Group Blog
 
All Blogs
 

The Leopard by Lampedusa หนึ่งในหนังสือสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20 และหนึ่งในหนังสือที่เศร้าที่สุดเช่นกัน



ลัมเปดูซา (1896-1957) เขียนนวนิยายไว้เพียงเล่มเดียวในชีวิตของเขา (The Leopard) หนังสือเล่มนี้ออกวางจำหน่ายในปี 1958 หลังจากที่เขาเสียชีวิต ทำสถิติขายดีมียอดจำหน่ายเกิน 3 ล้านเล่ม และได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมอิตาเลียนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในศตวรรษที่ 20

เขาเกิดมาในครอบครัวชนชั้นสูง สืบเชื้อสายจากตระกูลเจ้าขุนมูลนายบนเกาะซิซิลี เขาเกิดหลังจากที่อิตาลีได้มีการรวบรวมแคว้นต่างๆก่อตั้งเป็นประเทศอิตาลีแล้ว ลัมเปดูซามีชีวิตที่สุขสบาย ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง แต่ก็ดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับหนังสือ กิจวัตรประจำวันในเมืองปาแลร์โมของเขา เมื่อตื่นเช้ามาจะไปนั่งร้านกาแฟ หยิบหนังสือมาอ่าน บางทีอ่านต่อเนื่องหลายชั่วโมง หลังจากนั้นจะแวะเข้าร้านหนังสือ ห้องสมุดส่วนตัวของเขามีหนังสือจำนวนมาก เขามีความรู้วรรรคดีที่ลึกซึ้ง และพูดได้ทั้งอิตาเลียน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เยอรมัน และรัสเซีย

กล่าวได้ว่าเขาเป็นนักอ่านมาตลอด เขาเริ่มเขียนนวนิยาย The Leopard ในช่วงท้ายของชีวิต แต่โรคมะเร็งในปอดก็มาคร่าชีวิตไป เขาไม่มีโอกาสเห็นหนังสือของตัวเองออกตีพิมพ์

The Leopard บอกเล่าเรื่องราวการเสื่อมสลายของชนชั้นศักดินาในซิซิลี เนื้อเรื่องเริ่มต้นขึ้นในปี 1860 ที่ซิซิลี ดอน ฟาบริซิโอ (Don Fabrizio) มีฐานะเป็น Prince of Salina ศักดินาชั้นสูงซึ่งครอบครองที่ดินและบริวารจากต้นตระกูลในอดีต เขาต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคม เมื่อการิบัลดี (Garibaldi) ยกกำลังพลบุกซิซิลีเพื่อรวบรวมแคว้นต่างๆ Don Fabrizio มีหลานชายที่ชื่อ ตันเครดี (Tancredi) ซึ่งเดิมทีถูกคาดหมายว่าจะแต่งงานกับ คอนเซ็ตตา (Concetta) ลูกสาวของ ดอน ฟาบริซิโอ ตันเครดีเป็นชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาด เขาเลือกแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนคือ อันเจลิกา (Angelica) ลูกสาวของผู้มีฐานะและอำนาจทางการเมืองในยุคใหม่ ตันเครดีเป็นผู้กล่าวประโยคดังในหนังสือเล่มนี้ "If we want things to stay as they are, things will have to change."

ดอน ฟาบริซิโอ เป็นตัวละครที่จับใจเป็นอย่างมาก เรารับรู้ถึงความเจ็บปวด ความเสียใจ ความรู้สึก nostalgia เขารู้ดีว่าไม่อาจยับยั้งความเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอกได้ ซิซิลีกำลังเปลี่ยนแปลง โลกเก่าของเขากำลังผ่านพ้นไป เขาไม่อาจปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ได้ (เขาได้รับข้อเสนอตำแหน่งในสภา แต่กลับปฏิเสธ)

หนังสือเล่มนี้พาผู้อ่านไปยังโลกในอดีตของซิซิลี โลกอันหรูหราด้วยงานเต้นรำและงานเลี้ยงในปราสาทราชวัง ฉากระหว่างตันเครดีและอันเจลิกาใน Palazzo ที่ Donnafugata ลัมเปดูซาบรรยายได้งดงามยิ่งนัก เราเห็นภาพ Palazzo ภาพทิวทัศน์ของซิซีลี คนที่รู้ภาษาภาษาอิตาเลียนบอกว่า หนังสือเล่มนี้ในภาษาอิตาเลียนใช้ศัพท์ที่แฝงนัยอันลึกซึ้งมากกว่าฉบับภาษาอังกฤษที่แปลออกมา

จากที่เคยฝันอยากไปเที่ยวซิซิลีอยู่แล้ว พออ่านเล่มนี้จบ ยิ่งอยากไปเที่ยวมากขึ้นอีก ^o^



แสตมป์อิตาลี รำลึกถึงนักประพันธ์คนสำคัญของประเทศ




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2551 17:19:34 น.
Counter : 1003 Pageviews.  

Page by page, a good book can rewire your brain



ช่วงเดือนที่ผ่านมามีคอลัมนิสต์หลายท่านเขียนบทความถึงการอ่านหนังสือกับยุคอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน เช่น

Is Google Making Us Stupid?
//www.theatlantic.com/doc/200807/google

The Internet and Its Discontents
//epublishersweekly.blogspot.com/2008/06/internet-and-its-discontents-essay-by.html

ล่าสุดผมได้อ่านบทความของ Mark Morford ที่เขียนลงใน SF Gate

You are not reading enough
Has the Internet killed the joys of sitting down with a good book?
//www.sfgate.com/cgi-bin/article.cgi?f=/g/a/2008/07/09/notes070908.DTL

มีสองประเด็นที่น่ากล่าวถึง ประเด็นแรก ส่วนตัวของผมมองว่าอินเตอร์เน็ตมีประโยชน์ในแง่การติดตามข่าวสารต่างๆ ผมสามารถติดตามความเคลื่อนไหวทางวรรณกรรม, ดนตรี, ภาพยนตร์ ฯลฯ สามารถอ่านนิวยอร์กไทม์, นิวยอร์กเกอร์ ได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ ทว่าอินเตอร์เน็ตไม่สามารถให้คุณค่าของการอ่านเชิงลึกในแบบที่หนังสือให้กับเราได้ เราไม่มีทางซึมซาบ ‘The Brothers Karamazov’ จากบทสรุปเนื้อหาของ wikipedia แต่เราจะต้องหยิบหนังสือของดอสโตเยฟสกี้ขึ้นมาอ่านเท่านั้น

ประเด็นที่สองที่ Mark เขียนถึง แม้ว่าปัจจุบันหนังสือยังคงขายได้ แต่กลับเต็มไปด้วยหนังสือที่ไร้คุณภาพ ‘serious, literary-minded reading’ ค่อยๆเลือนหายไป คิดแล้วน่าสลดใจที่ร้านหนังสือในเมืองไทยเต็มไปด้วยหนังสือประเภท self-help หนังสือธุรกิจ หนังสือเรื่องเล่าดารา เยาวชนบ้านเราขาดการอ่านหนังสือคุณภาพ

น่าวังเวงใจจริงๆครับ




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 12:30:23 น.
Counter : 611 Pageviews.  

ทัชมาฮาล.. หยาดน้ำตาบนแผ่นแก้มแห่งกาลเวลาตราบนิรันดร์

วันก่อนผมคุยกับเพื่อนที่ทำงานเดียวกัน อาทิตย์หน้าเขากับเพื่อนอีก 6 คน จะลาพักร้อนเพื่อแบกเป้ไปเที่ยวอินเดีย 2 สัปดาห์ แผนการคร่าวๆคือบินจากกรุงเทพฯไปลงเดลี แล้วต่อเครื่องบินในประเทศเพื่อไปเที่ยวเลห์และลาดักห์ อินเดียในแถบนั้นมีภูมิทัศน์ที่งดงามตระการตา และมีกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบทิเบต เป็นโซนที่น่าเที่ยวอย่างยิ่ง

เขาบอกว่า พอถึงเดลีแล้วจะตรงไปยังเมืองอัคราก่อน เพื่อเที่ยวชมอนุสรณ์สถานบันลือโลก ‘ทัชมาฮาล’

ผมจึงบอกกลับไปว่า ห้ามพลาดทีเดียว ทัชมาฮาลสวยมากๆ เราไปมาแล้ว ยังอยากกลับไปอีกเลย

พอคิดถึงทัชมาฮาลแล้วผมนึกย้อนถึงการเดินทางของตัวเองเมื่อปลายปีก่อน วันเวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ ยังจำช่วงเวลาที่แบกเป้คนเดียวในอินเดียได้ สนุกตื่นเต้นสุดๆ โดนแขกหลอกก็หลายหน ทะเลาะกับแขกริมถนนก็มี อีกทั้งต้องนอนบนรถไฟข้ามเมืองตามลำพัง เป็นการเติมเต็มความฝันของการผจญภัยในวัยเยาว์..

ถ้าถามว่าชอบอินเดียมั้ย .. ตอบลำบาก เพราะอารมณ์ผสมผสานปนเป ไม่สามารถใช้คำว่าชอบได้ ไม่เหมือนกับที่พูดได้เต็มปากว่าชอบอิตาลีและฝรั่งเศส .. แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามว่าอินเดียน่าสนใจมั้ย น่าท่องเที่ยวมั้ย อันนี้ตอบได้ว่าใช่แน่นอน .. ส่วนหนึ่งที่อินเดียดูเหินห่างสำหรับผม คงเป็นเพราะความรู้เกี่ยวกับอินเดียของผมมีจำกัดเอามากๆ ถ้ามีเวลาอยากหาความรู้ด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น แต่พูดตามตรงคือ ผมยังสนใจ European Culture มากกว่า

สำหรับทัชมาฮาลต้องยอมรับว่างามเลิศล้ำเหลือเกิน ผมไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบปิติยินดีในหัวใจ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกตะลึงลาน มันใหญ่กว่าที่คิด งามกว่าที่คาด.. ผมชมแล้วต้องถอนหายใจ .. Shah Jahan ต้องรัก Mumtaz Mahal อย่างดูดดื่มลึกซึ้ง ถึงสามารถสร้างอนุสรณ์แห่งความรักที่สวยงามขนาดนี้ ตอนที่ผมไปเที่ยว ได้เดินวนไปวนมาหลายรอบ พยายามเก็บภาพทัชมาฮาลไว้ในความทรงจำ

มหากวีแห่งอินเดีย รพินทรนาถ ฐากูร เคยบอกไว้ว่า ‘ทัชมาฮาล’ คือ “หยาดน้ำตาบนแผ่นแก้มแห่งกาลเวลาตราบนิรันดร์”




 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 8:40:31 น.
Counter : 893 Pageviews.  

Happy Birthday, Franz Kafka



เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) เป็นวันครบรอบวันเกิด 125 ปีของคาฟคา ในหลายประเทศได้จัดงานรำลึกถึงยอดนักประพันธ์เอกท่านนี้ (แต่ไม่มีเมืองไทย?)

//www.dw-world.de/dw/article/0,,3455332,00.html?maca=en-aa-cul-865-rdf

เนื่องในโอกาสนี้จึงนำ link บทความล่าสุดของ Zadie Smith ที่เขียนถึงคาฟคาใน New York Review of Books มาฝาก สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านครับ

//www.nybooks.com/articles/21610

"Had one to name the author who comes nearest to bearing the same kind of relations to our age as Dante, Shakespeare, and Goethe bore to theirs, Kafka is the first one would think of." - W. H. Auden




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 19:32:24 น.
Counter : 700 Pageviews.  

In Memory of Danny Chan



หลายเดือนก่อนผมแวะเวียนไปที่ร้านขายแผ่น CD/DVD ได้เห็นแผ่น CD เพลงของเฉินไป่เฉียง (Danny Chan) เป็นแผ่นที่นำเข้าจากประเทศจีน ราคาไม่แพง จึงซื้อเก็บไว้ แต่ก็ไม่ได้หยิบมาฟังซะที จนไม่กี่วันก่อนพึ่งหยิบแผ่นนี้ขึ้นมาฟังครับ

สมัยก่อนวงการบันเทิงของฮ่องกงเฟื่องฟูในเมืองไทย นอกจากผมชอบดูหนังดูละคร ยังชอบฟังเพลงจีนกวางตุ้งไปด้วย นักร้องดังที่ชื่นชอบก็มี หลอเหวิน, เลสลี่ จาง, เหมยเยี่ยนฟาง และอีกคนที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ เฉินไป่เฉียง

เพลงดังที่เฉินไป่เฉียงขับร้องไว้ เป็นเพลงประกอบซีรีส์ฮ่องกงยอดฮิตเรื่อง “คู่แค้นสายโลหิต” เพลงนี้มีท่วงทำนองที่ไพเราะกินใจ แม้จะฟังภาษากวางตุ้งไม่ออก แต่พอรู้ความหมายของเนื้อร้องจากภาษาอังกฤษแล้ว ต้องยอมรับว่ากลมกลืนไปกับเนื้อเรื่องในซีรีส์ ที่พูดถึงโชคชะตา..การดิ้นรนไขว่คว้า...และความหมายของชีวิต

เฉินไป่เฉียงเสียชีวิตตั้งแต่ปี 1993 เป็นนักร้องที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม สาเหตุการตายยังไม่แน่ชัด เขาล่วงหน้าไปก่อนเพื่อนรักอย่างเลสลี่ จาง 10 ปี..

เนื้อร้องของบทเพลง
หลางนวี๋นหน่าหอเยา หวุ่ยเถ่าต๊อสิวกอเชา
ฉั่มพี๊นหลิวเขิกพี๊นซัดเฮอย เหม่ยพานเขิกจ่อยเสา
หงอตั๊กโตวหมูดเหยา หมูดฝาดก๋ายเซ๊กตั๊กซัดชอเหล่า
กองกองเท๊งโตวหม่องโตวปี๊นกั๊นกอย
ปั๊ดจี๊หนาเหลอยโจยกาว

ยัดซังหอเข่า เสิ่งปูนควีทฟองเฮยหยีหยงเหยา
โถ่วจ๊นหงอเจ๋ยัดซั๊ง จ๊กปั๊ดโตวหยีพาวฮอย
ยัดซั๊งหอเข่า ไหม่หมองเหลอยเหวงหยีนฮอนปั๊ดเทา
หมูดหลิ่วโตวหงอสอซัดเต๊ก เกงหยี่สี่หงอเต๊กสอเหยา

ยัดซั๊งหอเข่า ฉั่งถอหิบหยาซีกวอฝูเตา
หม่งหน่อยหมุยติ๋มปันฟั๊น ยัดซิวส่านหน่าหอเซา
ยัดซังหอเข่า เส่อยไกกาวจันเหม่ยหยีโจยเจา
หมูดหลิ่วโตวหงอสอซัดเต๊ก เกงหยี่สี่หงอเต๊กสอเหยา

When will the coldness and the warmness of the changing weather be stopped?
Looking back, how many autumns have been passed
I've searched everywhere but still not having it
Not hoping for it, however, it's right at hand
I have gained nothing
I am unable to explain the complexity of the gain and lost
Just listening and hoping for an easy change
I do not know where to find it.

What's to be expected of this life?
There are often judgment, abandonment, and possessions
Totally wasting my entire life
I have not felt it; it already ran off
What to be expected of this life?
When I am in confusion, I never see things through
When not expecting it, all of my lost finally turns into my gain

What's to be expected of this life?
I have tried compromises and also been through the bitter struggles
In a dream, each of the flourishing thought,
Once they're dispersed, it will be hard to recollect
What's to be expected of this life?
Who can haggle through the praises and the ill wishes?
When not expecting it, all of my lost finally turns into my gain




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 19:24:31 น.
Counter : 3199 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

BlueWhiteRed
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add BlueWhiteRed's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.