ทุกเรื่องราวมีแง่คิด ทุกชีวิตมีแรงบันดาลใจ
Group Blog
 
All Blogs
 
Moneyball (2011) : ไม่ใช่เกมส์กีฬาแต่มันคือชีวิต














"เวลาได้ดูหนังดีๆซักเรื่อง มันเหมือนได้ของขวัญล้ำค่าจากพระเจ้า" ผมพูดเอง


เพราะว่า เวลาเราได้ดูหนังดีๆซักเรื่อง มันเหมือนเรามองเห็นแสงจากปลายอุโมงค์ ทำเปิดมุมมองเรา มันให้คำตอบกับคำถามที่คาใจ ให้คำตอบจากชีวิตของคนในหนัง มันให้.........กับคนดู สำหรับผมหนังแบบนี้เป็นหนังดี ทั้งๆที่บางเรื่องอาจเรตติ้งต่ำ นักวิจารณ์ด่าเสียเท่เสีย รายได้ต่ำติดดิน แต่เมื่อเราดูมันเหมือนโดนตีกบาล นั่นละคุณได้ของขวัญไปแล้ว










                                                        Moneyball (2011)


                                                           Biography | Drama | Sport






Director: 


Bennett Miller




Writers: 


Steven Zaillian (screenplay)Aaron Sorkin





Brad Pitt รับบทเป็น Billy Beane ผู้จัดการทีมเบสบอล โอ๊คแลนเอส์ ถ้าตามที่บีนพูดในหนัง "There are rich teams and there are poor teams, then there's fifty-feet of crap, and then there's us." ก็พอทำให้เราเข้าใจระดับนี้ของเขาตอนนี้ เมื่อจบฤดูกาล 2001 ทีมของบิลลี่ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่เมื่อ สมาชิกทีมตัวเก่งถูกซื้อ 3 ตัวรวด ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นตัวยืนของทีมเลยก็ว่าได้ บิ่ลลี่จึงต้องปฏิวัติทีมยกใหญ่โดยเขาไปเจอเข้ากับ ปีเตอร์ แบรนด์ นิสิตเศรษฐศาสตร์จบใหม๋จากเยล ที่นำสูตรการคำนวณมาใช้กับตัวนักกีฬาแต่ละคน และใช้หลักสถิติในการเลือกนักกีฬาเข้าทีมและลงสนาม ซึ่งการกระทำของทั้งคู่นั้นถูกต่อต้านและดูถูกจากคนในวงการ เพราะมันเป็นการปฏิวัติวงการเบสบอลที่มีมา 150 ปี แต่ใครจะรู้ว่าการปฏิวัติครั้งนี้มันได้เป็นแบบอย่างให้กับวงการจนทุกทีมในปัจจุบันก็ใช้วิธีเดียวกันนี้









เหล่าทีมงานที่ปฏิเสธการทำทีมใหม่ของ Beane 







1. การเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างมันต้องใช้ความเชื่อมั่นอย่างมาก :  อย่างที่ Billy Beane พูดไว้ในหนัง "Adapt Or Die" จะปรับหรือตาย ในภาวะที่่ทีมวิกฤต Beane มีความเชื่อมั่นในการทำทีมแบบใหม่ของเขาที่นำค่าสถิติมาเป็นตัวตัดสินใจเซ็นสัญญากับผู้เล่น และส่งผู้เล่นลงสนาม แต่ทีมงานของเขาไม่เอาด้วย ทีมงานเลือกจะเชื่อ ประสบการณ์ (ความเคยชิน) ของตัวเขาและระบบแบบเก่าที่เลือกผู้เล่นจาก การจดสถิติ ดูรูปลักษณ์ภายนอก นิสัย หน้าตาแฟน ฯลฯ แต่ไม้ทีมงานของ Beane จะไม่เอาด้วย แต่เขายังคงเชื่อในรูปแบบใหม่ แม้ความเชื่อของเขาจะยังไม่มากพอ







Scott Hatteberg ผู้เล่นถูกทิ้งที่ Beane ไปดึงตัวมา


2. โอกาสในวิกฤต : แม้เขาจะเชื่อในการทำทีมแบบใหม่ของเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าเอาผิดกับ Art Howe ทีมงานที่ทำทีมในสนามขณะแข่ง ที่ไม่เลือกนักเตะลงตามที่เขาสั่ง เพราะในใจลึกๆของเขาเองก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย จนทีมเข้าสู่วิกฤตหนัก แพ้รวดอยู่อันดับท้ายของตาราง และเมื่อไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้ว 
Beane วางเดินพันกับการทำทีมรูปแบบนี้ทั้งหมด เชื่อมันในแผนเต็ม 100% ตัดสินใจขายนักเตะดาวดังของทีมออกจนใหม่แล้วดึงเอานักเตะเหลือใช้ที่มีสถิติดีมาแทน จนทำให้ทีมพลิกฟื้นกลับมาชนะอีกครั้ง




Brad Pitt ในบท Billy Beane ผู้จัดการทีมหัวขบฎ




Billy Beane ตอนหนุ่มในฐานะผู้เล่นดาวรุ่ง


3. เรื่องราวในอดีตฝังใจ : Billy Beane ก่อนจะมาเป็นผู้จัดการทีมเขาเคยเป็น ผู้เล่นดาวรุ่งที่ครบเครื่องในทุกด้าน ขว้างลูก วิ่งเบส ตีบอล แมวมองจึงยื่นข้อเสนอให้เขา ในขณะเดียวกันกับแสตมฟอร์ดที่ให้ทุนเรียนกับเขา เช่นกัน เขาจึงต้องเลือกระหว่างอันใดอันหนึ่ง และเขาเลือกเบสบอล ซึ่งเส้นทางเบสบอลไม่ได้สวยหรูเหมือนที่เขาวาดไว้ ดาวรุ่งที่เด่นในทุกด้านเมื่ออยู่ในสนามกลับเป็นผู้เล่นธรรมดาแสนธรรมดา


อย่างตอนที่เขาถาม Peter Brand ว่าถ้าใช้หลักสถิติจะเลือกเขาเข้าทีมไหม? 


คำตอบคือไม่ เป็นผู้เล่นระดับ 9 แถมไม่มีโบนัสด้วย





ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้นมันยังติดตาตรึงใจเขาอยู่ทุกวัน จนทำให้เขาไม่กล้าที่จะเข้าสนามเพร่าะกลัวตัวเองจะเป็นตัวซวยทำให้ทีมแพ้ และสิ่งที่ช่วยเขาได้มากที่สุดก็คือเสียงน้อยๆหวานๆจากลูกตัวน้อยของเขา 







Jonah Hill รับบทเป็น Peter Brand นักเศรษฐศาสตร์ที่นำหลักสถิติเข้ามาใช้


4. เป้าหมาย : "ตีลูกให้ถึงดวงจันทร์ ถ้าไม่ถึงก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว" เหมือน Billy Beane จะไม่เคยได้ยินประโยคข้างต้นนี้ Beane เป็นคนหนึ่งที่ยึดติดกับเป้าหมายอย่างมาก เขาต้องการพาทีมคว้าแชมป์ให้ได้ เพราะเขารู้ว่าการที่ทีมแม้จะทำสถิติได้ดี สร้างปาฏิหาริย์มากมาย แต่ถ้าไม่ได้แชมป์มันก็สูญเปล่า เพราะมันจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมาเลย แต่การที่เขายึดติดกับเป้าหมายขนาดนี้ทำให้เขามองไม่เห็นว่าเขาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับวงการเบสบอลไปบ้าง จน Peter Brand ต้องเตือนสติเขาโดนให้ดูวีดีโอหนึ่งอันเป็นเรื่องราวที่ชายคนหนึ่งตีโฮมรันไปแล้วแต่เขาไม่รู้ตัว แต่คนทั้งสนามรู้ว่าชายคนนั้นตีโฮมรันไปแล้ว มันคือการเปรียบเปรยว่า การกระทำของ Beane มันเหมือนตีโฮมรัน ทุกคนรู้สึกถึงมันได้ มีแต่นายที่ไม่รู้ว่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างไปแล้ว

















5. เรื่องราวดีๆอยู่รอบตัว : สิ่งที่ดีไม่ได้อยู่เฉพาะในภาพยนตร์ บทเพลง หนังสือ เรื่องราวรอบตัว อาจทำให้เกิดอะไรบางอย่างกับเราเหมือนอย่างบทเพลงจากนางฟ้าตัวน้อยที่ช่วยให้ Billy Beane ก้าวผ่านวังวนกับเรื่องราวในอดีตของตัวเอง












IMDB : 7.8/10


Rotten Tomatoes : 95%


Makopoto : 10/10 ใครต้องการไปดูหนังกีฬาเบสบอลเอามันส์ขอให้ถอย เรื่องราวของหนังมันคือชีวิต ชีวิตของ Billy Beane และการปฏิวัติการเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างซึ่งมันเกิดในสนามเบสบอลเท่านั้นเอง ไม่ได้ดูคนเล่นเบสบอลหรอก


(ลังเลตอนแรกจะเป็น 9 หรือ 10 ดี เพราะตัวหนังที่มีบทพูดยาวเหยียดพอๆกับ Social Network อาจทำให้คนดูมึน เบื่อกับบทสนา เหมือนอย่างที่ Social เจอมาก่อน แต่อีกใจมันคือ 10 เต็มกับการทำหนังที่เนื้อหาบทสนทนายาวเหยียดออกมาได้ไม่น่าเบื่อ และ ถ่ายทอดเนื้อหาแง่คิดออกมาเต็มๆ)





Create Date : 27 มกราคม 2555
Last Update : 28 มกราคม 2555 0:12:23 น. 0 comments
Counter : 2554 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

makopoto
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนหนึ่งคนที่รอความตาย อาจารย์ยงยุทธ อาจารย์เคยพูดไว้ว่า คนบนโลกนี้มี 2 ประเภท 1.คนที่ตายแล้ว 2.คนที่รอความตาย ผมยังอยู่ประเภท 2 กำลังรอความตาย แต่จะรอความตายอย่างไร? ติดตามผมมาเถอะครับ
Friends' blogs
[Add makopoto's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.