|
100 ปี "Jean-Paul Sartre" Public Intellectual ที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษที่ 20
ปี 2005 เป็นปีที่มีความสำคัญในแวดวงศิลปวัฒนธรรมหลายประการ ที่สเปนได้มีการจัดนิทรรศการเฉลิมฉลองการครบรอบ 400 ปี ของวรรณกรรมอมตะ Don Quixote ส่วนเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา The Last Intellectual อย่าง Susan Sontag ได้เสียชีวิตด้วยโรคลูคีเมีย ท่ามกลางความเสียใจของหนอนหนังสือทั่วโลก
ปีนี้ยังเป็นปีที่ครบรอบ 100 ปี ของ Jean-Paul Sartre (1905-1980) แม้ว่าบุคคลรุ่นหลังจำนวนมากไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม ส่วนบุคคลที่รู้จักก็ตำหนิถึงความผิดพลาดในจุดยืนทางการเมือง แต่เขาก็เป็นปัญญาชนสาธารณะชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดในศตวรรษที่ 20 ลองนึกดู ถ้านึกถึง Sartre ผมจะหวนนึกถึงอะไรมั่ง : )
1. นิยายของเขา : Sartre เขียนนิยาย, เรื่องสั้น และบทละครไว้จำนวนหนึ่ง เรื่องที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด คงจะเป็น La Nausea ซึ่งเป็นเรื่องราวอันโดดเดี่ยวแปลกแยกของอังตวน โรก็องแตง Antoine Roquentin จะว่าไปแล้ว ฝีมือทางการประพันธ์ของเขาสู้ของ Camus ไม่ได้ อ่านงานเขียนของ Camus จะประทับใจมากกว่า อย่างที่มีคนเคยว่าไว้ Sartre เป็นนักปรัชญาที่บังเอิญมาสนใจวรรณกรรม ส่วน Camus เป็นนักประพันธ์ที่บังเอิญมาสนใจปรัชญา
2. งานเขียนทางปรัชญา : เล่มที่สร้างชื่อให้เขา คือ Being and Nothingness ซึ่งผมเองไม่เคยอ่าน นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า Sartre ได้รับอิทธิพลมาจาก Being and Time ของมาร์ติน ไฮเด็กเกอร์
3. Existentialism : ปรัชญาที่ทำให้ Sartre โด่งดัง จนกลายเป็นกระแสนิยมในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
4. ร้านกาแฟ Café de Flore : ร้านกาแฟในฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนในปารีส เป็นร้านที่เขา, ซีโมน เดอ โบวัวร์ และเหล่าสาวกเอ็กซิสฯมานั่งถกปัญหาพูดคุยกัน ครั้งที่ผมไปเที่ยวปารีสได้เดินผ่านร้านนี้ สังเกตเห็นคนเยอะมาก และที่จัตุรัสเล็กๆข้างร้าน ใช้ชื่อให้เกียรติว่า จัตุรัสญอง ปอล ซาร์ตร์ และ ซีโมน เดอ โบวัวร์
5. ซีโมน เดอ โบวัวร์ : คู่ชีวิตของเขา ผู้เขียนหนังสือคลาสสิค The Second Sex
6. การเคลื่อนไหวทางการเมือง : ในขณะที่ Camus ไม่เชื่อว่า มือที่เปื้อนเลือด จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ไปสู่สังคมในอุดมคติได้ Sartre มีความเชื่อว่าเราต้องยืนอยู่บนพื้นฐานความจริง ความรุนแรงบางครั้งมิอาจเลี่ยงได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เคยวิจารณ์ Mao และ Stalin ในทางลบ เขาเชื่อในการต่อสู้ปลดปล่อย ทำให้มีมิตรสหายเป็นนักปฏิวัติจำนวนมาก ซึ่งสองคนในนั้นก็คือ ฟิเดล คาสโตรและเช เกวาร่า...
เมื่อปี 1980 ที่ Sartre เสียชีวิต ชาวปารีสหลายหมื่นคนได้ร่วมเดินขบวนส่งศพเขาไปตามท้องถนน ปีนี้ครบรอบ 100 ปีเกิดของเขา รัฐบาลฝรั่งเศสจะย้ายศพของเขาไปไว้ที่โบสถ์ Pantheon ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ อาทิเช่น รุสโซ, วอลแตร์ และอูโก
ห้วงความคิดสุดท้ายเมื่อนึกถึง Sartre พลันคิดขึ้นมาว่า Public Intellectual ในปัจจุบันหายไปไหนหมด....
Create Date : 17 สิงหาคม 2548 |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 16:08:03 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1337 Pageviews. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:8:42:53 น. |
|
|
|
โดย: BlueWhiteRed (BlueWhiteRed ) วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:9:45:54 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:10:01:47 น. |
|
|
|
โดย: BlueWhiteRed IP: 202.12.118.36 วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:8:51:53 น. |
|
|
|
โดย: das Kino วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:21:36:56 น. |
|
|
|
โดย: อนุบาล IP: 118.172.54.116 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:18:48 น. |
|
|
|
โดย: โกกองแต็ง IP: 125.24.113.228 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:58:09 น. |
|
|
|
| |
|
|
แต่โดยส่วนตัวอีกเช่นกัน ชอบนวนิยายที่กามูส์เขียนมากกว่า
อย่างไรเสีย ซาร์ตก็เป็นปราชญ์ที่เลิศล้ำ ยากนักที่จะหาใครมาเทียบเท่า