ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงฝัน

!!!!! โรคติดต่อร้ายแรงมาก โปรดระวัง

โ ร ค ท รั พ ย์ จ า ง (Moneyphilia)

โรคทรัพย์จาง มีศัพท์ทางวิชาการว่า MONEYHPILIA
เป็นคำสมาสระหว่างคำว่า MONEY
และ PHILIA มีลักษณะคล้ายกับโรค
HEMOPHILIA ซึ่งโรค HEMOPHILIA
ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด
และโรคชนิดนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรม
แต่ MONEYPHILIA เป็นโรคที่เงินไหลออกจากกระเป๋าไม่หยุด
จนเกิดทรัพย์จางได้

โรคนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรมเช่นกัน
แต่ติดต่อกันเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
ซึ่งไม่สามารถจัดสรรรายได้ให้ได้สัดส่วนกับรายจ่าย
ว่ากันง่าย ๆ ก็คือรายจ่ายมากกว่ารายได้นั่นเอง
ในทุกวันนี้โรคดังกล่าวได้เริ่มระบาดในหมู่คนไทยที่มีรายได้น้อย
ถึงรายได้ปานกลางมาสองสามปีแล้ว
ทำให้ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต
ตลอดจนบั่นทอนความเจริญก้าวหน้า
ในหน้าที่การงาน บั่นทอนสุขภาพ
บั่นทอนชีวิตครอบครัวและสังคมโดยรวม
ดังนั้น เราจึงควรศึกษารายละเอียดของโรคนี้
เพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแต่เนิน ๆ

ระยะฟักตัวของโรค (INCUBATION PERIOD)
เชื้อจะเริ่มฟักตัวประมาณวันที่ 15 ของเดือน แต่ก็ไม่แน่ทุกคนไป
เพราะบางคนเชื้ออาจจะเริ่มฟักตัวได้ตั้งแต่วันที่ 5 ของเดือนก็มี
และบางรายอาการรุนแรงจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนทีเดียว
อาการจะปรากฏเร็วหรือช้า รุนแรงหรือไม่รุนแรง
ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ และชนิดรายได้ของแต่ละบุคคล
ซึ่งแบ่งตามพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ป่วย
อีกทั้งขึ้นอยู่กับลักษณะของโรคแทรกซ้อนที่มือด้วย
ว่าเป็นโรคมือเติบหรือไม่
หากเป็นโรคมือเติบด้วย จะยิ่งทำให้การรักษา
หรือป้องกันเป็นไปได้ยาก และระยะฟักตัวของโรคก็จะรวดเร็ว
อีกทั้งอาการก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

อาการ (SYMPTOM)
ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหม่อลอย
ไม่สบตาผู้อื่นโดยเฉพาะเจ้าหนี้
เหงื่อซึมออกตลอดเวลา หงุดหงิด
สูญเสียความเชื่อมั่น ไร้สมาธิในการทำงาน
เบื่ออาหาร หิวแต่ทานไม่ลง เพราะอาหารน้อย
คุณภาพต่ำ เนื่องจากด้อยกำลังซื้อ รสชาติไม่ถูกปาก
ผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงถึงกับทำอัตวินิบาตกรรม
บางรายมีอาการผวาเมื่อถูกเรียกชื่อ
พวกที่มีอาการรุนแรงบางจำพวก
จะทำการประชดชีวิตโดยการเดินมาทำงาน
แทนการโดยสารรถประจำทาง หรือแท๊กซี่
หรือพยายามขึ้นรถโดยสารที่มีคนแน่นมาก ๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกระเป๋ารถเมล์
หรือเพื่อที่จะได้หลบหลีกระหว่างบันไดหน้ากับบันไดหลัง
สลับไปมาได้รวดเร็วและทันท่วงที
อีกทั้งเพื่อพยายามให้ได้รับอากาศที่ปลอดโปร่ง
จะได้กินลมเพื่อลดอาการหน้ามืด

การป้องกัน (PROTECTION)
ไม่ควรนำเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด
มิฉะนั้นจะได้รับอันตรายจากผู้ป่วยได้
ไม่ควรนำของมีค่าเข้าใกล้ในระยะสายตาและมือเอื้อมถึง

การรักษา (TREATMENT)
ยังไม่มียาชนิดใดที่จะบำบัดโรคนี้ได้โดยตรงในปัจจุบัน
แต่สามารถรักษาได้ตามอาการที่ปรากฏ
เช่น ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ (เป็นกันโดยมาก)
ก็ควรใช้ยาลดไข้ 1-2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง
ได้แก่ยา PARACETAMAL ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ
ถ้าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ
ควรใช้ยาคลายประสาท ตามที่แพทย์แนะนำ ห้ามใช้เกินขนาด
เพราะจะเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ (ห้ามใช้ STRICNIN โดยเด็ดขาด)
ควรให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย พักผ่อน ในที่ลับตาคน
อย่าพาผู้ป่วยออกนอกบ้าน เพราะอาจเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ได้
การกระทำเช่นนี้นอกจากจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว
กลับจะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อย ๆ อาการดูน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
แต่อาการของผู้ป่วยจะกระเตื้อง
ตื่นเต้นได้อีกครั้งก็ถึงตอนปลายเดือนนั้น ๆ
แต่บางรายก็ไม่ดีขึ้น กลับทรุดหนักลงไปอีก
เนื่องจากการอักเสบของดอกเบี้ย
ไม่ควรนำผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชน
เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการช็อคได้
เมื่อเห็นใบแจ้งหนี้ ทางที่ดีควรนำไปรักษายังสถานธนานุเคราะห์,
สถานธนานุบาล โดยให้ผู้ป่วยนำของที่มีค่าติดตัวไปด้วย
ซึ่งเป็นการรักษาอย่างปัจจุบันทันด่วน
และตรงตามอาการของโรคมากที่สุด โดยหมอหลงจู๊
จะให้ผู้ป่วยบอกประวัติ โดยซักอาการอย่างละเอียด
เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ของที่หยิบฉวยของผู้อื่นมาโดยเจ้าของไม่ยินยอม
ต่อจากนั้นก็จะทำการตรวจรักษา ตีค่า ต่อรอง และเขียนใบสั่งยา
โดยต้องมีการยืนยันด้วยบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ป่วย
แล้วหมอหลงจู๊จะให้วัคซีน
โดยนำนิ้วหัวแม่มือของผู้ป่วยแปะลงบนวัคซีนสีดำ
และกดลงบนใบสั่งยาให้ปรากฏรอยเป็นที่แน่ชัด
และสามารถยืนยันเป็นหลักฐานได้
จากนั้นผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นทันตาเห็น
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นอาการจะดีขึ้นได้กี่วัน
ขึ้นอยู่กันของมีค่าที่นำติดตัวไป
โรคนี้จะสามารถรักษาให้หายขาดและไม่เกิดกับผู้ป่วยได้อีก
ถ้าสามารถจัดสรรรายได้ในแต่ละเดือนให้เพียงพอ ควบคุมรายจ่าย
ควรให้มีรายจ่ายต่อรายได้อย่างน้อยในอัตรา 1:1
แต่ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
แต่เป็นทางเดียวที่จะรักษาให้หายขาดได้
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน จึงต้องรักษาตามอาการข้างต้น
และอาจจะใช้ยาแผนโบราณจำพวกวงแชร์ เท้าแชร์ รักษาร่วมก็ได้
แต่ต้องระวังผลข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้นได้ เช่น
ลูกแชร์เบี้ยว เท้าแชร์หาย โรคมือเติบ
จนทำให้ไม่สามารถรักษาสัดส่วน
รายได้ต่อรายจ่ายที่ 1:1 ได้ จะส่งผลในทางลบมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าหากใช้ได้ถูกต้อง เช่น
เป็นเท้าแชร์เอง ก็ต้องตามลูกแชร์ให้ได้ครบ
ถ้าเป็นลูกแชร์ก็ต้องตามเท้าแชร์ให้ได้ทุกงวด
และพยายามอย่าให้ถูกหมดนวดจับ จนติดโรคมือเติบ เป็นต้น

ตอนนี้เราก็เป็นโรคนี้อยู่ รักษาไม่หายด้วยจิ


Create Date : 27 สิงหาคม 2550
Last Update : 27 สิงหาคม 2550 11:04:50 น. 6 comments
Counter : 1326 Pageviews.  

 
โปรดทราบ.....คุณต้องได้รับการรักษาเป็นการด่วนมิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายได้.....จากคนที่เคยเป็น...


โดย: นก IP: 77.177.166.158 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:16:32:36 น.  

 
แหะ..แหะ...

มันระบาดไปทั่วแล้วรึนี่....

(เคยเป็น....และยังเป็นอยู่)


โดย: ใจเย็นที่สุดในบ้าน IP: 61.90.221.250 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:7:55:15 น.  

 
น่ากลัวมาก.....โรคนี้


โดย: Inc. วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:0:28:17 น.  

 
ม่ยเหนเคยเปงเร๊ย

ร้ายแรงม๊กขนาดนั้นเร๊ยหร๊าค๊ ๆ


โดย: ปริม IP: 182.52.19.119 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:25:39 น.  

 
ไม่เห็นจะมี15ชนิดเลย


โดย: ซัน IP: 117.47.84.192 วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:17:30:13 น.  

 
ขอบคุณที่บอกนะจ้า



โดย: น้องมุกกี้ IP: 125.24.222.161 วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:11:43:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*BoM*
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add *BoM*'s blog to your web]