หนึ่งสมอง กับ สองมือ บวกความมั่นใจ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้

bowlfat
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add bowlfat's blog to your web]
Links
 

 
How come of Bowlfat?









ไปเจอ clip ที่แสนเร้าใจนี้ใน Youtube เลยแอบดูดมาซ่อนไว้เพื่อ built อารมณ์ก่อนออกไปเล่นโบว์ ฝันไว้ว่าซักวันนนนนนนนนนนน ..จะ...... ก็ ฝาน กาน ปาย. อะนะ








เพราะรู้สึกตัวว่ามีพลังงานมากมายซะเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหาอะไรที่มันสนุกทำดี ทำงานหลักมันไม่สนุก ทำงานอดิเรกก็ได้ใช้เวลาว่าง แต่ก็ยังไม่ค่อยสนุก เลยค้นพบตัวเองเมื่อ 3 ปีก่อนว่า กีฬาโบว์ลิ่ง เป็นกีฬาที่ให้ความสะใจ สนุก และไม่เดือดร้อนคนอื่น กีฬาประเภทนี้ไม่ต้องมีเพื่อนก็เล่นได้ มีเพื่อนยิ่งเล่นสนุก ที่สำคัญคือเราต้องแข่งกับตัวเอง โดยฝึกตัวเองให้มีพัฒนาการเพิ่มขึ้นได้โดยลำพัง อาจแอบลอกเลียนท่าจากเลนข้างๆ หรือ ไปซุ่มดูตามลานโบว์ตอนที่เค้าจัดแข่ง ก็จะได้ท่าแปลกๆ และความเร้าใจกลับมาเสมอ





นี่เป็นภาพหลานชายที่น้าหนีบไปดูการแข่งโบว์ลิ่งอยู่บ่อยๆ
ความเป็นมาตั้งแต่เริ่มเข้ามารู้จักกีฬาชนิดนี้ เริ่มจากที่ทำงานต้องส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งกีฬาบุคคลากร และตัวข้าพเจ้าเป็นผู้ประสานงานกีฬาของที่ทำงาน ในตอนนั้นเมื่อ 3 ปีก่อน ขอเรียนให้ทราบว่าไม่เคยจับ ไม่เคยเล่น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องใส่นิ้วไหนบ้างเข้าไปในลูกโบว์ลิ่ง ที่เคยเห็นก็แค่พิน ว่ามีหน้าตาแบบไหน
แต่ในเมื่อรับหน้าที่แล้ว ก็พยายามสรรหานักกีฬาเพื่อส่งเข้าร่วมแข่งกับเค้าให้ได้ ทั้งลาก ทั้งดัน บังคับพี่น้องในที่ทำงานไปได้ 2-3คน 4 คนรวมข้าพเจ้า ก็เอาคะ ลุยเข้าไปเล่นกับเค้า ความประสงค์เดียวที่ต้องการคือ ร่วมแข่ง








ปีแรก ก็แค่มีชื่อจริงๆ ผลงานที่ได้ก็คือ เราได้เข้าร่วมแข่งขัน และเรารู้จักกันแล้ว ว่ากีฬาประเภทนี้เค้าเล่นอย่างไร







ความที่ไม่เคยจับลูกโบว์ และโยนมาก่อนเลย พบว่าวิบากกรรมหลังแข่งเสร็จคือนั่งไม่ได้ เดินก็เจ็บยอก ปวดร้าวไปทั้งตัว เป็นอยู่เกือบ5วัน และอาการก็ดีขึ้น เลยคิดว่าไม่ได้การแล้วเรา จะแกล้งร่างกายโดยวิธีนี้หาสมควรไม่ แต่ยังหาทางออกสวยๆไม่ได้ ค้นพบได้อย่างเดียวคือ กีฬานี้มันช่างสะใจจริงๆ แอบชอบ ว่างั้นเถอะ

พอปีที่2 เดือนเดียวกันคือ มีนาคม ฤดูกีฬาก็เวียนมาบรรจบอีก คราวนี้ไปรู้จักกับน้องคนหนึ่ง ที่เพิ่งเข้ามาเป็นบุคลากรของที่ทำงาน เราก็บังคับเค้าว่า เธอต้องเล่นกีฬาให้พี่หน่อยนะ เค้าก็ถามเลยว่าเล่นอะไร พอบอกว่าโบว์ลิ่ง เค้าส่ายหน้า บอกว่าเล่นไม่เป็นครับ ไม่เป็นก็หัดซิ ไม่ยากหรอกเดี๋ยวพี่จะพาไปซ้อม งบซ้อมพี่ขอไว้แล้ว(ประมาณว่าปีนี้ต้องซ้อมหน่อย) เค้าก็ว่าง่าย งั้นไปก็ได้พี่
โอ้..พระพุทธ พอเค้าเข้าไปในลานโบว์ หูตาเค้าก็เจิดจรัส ประมาณว่า ผมคงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ 55555 ก็ลองโยนกันก่อน 3 เกมแรก ทั้งพี่ทั้งน้อง ล้างท่อกันกว่าครึ่ง แต่ความเพียรอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น จริงดังภาษิต คะแนนเริ่มดีขึ้น ประมาณกว่าเริ่มเกิน 100แล้ว ดีใจแทบเต้น แต่เพื่อเห็นแก่สังขารและเงินในกระเป๋า (เพราะปาเข้าไปเกือบจะคนละ1000 แหล่ว)
ก็หอบสังขารอันระบมกลับที่ทำงาน ก็ได้หันหน้าปรึกษาหารือกันตลอดทางว่าถ้าเราเอาจริง คงทำได้ดีกว่านี้ สองคนพี่น้องประหนึ่งกบในกะลาครอบ ต่างก็ให้กำลังใจว่า เราต่างทำให้ดีกว่านี้ได้ ที่แปลกคือ ตอนนั้นข้าพเจ้าดันเชื่อมัน ว่า
..........จริง........แล้วเราก็เริ่มวางแผนว่าเราจะฝึกซ้อมอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและไม่ลำบากกระเป๋าเกินไปนัก ก็ตกลงว่าจะเล่นกัน อาทิตย์ละ2-3ครั้ง ผลัดกันขับรถคนละวัน(เพื่อความยุติธรรม) และถ้าเรารู้ว่าที่ไหนมีโปรโมชั่นแบบเหมาชั่วโมง เราก็จะลากกันไป เดชะบุญ สวรรค์มีตา เมเจอร์ปิ่นเกล้า จัดโปรโมชั่น 3ทุ่มถึงเที่ยงคืน 250 บาท ยอมตายค่า กลางวันจะไปไหนก็ตามแต่ แต่ 2ทุ่มต้องมาเจอกันที่วงแหวนค่า จอดรถทิ้งไว้ในปั๊มคันหนึ่งแล้วมุ่งหน้าเข้าเมเจอร์เลย 2คนพี่น้อง
กลับบ้าน(บางบัวทอง) เกือบตี1สบักสะบอมทุกคืนที่ไป แต่คะแนนก็ดีขึ้นเป็นลำดับ จนเฉลี่ยอยู่ที่150-160 น้องก็ให้กำลังใจพี่ พี่ก็ชื่นชมน้อง ถึงกับฝันกีฬาปีนี้ว่าจะต้องได้เหรียญใดเหรียญหนึ่งเชียวนะค้า คิดไปนู่น
ขอแนะนำนักกีฬาที่1 ปีเจอลูกโบว์ลิ่ง 1 ครั้งให้พักสายตา








เลิกราจากบล็อก ไปจมปลักกับ Hi5 อยู่ชาติเศษ ตอนนี้กลับมาบันทึกประวัติต่อคะ

ปี 2549 จับพลัดจับผลู ทำคะแนนในประเภทบุคคลหญิงได้สูงสุด ก็ไม่ได้มากอะไร เฉลี่ยแค่ 155/เกมเอง ไม่ถือว่ามากนะ แต่ดั๊นไม่มีใครมากกว่าเรา เลยได้เหรียญทอง โอ้ พระพุทธ ลูกตกใจแทบตาย มือไม้สั่น โทร.ไปแจ้งให้น้องชายตัวดีทราบ แทนที่มันจะดีใจ กลับด่าทอซะไม่มีดี หาว่าทำแต้มเฉลี่ยได้ต่ำ อย่าบอกใครว่าซ้อมกับมันมา จะเสื่อมเสียไปถึงมัน ว่าเข้านั่น หายดีใจเลย บ้าจี้โมโหตัวเองไปตามปากมัน (ชั้นบ้าหรือเปล่าฟะเนี่ย)


ก็จริง เล่นได้ต่ำกว่าตอนซ้อมจริงๆ ก็มันตื่นเต้นนี่หว่า
ผลจากการคว้าเหรียญทองครั้งนั้น ก็ยิ่งทำให้งมงายกับการเล่นโบว์ลิ่งมากขึ้น ตอนนี้เข้าห้างเพื่อเล่นโบว์อย่างเดียว แม้แต่นมเปรี้ยวยังแวะซื้อเซเว่นเอา เข้าห้างก็ตรงขึ้นลานโบว์ กลับลงมาก็ห้างปิดเที่ยงคืนนู่นเลย เอาเข้าไป ก็ยังเคียงคู่ไปกับน้องชายตัวแสบไประยะหนึ่ง พอเล่นไปได้5-6เดือน ก็มีอันต้องแยกย้ายกัน เพราะน้องชายไปทำงานที่อื่น นานๆถึงจะนัดเจอกันได้ซักครั้ง ได้รับแต่ข่าวมัน (ไม่รู้โม้หรือเปล่า) ว่าไปแข่งที่โน่นที่นั่น ได้รางวัลติดไม้ติดมือมาเสมอ ก็ไม่ได้เห็นของมัน หรือมันจะแค่กดดันเราวะ เราก็ชอบบ้าไปตามปากมันด้วย

อ้อ ลืมกล่าวถึงการได้รับสิทธิ์ไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัย การได้เหรียญทองในการแข่งระดับบุคลากร ก็จะได้รับสิทธิ์ให้ไปแข่งระดับมหาวิทยาลัยซึ่งในปี 2549 ม.วลัยลักษณ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่โบว์ลิ่งต้องไปแข่งที่หาดใหญ่ เพราะนครศรีฯ ไม่มีห้างใดๆที่มีลานโบว์ ก็ไปร่วมแข่งกับเค้า ผลนะเหรอ ล้มเหลวไม่เป็นท่า ซึ่งพอจะหาเหตุผลได้ว่า
1. เป็นเพราะตื่นสนาม (ก็ครั้งแรกของหนูนี่คะ กับความมากมายของนักโบว์ลิ่ง ที่ต่างพร้อมใจกันเดินแกว่งแขนขวาเป็นวง เหมือนนกเพนกวิน จุ๊ๆ นี่เป็นท่าวอร์มอัพ ของนักโบว์เค้าค่า )
2. เพิ่งรู้จักกับการเล่นสลับเลนเป็นครั้งแรก งง และ โง่ อยู่พักใหญ่ๆ อายคนจัง ก็ตอนแข่งระดับบุคคลากร ไม่ได้เล่นแบบนี้นี่นา
สรุป คะแนนแย่ อยู่ระดับปานกลาง ได้อันดับ 18 จาก 45 อันดับ ได้มาแค่ประสบการณ์ ก็โอเค อะนะ ไม่ได้เสียอะไร ได้เปิดหูเปิดตา สนุกดี

จะด้วยเหตุผลใดๆก็แล้วแต่ กับความล้มเหลว ที่ทำให้ความคาดหวังของหมู่คณะไม่เป็นจริง พวกเค้าหวังให้เราทำเหรียญให้มหาวิทยาลัย
แต่ประทานโทษ ไม่มีงบให้เราฝึกซ้อมเลย แล้วมาหวังอะไรกับเราฟะ ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า เราจะไม่เครียด จะเล่นกีฬาเพื่อความสนุก และ สุขภาพ แค่นั้นพอ
เราก็มุ่งมั่นเล่นโบว์ลิ่งด้วยความสนุกสนานต่อไป ไปแข่งการกุศลบ้าง สมัครแข่งเองบ้าง ตอนนี้เราทำแต้มเฉลี่ยได้ที่185-195 เคยได้สูงสุดที่245 แนะ คืนไหนแต้มเกิน 220 ก็จะกริ่มมาก กลับบ้านนอนฝันหวาน สลบนิ่งสนิท ก็เล่นซะคืนละ2-3ชั่วโมง ไม่เหนื่อยก็บ้าแล้ว คนนะ..ไม่ใช่...





วันหนึ่งลุบคลำตัวเอง (อย่าเพิ่งคิดไปไกลนะ) เจอหนอก(เหมือนของอูฐ)บริเวณข้างต้นคอด้านขวา ตกใจมาก นี่ชั้นเป็นเนื้อร้ายหรือเนี่ย เลยไปหาหมอ หลังจากหมอลูบคลำพร้อมๆกับการกดนวดไปซักพัก ก็เอ่ยถามว่า pain หรือเปล่า ก็ตอบหมอว่า fine คะ หมอก็สรุปในใบประวัติว่า คุณแค่ แข็งแรง เอง



เฮ้อ ค่อยหายเครียดไปหน่อย หมอก็ขยายความ(ให้หายโง่(กังวล)) ว่า ใช้กล้ามเนื้อด้านขวามากไปเลยแข็งแร็งขึ้นด้านเดียว ก็ช้าน ทา-หนัด ขวา นี่นา
ตัดความมาถึงปี2550 ปีนี้เป็นปีที่เราหวังว่าจะต้องทำคะแนนให้ดีกว่าปีที่แล้ว เพราะปีนั้นเอาแม่ไปเชียร์ด้วย ( อารมณ์ ..เพื่อแม่แพ้บ่ได้) ตั้งแต้มเฉลี่ยไว้ที่170 /เกม คือที่ตั้งต่ำเพราะเผื่อความตื่นเต้นอะคะ ถ้าได้ตามเป้าของตัวเอง ไม่ถึงเหรียญก็ไม่เป็นไร ปลอบตัวเอง ว่างั้น ใครทำได้มากกว่าชั้นก็เอาไปเถอะค่า เหรียญน่ะ
ผลการแข่ง ได้ตามเป้า 501 / 3เกม ก็พอใจตัวเอง เกมแรกรอบคัดตัว เข้ามาเป็นอันดับ1 ได้ 186คะแนน อิอิ นิ่งขึ้นเยอะ พอแข่งจริง เกมแรกทะลุไป203 แต้ม โอ้ พระพุทธ แม่ยิ้มแก้มปริ เค้าไม่รู้เรื่องเท่าไหร่หรอก แต่ดูบรรยากาศที่พวกพ้องตะโกนเชียร์ เลยเข้าใจเอาเองว่าลูกสาวแม่ต้องเก่งแน่ๆเลย พิมพ์มาถึงตรงนี้ ก็ขอ ยิ้มภูมิใจ อีกซักครั้งนะคะ


พอเกม2 เริ่มหวังว่าจะต้องรักษาเหรียญไว้ให้ได้เลย เพื่อให้แม่ภูมิใจ เป๋เลยคะ แต้มหล่นบนความเครียด เหลิอ 156 เองมั๊ง เอาละซิ เริ่มโดนน้องๆจิกแล้ว ว่าผิดฟอร์ม ไอ้คนที่เล่นเกมแรกหายไปไหนซะแล้ว น้องๆก็วิ่งไปสปายคะแนนทุกเลน ก็มารายงานว่ายังไม่ถึงกับแย่ แต่ต้องเรียกฟอร์มกลับมาโดยด่วน หายใจลึ้กกกกกกกกกกก ลึก แล้วก้มหน้าก้มตาโยนเกมสุดท้าย จนกระทั่งคะแนนรวมออกมาเป็นอันดับ1 501คะแนน อันดับ2 อยู่ที่484 คะแนน เฮ้อ หยิบเหรียญให้แม่ได้แล้ววววววว ว้าว ดีจายยย จังเลย




พาแม่กลับบ้านด้วยใจที่ชื่นมื่น ระหว่างทาง กรรมการโบว์ลิ่งของมหาวิทยาลัยมหิดลก็โทร.มาชวนให้ไปแข่งระดับมหาวิทยาลัย แต่ตัดสินใจตอบปฎิเสธไปโดยอ้างเหตุผลส่วนตัว
แม้ไม่ได้ไปร่วมแข่งกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังเล่นโบว์ลิ่งเป็นงานอดิเรก เป็นการออกกำลังกาย เป็นการคลายเครียด เป็นการสังสรรค์จนได้เพื่อนเยอะแยะ จนกลายเป็นนักกีฬาโบว์ลิ้งที่มีความสุขคนหนึ่ง และนี่คือที่มาของ Bowl+fat ซึ่งแปลแบบน่ารักๆ ว่า นักกีฬาโบว์ลิ่งที่ค่อนข้างตุ้ยนุ้ยนั่นเอง 555555







Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 4 เมษายน 2555 15:02:01 น. 0 comments
Counter : 515 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.