ไร้สาระ กับ นายบัวรำวง
ตอนที่ 4 พรายน้ำชมเพลง

“มันไม่แค่นั้น นี่ยังไง ขิมถาม”
“ก็เราไปเจออะไรมากกว่านั้นที่ใต้น่ะสิ”

หลังจากออกจากสถานีตำรวจ คนขับรถตู้ก็ได้ไปทำแผลที่โรงพยาบาล และได้โทรแจ้งให้บริษัททราบถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัทได้บอกว่าจะส่งรถตู้อีกคันหนึ่งมาแทน แต่คงจะเป็นพรุ่งนี้...
คนขับรถตู้บอกว่า รถเสียหายไปหลายส่วนต้องรีบเอากลับไปซ่อม และอีกนานหลายเดือนคงจะเสร็จ ดูท่าทางหน้าตาเศร้าใจ เพราะนั่นหมายถึงรายได้จากการขับรถก็หายไปด้วย ที่สำคัญรถคันนี้เป็นของคนขับเอง ไม่ใช่ของบริษัท ดังนั้นมางานนี้จึงไม่คุ้ม...ดูเหมือนว่า ไม่มีทางใดที่จะเอารถตู้กลับเหนือได้ นอกจากค่อยๆขับรถที่พังนี้กลับด้วยตัวเอง
คนขับรถเย็บแผลเสร็จแล้ว และยังไม่ได้นอน ลาพวกเรากลับด้วยหน้าตาเศร้า
“พี่ขับรถระวังหน่อยนะ” ผมบอก
“ขับช้าๆ ไม่ต้องรีบพี่ แล้วถึงเมื่อไหร่ก็โทรบอกกัน” เพื่อนผมมันพูดพร้อมเอามือตบที่บ่าคนขับรถ...
“เฮ้อ !” ผมถอนหายใจดัง
พี่คนที่มารับเรา ชื่อพี่ชัย เราต้องไปพักที่บ้านพี่เขา ซึ่งติดริมน้ำตาปี และเราจะไปดูชาวบ้านทำการเกษตรแบบผสมผสาน พี่ชัยเอารถเก๋งมาใส่ของจากรถตู้ และจ้างรถสองแถวมาช่วยขนของไปยังบ้าน
“เดี่ยวต้องนั่งเรือ ข้ามไปฝั่งนู้นนะ”
รถตู้มาหยุดใกล้ๆ ศาลหลักเมือง ผมเห็นลำน้ำกว้าง กว้างจริงๆ โชคดีว่า ผมเพิ่งไปเรียนว่ายน้ำมาไม่นานนี้เอง พอว่ายน้ำได้... เฮ้ยนึกอะไรวะ อัปมงคล ผมเอามือตบปากตบหัวตัวเอง...
เรือหางยาวมีเสื้อชูชีพสีส้มสะท้อนแสง เราทุกคนสวมเสื้อและลงเรือ ผมเอากล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋าถ่ายรูป
สองข้างทางเห็นบ้านเรือนปลูกอยู่ริมฝั่ง บางแห่งเป็นดงจาก ดูเหมือนว่าเราเข้าไปสู่ยุคโบราณ น่าอยู่มากๆ พี่ชัยเล่าให้ฟังว่า ต้นจากพวกนี้ช่วยกันตลิ่งพัง ใบ ผล ก็เอามาใช้ได้ แต่เสียดายมีการกว้านซื้อที่ ทำรีสอร์ทโรงแรม บางแห่งก็โค่นขุดถอนต้นจากทิ้ง...น่าเสียดาย
บางแห่ง บางแก่ง มีต้นไม้ขึ้นสลับต้นจาก สาขากิ่งก้านละเลียดน้ำ ดูงดงามมากๆ ช่างมีความสุข จนผมลืมว่าเคย “เหงา”
“ต้นลำพู” พี่ชัยบอก
“ตอนกลางคืนจะมีหิ่งห้อยด้วย เดี่ยวไว้จะพามาดู”

เรานอนหลับเป็นตาย...จนถึงห้าโมงเย็นได้ เราก็อาบน้ำแต่งตัวเข้าไปในเมือง ซึ่งก็ค่ำพอดีพี่ชัยพาเราไปไหว้ศาลหลักเมือง และเดินเที่ยวริมน้ำตาปี วันนี้มีงานที่เกาะลำพู...
เกาะลำพู เมื่อก่อนเคยมีต้นลำพูอยู่มาก ที่สำคัญหิ่งห้อยก็มากด้วย ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะที่จัดงาน เราไปดูการแสดงโนรา และเลือกซื้อของที่ระลึก รวมถึงของกินด้วย อร่อยแปลกดี เช่นคั่วกลิ้งหมู น้ำพริกมะขาม สะตอผัดกุ้ง ทั้งเผ็ด และกลิ่นแรงอย่าบอกใคร...
เกือบสี่ทุ่มเรือพาเราไปดูหิ่งห้อย...บางที่เหมือนต้นคริสมาสต์ประดับด้วยไฟกระพริบ...พี่ชัยบอกว่า
“เวลามาดูห้ามถ่ายรูปด้วยการใช้แฟลช เพราะว่าจะไปรบกวนการกระพริบของหิ่งห้อย...หิ่งห้อยกระพริบไฟก็ เพราะการผสมพันธุ์ เมื่อพร้อมมันจะบินมาเกาะที่ต้นลำพู และเริ่มกระพริบ จากหนึ่งตัวเป็นสอง สามสี่ จนถึงพันตัว... แรกๆ จังหวะกระพริบจะไม่เท่ากัน ดูอย่างต้นทางขวาสิ มันกระพริบไม่เท่ากัน...ส่วนข้างหน้าเรา สังเกตว่า มันกระพริบเกือบพร้อมกัน แสดงว่ากระพริบมานานแล้ว” พี่ชัยพูดเบาๆ
“ถ้าเราถ่ายรูป จะทำให้จังหวะการกระพริบมันเสียไปทันที ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ผสมพันธุ์ก็ได้ ยิ่งเดี่ยวนี้หิ่งห้อยน้อยลง เราจึงได้แค่ดู”
ใช่ได้แค่ดู แต่การได้ดูก็มีความสุข ความงดงามกับภาพที่เห็น มันงามยิ่งกว่าผมจะพูดออกมาเป็นคำได้ แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องผิวน้ำ ระลอกคลื่นกับลมเบาๆพัดเย็น แสงกระพริบเป็นจังหวะพร้อมกันของหิ่งห้อยทำให้ความสุขกับการ “ได้แค่มอง” มันล้นเต็มหัวใจ...
ตกดึก พวกเราออกมาเล่นดนตรีพื้นเมืองกัน ทั้งเพลงปราสาทไหว ล่องแม่ปิง ฤษีหลงถ้ำ สายน้ำเสียงเพลง แสงจันทร์ทำให้ดนตรีกังวานหวานไปทั่วท้องน้ำ...
“ไหว้สา เจ้าที่ เจ้าน้ำทั้งหลาย ลูกน้อยมาไกลพลัดถิ่นของนอนหลับพักสักคืนเถอะ อย่าได้มีอันตรายใดมารบกวนใจเลย สาธุ” ผมสวดมนต์ก่อนนอน...
ริมฝั่งน้ำ เจ้าตี๋เล่นดนตรีดีดซึงอยู่คนเดียว มันบอกว่า บรรยากาศดีขอเล่นดนตรีต่อสักหน่อย...นานไม่รู้เท่าไหร่มันมาสะกิดผม
“พี่บัว...”เสียงมันสั่น
“มีอะไรตี๋”
“พี่...ผมกลัวครับ”
“งั้นก็มานอนข้างนี้ก็แล้วกัน” ผมรู้สึกว่าเจ้าตี๋ต้องเจออะไรดีแน่แล้ว...เพราะก๊กเราไปไหนมักจะขึ้นชื่อว่า ก๊กสบสยองเสมอ ผมเอาลูกประคำในย่ามให้มัน
“ใส่ซะ แล้วสวดมนต์”

รุ่งเช้า เจ้าตี๋หน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอน...ขอบตาคล้ำ...ซูบซีด
กลางดึกขณะที่เจ้าตี๋กำลังเล่นซึงอยู่ ลมเย็นก็พัดมาวูบหนึ่ง พร้อมกับเสียงแหลมๆเล็กๆดังอยู่ไกลๆ เสียงน้ำดัง ‘ซ้วบ...’ เหมือนปลาว่ายน้ำดังขึ้นหลายทีแล้วหายไป ทำให้เจ้าตี๋มองไปทางเสียงนั้นที่ริมฝั่งด้านตรงกันข้ามเป็นศาลาไม้
เจ้าตี๋เห็นผู้หญิงคนหนึ่งผุดขึ้นมาจากน้ำ หน้าเล็กเหมือนงบน้ำอ้อย ผมสีดำออกเขียวเหมือนตะไคร่ยาวราวสองเมตรได้ ผู้หญิงคนนั้น ผุดขึ้นมานั่งที่บันได และมองมาทางเจ้าตี๋ มันเอามือเล็กๆหยิบหวีขึ้นมาสางผม...ใช่ พรายน้ำ เจ้าตี๋ เคยได้ยินพ่อครูพูดถึงอยู่ พวกนี้เป็นผีอยู่ในวังน้ำ เขาบอกว่า ถ้าใครว่ายน้ำแล้วโดนผมของมันจะทำให้จมน้ำตาย...
“แกตาฝาดแน่ เจ้าตี๋” ผมบอก
“ไม่นะ พรายที่ผมเห็น มันมองมาทางผมเกือบสิบนาที ผมไม่กล้าลุกเลยพี่ จนผมทำใจได้ ผมก็วิ่งมาขอนอนกับพี่นี่แหล่ะ”

“เฮ้ย ทำไมแกไปไหนก็มีแต่เรื่องพวกนี้วะ” เจ้าเพื่อนผมมันถาม
“ก็เป็นอย่างนี้แหละ”
“พี่บัว ขิมมันเคยเล่าให้กิ่งฟังว่า เมื่อปีก่อนพวกพี่ไปเจออีกที่แม่ฮ่องสอนไม่ใช่เหรอ” กิ่งถาม ขณะที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ พอถามเสร็จก็หันไปทางขิม เจ้าขิมพยักหน้าเออออว่าใช่และคะยั้นคะยอให้ผมเล่าเรื่องให้ฟังอีก


รูปริมน้ำที่เจอพราย...


Create Date : 09 ธันวาคม 2548
Last Update : 13 ธันวาคม 2548 18:21:44 น. 9 comments
Counter : 452 Pageviews.

 
แวะมาอ่าน ชอบมากๆๆ รอติดตามตอนต่อไปนะครับ


โดย: Keith IP: 158.108.208.123 วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:21:49:56 น.  

 
ชอบครับ


โดย: Shermanindra วันที่: 11 ธันวาคม 2548 เวลา:21:09:54 น.  

 
ติดตามอ่านอยู่นะคะ ชอบค่ะ สนุกดี


โดย: kk IP: 210.86.182.186 วันที่: 12 ธันวาคม 2548 เวลา:17:44:19 น.  

 
คุณลุงขา...คุณลุงหายจากเรือนไปเป็นพักๆ...ที่แท้ก็มามีเรื่องเล่า..(กี่ตอนจบ..)ที่นี่นี่เอง ว่างๆแวะมาคุยกันมั่งนะคะ


โดย: anlee IP: 202.21.144.7 วันที่: 19 ธันวาคม 2548 เวลา:12:43:19 น.  

 
มาเยี่ยม



โดย: Mr.Vop วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:13:41:57 น.  

 
กินข้าวไปอ่านไป ข้าวหมดไม่รู้รสเลย..เอ..มะกี้กินข้าวกะอะไรหว่า..

เล่าได้ตื่นเต้นดีค่ะ แล้วจะมาอ่านบ่อยๆนะคะ


โดย: jingsija วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:12:10:15 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: buaravong วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:15:53:49 น.  

 
สนุกสุดยอดเลย


โดย: Nichakorn IP: 124.120.210.242 วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:17:22:44 น.  

 
ทำไมสนุกอย่างงี้


โดย: ณิชากร หนูเเก้ว อุ้ม IP: 124.120.210.242 วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:17:25:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

buaravong
Location :
มหาสารคาม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add buaravong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.