Group Blog
 
All Blogs
 
ฟังฝรั่ง "บ่น" งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และมุมมองต่อเมืองไทย



เพิ่งมีโอกาสคุยกับฝรั่งท่านหนึ่งโดยบังเอิญ เขามาอยู่เมืองไทยได้ไม่นานนัก และไม่กี่วันก่อนได้ไปงานสัปดาห์หนังสือมา

เขาบ่นให้ผมฟังว่า "ทำไม Book Fair เมืองไทยคนเยอะมาก และไม่เหมือน Book Fair ในยุโรปบ้านเขาเลย"

ผมตอบไปว่า "อันที่จริงไม่น่าใช้คำว่า งานสัปดาห์หนังสือ น่าจะระบุว่าเป็น "งานขายหนังสือ" มากกว่า (ผมนึกถึงงานหนังสือที่เป็นสถานที่พบกันระหว่างนักเขียน สำนักพิมพ์ ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ)

ส่วนผมไม่ค่อยได้ไปหรอก เพราะคนเยอะอย่างที่คุณว่า บางทีมีเล่มที่ผมสนใจ ก็ฝากเพื่อนที่ไปซื้อมาให้ คุณรู้มั้ยว่าที่คนไปเยอะนี่สะท้อนถึงวิกฤตของประเทศไทยในด้านการอ่าน ในรอบปีคนจำนวนมากไม่ซื้อหนังสือเลย รอมาซื้อในงาน เนื่องจากได้ส่วนลด เพราะหนังสือในเมืองไทยแพง คุณอาจมองว่าถูก แต่ถ้ามองค่าครองชีพบ้านเราแล้วแพงมาก"

"ทำไมคนไทยไม่ชอบการอ่าน ตามสถานที่ต่างๆไม่ค่อยเห็นคนอ่านหนังสือกัน" ฝรั่งถามกลับมา

"ผมเป็นคนไทย เข้าใจลักษณะพื้นฐานของคนไทย เราไม่ใช่ประเทศที่ชอบอ่านหนังสือ คนไทยเป็นคนร่าเริง ง่ายๆสบายๆ ชอบสังสรรค์ ไม่ชอบการอ่าน ไม่ชอบการคิดอะไรที่ลึกซึ้งซับซ้อน คุณรู้มั้ย หนังสือดีๆพิมพ์ 3,000 เล่ม ขายหลายปียังขายไม่หมดเลย ในขณะที่ญี่ปุ่น เมื่อสองปีก่อนหนังสือของดอสโตเยฟสกี้ที่พิมพ์ใหม่ ขายได้หลายแสนเล่ม"

ฝรั่งมองมาที่ผม แล้วพูดว่า "ผมมาอยู่เมืองไทยได้สักพัก ไม่ค่อยมีกิจกรรมเชิง Intellectual ทำ โทรทัศน์เมืองไทยดูไม่ได้ เป็นอะไรที่สาระมาก คนไทยทนดูกันได้อย่างไร"

ผมยิ้มขึ้นมา "ผมไม่ดูรายการโทรทัศน์เมืองไทยเหมือนกัน ทั้งละครและเกมส์โชว์ มลพิษทางสายตาทั้งนั้น แต่ก่อนผมยังดูรายการข่าว แต่ช่วงหลังผมก็ไม่อยากดูแล้ว รายการข่าวเมืองไทยเดี๋ยวนี้ เขามานั่งคุยกัน แปลกมากๆ ผมรับประกันว่าไม่เหมือนบ้านคุณในยุโรปแน่นอน .. สำหรับกิจกรรม Intellectual คนไทยไม่สนใจหรอก อย่างที่ผมบอกว่า คนไทยชอบความสนุกมากกว่า เอาง่ายๆนิตยสารเกี่ยวกับหนังสือยังไม่มีเลย เราไม่เหมือนฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ"

ยังคุยต่ออีกหลายประเด็น ได้แลกเปลี่ยนมุมมองน่าสนใจดี ไว้มีโอกาสจะมาเขียนต่อครับ


Create Date : 19 ตุลาคม 2551
Last Update : 19 ตุลาคม 2551 14:38:55 น. 20 comments
Counter : 1719 Pageviews.

 
ไปมาเมื่อวาน คนเจอจริงๆ ยังกะลด 50% ทั้งๆ ที่ลดเต็มที่ 20% เล่มที่ถูกมากๆ ก็ไม่ค่อยน่าอ่าน ไปจตุจักรยังได้ลดเยอะกว่านี้ก็มีนะ


โดย: Summer Flower วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:13:11:42 น.  

 
Photobucket

ผมว่าขึ้นกับคุยกับฝั่งคนไหน และวงการไหนมากกว่านะ



โดย: จอมยุทธเฮง วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:13:18:41 น.  

 
เราว่า ไม่ใช่วิกฤตทางการอ่านหนังสือหรอกนะค่ะ...คนไทยอ่านหนังสือเยอะน๊ะ
เราเองก็ชอบซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือแบบนี้
เพราะว่าได้ราคาที่เหมาะสม แล้วก็ยังได้หนังสือที่หาได้ยากด้วย


โดย: NuHring วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:13:52:35 น.  

 
จุดหนึ่งที่คนไทยอ่านหนังสือน้อยกว่าคนฝั่งยุโรปเช่นทางเยอรมันที่เราเห็นคือ
การจารจรบ้านเรา อย่างรถเมล์ต้องโหนกัน ร้อนก็ร้อน คนขับก็ขับกระชาก
ไม่เหมือนที่นี่ คนขับขับมีระเบียบ รถเมล์ไม่อึดอัด
อยุ่ที่นี่บางทีเราก็อ่านหนังสือบนรถ แต่ว่าถ้ากลับเมืองไทยอยู่บนรถเมล์คงอ่านไม่ใหว

เห็นด้วยกับเรื่องรายการทีวีมากเลยค่ะ


โดย: เมย์ (mayistheone ) วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:15:34:58 น.  

 
การจัดงานหนังสือแบบนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีก็คือ ช่วยกระตุ้นให้คนที่ไม่ค่อยสนใจให้ออกมาจับจ่ายซื้อหาหนังสือไปอ่าน

ส่วนข้อเสียก็คือ มันเป็นเสมือนการขุดให้ตกลงไปในวังวลนี้โดยที่ไม่ตั้งใจ คือ คนจะรอออกมาซื้อหนังสือเพียงปีละ 2 ครั้ง ซึ่งไม่ได้เป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านอย่างแท้จริง..


ปล. ถึงจะบ่นๆๆ.. แต่ผมก็ไปทุกงานนะ เพราะมักจะได้หนังสือราคาถูกกว่าท้องตลาดมากเอาการอยู่..เหอะๆ


โดย: Tentty วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:15:47:10 น.  

 
ซื้อหนังสือตลอดปีค่ะ จะอดใจรอก็แค่ช่วงใกล้ๆถึงงานเท่านั้น ถ้าออกก่อนเกิน 1 เดือน ได้ซื้อที่ร้านหนังสือแน่ๆ


โดย: hiroko วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:20:18:47 น.  

 
ถ้าเป็นคนอ่านหนังสือ ...ถึงไม่ได้ซื้อเอง ก็หามาอ่านได้ค่ะ
เราเอง ทั้งซื้อ ทั้งอ่าน
แต่จะให้ซื้อราคาหนังสือออกใหม่ ทุกเล่มที่อยากอ่าน ก็คงไม่ไหว
เพราะฉะนั้น จึงได้เก็บบางส่วนไปเสาะแสวงหาในงาน Book Fair


โดย: นัทธ์ วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:21:03:27 น.  

 
เคยเจอะคนญี่ปุ่นถามแบบนี้เหมือนกันค่ะ ตัวเองตอบเค้าว่าหนังสือบ้านเราแพง แล้วก็หนักด้วย ไม่ค่อยใช้กระดาษเบาๆเหมือนหนังสือญี่ปุ่นหรืออังกฤษ คนเลยไม่ค่อยพกกัน <---แก้ตัวน้ำขุ่นๆเนอะ

ส่วนเรื่องงานหนังสือ ไม่ค่อยรองานเท่าไหร่ค่ะ เพราะมักจะซื้อไปเรื่อยๆเมื่อเจอะเล่มที่ชอบ แต่เวลาไปงานหนังสือ ที่ได้กลับมาเป็นตั้งๆ ส่วนใหญ่เป็นไล่เก็บหนังสือที่ว่าจะซื้อแล้วลืม หรือไม่ก็หนังสือเก่ามากกว่า



โดย: Vitamin_C วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:21:20:50 น.  

 
ไปมาแล้ว

ผมว่าเห็นด้วยส่วนนึง

แต่สำหรับคนรักการอ่านจิงๆไม่ต้องรองานก็ซื้ออยู่แล้ว

อิอิ


โดย: chalawanman วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:21:58:57 น.  

 
ไม่คิดว่าการที่งานหนังสือมีคนเยอะจะเป็น 'วิกฤตของประเทศไทยในด้านการอ่าน' นะ
แต่วิกฤตน่าจะเป็นการที่ไม่มีห้องสมุดให้คนยืมหนังสือมาอ่านมากกว่า
คนไทย หลังจากเรียนหนังสือจบ ออกจากโรงเรียนแล้ว ก็หาห้องสมุดใช้ยากแล้วหล่ะ
ที่มีอยูก็ไม่สะดวก ไม่ update และไม่เพียงพอ


โดย: My Pucca Girl IP: 202.5.84.69 วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:0:02:08 น.  

 
คนไทยหลายๆคนอ่านหนังสือเยอะนะคะ แต่ว่าอ่านเวลาส่วนตัวจริงๆเช่น อยู่กับบ้าน จะไม่อ่านเวลาเดินทางไปไหนมาไหน อันนี้ไม่รู้ทำไม

จริงๆก็ไม่อยากให้คนไทยซื้อหนังสือปีละสองครั้งหรอกค่ะ แต่มันก็ให้ประโยชน์ทั้งกับกลุ่มคนแบบนี้แล้วก็กับกลุ่มหนอนหนังสือจริงๆด้วย

ยังไงคนที่อ่านหนังสือจริงๆ ต่อให้ไม่มีงานหนังสือเค้าก็ยังอ่านหนังสือกันต่อ เลยไม่คิดว่าเป็นวิกฤตอะไรหรอกนะคะ แค่คิดว่าเป็นโอกาสสำหรับหลายๆคนในการอ่านหนังสือมากขึ้นมากกว่าค่ะ


โดย: TaMaChAN (narumol_tama ) วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:0:47:50 น.  

 
เป็นคนนึงค่ะที่เวลาเห็นงานหนังสือแล้ว ตาโต อยากไปมันซะทุกงาน แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเท่าไหร่เพราะไม่ได้อยู่เมืองไทย เวลาไปทีก็จะเรียกได้ว่าขนซื้อเลยทีเดียวค่ะ แต่เวลาที่ไปเดินห้างผ่านร้านหนังสือก็เข้าตลอด ซื้อประจำ ซื้อตามเว็บก็บ่อย

คนไทยเดี๋ยวนี้อ่านหนังสือกันมากขึ้นนะคะ เห็นด้วยกับ คห.บนๆที่ว่าบ้านเราไม่ค่อยจะเหมาะกับการเอาหนังสือติดไปอ่านตามรถเมล์ ที่จะพออ่านได้ก็ต้องรถไฟฟ้ากับใต้ดิน แต่ยังไงอย่างน้อยการที่เราเห็นคนไปงานหนังสือเยอะๆก็น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะก็แสดงให้เห็นว่าคนไทยก็ยังสนใจหนังสืออยู่บ้าง ถึงแม้ว่าบางคนจะสนใจปีละ ๒หนก็เหอะ


โดย: เจ้าหญิงแห่งMK วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:1:24:49 น.  

 
เป็นหนึ่งในคนที่สร้างวิกฤตไปแล้วเรา 5555


โดย: merveillesxx วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:3:39:22 น.  

 
เป็นคนหนึ่งไม่ได้รองานสัปดาห์หนังสือนะ
อยากอ่านเมื่อไหร่ก็ซื้อค่ะ

ทุกเดือนไม่ซื้อ ก็เช่า 55+

งานสัปดาห์หนังสือนี้ ไม่ได้ไปแต่ส่งตัวแทนไปซื้อ
จะไปวันนี้แร่ะ รออ่านอย่างใจจดจ่อ




โดย: อนุมานน้อย วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:6:31:54 น.  

 
เราเคยสงสัยเหมือนกันว่า
ที่คนไปงานหนังสือกันถล่มทลายทุกปีนี้
จริงๆแล้วคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้นหรือว่าบ้าช้อปของลดราคากันแน่
เพราะสังเกตจากคนรอบตัว
มีแต่คนบ่นว่าหนังสือที่ซื้อไปคราวก่อนยังอ่านไม่หมดเลย
แต่พอมีงานหนังสือทีไรก็เห็นไปขนซื้อมาดองอีกทุกที


โดย: helveticalover IP: 222.123.88.162 วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:16:13:58 น.  

 
อืมม์...

เราเองมองว่า..การอ่านหนังสือเยอะๆ ในวงกว้าง คือคนอ่านกันเยอะๆ มีวัฒนธรรมการอ่าน เป็นวัฒนธรรมที่ต้องสั่งสมน่ะค่ะ

ในประเทศที่การอ่านเจริญมากๆ ส่วนหนึ่งเราว่าเป็นเพราะประเทศเค้าเห็นคุณค่าของการอ่าน มีความชื่นชมคนอ่านเยอะ คิดเยอะ แล้วก็กลายเป็นการอ่านเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

แต่ในประเทศไทย อย่างที่เห็นแหละค่ะ คนที่มีชื่อเสียง คือคนรวย คนสวย คนหน้าตาดี



แต่..เราว่า..มันน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ หวังว่าคงจะเป็นเช่นนั้นน่ะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:17:49:10 น.  

 
เราไม่เหมือน ฝรั่งหรอกค่ะ เพราะเราคือคนไทย
พื้นฐานประเทศ พื้นฐานการศึกษา พื้นฐานสันดานประจำชาติ มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

ประเด็นที่เจ้าของบล็อกพูดมาถูกทุกอย่าง แต่รู้สึกเหมือนนำเสนอในมุมดูถูกคนในประเทศตัวเองยังไงชอบกล...

ฝรั่งคนนี้ตลกนะคะ ที่พูดว่าไม่เหมือนบ้านไอเลย
แล้วได้แหกตาดูไหมที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่บ้านยูนี่
จะเหมือนได้ยังไงแค่นี้ก็ไม่รู้..วู้

งานสัปดาห์ ขายหนังสือ...มันผิดตรงไหนล่ะ
ไม่ใช่นิทรรศการว่าด้วยหนังสือนี่คะ?

เข้าใจเจ้าของบล็อกนะคะ แต่ไม่เข้าใจฝรั่งที่คุยกับคุณ
เขาถูกแสตนดาร์ดของความเป็นฝรั่งครอบเสียมิด
จนไม่สนใจ วัฒนธรรมในสันดานคนไทย หรืออาจจะ
สนใจแล้วไม่ตรงกับบ้านเขาก็เลยว่าไม่ดี หลายอย่าง
เราอาจไม่ได้มาตรฐานสากล แต่ก็มีอีกมากที่ฝรั่งไม่มี
มันต้องแลกกันน่ะค่ะ

เมื่อเราเกิดในประเทศที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยต้องดิ้นรน ไม่เคยต้องแข่งขัน เราจึงเป็นไปอย่างช้าๆ ในการพัฒนา ถ้าประเทศเราไม่มีทรัพยากร ต้องดิ้นรน อย่างฝรั่งเราก็คงไปได้เร็วอย่างเขา อีกสิ่งคือเรามี King ทำแทนหมด...เราเลยไม่ต้องทำ เลยไม่ต้องคิดเองไงคะ King ว่าไงเราว่างั้น เพราะ King ย่อมไม่โกงประเทศตัวเองอยู่แล้วไม่เหมือนนักการเมือง

แต่ฝรั่งเพื่อนคุณ ไม่รู้ว่ามาจากประเทศที่มี King หรือเปล่า? หลายประเทศไม่มี King ความพัฒนาเขาจึงไปเร็วกว่ามาก คนที่ขยัน คนที่ฉลาด เท่านั้นถึงจะมีกิน ตรงนี้ทำให้ประเทศเขาต่างจากเรา พัฒนาไปเร็วกว่า แต่ความเครียด ความเรื่อยเฉื่อยๆ อะไรที่รู้สึกว่าสบายๆ ประเทศเขาไม่มี ไม่มีช่องว่างให้คนเอื่อยๆ เดิน


เราเลือกประเทศเกิดไม่ได้ และเทศไทยแลกไปแล้ว
เราเลือก King เลือกความสบาย การพัฒนา ความฉลาด หรือความเป็นระเบียบ จึงเป็นไปอย่างช้าๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนในประเทศมีความทุกข์กับสันดานประจำชาตินี่คะ

เห็นด้วยในแง่หนังสือในไทยแพง แต่ไม่ใช่วิกฤตนี่คะ
คนไทยแค่ชอบของลดราคา ชอบงานที่ได้เจอหนังสือหลากหลาย เท่านั้นเอง...อย่าซีเรียสเลย ประเทศไทยไม่เลวร้าย ยังยิ้มได้อีกเยอะ


โดย: คิงเพนกวิน วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:19:04:55 น.  

 
เพิ่งอ่านบทความใน GM ว่าด้วยงานหนังสือ เขียนโดยคุณดวงฤทัย เอสะนาชาตัง (เล่มต.ค.51 หน้าปกหนุ่มๆ นักซิ่ง)
เห็นว่างานหนังสือที่ตปท.จะเป็นการพบปะระหว่างสนพ.กับนักเขียนอย่างจขกท.บอก

ในบทความเราเห็นด้วยกับคนเขียนสองอย่างว่า
1.ทำไมใครๆ ก็คาดหวังว่าต้องมีหนังสือใหม่ในงานหนังสือ
เรามองว่างานมันจะกระจุกอ่ะค่ะ แทนที่เราจะมีหนังสือทยอยอ่านได้ทั้งปี แต่ต้องมารองานหนังสือ
(เหตุผลก็คงเป็นในแง่ของการตลาดล่ะมั้ง?)

ซึ่งถ้าพูดในแง่ของการทำงานของสนพ. มันหนักเหมือนกันนะ
ที่จะต้องมาทุ่มเวลาไม่กี่เดือนกับหนังสือหลายเล่มพร้อมกัน แล้วมันจะส่งคุณภาพมั้ย?

(ตรงนี้คนเขียนเค้าบอกว่างานหนังสือที่ตปท.สนพ.
จะนำโปสเตอร์มาติดว่าจะมีหนังสือเล่มนี้ๆ ออกในเร็วๆ นี้นะ)

อย่างที่สองที่เห็นด้วยกับคนเขียนคือ งานหนังสืออาจทำให้ร้านหนังสือตายค่ะ
เพราะคนจะมารอซื้อกันที่งานหนังสือทีเดียว บางคนก็ซื้อแค่ปีละสองครั้ง ซื้อทีเยอะๆ แบบอ่านยาวไปเลยน่ะค่ะ

ส่วนเรื่องคนไทยไม่อ่านหนังสือ เราว่าคนที่อ่านก็อ่านเยอะจริงๆ นะคะ
ส่วนคนที่ไม่อ่านก็ไม่อ่านเลย หรืออ่านจิ๋วเดียว
เหตุนึง (คิดเอง) ว่าตะก่อนเรามองว่าหนังสือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมั้ง
พ่อแม่เองอาจมองว่าอยากให้ลูกอ่านหนังสือเรียนมากกว่าอ่านหนังสืออ่านเล่น
(อะไรที่ไม่ใช่หนังสือเรียน = ไม่มีประโยชน์)

หรือถ้าฐานะไม่ค่อยดี เค้าก็คงเอาเงินไปทำอ
ย่างอื่น
หรือเอาเวลาไปทำมาหากินน่ะค่ะ ไม่มาซื้อหนังสืออ่านหรอก

และรัฐฯ เองก็ไม่ได้ส่งเสริม ห้องสมุดก็...เอ่อ... (คาดว่าคงกลัวประชาชนจะฉลาด แล้วหลอกไม่ได้ หุๆ)

อ้อ...แล้วเราก็คิดว่าหนังสือเมืองไทยแพงอ่ะ


ป.ล.ขออภัยที่เขียนยาวยืดจ้า


โดย: รัตตะ (ratta ) วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:21:19:56 น.  

 
คนไทยอ่านหนังสือกันน้อยจริงๆ
ทีวีไทยก็ไร้สาระจริงๆ



โดย: last_tibetstone วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:18:14:47 น.  

 
ถือเป็นการเหมารวมที่น่าสนใจครับ ^^


โดย: Artks IP: 180.183.102.16 วันที่: 20 กรกฎาคม 2564 เวลา:22:38:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlueWhiteRed
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add BlueWhiteRed's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.