเชื่อว่า ฟิคคลี๊น คลีนของน้องปอและน้องเอส พอจะ unclean ขึ้นมาก็ unseen สุดๆ เริ่ดดดดดด!!! แอร๊ยยยยย !!!

น้องก้องร้อนแรงมากกกกกก อ๊ากๆๆๆ ไม่ไหวแร้นนนน โฮกกกกกก แต่แอบฮา แหมๆๆๆ จริงๆ แล้ว พอถูกเค้ากอดหน่อย ก็อยากจะรับรู้ทุกกระบวนท่า แต่ก็นะ ตัวเองก็เหวี่ยงวีนทิงนองนอยด์ซะขนาดนี้ พี่พีเค้าก็เลยต้องมอมเหล้าเนี่ยแหล่ะค่ะ ขืนรอน้องก้องสมยอมแต่โดยดี มีหวัง รอไปเถ๊อ ถึงป่านนั้น พึ่งเหล้าคงไม่พอ ไวอากร้าเท่านั้นที่จะครองโลก กร๊ากกกก

ชอบตอนจบมากกๆๆๆๆ น่ารักๆๆๆๆๆๆ โอ๊ยยยๆๆๆ น่ารัก ยิ่งตอนน้องก้องเมายิ่งน่ารัก ชื่นชมน้องปอและน้องเอสนะคะ ที่เขียนฟิคฟีทกันได้เป็นอย่างดี พี่เป็นคนหนึ่งแหล่ะ ที่คงจะฟีทกับใครไม่ได้ (อีนี่เรื่องมากแถมเอื่อยเฉื่อยอีกต่างหาก) แต่น้องทั้งสองเป็นคู่ฟีทที่่ลงตัว แล้วก็ชื่นชมพัฒนาการในการเขียนที่ดีมากๆๆๆ ทั้งภาษาที่ใช้ มันเป็นอะไรที่อ่านง่าย และเข้่าใจความรู้สึกของตัวละคร พี่ฮันชอบหลายๆตอนของเรื่องนี้เลย มันประทับใจมากๆ คือแบบ บางเรื่องเป็นเรื่องง่ายๆ แต่อ่านแล้วประทับใจอ่ะ ยกตัวอย่างเช่น นิทานเรื่องนิ้วท้ง้ห้า อันนัันชอบมาก ซึ้งใจ อ่านแล้วมันแบบจี๊ดดด น้ำตาจะไหลเลย

ขอบคุณที่เขียนฟิคดีๆให้อ่านนะคะ ขอบคุณที่ฟิคของน้องทำให้สาวกไม่เหงาและคลายความคิดถึงพวกเค้าไปได้มากทีเดียว แม้ว่าเรื่องราวของตำนานพีก้องจะจบไปแล้วกว่าสองปี แต่ความน่ารักน่าประทับใจก็ยังอยู๋ในความทรงจำของพวกเราเสมอ

ที่ผ่านมาอาจจะมีน้อยใจ เหนื่้อย ท้อ เบื่อหน่าย แต่ขอให้รู้ไว้ว่า ยังมีคนที่รอติดตามผลงานของน้องๆและพร้อมจะเป็นกำลังใจให้ แม้ไม่แสดงออก แต่พวกเราก็รักไรท์เตอร์ทั้งสองคนนะคะ

ขอบคุณอีกครั้ืง และหวังว่าน้องๆจะมีผลงานเรื่องต่อๆไปเรื่อยๆน๊าาา

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
โดย: hunny (hunnylovelaruku ) วันที่: 30 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:18:29 น.
  
ปิดฉากได้ยอดเยี่ยมค่ะ(แอบ..
จิตนิดๆนะคุณพี..หึหึ)
ขอบคุณนะคะสำหรับฟิคดีๆ
เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปค่ะ
โดย: miyukik IP: 110.49.236.95, 141.0.10.116 วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:21:41:52 น.
  
ปิดฉากได้อย่างลงตัวที่สุด
ชอบเรื่องนี้มากเลย เห็นดราม่าตอนแรกๆ จะไม่อ่านอยู๋แร้ว
แต่กั้นใจอ่าน อ่านไปอ่านมา สนุกมากกกกก
ดราม่าได้แบบสุดยอด เป็นฟิคที่ครบรสมากเลย
ขอบคุนคนเขียนน๊าา สำหรับฟิคดีๆที่เขียนมาให้อ่านกัน
ยังไงก็อยากให้มีเรื่องต่อไป เป็นกำลังใจให้นะคะ
โดย: lovePK IP: 223.205.68.91 วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:1:13:51 น.
  
so hot ฟังแล้วกึ๋ยจัง และแล้วเค๊าก็รักกัน
โดย: ji IP: 58.10.228.232 วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:22:36:10 น.
  
น่ารักค่ะน้องปอ...จบแล้ว อย่าลืมต่อพล็อตใหม่ๆนะค่ะ แฟนๆรออ่านนะค่ะ
โดย: P'wara IP: 125.26.142.85 วันที่: 6 ธันวาคม 2554 เวลา:11:48:19 น.
  

ขอบคุณมากคะ จบซะแหละ แต่จะรออ่านเรื่องต่อไปนะ ^^
โดย: JEW IP: 202.176.81.15 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:18:03:59 น.
  
จบแล้ว... หลังจากที่ติดตามอ่านมาเป็นระยะเวลายาวนานมาก อยู่ด้วยกันมานานแบบนี้ จบแล้วก็ใจหายเนาะพี่เอส ยัยปอ^^ ตอนนี้ยังรู้สึกว่าเพิ่งก้าวผ่านสะพานที่ทั้งสี่คน (พีร์ ก้อง ปอ เอส) ช่วยกันปูมา ค่อยๆข้าม ค่อยๆเดิน ระหว่างทางเห็นรายละเอียดของที่ๆเราเดินผ่าน มากมายหลายสิ่ง ...พอถึงตอนที่เท้าแตะพื้นของอีกฝั่งแล้วก็ยังอดหันกลับมามองอีกรอบไม่ได้ มันเป็นความทรงจำที่ดีเนาะ เราหลายคนรู้จักกันก็เพราะฟิค เพราะพีร์ก้อง และหวังว่าเราจะยังหนิดหนมกันไปอีกนานนนนน นะพี่เอส ยัยปอ^^

เวิ่นเว้อร์ฟีลลิ่งนาน วกมาเรื่องฟิค เราเห็นพัฒนาการมันได้จากทุกฉาก ทุกตัวอักษรเลย ทั้งผูกเรื่อง ผูกอารมณ์ ร้อยคนอ่านไว้กับฉาก ตัวละคร เป็นคู่ฟิคที่เขียนฉากดราม่าดีมากกกก หวานก็หวานอุ่นๆ ไม่เอียนไม่เลี่ยน กำลังดี ชอบจัง มากอดดดดดด ขอบคุณนะที่อุตส่าห์อดทนเข็นมันออกมาจนจบ^^ สนุกมาก หวังว่ามันจะยังมีภาคต่อนะ (ไม่ได้ขอร้องนะ...เค้ากดดัน!) 555
โดย: เนี้ยบเนี้ยบ^^ IP: 223.205.228.194 วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:18:56:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปุยหมาม่วง
Location :
ฉะเชิงเทรา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog