Group Blog
 
All Blogs
 
Differences between cultures

ความแตกต่างระหว่างสเปนกะไทย

มีเยอะมากกกกกกกก เอาไปอ่านดูเล่นๆ ละกัน (ความจริงไม่รู้จะเล่าอะไรให้ฟังตังหาก)

อย่างแรกเลย คนสเปนกะคนไทยต่างกันมากๆ ถึงแม้จะมีที่เหมือนกันบ้างนิดหน่อย แต่อยู่กับคนสเปนแล้วก็สบายใจดีนะ เพราะเค้าเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส ถึงแม้เราจะทำอะไรผิด เค้าก็ให้อภัยได้ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะว่าเค้าลืมง่ายหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าเค้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ตังหาก ก็ดี เพื่อนเราที่่อยู่ใกล้ๆ กันเค้าเล่าให้ฟังว่า ที่ร.ร.เค้า มีดาวโรงเรียนคนนึง ประมาณว่าสวยมาก เดินลงบันไดมาอย่างมาดมั่น แต่จู่ๆ ก็เกิดลื่นหล่นลงมาก้นกระแทกพื้น คนแถวนั้นก็เหลือบมองนิดนึง ไม่มีใครหัวเราะ ไม่มีใครมองแบบ อีนี่ทำอะไรอ่ะ ทุกคนแค่เหลือบมองว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นไม่มีอะไรก็หันกลับไป ไม่สนใจ ส่วนคุณดาวคนนั้นก็ยิ้มนิดๆ แล้วก็เดินอย่างมาดมั่นต่อไป ก็ดีเนอะว่ามะ ถ้าอยู่เมืองไทย ทำอะไรผิดนิดผิดหน่อย คนก็จ้องจะจับผิด แต่ที่นี่ไม่ ใครจะทำอะไรก็ทำไป อย่าให้เดือดร้อนคนอื่นละกัน ส่วนพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ให้อิสระลูกนะ คืออยากทำอะไรก็ทำ จะไปเที่ยวไหนก็ได้ อย่าทำอะไรให้เดือดร้อนละกัน แล้ววัยรุ่นส่วนใหญ่ที่นี่ หลังจากเลิกเรียนถ้าไม่มีอะไรทำ ก็ออกไปเดินเล่นกันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งเราก็ยังไม่มีใครชวนไปเดินเล่นซะที เฮ้อออออออ เศร้า

นิสัยคนที่นี่ก็ friendly พอสมควรนะ ขึ้นอยู่กับว่ารู้จักกันรึเปล่าด้วย ถ้ารู้จักกันถึงแม้จะแค่ไม่กี่ครั้ง เค้าก็จะเป็นมิตรมากๆ แล้วคนที่นี่ก็ยิ้มเก่งด้วย อาจจะไม่เท่าคนไทย แต่ตอนนี้คนไทยที่อยู่ที่นี่เริ่มยิ้มไม่ค่อยออกแล้ว (จากตอนแรกที่เดินไปไหนมาไหนก็ยิ้มเป็นนางสาวไทย) เนื่องจากเหตุผลสองอย่าง คือ ยังหาเพื่อนที่จะมาสนิทด้วยไม่ได้ (เศร้านิดหน่อย แต่ปลงตกแล้ว) อย่างที่สองคือ อากาศมันหนาว แล้วก็แห้ง ยิ้มมากๆ ปากแห้ง เผลอๆ ยิ้มไปยิ้มมาก็ปากแตก ก็เลยไม่ค่อยยิ้มแล้วเดี๋ยวนี้
อีกอย่างที่แตกต่างคือ คนที่นี่ไม่ชอบอยู่ในบ้าน เค้าชอบออกไปนอกบ้าน ไม่รู้นะ ถ้าเป็นที่บ้านเรา จะไม่ค่อยชอบให้ออกไปข้างนอกเท่าไหร่ ชอบให้อยู่ในบ้านมากกว่า พอมาที่นี่ ตอนหลังเลิกเรียนตอนบ่าย เราไม่มีไรทำก็นั่งเล่นเน็ตอยู่บ้าน โฮสต์ก็จะแบบ คะยั้นคะยอให้ออกไปนู่นออกไปนี่ ถามอยู่นั่นแหละว่าไม่ออกไปเดินเล่นกับเพื่อนเหรอ ถ้าเพื่อนชวนเมื่อไหร่ก็ออกไปกับเพื่อนนะ อะไรประมาณนี้ พูดอย่างนี้มาจะสิบรอบแล้ว ตั้งแต่เรามาอยู่นี่

เรื่องคนพอก่อน มาต่ออีกเรื่อง คืออาหาร อาหารที่นี่ก็เป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งถ้าฟังดูตอนแรกๆ มันก็คงเป็นอาหารสุขภาพใช่มะ มีน้ำมันมะกอก เป็นไขมันไม่อิ่มตัว (ใช่ป่ะ ไขมันที่มันดีต่อร่างกายอ่ะ อันนั้นล่ะ เรียนแล้วลืมแล้ว _ _ ll) แต่ไขมันก็คือไขมันวันยังค่ำ ไม่ว่ามันจะดีขนาดไหน มันก็ทำให้อ้วน อ้วน และอ้วน แล้วเค้าใส่น้ำมันมะกอกแบบว่าเยอะมาก คืออาหารส่วนใหญ่ ต้องใส่น้ำมันมะกอก เรียกว่าราดเลยดีกว่า บางอย่างก็เหมือนแช่มาเลย น้ำมันท่วม แต่ตอนนี้เริ่มชินและ (เริ่มอ้วนแล้วไง) นอกจากน้ำมันท่วมแล้ว ก็ยังกินเค็มด้วย อาหารพวกออเดิร์ฟทั้งหลายแหล่ เน้นเค็ม ยิ่งเค็มยิ่งอร่อย โฮสต์มัมเราก็ชอบกินเค็มด้วย พวกแฮม ชีส เนี่ย ชอบ นอกจากมัน เค็ม แล้ว ก็กินเยอะด้วย ปกติเค้าไม่ค่อยกินผักกันเท่าไหร่ ถ้าจะกินผักก็คือต้องมีสลัด ซึ่งสลัดเค้าก็เป็นอะไรที่ทำง่ายมาก หั่นผักใส่ชามใบใหญ่ๆ ราดน้ำมันมะกอกเยอะๆ โรยเกลือ (เยอะๆ อีกเช่นกัน ถ้าเป็นโฮสต์มัมเราทำ) แค่เนี้ย ตอนแรกๆ คิดถึงสลัดเมืองไทยมากๆ แต่ตอนนี้ก็เริ่มชินอีกเช่นกัน

พูดถึงอาหารแล้วก็นึกถึงเรื่องมีด ใช่ มีด เกี่ยวอะไรกะอาหารใช่มะ เกี่ยวมากๆ เพราะเวลากินอาหารส่วนใหญ่เค้าก็จะใช้มีดกับส้อม บางทีก็มีช้อนเวลากินซุป หรือกินข้าว (ที่นี่มีข้าวด้วย กินบ่อยมากๆ ) เวลาใช้มีดกับส้อมหั่นอาหารก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะอยู่เมืองไทยก็ใช้บ้าง แต่หลังอาหาร เค้าก็จะมีของหวาน ก็ไม่เชิงอ่ะ ก็กินผลไม้กัน บางทีก็กินโยเกิร์ต (โยเกิร์ตที่นี่อร่อยมาก เดี๋ยวค่อยเล่า) มื้อแรกที่เรากินข้าวกับเค้า เค้าถามว่าจะเอาผลไม้อะไร เราก็เลือกแอปเปิ้ล เค้าก็เอาแอปเปิ้ลลูกนึงมาวางตรงหน้า เราก็ลงมาจะปอกเปลือก ถึงแม้จะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่ก็เคยทำบ้าง (ปกติแม่ปอกให้กิน ไม่ค่อยได้ทำเอง) พอเราปอกไปได้สองที โฮสต์มัมก็ทำเสียงตกใจว่าทำไมปอกแบบนั้น แล้วเค้าก็คว้าแอปเปิ้ลไปปอกให้ดู เค้าปอกผลไม้ไม่เหมือนเราอ่ะ อยู่เมืองไทยเวลาปอกก็หันมีดด้านคมออกจากตัวใช่มะ แต่ที่นี่เค้าหันด้านคมเข้าหาตัว (มันก็ไม่ค่อยคมเท่าไหร่หรอก เพราะมันไม่ใช่มีดแบบที่คมๆ) แล้ววิธีจับมีดก็ไม่เหมือนกัน พอเค้าปอกให้เราดูเสร็จ เราก็ลองเอามาปอกเอง แต่มันไม่ถนัดอ่ะ ก็ปอกอย่างงี้ของชั้นมาเป็นสิบปีแล้ว จะให้มาปอกอีกแบบนึงอีก ในที่สุด เค้าคงไม่อยากให้เราโดนมีดที่ไม่คมตัดนิ้วไม่ขาดบาดเอา เค้าก็เลยปอกให้เรากินในที่สุด ตั้งแต่นั้นมา กล้วยก็เป็นผลไม้แค่อย่างเดียวที่เรากิน เพราะว่ามันไม่ต้องใช้มีด แล้วเค้าก็ไม่ค่อยยอมให้เราใช้มีดปอกผลไม้ด้วย ถ้าเราจะกินอะไรเค้าก็จะปอกให้ ซึ่งเราคิดว่ามันเหมือนเด็กปัญญาอ่อน ไม่ก็เด็กเล็กๆ สามสี่ขวบ ก็เลยไม่กินละ กินกล้วยเนี่ยแหละ ง่ายดี ตอนช่วงหลังๆ มา ก็มีกีวี่ ตอนแรกก็กะจะกินเหมือนกัน เพราะแค่ผ่าครึ่งแล้วใช้ช้อนตัก ไม่ยากๆ แต่พอเห็นโฮสต์มัมกิน เค้าปอกเปลือกอ่ะ ฝันสลาย จะกินแบบเรามันก็คงดูแปลกๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้ช้อนทุกมื้อด้วย ก็เลยช่างมันอีก กล้วยก็ยังคงเป็นผลไม้สุดโปรดต่อไป

อย่างที่บอกแหละ ว่าที่นี่มีข้าวด้วย แต่ข้าวเค้าก็ไม่เหมือนข้าวเมืองไทย เม็ดจะกลมๆ อ้วนๆ กว่า แล้วก็ไม่ได้กินเป็นข้าว กับ กับข้าวด้วย เค้าจะเอาไปทำคล้ายๆ ข้าวผัด แต่จะมีหลายอย่าง หลายวิธี ซึ่งตั้งแต่มาอยู่นี่ ก็อร่อยทุกอย่าง (แล้วจะไม่อ้วนได้ยังไง) เค้าบอกว่าข้าวไม่ได้มีทุกปีด้วย ปกติจะทำนาได้แค่ปีเว้นปี ปีนี้มีข้าว ปีหน้าก็ไม่มี

ความจริงพูดถึงอาหารแล้ว ก็อร่อยเกือบทุกอย่างเลยนะ ถึงแม้บางอย่างจะไม่สามารถรับได้ก็ตามที อย่างเช่น ปลาแอนโชวี่สีน้ำตาลกะสีขาว ที่แช่เกลือหรืออะไรซักอย่าง กะแช่น้ำส้มสายชู อันนี้เป็นอาหารที่รับไม่ได้จริงๆ ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติ แรงมากๆ อีกอย่างก็คือชีสที่กลิ่นแรงๆ อันนี้ทนไม่ไหวมากๆ ดีนะที่โฮสต์ไม่ได้ชอบกินชีสแบบนี้ จะว่าไปแล้วชีสเนี่ย ก็คงเทียบได้กับ ปลาร้า เมืองไทยนะ มีหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน แค่ทำจากวัตถุดิบต่างกันเท่านั้นเอง 5555

อาหารคาวไปแล้ว ต่อมาก็ต้องอาหารหวานขอบอกว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่และตั้งแต่ได้กินมา มันอร่อยทุกอย่างเลยอ่ะ อร่อยมากๆ จริงๆ ส่วนโยเกิร์ต ซึ่งมาอยู่นี่เราก็กินทุกวัน มันไม่เหมือนโยเกิร์ตเมืองไทย คือโยเกิร์ตเมืองไทยมันจะเป็นครีมๆ เหลวๆ ใช่มะ แต่ที่นี่ไม่ใช่ มันเป็นคล้ายๆ วุ้นสีขาว อร่อยมากกกกก เกือบทุกรสเลย ที่เราชอบมากๆ ก็คือรสธรรมชาติ รสโกโก้ (มะพร้าวนะ ไม่ใช่ช็อคโกแลต) รสกล้วย (อันนี้อร่อยมากกกกก) รสผลไม้รวม นอกจากโยเกิร์ตแล้ว บางทีก็กินพุดดิ้งช็อคโกแลต ก็อร่อยอีกแหละ แต่ไม่ค่อยได้กินบ่อย เนื่องจากรู้ว่ามันเต็มไปด้วยไขมัน
ตอนนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว ที่นี่เค้าก็มีอาหารเช้าแบบพิเศษ ที่เป็นอาหารเช้าของฤดูหนาว จะกินกันเฉพาะเช้าวันอาทิตย์เท่านั้น เป็นแป้งทอด คล้ายๆ ปาท่องโก๋เมืองไทยเหมือนกันนะ แต่อร่อยกว่า จิ้มกับช็อกโกแลตร้อน เป็นช็อกโกแลตแท่งที่เอาไปละลาย อร่อยมากกกกกกกกกกกก อยากให้มีวันอาทิตย์ซักสองสามครั้งต่อสัปดาห์

โอเค อาหารก็พอก่อน ทีนี้มาเรื่องบุหรี่ดีกว่า อย่างที่เราเคยเล่าให้ฟังแหละ ว่าที่นี่เค้าสูบบุหรี่กันจัดมากๆ โฮสต์มัมเราก็สูบ แต่โฮสต์แดดไม่สูบ ตอนแรกๆ ที่แพ้ควันบุหรี่จนเจ็บคอ ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว คาดว่าปอดคงมีสภาพไม่ต่างจากคนสูบบุหรี่เท่าไหร่ ที่โรงเรียนก็สูบกันนะ คือไม่รู้ว่ากฎโรงเรียนเค้าห้ามรึเปล่า (ไว้ค่อยพูดถึงเรื่องโรงเรียนอีกที) แต่นักเรียนประมาณ 90 % สูบบุหรี่ ครูก็พอกัน สูบเกือบทุกคน แล้วผู้หญิงก็สูบเยอะกว่าผู้ชายด้วย ก้นบุหรี่ในโรงเรียน แทบจะเยอะกว่าทรายที่อยู่บนพื้นแล้วมั้งนั่น ถ้าให้หาก้นบุหรี่ให้ครบร้อยอัน คงหาได้ครบภายในสิบนาทีโดยที่ไม่ต้องเดินไปเกินกว่าห้าเมตร นอกจากบุหรี่แล้ว ก็มีซิการ์ ซึ่งเป็นอะไรที่กลิ่นเลวร้ายกว่าบุหรี่มากๆ เราทนกลิ่นซิการ์ไม่ได้ มันเหม็นมากๆ แล้วโฮสต์แดดเราที่ไม่สูบบุหรี่ ก็สูบซิการ์ แต่จะสูบเฉพาะวันอาทิตย์ เวลาไปกินข้าวกะเพื่อนเท่านั้น ปกติก็จะไม่สูบ ก็ดีไป

นอกจากบุหรี่และซิการ์แล้ว ก็มีกัญชา ซึ่งเป็นอะไรที่ธรรมดามากๆ ที่นี่ ถึงแม้จะผิดกฎหมายก็เหอะ แต่ก็หาคนสูบกัญชาได้ไม่ยาก แล้วไม่ใช่เฉพาะเด็กเลวๆ เท่านั้นที่สูบกัญชา เด็กเรียนเยอะแยะก็สูบกัญชาเป็นครั้งคราว เราว่ากลิ่นกัญชาก็หอมดีนะ ดีกว่ากลิ่นบุหรี่และกลิ่นซิการ์เยอะ



Create Date : 26 มกราคม 2548
Last Update : 26 มกราคม 2548 0:28:16 น. 5 comments
Counter : 398 Pageviews.

 
เยี่ยมมาก เราได้อ่านเรื่องของคุณมันน่าสนใจมากเลยทำให้เราได้เหมือนเห็นภาพเลยแหละ น่าสนุกดีวันหลังมาเล่าให้ฟังใหม่นะ รอนะ


โดย: ตะวัน มา แว้ว IP: 58.147.22.205 วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:16:13:46 น.  

 
ชอบมากเลยไว้มาเล่าให้เราฝักอีกนะ mink-madridista.com


โดย: มิ้ง IP: 125.25.113.25 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:32:49 น.  

 
หนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
เราอยากไปเปรูอ่ะ ๆ

อยากมากกกกกกกกกกกกก โคตรๆเลยแหละ
แต่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้ไปป่าว เศร้ามากมายยยย


โดย: Chinita IP: 222.123.199.193 วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:21:12:12 น.  

 

ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นประโยชน์มากๆเลย
ตอนนี้เราเรียนอยู่ที่รัฐเท๊กซัส อเมริกา
ที่โรงเรียนมีแต่คนเม๊กซิกัน สเปนทั้งนั้น
บางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจพวกเค้าเท่าไหร่ ตอนนี้ได้เรียนรู้อะไรดีๆเยอะเลยค่ะ ^^


โดย: จินนี่ IP: 68.94.40.27 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:31:11 น.  

 
one day i will go there, i will try my best.


โดย: virgin IP: 202.12.74.7 วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:11:22:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Arms of Venus
Location :
Picassent, Valencia Spain

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Arms of Venus's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.