ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงฝัน

+++ เอาเรื่อง ผี ผี มาฝากกัน (ได้อะไรดี ๆ เหมือนกันน้า) +++

คือเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พศ. 2542

ผมได้เดินทางไปงานเผาศพของคุณอาที่จังหวัดพิจิตรโดยรถทัวร์เพียงคนเดียว
ในตอนเช้าและถึงที่นั้นในตอนบ่ายเมื่อเสร็จธุระงานศพของอาแล้ว
พี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมได้ชวนผมไปเที่ยวที่ไร่ซึ่งติดกับน้ำตก
โดยพี่ผมได้บรรยายความงามพร้อมกับบอกว่าอยู่ใกล้ๆ ผมจึงตกลงไป

ในขณะตอนนั้นได้เป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้วการเดินทางนั้นก็เดินทางโดยรถมอเตอร์ไซด์
ขณะเดินทางเมื่อผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงตัวเมืองพิษณุโลกผมถึงรู้ตัวว่ามันไกล
ผมจึงขอพี่โทรกลับมาบอก คุณแม่ของผมที่กรุงเทพฯ
ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแถวๆนั้น และทันใดนั้นความรู้สึกก็แว๊บเข้ามาในใจว่า
ผมอยากจะซื้อขนมติดกระเป๋าเป้ไปให้เยอะที่สุด

เมื่อผมซื้อขนมเสร็จเดินออกมาผมก็เห็นเด็กคนหนึ่งเนื้อตัวม่อมแมม
ยืนเกาะกระจกมองดูขนมในร้านดูท่าเขาอยากจะทานมากแต่ไม่มีเงินผม
จึงส่งขนมในเป้ให้เขาไป 1 ห่อ เขาดีใจมากและยกมือไหว้ผมแล้ววิ่งกลับไป

จากนั้นผมก็เดินทางต่อ เอาละครับเรื่องจะเริ่มเกิด ตอนประมาณ 17.00 น.
เนี้ยละครับ เกิดยางรถแตกครั้งที่หนึ่ง ผมกับพี่ก็เข็นรถไปเจอร้านปะยางที่กำลังจะปิดก็เป็นอันว่าไปได้ต่อ
ครั้งที่ 2 ประมาณ 17.50 น.ครั้งนี้ไม่รู้จะทำยังไงมันเป็นทางยาวไม่เห็นมีร้านมีแต่บ้านคน
ผมก็เจอเด็กนั่งเล่นอยู่ 2 คนผมจึงถามเขาว่าแถวนี้มีร้านปะยางรึป่าว
เด็กเขาบอกว่าปิดหมดแล้วก็น่าจะอย่างนั้นนะครับมันมืดสลัวแล้ว
แต่เด็กเขาบอกว่าจะพาไที่บ้านพ่อเขาปะยางได้แล้วครั้งนี้ก็ได้พ่อของเด็กทั้ง 2 คนช่วยไว้จึงไปได้ต่อ
และผมก็ให้ขนมในเป้แก่เด็กอีกคนละห่อ

แต่ๆ!!! ไม่แค่นั้นพอขับกันไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงยางเกิดแตกอีก
แต่ครั้งเนี้ยมันมืดหมดแล้วแล้วที่ที่ผมจะไปคือ
"ดงห้วยปลาสร้อย จ.พิษณุโลก ซึ่งลึกเข้าไปในป่า"
ต้องขับรถขึ้นภูเขา
(เพิ่งจะรู้เมื่อเข็นรถเนี้ย พี่ผมบ่นถึงรู้)
พอเข็นมาได้ประมาณหนึ่งทุ่มผมก็เจอ คน 3 คน
ยืนอยู่ซึ่งมีพ่อแม่และลูกเขาถามผมว่ารถเสียเหรอเดี๋ยวเขาพาไปหาคนที่ซ่อมได้เอาไหม
ในใจผมตอนนั้นรู้สึกดีใจมากกว่าที่จะคิดกลัวว่าทำไมคนมายืนตรงทางสามแพ่งมืด ๆ
โดยไม่มีไฟเลย

แล้วผู้ชายคนที่เป็นพ่อนั้นเขาก็ชี้ทางบอกให้ไปก่อนจะขอไปส่งลูกกับเมียที่บ้านก่อน
แล้วจะขี่จักรยานตามไป ผมก็อีกนั้นแหละหยิบขนมในเป้ให้ลูกเขาคนที่ชี้ทางไปอีกแล้วผมจึงค่อยเข็นรถไป
ตามทางที่เขาบอกแต่มันก็มืดมากเพราะไม่มีไฟข้างถนนเลยแถมฝนยังทำท่าจะตกอีก

แต่พอถึงเชิงสะพานเล็กๆเหมือนมีลมแรงมากมากระแทกผมกับพี่ถึงกับจับรถไม่อยู่
รถก็คว่ำลงตรงนั้นแล้วชายคนที่บอกทางเขาขี่จักรยานออกมาจากความมืดแล้ว
เขาก็บอกว่าบ้านที่จะช่วยเราอยู่ริมถนนข้างหลังเรานั้นแหละ

พี่ผมจึงติดเครื่องรถเพื่อจะใช้ไฟส่องเข้าไปเพื่อดูทาง
"และสิ่งที่ผมเห็น ! คือผมเห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งตรงทางเข้าเป็นต้นตะเคียนสองต้นขนาบทางเข้าอยู่
โดยการจะเข้าบ้านหลังนี้ได้ต้องรอดต้นตะเคียนที่มีผ้าหลากสีพันรอบต้นอยู่

แต่ผมกับพี่ก็เข้าไปสิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือคนในบ้านนั้นมีลักษณะที่ไม่เหมือนกับคนทั่วๆ ไป
คือมีใบหน้าขาวซีดขอบตาแดงและใบหูแหลม(คนทั้งบ้านเลยครับ)
ในบ้านหลังนี้ประกอบด้วย ลุง-ป้า ลูกชายและหลานอีก 2 คน

ซึ่งคุณลุงในบ้านนี้ได้ช่วยปะยางให้(แต่ที่หน้าสังเกตคือลุงเขาปะยางได้โดยไม่ ต้องส่องไฟ)
เมื่อเสร็จแล้วลุงเขาเรียกเงินเพียง 19 บาท ซึ่งถูกมากในความคิดของผมนะครับ
ก่อนจะจากไปผมก็ได้หยิบขนมในเป้ให้กับหลานของลุงเค้าอีกคนละห่อและขอบคุณลุง
และคนในบ้านแต่ก่อนจากป้าเค้าบอกหวยผมมา 2 ตัวบอกว่าเล่นเถอะถูกแน่
แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรและก็จากมา

ขณะเดินทางผมก็คิดในใจถึงว่าขอให้ผมกับพี่เดินทางไปถึงโดยปลอดภัยด้วยเถอะ
และสิ่งที่ผมเห็นตลอดทางคือมีสุนัขตัวหนึ่งมีขนาดใหญ่มากตาสีแดงเป็นประกายโผล
ออกมาจากหลังต้นไม้ตลอดเส้นทาง 10 กิโล
จนทำให้พี่ผมต้องขับรถอยู่กลางเส้นทางตลอดและแล้วก็ถึงยังบ้านพักที่ไร่

แต่เรื่องมันยังไม่จบครับ!
เรื่องทั้งหมดเริ่มมาเฉลยเมื่อเวลาตอนสายของวันรุ่งขึ้นเนื่องจากมีฝนตกหนัก
และน้ำป่าหลากทำให้ถนนขาดผมต้องเดินเท้าออกมาเกือบ 10

กิโลต้องข้ามเหวซึ่งก่อนหน้ามีสะพานแต่ถูกน้ำป่าพัดขาดไปแต่ยังโชคดีผมกับพี่เ
จอชาวบ้านที่รู้จักกันกลางทางจึงขออาศัยรถกลับออกมาได้

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจคือสิ่งลุงคนนี้บอกเมื่อผมเล่าเรื่องว่าผมมาถึงที่นี้ได้ยังไงคือ

1.ที่หน้าร้านเซเว่นที่ตัวเมืองพิษณุโลกมีเด็กถูกรถชนตายเมื่ออาทิตย์ก่อน
เรื่องนี้พี่ผมรู้แต่ผมไม่ได้บอกพี่ผมเมื่อตอนแรก

2.ขากลับบ้านที่ซ่อมรถให้เมื่อคืนเนี้ยมีแต่ต้นตะเคียนคู่กับศาลขนาดใหญ่เท่านั้นไม่ได้มีบ้านคน!
(อันเนี้ยทำให้ขนลุกเลยครับ)

3.แล้วตรงทางแยกที่ผมเจอครอบครัวคนที่บอกทางนะครับเมื่อกลางปีมีครอบครัวหนึ่ง
มีพ่อแม่ลูกรถคว่ำตายตรงนั้น!!!

4.ตลอดทางนะครับข้างทางโดนน้ำป่าไหลตัดตลอดข้างทางแล้วสุนัขโผล่ออกมาได้ไง!

5.แล้วสะพานมันขาดตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้วขับรถข้ามไปได้ไง
ลุงคนที่ผมขออาศัยมาถามนะครับ

6.สิ่งที่ผมรู้สึกว่าพี่ผมพึ่งไม่ได้คือเขาบอกว่าเขารู้ตั้งแต่ยางแตกครั้งที่ 2
แล้วว่าเจอผีเด็กที่ไหนมานั่งเล่นริมถนนใหญ่ที่รถวิ่งไปวิ่งมานะ
แล้วก็เจอตลอดทางเลยพี่ผมเขาจึงเงียบตลอดทางไม่พูดอะไรเอาแต่พยักหน้าแล้วก็ให้
้ผมพูดคุยซักถามอยู่คนเดียว(เพราะเขาคนพื้นที่เขารู้ดี)

ผมถึงว่าพี่เขาไม่อาบน้ำนอนคลุมโป้งเลยหน้าซีดแถมเช้ามาชวนกลับกันเลยทั้งทีเ
ขาเป็นคนที่ตั้งใจมาตั้งแต่แรกนะทั้งหมดที่ผมเจอมานี้ถ้าผมรู้ตั้งแต่แรกผมก็คงกลัว
และตลอดทางที่รถยางแตกบ่อยโดยไม่มีสาเหตุคงเป็นเพราะพวกเค้า
(ดวงวิญญาณทั้งหลาย)ไม่อยากให้ไปเพราะน้ำป่าหลากมันอันตราย
และตลอดทางก็คอยคุ้มครองช่วยเหลืออยู่เพราะน้ำใจที่ผมมีให้ตั้งแต่ต้นทาง
และสิ่งที่ผมเห็นในศาลต้นตะเคียนที่ผ่านมาระหว่างทางกลับออกมา
และจอดรถไหว้กันคือมีขนมห่อที่ผมให้นั้นวางอยู่ในศาลหลังใหญ่นั้น

สุดท้าย : สิ่งที่ทำให้ผมมีความรู้สึกปลื้มใจมากกว่าความกลัวนั้น
คือผมมั่นใจว่าความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ก็ส่งผลให้ผมกับพี่รอดพ้นอันตราย
ต่างๆได้ ผมสำนึกและก็ขอขอบคุณท่านเหล่านั้นที่ได้ช่วยผมกับพี่ไว้ตลอดไป

เรื่องนี้อาจจะยาวไปหน่อยนะครับแต่ก็เป็นเรื่องที่ผมประสบมาแบบได้พูดคุยกันเลย
แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่ผมพบจะว่าผมมี สัมผัสที่ 6 ก็ว่าได้แล้ว

จากคุณ : ooO JoEy Ooo - [21 พ.ย. 44 16:52:18]



Create Date : 21 กันยายน 2550
Last Update : 21 กันยายน 2550 9:11:39 น. 3 comments
Counter : 333 Pageviews.  

 


โดย: stang02927 IP: 124.121.74.64 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:13:08:25 น.  

 
มันช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้


โดย: stang02927 IP: 124.121.74.64 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:13:10:22 น.  

 
อนุโมทนากับบุญที่ได้ทำให้กับวิญญาณที่ได้พบระหว่างทางด้วยค่ะ คุณคงจะมีบุญมาก เขาถึงได้คอยช่วยเหลือ


โดย: ณัฏฐา วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:13:48:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*BoM*
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add *BoM*'s blog to your web]