|
I MISS VENEZIA :)
เย็นวันก่อนได้แวะเข้าร้านหนังสือภาษาอังกฤษร้านหนึ่ง เดินไปมาจนถึงมุมของหนังสือท่องเที่ยว เผอิญเหลือบไปเห็นหนังสือเกี่ยวกับ เวนิส หน้าปกสวยมาก เป็นรูปของผู้เขียนขณะยืนอยู่ที่จัตุรัสซาน มาร์โค ผมหยิบมาพลิกดูพลางต้องถอนหายใจไปพลาง เพราะรูปในหนังสือเล่มนั้นทำให้คิดถึงเวนิสเหลือเกิน แม้ว่าจะเคยไปเที่ยวช่วงสั้นๆเพียง 3 คืน แต่ผมหลงรักทุกอณูของเมืองเวนิส...หลงรักการเดินตามตรอกซอกซอยเก่าๆ...หลงรักการล่องเรือตาม Grand Canal
หลงรักทัศนียภาพขณะที่ยืนอยู่บนสะพาน Accademia
หลงรักจัตุรัสซาน มาร์โค ยามค่ำคืน...หลงรักความสดใสของบ้านเรือนใน Burano
หลงรักความเงียบสงบใน Torcello
คงมีเพียงกรุงปารีส ที่ทำให้ผมตกหลุมรักใน สถานที่ มากเท่าเวนิส...
ทิพย์วิมาน..อิตาลี..ที่เวนิส.. งามเพลินพิศ..พริ้งเพริด..บรรเจิดล้ำ แจวเรือพาย..กอนโดล่า..ขับลำนำ.. จะจดจำ..ติดตรึงใจ..ไม่ลืมเลือน..
หนังสือเกี่ยวกับเวนิสที่ผมได้เก็บสะสมไว้ - A History of Venice (John Julius Norwich) ถือเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เวนิสที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่ง ผู้เขียนเป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับเวนิสในทุกแง่มุม หนังสือบอกเล่าจุดเริ่มต้นเรื่อยมาจนถึงจุดสิ้นสุดของ Venetian Republic ในปี 1797 - The World of Venice (Jan Morris) มอร์ริสเขียนถึงเมืองโปรดของเธอไว้ตั้งแต่ปี 1960 แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน แต่นี่เป็นหนังสือที่น่าอ่านอย่างยิ่ง - Venice..The Religion of Empire (Garry Wills) เป็นหนังสือที่อ่านค่อนข้างยาก เหมาะสำหรับคนสนใจงานศิลปะอย่างลึกซึ้งครับ
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2549 | | |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 16:02:50 น. |
Counter : 871 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
...รัคมานินอฟ...
ได้อ่านข่าวในเว็บผู้จัดการว่า จะมีคนสร้างหนังอิงประวัติของเซอร์เก รัคมานินอฟ (Sergei Rachmaninov, 1873-1943) คีตกวีชาวรัสเซียที่โด่งดัง
//www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000034305
ผมคงไม่เขียนถึงประวัติชีวิตของเขา เพราะสามารถหาอ่านได้ตามเว็บต่างๆ รวมทั้งหนังสือเกี่ยวกับคีตกวีและดนตรีคลาสสิค แต่อยากบอกเล่าแง่มุมของความประทับใจ และภาพยนตร์ที่นำดนตรีของเขามาประกอบ
สำหรับผมแล้ว รัคมานินอฟเป็น รัสเซียโรแมนติคคนสุดท้าย ดนตรีของเขาไม่แฝงอภิปรัชญาเหมือนมาห์เลอร์ ไม่แหวกล้ำนำสมัยอย่างสตราวินสกี้ ไม่ยิ่งใหญ่โอฬารอย่างชอสตาโกวิช แต่ดนตรีของเขาเฉกเช่นเดียวกับไชคอฟสกี้ผู้เป็นแบบอย่าง คือ ฟังไม่ยาก แต่สัมผัสถึงห้วงลึกของหัวใจ เนื่องด้วยชีวิตของเขามีจุดเปลี่ยนมากมาย ไม่ว่าผลงานที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องเข้ารับการบำบัดทางจิต และการจากพรากแผ่นดินรัสเซียที่รักยิ่งจากการปฏิวัติของบอลเชวิกในปี 1917 สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างสูง ทำให้เขาถ่ายทอดความรู้สึกเศร้าสร้อยเปลี่ยวเหงาลงสู่บทเพลงได้อย่างกินใจ แม้นักวิจารณ์ดนตรีรุ่นหลังจะประเมิน คุณค่า ทางดนตรีของเขาต่ำกว่าคีตกวีในศตวรรษที่ 20 อีกหลายท่าน แต่ความนิยมในบทเพลงต่างๆของเขายังคงมีอย่างต่อเนื่อง และนี่คือตัวอย่างภาพยนตร์ที่นำดนตรีของเขาไปประกอบ..
Somewhere in Time
เชื่อว่าทุกคนจดจำฉากที่คริสโตเฟอร์ รีฟ เดินเข้าไปหารูปภาพของนางเอก เจน ซีมัวร์ ที่ติดบนผนัง กับบทเพลง Variation No. 18 จาก Rhapsody on a theme of Paganini บทเพลงอันหวานซึ้งกินใจนี้สอดแทรกอยู่หลายตอนในเรื่อง
Brief Encounter
หนังโรแมนติคคลาสสิคของปรมาจารย์ เดวิด ลีน ใช้บทเพลงเปียโนคอนแชร์โต หมายเลข 2 ของรัคมานินอฟประกอบ เปียโนคอนแชร์โตที่มีชื่อเสียงบทนี้ยังถูกดัดแปลงมาเป็นเพลงสากล Full Moon and Empty Arm อีกด้วย
Shine
เรื่องราวของนักเปียโน เดวิด เฮลฟ์กอตต์ กับความมุมานะในการเล่นเปียโนคอนแชร์โตหมายเลข 3 ของรัคมานินอฟ ซึ่งเป็นบทเพลงที่ท้าทายความสามารถของนักเปียโนอย่างมาก นี่เป็นเปียโนคอนแชร์โตของรัคมานินอฟที่ผมชอบที่สุดครับ โดยเฉพาะแผ่นการบรรเลงสดของ Martha Argerich ฟังแล้วแทบหยุดลมหายใจ...
สำหรับรัคมานินอฟแล้ว ดนตรีคือส่วนสำคัญของชีวิต ชีวิตของเขาทั้งหมดคือดนตรี เขาเคยบอกไว้ว่า Music is enough for a whole lifetime, but a lifetime is not enough for music.
Create Date : 15 มีนาคม 2549 | | |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 16:06:52 น. |
Counter : 3712 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หนังสือ 10 เล่ม ที่ชื่นชอบมากที่สุด
ผมชอบคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ถึงหนังสือเล่มโปรด เล่มที่ให้แง่คิด เป็นแรงบันดาลใจ หรือช่วยเรียนรู้แง่มุมชีวิตมากขึ้น หนังสือดีอ่านกี่ครั้งก็ไม่ล้าสมัย ถึงแม้จะผ่านมาหลายร้อยปีก็ตาม หนังสือเหล่านั้นก็ยังทรงคุณค่า เป็นภูมิปัญญาอันสูงล้ำที่คอยยกระดับจิตใจมนุษย์
ลองนึกทบทวนถึงหนังสือที่เคยอ่านผ่านมาในชีวิต นี่คือ 10 เล่มโปรดของผม : )
1. Anna Karenina, Tolstoy ครอบคลุมทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ ฉากเลวินตอนท้ายเรื่องเป็นฉากแห่งความทรงจำ
2. The Brothers Karamazov, Dostoevsky ที่สุดของอภิปรัชญา ไม่มีใครสามารถเขียนได้ในระดับนี้อีก
3. Crime and Punishment, Dostoevsky ดอสโตเยฟสกี้เขียนทำนายศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19!
4. Walden, Thoreau หนังสืออเมริกันที่ล้ำค่าที่สุด ปรีชาญาณของธอโร
5. Madame Bovary, Flaubert ไม่มีนิยายเล่มไหนที่เขียนได้สวยงามกว่านี้
6. Essays, Montaigne อ่านความเรียงของ Montaigne เหมือนกับสนทนากับครูผู้รอบรู้ประสบการณ์ชีวิต
7. Short Stories, Chekhov อ่านเรื่องสั้น The Lady with the Dog แล้วจะหางานของเชคอฟอ่านตลอดไป ^^
8. Thus Spake Zarathustra, Nietzsche ทุกเล่มของนิตช์เช่ มหัศจรรย์!
9. One Hundred Years of Solitude, Gabriel Garcia Marquez หนังสือเล่มโปรดของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่
10. The Trial, Kafka หนังสือตัวแทนศตวรรษที่ 20
Create Date : 30 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 16:07:28 น. |
Counter : 1852 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
100 ปี "Jean-Paul Sartre" Public Intellectual ที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษที่ 20
ปี 2005 เป็นปีที่มีความสำคัญในแวดวงศิลปวัฒนธรรมหลายประการ ที่สเปนได้มีการจัดนิทรรศการเฉลิมฉลองการครบรอบ 400 ปี ของวรรณกรรมอมตะ Don Quixote ส่วนเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา The Last Intellectual อย่าง Susan Sontag ได้เสียชีวิตด้วยโรคลูคีเมีย ท่ามกลางความเสียใจของหนอนหนังสือทั่วโลก
ปีนี้ยังเป็นปีที่ครบรอบ 100 ปี ของ Jean-Paul Sartre (1905-1980) แม้ว่าบุคคลรุ่นหลังจำนวนมากไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม ส่วนบุคคลที่รู้จักก็ตำหนิถึงความผิดพลาดในจุดยืนทางการเมือง แต่เขาก็เป็นปัญญาชนสาธารณะชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดในศตวรรษที่ 20 ลองนึกดู ถ้านึกถึง Sartre ผมจะหวนนึกถึงอะไรมั่ง : )
1. นิยายของเขา : Sartre เขียนนิยาย, เรื่องสั้น และบทละครไว้จำนวนหนึ่ง เรื่องที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด คงจะเป็น La Nausea ซึ่งเป็นเรื่องราวอันโดดเดี่ยวแปลกแยกของอังตวน โรก็องแตง Antoine Roquentin จะว่าไปแล้ว ฝีมือทางการประพันธ์ของเขาสู้ของ Camus ไม่ได้ อ่านงานเขียนของ Camus จะประทับใจมากกว่า อย่างที่มีคนเคยว่าไว้ Sartre เป็นนักปรัชญาที่บังเอิญมาสนใจวรรณกรรม ส่วน Camus เป็นนักประพันธ์ที่บังเอิญมาสนใจปรัชญา
2. งานเขียนทางปรัชญา : เล่มที่สร้างชื่อให้เขา คือ Being and Nothingness ซึ่งผมเองไม่เคยอ่าน นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า Sartre ได้รับอิทธิพลมาจาก Being and Time ของมาร์ติน ไฮเด็กเกอร์
3. Existentialism : ปรัชญาที่ทำให้ Sartre โด่งดัง จนกลายเป็นกระแสนิยมในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
4. ร้านกาแฟ Café de Flore : ร้านกาแฟในฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนในปารีส เป็นร้านที่เขา, ซีโมน เดอ โบวัวร์ และเหล่าสาวกเอ็กซิสฯมานั่งถกปัญหาพูดคุยกัน ครั้งที่ผมไปเที่ยวปารีสได้เดินผ่านร้านนี้ สังเกตเห็นคนเยอะมาก และที่จัตุรัสเล็กๆข้างร้าน ใช้ชื่อให้เกียรติว่า จัตุรัสญอง ปอล ซาร์ตร์ และ ซีโมน เดอ โบวัวร์
5. ซีโมน เดอ โบวัวร์ : คู่ชีวิตของเขา ผู้เขียนหนังสือคลาสสิค The Second Sex
6. การเคลื่อนไหวทางการเมือง : ในขณะที่ Camus ไม่เชื่อว่า มือที่เปื้อนเลือด จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ไปสู่สังคมในอุดมคติได้ Sartre มีความเชื่อว่าเราต้องยืนอยู่บนพื้นฐานความจริง ความรุนแรงบางครั้งมิอาจเลี่ยงได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เคยวิจารณ์ Mao และ Stalin ในทางลบ เขาเชื่อในการต่อสู้ปลดปล่อย ทำให้มีมิตรสหายเป็นนักปฏิวัติจำนวนมาก ซึ่งสองคนในนั้นก็คือ ฟิเดล คาสโตรและเช เกวาร่า...
เมื่อปี 1980 ที่ Sartre เสียชีวิต ชาวปารีสหลายหมื่นคนได้ร่วมเดินขบวนส่งศพเขาไปตามท้องถนน ปีนี้ครบรอบ 100 ปีเกิดของเขา รัฐบาลฝรั่งเศสจะย้ายศพของเขาไปไว้ที่โบสถ์ Pantheon ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ อาทิเช่น รุสโซ, วอลแตร์ และอูโก
ห้วงความคิดสุดท้ายเมื่อนึกถึง Sartre พลันคิดขึ้นมาว่า Public Intellectual ในปัจจุบันหายไปไหนหมด....
Create Date : 17 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 16:08:03 น. |
Counter : 1340 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|