Moneyball (2011) : ไม่ใช่เกมส์กีฬาแต่มันคือชีวิต
"เวลาได้ดูหนังดีๆซักเรื่อง มันเหมือนได้ของขวัญล้ำค่าจากพระเจ้า" ผมพูดเอง
เพราะว่า เวลาเราได้ดูหนังดีๆซักเรื่อง มันเหมือนเรามองเห็นแสงจากปลายอุโมงค์ ทำเปิดมุมมองเรา มันให้คำตอบกับคำถามที่คาใจ ให้คำตอบจากชีวิตของคนในหนัง มันให้.........กับคนดู สำหรับผมหนังแบบนี้เป็นหนังดี ทั้งๆที่บางเรื่องอาจเรตติ้งต่ำ นักวิจารณ์ด่าเสียเท่เสีย รายได้ต่ำติดดิน แต่เมื่อเราดูมันเหมือนโดนตีกบาล นั่นละคุณได้ของขวัญไปแล้ว
Moneyball (2011)
Brad Pitt รับบทเป็น Billy Beane ผู้จัดการทีมเบสบอล โอ๊คแลนเอส์ ถ้าตามที่บีนพูดในหนัง "There are rich teams and there are poor teams, then there's fifty-feet of crap, and then there's us." ก็พอทำให้เราเข้าใจระดับนี้ของเขาตอนนี้ เมื่อจบฤดูกาล 2001 ทีมของบิลลี่ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่เมื่อ สมาชิกทีมตัวเก่งถูกซื้อ 3 ตัวรวด ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นตัวยืนของทีมเลยก็ว่าได้ บิ่ลลี่จึงต้องปฏิวัติทีมยกใหญ่โดยเขาไปเจอเข้ากับ ปีเตอร์ แบรนด์ นิสิตเศรษฐศาสตร์จบใหม๋จากเยล ที่นำสูตรการคำนวณมาใช้กับตัวนักกีฬาแต่ละคน และใช้หลักสถิติในการเลือกนักกีฬาเข้าทีมและลงสนาม ซึ่งการกระทำของทั้งคู่นั้นถูกต่อต้านและดูถูกจากคนในวงการ เพราะมันเป็นการปฏิวัติวงการเบสบอลที่มีมา 150 ปี แต่ใครจะรู้ว่าการปฏิวัติครั้งนี้มันได้เป็นแบบอย่างให้กับวงการจนทุกทีมในปัจจุบันก็ใช้วิธีเดียวกันนี้
|
เหล่าทีมงานที่ปฏิเสธการทำทีมใหม่ของ Beane |
1. การเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างมันต้องใช้ความเชื่อมั่นอย่างมาก : อย่างที่ Billy Beane พูดไว้ในหนัง "Adapt Or Die" จะปรับหรือตาย ในภาวะที่่ทีมวิกฤต Beane มีความเชื่อมั่นในการทำทีมแบบใหม่ของเขาที่นำค่าสถิติมาเป็นตัวตัดสินใจเซ็นสัญญากับผู้เล่น และส่งผู้เล่นลงสนาม แต่ทีมงานของเขาไม่เอาด้วย ทีมงานเลือกจะเชื่อ ประสบการณ์ (ความเคยชิน) ของตัวเขาและระบบแบบเก่าที่เลือกผู้เล่นจาก การจดสถิติ ดูรูปลักษณ์ภายนอก นิสัย หน้าตาแฟน ฯลฯ แต่ไม้ทีมงานของ Beane จะไม่เอาด้วย แต่เขายังคงเชื่อในรูปแบบใหม่ แม้ความเชื่อของเขาจะยังไม่มากพอ
|
Scott Hatteberg ผู้เล่นถูกทิ้งที่ Beane ไปดึงตัวมา |
2. โอกาสในวิกฤต : แม้เขาจะเชื่อในการทำทีมแบบใหม่ของเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าเอาผิดกับ Art Howe ทีมงานที่ทำทีมในสนามขณะแข่ง ที่ไม่เลือกนักเตะลงตามที่เขาสั่ง เพราะในใจลึกๆของเขาเองก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย จนทีมเข้าสู่วิกฤตหนัก แพ้รวดอยู่อันดับท้ายของตาราง และเมื่อไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้ว Beane วางเดินพันกับการทำทีมรูปแบบนี้ทั้งหมด เชื่อมันในแผนเต็ม 100% ตัดสินใจขายนักเตะดาวดังของทีมออกจนใหม่แล้วดึงเอานักเตะเหลือใช้ที่มีสถิติดีมาแทน จนทำให้ทีมพลิกฟื้นกลับมาชนะอีกครั้ง
|
Brad Pitt ในบท Billy Beane ผู้จัดการทีมหัวขบฎ |
|
Billy Beane ตอนหนุ่มในฐานะผู้เล่นดาวรุ่ง |
3. เรื่องราวในอดีตฝังใจ : Billy Beane ก่อนจะมาเป็นผู้จัดการทีมเขาเคยเป็น ผู้เล่นดาวรุ่งที่ครบเครื่องในทุกด้าน ขว้างลูก วิ่งเบส ตีบอล แมวมองจึงยื่นข้อเสนอให้เขา ในขณะเดียวกันกับแสตมฟอร์ดที่ให้ทุนเรียนกับเขา เช่นกัน เขาจึงต้องเลือกระหว่างอันใดอันหนึ่ง และเขาเลือกเบสบอล ซึ่งเส้นทางเบสบอลไม่ได้สวยหรูเหมือนที่เขาวาดไว้ ดาวรุ่งที่เด่นในทุกด้านเมื่ออยู่ในสนามกลับเป็นผู้เล่นธรรมดาแสนธรรมดา
อย่างตอนที่เขาถาม Peter Brand ว่าถ้าใช้หลักสถิติจะเลือกเขาเข้าทีมไหม?
คำตอบคือไม่ เป็นผู้เล่นระดับ 9 แถมไม่มีโบนัสด้วย
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้นมันยังติดตาตรึงใจเขาอยู่ทุกวัน จนทำให้เขาไม่กล้าที่จะเข้าสนามเพร่าะกลัวตัวเองจะเป็นตัวซวยทำให้ทีมแพ้ และสิ่งที่ช่วยเขาได้มากที่สุดก็คือเสียงน้อยๆหวานๆจากลูกตัวน้อยของเขา
|
Jonah Hill รับบทเป็น Peter Brand นักเศรษฐศาสตร์ที่นำหลักสถิติเข้ามาใช้ |
4. เป้าหมาย : "ตีลูกให้ถึงดวงจันทร์ ถ้าไม่ถึงก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว" เหมือน Billy Beane จะไม่เคยได้ยินประโยคข้างต้นนี้ Beane เป็นคนหนึ่งที่ยึดติดกับเป้าหมายอย่างมาก เขาต้องการพาทีมคว้าแชมป์ให้ได้ เพราะเขารู้ว่าการที่ทีมแม้จะทำสถิติได้ดี สร้างปาฏิหาริย์มากมาย แต่ถ้าไม่ได้แชมป์มันก็สูญเปล่า เพราะมันจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมาเลย แต่การที่เขายึดติดกับเป้าหมายขนาดนี้ทำให้เขามองไม่เห็นว่าเขาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับวงการเบสบอลไปบ้าง จน Peter Brand ต้องเตือนสติเขาโดนให้ดูวีดีโอหนึ่งอันเป็นเรื่องราวที่ชายคนหนึ่งตีโฮมรันไปแล้วแต่เขาไม่รู้ตัว แต่คนทั้งสนามรู้ว่าชายคนนั้นตีโฮมรันไปแล้ว มันคือการเปรียบเปรยว่า การกระทำของ Beane มันเหมือนตีโฮมรัน ทุกคนรู้สึกถึงมันได้ มีแต่นายที่ไม่รู้ว่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างไปแล้ว
5. เรื่องราวดีๆอยู่รอบตัว : สิ่งที่ดีไม่ได้อยู่เฉพาะในภาพยนตร์ บทเพลง หนังสือ เรื่องราวรอบตัว อาจทำให้เกิดอะไรบางอย่างกับเราเหมือนอย่างบทเพลงจากนางฟ้าตัวน้อยที่ช่วยให้ Billy Beane ก้าวผ่านวังวนกับเรื่องราวในอดีตของตัวเอง
IMDB : 7.8/10
Rotten Tomatoes : 95%
Makopoto : 10/10 ใครต้องการไปดูหนังกีฬาเบสบอลเอามันส์ขอให้ถอย เรื่องราวของหนังมันคือชีวิต ชีวิตของ Billy Beane และการปฏิวัติการเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างซึ่งมันเกิดในสนามเบสบอลเท่านั้นเอง ไม่ได้ดูคนเล่นเบสบอลหรอก
(ลังเลตอนแรกจะเป็น 9 หรือ 10 ดี เพราะตัวหนังที่มีบทพูดยาวเหยียดพอๆกับ Social Network อาจทำให้คนดูมึน เบื่อกับบทสนา เหมือนอย่างที่ Social เจอมาก่อน แต่อีกใจมันคือ 10 เต็มกับการทำหนังที่เนื้อหาบทสนทนายาวเหยียดออกมาได้ไม่น่าเบื่อ และ ถ่ายทอดเนื้อหาแง่คิดออกมาเต็มๆ)
Create Date : 27 มกราคม 2555 |
Last Update : 28 มกราคม 2555 0:12:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2554 Pageviews. |
|
|