|
Beethoven : The Composer As My Hero
เพิ่งได้อ่านบทความจากเว็บ The New York Times เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ Copying Beethoven ซึ่งนำเสนอแง่มุมชีวประวัติของคีตกวีเอก เบโทเฟ่น
//www.nytimes.com/2006/11/19/weekinreview/19wakin.html?_r=1&oref=slogin
ผมได้อ่านบทวิจารณ์จากเว็บต่างๆแล้ว ส่วนใหญ่เห็นว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่ดีนัก แต่ใครเป็นแฟนเพลงของเบโทเฟ่นก็คงอยากหามาชม ที่ผ่านมาในอดีต ยังไม่มีภาพยนตร์เกี่ยวกับเบโทเฟ่นเรื่องไหนที่เข้าขั้นประสบความสำเร็จ (ไม่เว้นแม้แต่เรื่อง Immortal Beloved ที่มีจุดด้อยมากมาย) ต่างจากโมสาร์ทที่มีหนัง ประจำตัว อย่างเรื่อง Amadeus..
พอเห็นบทความจาก The New York Times จึงอยากเขียนถึง Beethoven เพราะจำได้ว่ายังไม่เคยเขียนถึงศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ในบล็อกของตัวเองเลย..
ในทัศนะของผมแล้ว ผลงานในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขานั้นมีความจริงจังขั้นสูง (High Seriousness) ทำให้เบโทเฟ่นไม่เพียงแค่เป็น Composer ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา แต่เขายังอยู่ในระดับเดียวกับ มิเคลันเจโล, เชคสเปียร์ และตอลสตอย ในฐานะเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันสูงล้ำซึ่งจะอยู่ใน Collective Memory ของมวลมนุษยชาติไปตราบนานเท่านาน..
ครั้งนี้ขอนำพินัยกรรมไฮลิกเก็นชตัดท์ (Heiligenstadt) ของเบโทเฟ่น ซึ่งเขาเขียนให้น้องชาย โดยตอนนั้นเขาทุกข์ใจมาก เพราะรู้ว่าโสตประสาทของตัวเองต้องพิการอย่างถาวร ใครก็ตามที่อ่านข้อเขียนนี้จบ คงเข้าใจในตัวเขามากขึ้น แม้ภายนอกเบโทเฟ่นดูเป็นคนโมโหอารมณ์ร้าย แต่แท้จริงแล้วชีวิตของเขายึดมั่นในความดีงามและศิลปะอย่างแนบแน่น..
พินัยกรรมไฮลิกเก็นชตัดท์ (Heiligenstadt)
"ตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าต้องพานพบกับเคราะห์กรรมที่นับวันจะไม่มีทางแก้ไข หู...ประสาทแห่งการรับฟังที่ข้าพเจ้าควรจะมีอย่างสมบูรณ์ และข้าพเจ้าก็เคยมีอย่างสมบูรณ์ยิ่งกว่าผู้ใด
ข้าพเจ้าสูญเสียหมดสิ้นแล้วซึ่งความมั่นใจในการเข้าสังคม และความสนุกสนานเพลิดเพลินใจจากการสังสรรค์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ ถูกตัดขาดให้อยู่เพียงลำพัง ต่อเมื่อมีเหตุการณ์จำเป็นจริงๆ เท่านั้นหรอก ข้าพเจ้าจึงสามารถรวบรวมความกล้าเพื่อติดต่อกับผู้คนได้ แต่เมื่อวาระนั้นมาถึงครั้งใด ก็หวาดหวั่นทุรนทุรายไปหมดว่า ผู้คนจะรู้กันทั่วว่าข้าพเจ้าพิการ และทุกครั้งที่ไป ข้าพเจ้าถูกกดดันให้รู้สึกต่ำต้อยลงไป
คิดดูเถิด เพื่อนที่ยืนอยู่เคียงข้างบอกว่า เขาได้ยินเสียงขลุ่ยไพเราะลอยตามลมมาแต่ไกล หรือเขาได้ยินเด็กเลี้ยงแกะขับลำนำอันไพเราะอยู่ในท้องทุ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ยินเสียงใดๆ ทั้งสิ้น!
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนทำให้ข้าพเจ้าใกล้ความสิ้นหวังเข้าไปทุกที อีกเพียงนิดเดียวคงปลิดชีวิตตนเองลงง่ายๆ
แต่ยัง...ข้าพเจ้าจะจบชีวิตลงไม่ได้จนกว่าจะได้สร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่พอใจและเสร็จสิ้นภารกิจ "ศิลปะ" เป็นสิ่งเดียวที่ดูจะช่วยบรรเทาความบัดซบของชีวิตลง
ยามนี้ข้าพเจ้ามี "ความอดทน" เป็นเสมือนตะเกียงส่องนำชีวิต เหตุการณ์ร้ายจะเป็นเช่นไรก็ตาม ดีขึ้นหรือไม่ ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะคิดเป็นอย่างอื่น ดูซิ! ตั้งแต่อายุเพียง 28 ปี ข้าพเจ้าก็ถูกโชคชะตาชักนำให้ต้องคิดและรู้สึกราวกับปราชญ์ผู้คงแแก่เรียน ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันยากแสนเข็ญเพียงใดที่ต้องคิดให้ได้เช่นนี้
พระผู้เป็นเจ้าทรงล่วงรู้จิตใจของข้าพเจ้าดีว่า หัวใจดวงนี้เปี่ยมไปด้วยความรักต่อเพื่อนมนุษย์และใฝ่ดีเพียงใด ส่วนเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายของข้าพเจ้าหากวันใดที่ได้อ่านจดหมายนี้ จงระลึกไว้เถิดว่าเข้าใจข้าพเจ้าผิด และขอให้เข้าใจว่า ไม่ว่าข้าพเจ้าจะพานพบอุปสรรคทางกายเพียงใด ข้าพเจ้าก็พยายามทุกวิถีทางแล้วที่จะเป็นมนุษย์และศิลปินที่รักศักดิ์ศรีและรักเกียรติยศของตนเองอย่างที่สุด
น้องชายทั้งสอง คาร์ลและ...(เบโทเฟ่นละชื่อโยฮันน์น้องชายอีกคนไว้) วันใดที่พี่ ตายลงและหากศาสตราจารย์นายแพทย์ชมิดท์ยังมีชีวิตอยู่ ขอร้องให้ท่านเป็นผู้แถลงเรื่องการเจ็บป่วยของพี่ เพื่อผู้คนทั้งหลายจะเข้าใจและเห็นใจหลังจากพี่หาชีวิตไม่แล้ว ส่วนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่เล็กน้อยนั้นขอยกให้เจ้าทั้งสอง จงแบ่งทรัพย์สินกันให้ดีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สิ่งทั้งหลายที่เคยคิดและทำด้วยปฏิปักษ์ต่อพี่นั้น เจ้าคงรู้ดีว่าพี่ยกโทษให้นานแล้ว และขอขอบใจมากสำหรับคาร์ล ที่ให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ในระยะหลังๆ นี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าคงมีชีวิตที่ดีกว่าและไม่เหน็ดเหนื่อยเป็นกังวลเท่า
สั่งสอนลูกของเจ้าให้ดี ให้ยึดมั่นในคุณความดี สิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะนำความสุขมาให้ มิใช่ทรัพย์สินเงินทอง คุณความดีนี้เองที่ยกชีวิตของพี่ให้รอดปลอดภัยจากความทุกข์ยากทั้งหลาย และทั้ง "ความดีงาม" และ "ศิลปะ" นี่เอง ที่ช่วยให้พี่ไม่คิดสั้นทำลายชีวิตตนเองลง ลาก่อนน้องชายที่รักทั้งสอง จงรักกันมากๆ และช่วยขอบคุณเพื่อนทั้งหลายของพี่ด้วย โดยเฉพาะเจ้าชายลิคนอฟสกีและศาสตราจารย์ชมิดท์ ช่วยดูแลรักษาเครื่องดนตรีที่เจ้าชายให้แก่พี่เอาไว้ด้วย แต่ถ้าวันใดจำเป็นต้องใช้เงินขึ้นมา ก็จงขายมันเถิด พี่อนุญาต
มาเถิดความตาย! ขอต้อนรับท่านด้วยความยินดี แม้ข้าพเจ้าปรารถนาจะมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างสรรค์งานให้สมบูรณ์ แต่หากท่านต้องมาเยือนก่อนเวลาอันควร ข้าพเจ้าก็ยินดีพบกับท่านในวาระนั้นเมื่อหลีกเลี่ยงมิได้ เพราะท่านมิใช่หรือที่จะช่วยปลดให้ข้าพเจ้าพ้นจากบ่วงแห่งความทุกข์ทรมานนี้"
(คัดมาจากหนังสือ Music of the Masters โดย สดับพิณ รัตนเรือง)
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 15:58:55 น. |
|
7 comments
|
Counter : 848 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Clear Ice วันที่: 22 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:38:55 น. |
|
|
|
โดย: quin toki IP: 58.9.120.222 วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:3:23:03 น. |
|
|
|
โดย: บอย IP: 202.176.93.18 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:21:47 น. |
|
|
|
โดย: ตอง IP: 125.27.207.238 วันที่: 17 ตุลาคม 2552 เวลา:22:09:23 น. |
|
|
|
| |
|
|