หัวใจดวงนี้ ไม่มีอะไรนอกจากความห่วงใยแก่ใครบางคน หัวใจดวงนี้ บางทีสับสน ก็เพราะใครบางคน ไม่เคยสนใจ หัวใจดวงนี้ บางทีหวั่นไหว ก็จะเป็นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ใครบางคน
Group Blog
 
All blogs
 

3 เดือนของการเป็น Carer

เป็น carer มา 3 เดือนกว่า ก็ดีน่ะ สนุกดี เราเข้ากะเพื่อนร่วมงานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร


เราเข้ากะคนไข้ได้ทุกคนที่เราดูแล มีการคุยหยอกล้อกันสนุกสนาน ทำให้เค้ามีความสุขเล็กๆน้อยๆ


รวมทั้งเราก็มีความสุขกับการทำงานด้วย


เพื่อนร่วมงานบางคนก้สร้างปัญหาเหมือนกัน บางครั้งก็ยากเพราะเราเป็นคนกลาง


ต้องรับฟัังทั้ง 2 ฝ่าย แต่พูดมากไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดปัญหามากขึ้น


แต่ก็พยายามเข้าใจน่ะ ว่า มากคนก็มากความ


เพราะแต่ละคนก็มีมุมมองและการทำงานที่แตกต่างกันไป


เราก็อาศัยว่า ทำกะใครก็ทำตามที่เค้าทำ ไม่แสดงออกว่ารู้มากกว่า


หรือบอกคนอื่นให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ จนกว่าเค้าจะถามเราเองว่าเราทำยังไง




ตอนนี้ก็สอบผ่านหลักสูตรเบื้องต้นต่างๆ ได้ใบประกาศในสาขาที่เกี่ยวข้องมา 9 ใบล่ะ


ตอนนี้ที่เหลือก็มี Dementia ที่ยังจะต้องทำให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนหน้า


เพราะในอนาคตใครก็ตามที่ต้องการทำงานด้าน care จะต้องมีใบประกาศพวกนี้ด้วย




Dementia คือโรคของคนแก่โีรคนึง โรคนี้จะมีอาการหลงลืม เสียการทรงตัว


มือสั่น พูดซ้ำซาก พูดเรื่องอดีต เป็นต้น


แต่เค้าเหล่านี้ยังช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ทำงานกะคนไข้พวกนี้สนุกดี


มีเรื่องตลกๆ กลับมาเล่าให้คนที่บ้านฟังเป็นประจำ



Home Care ที่เราทำมีหลายสาขา ซึ่งถ้าบางสาขาขาดคน


เค้าก็จะมีการขอคนจากอีกที่นึงมาช่วยด้วย


หรือถ้าคนไม่พอจริงๆ ก็จะขอคนจาก agency มาช่วย


บางวันหยุดเราก็ไปทำพิเศษบ้างเหมือนกัน


แต่ไม่ได้ค่าแรงแตกต่างอะไรไปจากการเข้าเวรปกติ


แต่ก็ยังดี อย่างน้อยก็ได้เงินมากขึ้นในเดือนนั้น



เงินเดือนของการเป็น carer ก็ไม่ไ้ด้มากมายนัก


มันก้ดี ถ้าโฮมที่เราทำไม่ได้มีคนไข้มาก


แต่บางที่ถึงจะไม่ได้มีคนไข้มาก


แต่ถ้าคนไข้บางคนเรียกร้องความสนใจมากกว่าปกติ


ก็อาจจะทำให้เรายุ่งอยู่ตลอดเวลาได้เหมือนกัน


โฮมที่ทำงาน และยูนิตที่เราทำ คนไข้ส่วนมาก


เป็น MS นั่นคื่อเค้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สื่อสารไม่ได้


ก็เลยดูเหมือนว่า เค้าไม่เรียกร้องใดๆ หลังจากทำความสะอาดร่างกาย


แต่งตัว ย้ายเค้าจากเตี่ยงมาที่เก้าาอี้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับญาติๆของคนไข้


แล้วพาเค้ามานั่งที่ห้องรับแขกแล้วก็เท่ากับว่าเสร็จงาน


จนกว่าจะถึงเวลาเกือบค่ำ ก็จะย้ายเค้ากลับเข้าห้อง


เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ย้ายเค้ากลับขึ้นเตียง


เช็คผ้าอ้อม เปลี่ยนผ้าอ้อม ลงบันทึก เท่านี้นก็จบ


แต่บางแคร์โฮมจ่ายค่าแรงมากกว่าที่เราทำ


แต่เค้าอาจจะต้องทำงานตลอดไม่ได้หยุดในเวลา 12 ชั่วโมง


นอกจากพักกลางวัน และพักทานอาหารเย็นเท่านั้น



ความจริงเราก็มองๆหางาน care ที่อื่นทำอยู่เหมือนกัน


เพื่อเป็นประสบการณ์ และเงืนเดือนที่ดีกว่า


มีงานอีกงานนึงที่เค้าเรียกว่า Support Worker


ซึ่งงานจะเหมือนกับการเป็นแคร์ แต่จะแตกต่างกันตรงที่


จะต้องไปดูแลคนไข้ที่บ้าน ซึ่งอาจจะต้องช่วยเค้า


ดูแลทำความสะอาดบ้าน ทำอาหารให้เค้า หรือแม้ว่า


ต้องพาเค้าออกไปช็อปปิ้งด้วย เราว่าน่าสนใจดีั


                                       ตอนนี้เราก็กำลังเสิร์ชเรื่องงานนี้อยู่เหมือนกัน

















Free TextEditor




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 28 ตุลาคม 2553 20:05:37 น.
Counter : 323 Pageviews.  

วันแรกของการเป็น Care Assistant

ตอนแรกยอมรับว่่ากังวลมากว่าคงจะทำงานนี้ไม่ได้ 


เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ขยะแขยง ขี้ เหยี่ยว คนอื่นมากกกกกกกกกกก พอสมควร


แต่มาคิดอีกที ไม่ลองก็ไม่รู้นิ ไปลองก่อนดีกว่า ก่อนที่จะตัดสินใจ



วันแรกไปถึงที่ทำงานตั้งแต่ 7 โมงครึ่งแน่ะ


นั่งรอจน 8 โมง จนกระทั่งพวก day shift เริ่มเข้ามา


ก็เลยได้รับการแนะนำตัวว่าเราเป็นคนใหม่ ที่จะต้องฝึกงานก่อน


เราได้ร่วมงานกะ Kym ซึ่งอายุ 40


เธอน่ารัก ใจเย็นดี อธิบายเรื่องงาน และทำให้เราดูอย่างละเอียด


คนไข้คนแรกที่เราเข้าไปดูแล


พอเราได้กลิ่นที่เค้าฉี่ไว้ ครั้งแรกเราก็แทบกลั้นไม่อยู่เหมือนกัน


แต่ก็ต้องทำหน้าตาเฉยไว้ แต่กลั้นหายใจไว้ด้วย


คนไข้รายนี้เป็นหญิงสาวอายุแค่ 37 เอง แต่ว่าเป็น MS


เป็นมาได้ 2 ปีแล้ว ขยับเขยื้อนไม่ได้ สื่อสารไม่ได้


น่าสงสารจัง มีลูกชายคนเดียวอายุ 4 ขวบ


คนไข้รายนี้เราแค่ทำความสะอาดส่วนล่างให้เค้า


แล้วก็เปลี่ยนผ้าอ้อม ทำความสะอาดปากให้เค้า แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า



วันนี้เราได้เรียนรู้เรื่องการใช้ ฮ้อยส์ คือเครื่องที่ยกคนไข้เคลื่อนย้าย


และได้เรียนรู้ที่ต้องถอดสายให้อาหารยังไง เสียบสายอาหารกลับเข้ายังไง


และตั้งเซ็ทโปรแกรมความถึ่ของเครื่องให้อาหาร


เสร็จแล้วก็หวีผมให้เค้าแล้วพาเค้าออกมานั่งเล่นที่ห้องรับแขก


เสร็จแล้วก็เดิินเช็คว่าคนไข้อื่นๆตื่นกันบ้างรึยัง


คนไข้ส่วนมากจะตื่นสายกัน นั่นก็คือเราไม่ต้องทำอะไร



ที่ unit  เรามี carer อยู่ 4คน แต่ว่าคนไข้แค่ 6 คน


ก็เลยแบ่งคนไข้กันทำไปทีมละ 3 คน


unit ที่เราทำงาน คนไข้ส่วนมากเป็น MS


พวกเค้าำไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย


มีอยู่แค่ 2 คนที่พอจะสื่อสารได้บ้าง


เราก็ต้องพยายามที่จะเข้าใจว่าเค้าต้องการอะไรด้วย



สรุปว่าวันแรกและวันที่สองก็ผ่านไปด้วยดี


เราไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย รู้สึกสนุกกะงานด้วยซ้ำ


ทีแรกที่คิดว่าจะแค่ลองงานเฉยๆ


ก็เลยตัดสินใจว่า จะทำงานนี้แหละ รู้สึกตัวเองมีค่า


เหมือนแม่พระยังไงก็ไม่รู้ อีกอย่างถ้าเราอยู่นานขึ้น


และมีผลการทำงานดี ทาง Care Center ก้จะส่งเราเข้าฝึก


เรื่องการให้ยาคนไข้ด้วย นั่นก็หมายถึงว่าตำแหน่ง และเงินดีขึ้นด้วย



อ้อ ได้พบกับผู้หญิงไทยอีกคนทำงานที่เดียวกันด้วย


แต่ว่าน้องเค้าทำ domestic


ก็ได้คุยกะเค้านิดหน่อยเท่านั้น เพราะไม่อยากรบกวนเวลางานของน้องเค้า


ก็ได้แค่ถามไถ่ว่าอยู่นานรึยัง บ้านอยู่แถวไหนอะไรประมาณนั้นแค่นั้น


ดูๆ น้องเค้าก็น่ารักดี อายุ 25 แต่งงานแล้ว



เสาร์ อาทิตย์นี้เราต้องทำงาน คุณผู้ชายดูท่าทางไม่ค่อย happy เท่าไหร่


เพราะคุณท่านต้องอยู่บ้านคนเดียว


อ้อ ต้องทำหน้าที่รับส่งเราด้วย แถมยังต้องทำอาหารเย็น


ทำงานบ้านอีก ขอให้สนุกกะงานบ้านนะคะคุณผู้ชายขา


แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะแจ๋วซักผ้าไว้ให้มั่งแล้วคะ



แล้วยังไงจะเข้ามาเล่าเรื่องงานให้ฟังใหม่น่ะคะ


แต่ว่าความจริงแล้ว เราต้องมีจรรยาบรรณคะ


ไม่เอาเรื่องของคนไข้มาเล่าให้คนอื่นฟัง


แต่ในกรณีนี้ถือว่าอนุโลมละกันนะคะ


เพราะไม่ได้มีเจตนาในด้านร้ายคะ


เพียงแต่เล่าเรื่องการทำงานเท่านั้นเองนะคะ








Free TextEditor









 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2551 6:06:48 น.
Counter : 376 Pageviews.  

1  2  

Bopeep
Location :
กรุงเทพฯ United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เกิดวันพระ ราศีมีน เลือดกรุปบี
เป็นแม่ของลูก 2 คน เป็นย่าของหลานสาว 1 คน
อยู่สก๊อตแลนด์มาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะอยู่อีกนานเท่าไหร่
รักเมืองไทย รักในหลวง รักพ่อแม่พี่น้องที่เมืองไทยทุกคน
คิดถึงทุกอย่างที่เกียวกับเมืองไทย ยกเว้นนักการเมืองจอมโคตรโกงและโกงทั้งโคตรทั้งหลาย
รักการท่องเที่ยว รักความยุติธรรม เกลียดคนเห็นแก่ตัว
และเห็นแก่ได้ทั้งหลาย
รักการทำอาหาร รักสวยรักงาม ยังบ้าตามแฟชั่นอยู่เลยทั้งที่ตั้งใจไว้ว่า
ถ้าอายุ 40 เมื่อไหร่ จะแต่งตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
นี่ก็ 47 แล้ว ยังอดแต่งตัวตามแฟชั่นไม่ได้ซะที
เขึยนบล๊อคนี้เพื่อเป็นเป็นไดอารี่ให้กับตัวเอง ว่าทำอะไรบ้างในชีวิตที่ผ่านมา
มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิต และคิดอย่างไรกับชีวิตในขณะนั้น
เก็บไว้ดูความเปลี่ยนแปลงกับชีวิตตัวเอง
Friends' blogs
[Add Bopeep's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.