Group Blog
 
All blogs
 

ไปเที่ยว Musuem Siam มิวเซียมสยาม กันดีกว่า

พิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวว่าเราคือใครและความเป็นมาของไทย
ที่จะพาเราย้อนอดีตไปเป็นพันๆ ปีซึ่งเราสามารถค้นหาคำตอบ
ว่าเราเป็นใคร ค้นหาความเป็นไทย บอกเล่าเรื่องราวผ่านสื่อที่ทันสมัย

ตอนแรกที่ได้เข้าไปดูลิ้งค์ใน Blog หนึ่ง ที่ ส่งมาให้ดู
อ่านแล้วอืม..น่าสนใจมาก พิพิธภัณฑ์ที่ไม่ใช่แนวพิพิธภัณฑ์แบบที่เรารู้จัก
พิพิธภัณฑ์ที่ให้โอกาสเราได้สัมผัส กับสิ่งต่างๆ...ที่สำคัญ ไม่ห้ามถ่ายรูป
เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน อยู่แถวๆ ท่าเตียน
ต้องไปซะหน่อยแล้ว...

เมื่อวันเสาร์ที่แล้วไปทำธุระแถวๆ ท่าพระจันทร์(อีกแล้ว)
เลยเป็นโอกาสดีที่จะไปเยี่ยมชม ให้รู้ว่ามันน่าสนใจจริงๆ อย่างที่เขาว่าไหม
ประมาณว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าได้ไปสัมผัสเอง"
จากท่าพระจันทร์เดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ ผ่านท่าช้าง จนถึงท่าเตียน
สังเกตด้านซ้ายมือจะผ่านวัดโพธิ์ โรงเรียนตั้งตรงจิตร์ และเดินต่อมาอีกนิด



เห็นรั้วและป้ายของ Musuem Siam และอาคารสีเหลืองๆ คลาสสิค
เลี้ยวซ้ายเพื่อเดินมาเข้าประตูด้านข้าง



เข้าประตูมาด้านขวา(หลังพิพิธภัณฑ์)จะเป็นร้านกาแฟแบล็คแคนยอน
มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารไว้คอยบริการ




ด้านบนจะเป็นระเบียงมีโต๊ะไว้นั่งพัก หากจะเข้าชมต้องเดินมาด้านหน้า
จะมีพนักงานคอยต้อนรับ และแจกเอกสารพิภัณฑ์และแนะนำการเข้าชม
ในช่วงที่เปิดช่วงแรกนี้จะเปิดให้เข้าชมฟรี



สนามด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ก็มีเขาเรียกว่าอะไร ประติมากรรม? เรียกไม่ถูก
แต่ก็ดูเก๋ไก๋ มีคนไปถ่ายรูปกันเยอะมาก Background เป็นตึกเหลืองๆ คงสวยดี



พอเจ้าหน้าที่แนะนำเสร็จก็จะให้เราเข้าไปชมห้องที่อยู่ด้านหลังเค้าท์เตอร์
บอกว่าให้ชม 2 นาที ก็เหมือนเป็นประวัติการสร้าง โครงสร้าง
แล้วเจ้าหน้าที่ก็มาเรียก(ให้ตายสิ 2 นาทีจริงๆ) สรุปแล้วได้แต่ถ่ายรูป
ไม่ได้อ่านอะไรเลย -_-" เพราะถึงรอบภาพยนตร์ฉายพอดี

จากนั้นก็พามาที่ห้องฉาย(ขอเรียกแบบนี้ละกัน)
เป็นห้องเบิกโรง ที่จะเกริ่นนำ เรื่องราวทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์นี้ ในห้องจะมีที่นั่ง
ด้านหน้าจะมีจอหนัง(ที่ไม่ค่อยจะเหมือนจอหนังเท่าไรอยู่ด้านหน้า)
เจ้าหน้าที่จะมาเกริ่นนำเล็กน้อย แล้วก็ปิดห้องปิดไฟ แล้วเริ่มฉายภาพยนตร์สั้น
จะมีตัวละครทั้งหมด 7 ตัวที่จะเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราว (ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่)
แต่ว่าชอบการถ่ายทำ ดูสวยดีเหมือนหนังสมัยเก่า
ว่ากันว่านิทรรศการถูกออกแบบโดยทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ Load of The Ring



ตัวละครทั้ง 7 ตัวจะมีรายละเอียดอีกครั้งภายในห้องนิทรรศการ
ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครนั้น
วันนั้นไปห้าโมงเย็นแล้ว พิพิธภัณฑ์จะปิดเลยรีบๆ ไม่ค่อยได้ดูอะไรเลย
ห้องแรกที่เข้าไป ก็จะเป็นห้องไทยแท้ มีแม่ค้าส้มตำ แท็กซี่ ฯลฯ
(ไว้ไปอีกรอบจะเอารูปมาลง ถ่ายมาด้วยละ แต่รีบๆ เลยไม่สวย)



จากนั้นก็จะให้เราขึ้นไปชมต่อที่ชั้น 3 ก่อน
บันไดเป็นบันไดวน คลาสิค จริงๆ ตรงกลางจะห้อยเจ้าตัวสีแดงๆ แบบนี้
เป็นสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์



เดินผ่านชั้นสองขึ้นไป เพื่อตรงไปชั้นสาม
สัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์ เป็นรูปคนเปลือยไม่ระบุเพศและเผ่าพันธุ์
ยืนกางแขน กางขา ทำท่าเป็นกบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของน้ำฝน



เข้าสู่ห้องสุวรรณภูมิ เพื่อรู้จัก “สุวรรณภูมิ” ดินแดนแห่งทอง



การขุดค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์
ตรงนี้ก็จะเป็นคำถาม เรากดเลือกคำถามใดผู้เชียวชาญที่ขุดค้นพบ
มีหูฟังให้ใส่ แล้วยืนฟังเขาตอบเรา อิอิ



ห้องนี้จุดเด่นคงเป็นที่โครงกระดูก
เมื่อกดเพื่อเล่น ก็จะเป็นวีดีโอบอกเล่าเรื่องราว ความเชื่อเรื่องผี-พราหมณ์-พุทธ
ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่า สุวรรณภูมิ คือ เงา ของเรา



ห้องสยามประเทศ



ห้องสยามยุทธ์
การสงคราม สู้รบ ภูมิปัญญาของคนไทย มีเกมยิงข้าศึกด้วยปืนใหญ่ให้เล่น



ห้องพุทธิปัญญา
เย ธมฺมา คาถาแห่งยุคสุวรรณภูมิ ความใจกว้างและสันติ
ห้องนี้มีนิทานให้อ่านอยู่ตามเสา เรื่องนี้เห็นทีแรก อ่านเป็นนิทานตุ๊กแก เฉยเลย



วันนี้ไปเย็นไปหน่อย ดูไม่เท่าไหร่ก็ปิดแล้ว ไม่ทันได้ดูที่ชั้นสอง
ต้องหาเวลาไปใหม่ อย่างน้อยๆ คงต้องใช้เวลาเป็นครึ่งวันหรือเต็มวัน
วันนี้ไม่ได้อ่านความรู้เท่าไหร่ เดินผ่านๆ เหมือนกับมาสำรวจ -_-"

บันได้ในส่วนด้านหน้า แต่ประตูหน้าจะปิดไว้ให้เข้าเฉพาะด้านข้าง



ประตูด้านข้าง



ด้านหน้าของตึก ซึ่งตึกนี้เคยเป็นตึกของกระทรวงพาณิชย์
พื้นที่เดิมมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ธนบุรี
และเคยเป็นวังเก่าของเจ้านาย ในสมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 6
ก่อนที่จะมีการสร้างกระทรวงพาณิชย์ในสมัยรัชกาลที่ 6
ซึ่งผู้ออกแบบเป็นชาวต่างชาติ อาคารเป็นแบบสถาปัตยกรรมยุโรป
ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีตรงซุ้มประตูตรงกลางจะมีหน้าผู้หญิงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง



ประตูด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์
ด้านหน้าจะติดถนนสนามไชย อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนราชบพิธ



วันนี้ยังดูอะไรไม่ครบ ไว้ครั้งหน้าไปอีกจะเอารูปมาลงเพิ่ม
มีอะไรน่าสนใจมากมาย ตัวนิทรรศการก็ทันสมัย
นำเอาเทคนิคต่างๆ มาผสมกันได้อย่างลงตัว ดูแล้วถูกใจคนรุ่นใหม่
ซึ่งเข้ากับยุคสมัยมากที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
คำว่า ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสีย คงไม่ค่อยได้ใช้ในพิพิธภัณฑ์นี้



การเดินทางไปมิวเซียมสยาม

ถ้ามารถส่วนตัว ที่พิพิธภัณฑ์มีที่จอดรถ แต่มีพื้นที่จำกัดมาก
ทางพิพิธภัณฑ์แนะนำให้จอดไว้ที่สนามหลวง แล้วต่อรถรางชมเมือง
หรือรถสายที่วิ่งผ่านเช่นสาย 47 มา

ถ้าไปทางเรือก็ลงที่ท่าเตียน เดินออกจากท่าเรือมาแล้วเลี้ยวขวา
เดินไปเรื่อยๆ ประมาณ 200-300 เมตร มิวเซียมสยามจะอยู่ซ้ายมือ

ถ้าไปทางรถเมล์ รถเมล์สายที่ผ่านมิวเซียมสยาม คลิกที่นี่

เว็บไซต์มิวเซียมสยาม Musuem Siam

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:37:20 น.
Counter : 10218 Pageviews.  

เที่ยวเกาะใกล้กรุง เกาะเกร็ดนนทบุรี ตอนที่ 2

ออกจากบ้านโอ่ง ก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ
ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นขนมไทยๆ มีทั้งโบราณและไม่โบราณ
และที่เด่นที่สุดของเกาะเกร็ด ก็จะเป็นตุ๊กตาเครื่องปั้นดินเผา

ดูไปเรื่อยๆ ตามทางละกันนะคะ แต่ละร้านก็จะมีป้ายบอกสรรพคุณของร้านตัวเอง


อันแรกเลยขนมทองพับ ไม่ต้องส่งสัยเลยว่าขนมอะไร
มันก็คือขนมทองม้วนนั่นเอง แต่แทนที่จะม้วนเป็นกลมๆ ก็พับมันซะ
แค่นี้ก็ได้ขนมทองพับแล้ว



ตุ๊กตาแขวนห้องหลากหลายอารมณ์



น่ารักดี




บางตัวก็มีข้อความด้วย




ขนมหวาน ที่เป็นน้ำตาลปั้น จะสั่งเป็นรูปอะไรก็ได้(ถ้าคนขายสามารถ)
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปสัตว์ รูปการ์ตูนต่างๆ



เต่าเดินได้ (ใช้เชือกดึงด้านบน แล้วล้อข้างล่างจะหมุน)



นาฬิกาที่ทำจากกะลามะพร้าว



ชา กาแฟ โบราณ



หอยทอด



คนเยอะมากๆ แอบเดินออกมาดูท่าน้ำสักหน่อย
ร้านอาหารบ้านมอญ อยู่ริมน้ำ จะมีทางเข้าจากด้านที่เดิน บรรยากาศดี



บ่ายกว่าๆ ก็แวะทานข้าวสักหน่อยดีกว่า
เป็นร้านที่อยู่ข้างทางนั่นแหละ มีโต๊ะให้นั่งประมาณ 4-5 โต๊ะ
สั่งข้าวแช่ มีเครื่องเคียง 5 อย่าง แต่ทานเป็นอยู่ 2 อย่างเอง
มี หมูหยอง ผัดผักกาด หอมทอด พริกหยวกยัดไส้ชุบแป้งทอด อีกอย่างไม่รู้จัก



ไก่กอแระ รสชาดใช้ได้



ข้าวยำ ทานไม่หมดเนื่องจาก ผักมันเยอะ




หน้าตาข้าวยำ ตอนที่คลุกแล้ว



ทานอิ่มแล้ว ก็เดินเที่ยวต่อดีกว่า ไม่มีกิจกรรมอะไร นอกจากเดินดูของสองข้างทาง
ร้านขายเทียนหอม



ร้านเซรามิก เป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ มีให้เลือกว่าจะใส่กระเช้าด้วยไหม
น่ารักดี ซื้อมาด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ไว้จะเอามาลงให้ดู



ขนมถั่วแปบสด ทำกันเห็นๆ เลย



ทำเสร็จก็ไปคลุกมะพร้าว
คนขายบอกว่าแบบนี้ไม่มีที่อื่น แต่แบบนี้ตลาดนัดวันศุกร์ที่กรมประมงใน มก ก็มี
วันนี้(วันศุกร์) ก็ซื้อมาทาน คนซื้อเยอะต้องต่อคิวนาน ใครอยู่แถวม.เกษตร คงเคยทาน



ของที่มาถึงเกาะเกร็ดแล้วต้องลองทาน(เห็นเขาว่ากันอย่างนั้น)
ทอดมันหน่อกะลา



ร้านขาย Magnet และภาพที่ระลึกของเกาะเกร็ด



ตุ๊กตาดินเผา ชอบมาก ดูแล้วมันมีอารมณ์ความรู้สึก ราคาก็ไม่แพง



แบบที่เป็นน้ำพุก็มี



มีสะพานข้ามคลองเล็กๆ สังเกตว่าบ้านนี้ใช้เครื่องปั้นดินเผาเป็นกำแพง
บอกให้รู้เลยว่า บ้านฉันเนี่ยอยู่บนเกาะเกร็ด แหล่งเครื่องปั้นดินเผา



บนเกาะ มีวัดอยู่หลายวัดเหมือนกัน วันนี้มีไหว้พระ 9 วัด คนเลยมาก



พี่คนนี้นั่ง ปั้นๆ แกะๆ มังกรอยู่ งานละเอียดมาก



เดินมาตามทาง ก็จะมีเชิญชวนให้เข้าไปชม โรงงานเครื่องปั้นดินเผา
โรงงานเครื่องปั้นดินเผาป้าตุ่ม เกาะเกร็ด



สินค้าภายในร้าน



ฝีมือการทำเครื่องปั้นดินเผา ของคุณพลอยไพลิน



ปั้นเสร็จก็ตากไว้ก่อน รอเผา




นี่แหละอุปกรณ์ ที่ใช้ทำ โอ่งใส่น้ำและแป้นหมุน



ข้าวแกงทอด ไม่ได้ซื้อมาชิม ไม่รู้อร่อยหรือเปล่า แต่แปลกดี



เรือท่องเที่ยวรอบเกาะเกร็ด จะจอดรับที่ท่าน้ำของบางวัด



ร้านนี้เข้าไปนั่งรับประทานข้างในได้ ลืมไปแล้วว่าเป็นร้านขายอะไร



"ชีวิตที่พอเพียง ก็มีความสุขพอเพียง" ป้ายหน้าร้าน





โมบายเปลือกหอย แต่โมบายที่น่าสนใจเป็นตุ๊กตาปั้นมากกว่า
เป็นรูปหมู ถูกใจมาก แต่ไม่รู้จะซื้อไปแขวนที่ไหนดี (ถ่ายรูปมาแต่มันไม่ชัด)



บ้านนี้รับวาดภาพเหมือน พี่นายแบบสุดหล่อ




ผ่านวัดอีก 1 วัดเข้าไปไหว้พระ ปิดทอง แล้วก็เดินไปดูต้นยาง 200 ปี



จากนั้นฝนก็เริ่มตกลงมา ต้องนั่งพักที่ศาลาท่าน้ำของวัดอยู่สักพัก
ตรงนี้เหมือนจะสุดเส้นทางเดินชมของแล้ว แต่เราก็อยากจะเดินต่อไปให้รอบเกาะ
เดินต่อไปอีกก็เหมือนเดินเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว ไม่รู้ระยะทางอีกไกลแค่ไหน
แต่ก็ยังมุ่งมั่นจะเดินต่อไป จนเจอมอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกว่าอีก 4 กิโลถึงจะรอบเกาะ
เลยตัดสินใจนั่งมอเตอร์ไซค์ไปดีกว่า เพราะเดินกลับทางเดิมก็คนเยอะมากๆ
พี่มอเตอร์ไซค์มาส่งที่วัดวัดนึง แล้วบอกให้เดินต่อไป ค่ามอเตอร์ไซค์ 60 บาท
เดินมานิดนึงก็เจอป้ายนี้




บนเกาะจะมีป้ายบอกทางแบบนี้



บริเวณนี้จะเป็นหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา จะเห้นเตาเผาแบบนี้ตามข้างทาง



เดินมาตามทางเรื่อยๆ เพื่อไปขึ้นเรือข้ามฝั่งที่ท่าเรือเดิม
บ้านริมน้ำสวยดี




เริ่มมืดลงทุกทีทุกที ทั้งๆ ที่เพิ่ง 3 โมงกว่า




ยังไม่ทันเดินถึง ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก กลายเป็นคนติดเกาะไป





ดูท่าทางถ้ารอให้ฝนหาย คงได้กลับมืดแน่ๆ
เลยเดินกางร่ม มาที่วัดปรมัยยิกาวาส เพื่อขึ้นเรือกลับ จุดหมายคือวัดสนามเหนือที่เราข้ามมา



ตอนข้ามฝั่งฝนยังตกอยู่ แต่ก็ข้ามมาได้ด้วยความปลอดภัย



ข้ามมาแล้ว ลืมไปว่ายังไม่ได้ให้คนที่ไปด้วยชิมทอดมันหน่อกะลาเลย
สักหน่อยน่า ซื้อที่ท่าเรือวัดสนามเหนือร้านตอนที่แล้ว

แล้วก็ปิดท้ายด้วยภาพนี้ ทอดมันหน่อกะลา



ตอนขากลับก็มีรถสามล้อมารอรับที่วัด แล้วก็ไปขึ้นรถกลับที่เดิม
ส่วนใครที่จะเอารถยนต์ส่วนตัวไปก็สามารถเอาไปได้และไปจอดไว้ที่วัดสนามเหนือ
จะมีที่จอด แต่ถ้าคนเยอะๆ หน้าเทศกาล ก็จะหาที่จอดลำบากหน่อย

สรุปการเดินทางครั้งนี้
เคยถามพี่ที่อยู่ปากเกร็ดว่าเกาะเกร็ดมีอะไรน่าเที่ยว
ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีอะไรมาก ก็เดินเที่ยวดูของที่เขาขาย พวกเครื่องปั้นดินเผา
อืมก็จริงอย่างที่พี่เขาว่า เราได้ไหว้พระแล้วก็เดินเที่ยวดูอะไรที่แปลกไปจากเดิม
วิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะ และการทำเครื่องปั้นดินเผาที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ
ก็เป็นที่เที่ยวใกล้ ก.ท.ม. ที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลอีกที่นึง
ก็ถือว่าคุ้มสำหรับเราที่เดินทางมาแค่ใกล้ๆ ไม่ถึงชั่วโมงแล้วได้เดินเที่ยวแบบนี้


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:36:37 น.
Counter : 6501 Pageviews.  

เที่ยวเกาะใกล้กรุง เกาะเกร็ดนนทบุรี ตอนที่ 1


หลังจากต้องเลื่อนการเดินทางไปเกาะหมากออกไป
เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยทำให้สามวัน(17-19 พ.ค.) ที่ผ่านมาว่าง
และด้วยสภาพอากาศแบบนี้ ไปไหนไกลคงไม่สะดวก เลยลงตัวที่เกาะ..เกร็ด

อยู่ ก.ท.ม. มาหลายปีไม่เคยไปเที่ยวเกาะเกร็ดสักที ทั้งที่อยู่ไม่ไกล
เลยถือโอกาสนี้ ไปเที่ยวและทำบุญไหว้พระด้วย
ก่อนไปรู้แค่ว่า..ต้องขึ้นรถไปลงสุดสายที่ปากเกร็ด
แล้วหาวัดสนามเหนือให้เจอ เพื่อขึ้นเรือข้ามฟาก ไปยังเกาะเกร็ด

เริ่มการเดินทางด้วยรถเมล์ ไปลงสุดสายที่ตลาดปากเกร็ด(แอบหวั่นใจฟ้าครึ้มๆ)
ระหว่างนั่งรถ ก็สังเกตป้ายบอกทางเรื่อยๆ เห็นแว๊บๆ ป้ายบอกทางไปวัดสนามเหนือ
หลังจากนั้นกระเป๋ารถก็บอกให้ลง เพราะรถหมดระยะแค่นั้น
เดินย้อนกลับไปทางเดิมประมาณ 50 เมตรเป็นซอยข้างโลตัส
มีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างและรถสามล้อถีบ คอยรอรับอยู่ปากซอย
วัดสนามเหนืออยู่ไม่ไกล เข้าไปในซอยประมาณสัก 200 เมตรน่าจะได้
ถ้าจะไม่ใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างและสามล้อถีบ ก็เดินเข้าไปได้
(ถ้าแดดไม่ร้อนจนเกินไป)


วันนั้นเเดดร้อน และไหนๆ มาทั้งทีขึ้นสามล้อดีกว่า ได้บรรยากาศด้วย
ลืมนึกไปว่าน้ำหนักขนาดนี้สองคนก็ร้อยกว่ากิโล สงสารลุงคนถีบจริงๆ
แต่แกก็ปั่นแบบชิวๆ(หรือป่าวหว่า) แป๊บเดียวก็ถึงหน้าวัด ค่าโดยสาร 10 บาท



แกจอดให้ด้านหน้า เดินเข้าวัดเพื่อผ่านไปยังท่าเรือ



เริ่มมีของขายกันตั้งแต่ยังไม่ถึง



...



ถึงแล้วท่าเรือ



ที่ท่าเรือ ก็มีร้านทอดมันหน่อกะลา
ไม่ใช่แค่ทอดมันหน่อกะลา แต่ยังมีดอกไม้นานาพันธุ์ชุบแป้งทอด



วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เพราะเป็นวันวิสาขบูชา
เกาะเกร็ดมีล่องเรือไหว้พระ 9 วัดทำให้มีคนมากันมากมาย
เรือข้ามฝั่งโดยสารได้ครั้งละ 25 คน แต่ที่เห็นนั่นมัน...



ตรงนี้เป็นบริเวณโค้งน้ำพอดี



ก่อนลงเรือ ฝนเริ่มปรอยปรายลงมาเล็กน้อย



เรือนเก่าริมน้ำ ข้างๆ ท่าเรือ
นั่งไปกลัวไป น้ำเชี่ยวเล็กน้อยเรือเอียงไปข้างนึง แต่ก็ยังมีอารมณ์ถ่ายรูป :D



ไม่ถึงนาที ก็มาถึงอีกฝั่งจนได้ มองกลับไปเห็นวัดสนามเหนืออยู่ตรงข้าม
ทีแรกก็สงสัยว่า เขาไม่เก็บเงินค่าเรือหรือยังไง ขึ้นฟรีหรอ?
พอถึงเกาะถึงรู้ว่า จริงๆ แล้วเขาเก็บเงินฝั่งเดียวที่วัดปรมัยยิกาวาส



เดินเข้ามาจากท่าเรือก็เลี้ยวขวา เพื่อเข้ามาไหว้พระในวัด
มีเสียงดนตรีไทย ได้บรรยากาศมาก บรรเลงโดยเด็กๆ



ไหว้พระเสร็จก็เดินต่อ ไม่รู้หรอกว่าจะต้องไปทางไหน
แต่อาศัยดูป้ายบอกทาง และเดินไปตามที่มีคนเดินไปมากๆ
เห็นป้ายบอกทางช่องเล็กๆ ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ เลยเดินเข้าไปดู



มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นการแสดงเครื่องปั้นดินเผา
ดูแล้วเหมือนยังทำไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ มีพระรูปนึงเป็นผู้บรรยาย



มีเครื่องปั้นดินเผา จากชาวบ้านบนเกาะมาจัดแสดง



ลุงคนนี้ปั้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใครไปก็ต้องเจอแกนั่งปั้นไหอยู่แน่ๆ



ส่วนที่ฝีมือประณีต ก็จะแสดงไว้ในตู้



พญานาค



เขาเรียกว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว
แต่เป็นเครื่องปั้นดินเผาที่เอาไปอบต่อจนเป็นสีดำ



ของเก่าโบราณก็มี
ตอนที่ไปมีนักท่องเที่ยวมาเดินชมด้วย มีคนไทยพามา ดูท่าทางสนใจ
ดูแล้วส่วนนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาดู ทั้งๆ ที่วันนั้น มีคนมาเที่ยวเยอะมาก



ดูเครื่องปั้นดินเผาเสร็จก็ขึ้นไปด้านบน
เป็นพิพิธภัณฑ์ ร.5 วัดปรมัยยิกาวาส เป็นของเก่าๆ คนที่ชอบของเก่าคงชอบ



เครื่องพิมพ์ดีดเก่า



พระเครื่อง



ธนบัตร เหรียญ ทั้งเก่าและใหม่ เห็นมีแบงค์พันอยู่ตั้งหลายใบ



ตู้พระไตรปิฎก (หรือป่าวไม่รู้ เดาเอา)



ใบลาน เป็นภาษาที่อ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าภาษาอะไร
แต่ใบลานสมัยใหม่ เป็นภาษาไทยหมดแล้ว



พื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ ยังจัดเรียงได้ไม่ดี เนื่องจากคงมีพื้นที่จำกัด
ตู้เก่าๆ ดูขลัง



หัวกวางไม้



ใช้พื้นที่คุ้มมาก มีพื้นที่เดินไม่กว้าง



เรียกว่าอะไรจำไม่ได้อีกแล้ว T_T ยอด...



ของเก่าที่มาจากต่างประเทศ (เดาเอา)



จากนั้นก็เดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ เดินมาตามทางเรื่อยๆ
ข้างทางจะมีของขาย ทั้งของกิน และขนมโบราณ จนมาถึงตรงนี้
เห็นคนเดินจูงจักรยานแล้วนึกได้ ที่หน้าวัดมีเช่าจักรยานให้ปั่นรอบเกาะด้วย
40 บาทปั่นได้ทั้งวัน ถ้าเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 20 บาท
แต่ถ้าเข้าซอยนี้ไม่สะดวกแน่ เพราะขนาดเดินยังเดินได้อย่างช้าๆ



ไดโนเสาร์ T-REX
คนเชิดมีทำเสียงด้วยนะ ทีแรกนึกว่าเสียงออกมาจากหุ่นไม้ซะอีก



ตุ๊กตาคนอ้วน น่ารักดี เห็นแล้วสะท้อนใจ T_T



บ้านโอ่ง ขายเครื่องปั้นดินเผา มีบริเวณให้เดินเข้ามาชม
แต่ส่วนใหญ่ คนจะแวะเข้ามาถ่ายรูปกันมากกว่าที่จะเดินเข้ามาซื้อของ



นางผีเสื้อสมุทร ส่วนพระอภัยมณีเป่าปี่อยู่ตรงโน้นนน



ช้างน้อย ที่อดีตคงเคยน่ารัก น่าสงสารจริงๆ โดนหักงวง หักงา หักหู



จระเข้ เขี้ยวยาว



ปลาที่เกาะเกร็ด ปีนต้นมะพร้าวได้ด้วย



ดูหน้ามันสิ...



มังกรคาบแก้ว



ตรงนี้จะเป็นสัตว์ที่ปั้น หน้าตาแปลกๆ ดี
หน้าตาควายเจ็บปวดมาก เหลือขาหน้าอยู่ข้างเดียว



น้องเต่าน้อย หน้าตาใสซื่อมาก



พริ้มเชียว



ปิดท้ายบ้านโอ่งด้วยภาพนี้



งานปั้นที่นี่เท่าที่ดู จะมีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่นตรงที่
งานปั้นดูมีชีวิตชีวา มีอารมณ์ความรู้สึกของงานปั้นนั้น ดูแล้วมีเสน่ห์

ชมต่อตอนที่ 2 ค่ะ จะเดินดูของที่ขายกันต่อ



ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:35:30 น.
Counter : 3367 Pageviews.  

พาเที่ยวมัลดีฟเมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ ตอนจบ

ตอนที่ 6 ตอนจบ หลีเป๊ะรีสอร์ทและดอกไม้บนเกาะ

สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ประมาณ 6,500 บาท
แพคเก็จ(ค่าที่พัก+ค่าอาหาร+ค่าเรือ+ค่ารถ+ดำน้ำ)+ของฝาก+ค่าแท็กซี่
เป็นทริปที่ประทับใจอีกทริปนึง ทรายขาว น้ำใส ทะเลสวย ปีละครั้งถือว่าคุ้ม
ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสไปที่นี่อีกจะเลือกที่พักแบบสบายๆ กว่านี้หน่อย
มาดูที่พักกันค่ะ


หลีเป๊ะรีสอร์ท



บ้านพักวิวทะเล Beach Front Bungalow (ห้องแอร์)
ถ่ายตอนเช้า สังเกตมุมซ้ายล่างดีดีจะเห็นคนนอนกลิ้งอยู่บนหาด



บ้านพักวิวทะเล Beach Front Bungalow(2)



บ้านพักวิวสน Garden View Bungalow(แอร์)



บ้านพักวิวสน Garden View Bungalow(พัดลม)
อยู่หลังบ้านนี้



บริเวณสำหรับกางเต้นท์



บ้านพักแบบไทย(พัดลม)
บริเวณทางเข้า



ตัวบ้านพักแบบไทย
เราพักบ้านพักแบบนี้ เนื่องจากไม่มีทางเลือกเพคเก็จจัดให้
ปกติเราจะไม่ซีเรียสเรื่องที่พักมากเท่าไหร่ แค่พอพักได้ก็โอเค
เพราะคิดว่าส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยได้อยู่ในห้องพักอยู่แล้ว
แต่ครั้งนี้หลอน เพราะเจอสัตว์ประหลาดที่ไม่น่าจะเจอในห้อง



ภายในห้อง



สภาพบ้านข้างนอกดูใหม่ ถ้าห้องน้ำดีกว่านี้หน่อยจะโอเค -_-"



มุ้งลวดในห้องน้ำ



ถ้าเป็นที่สวยๆ ธรรมชาติดีดี เรื่องห้องพักก็ลืมๆ ไปได้
มาดูดอกไม้บนเกาะบ้างดีกว่า

ดอกไม้ 1



ดอกไม้ 2



ดอกไม้ 3



ดอกไม้ 4



ดอกไม้ 5



ดอกไม้ 6



ดอกไม้ 7



ดอกไม้ 8



ดอกไม้ 9



ดอกไม้ 10



ดอกไม้ 11



จบแล้วพร้อมกับความประทับใจสำหรับ Trip อาดัง ราวี หลีเป๊ะ
ครั้งหน้าจะรีวิวทะเลประจวบฯ ไปหลังจาก Trip หลีเป๊ะ 1 อาทิตย์
อย่าลืมติดตามชมนะคะ


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:32:28 น.
Counter : 3203 Pageviews.  

พาเที่ยวมัลดีฟเมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ ตอนที่ 5

ตอนที่ 5 สองข้างทางบนเกาะ และวิวกลางทะเล

จากตอนที่แล้วไปถึง Mountain Resort อยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบกลับมาทานอาหารเช้า
เพื่อเตรียมตัวกลับ ก.ท.ม. 3 วันผ่านไปไวเหมือนโกหก
เดินกลับทางเดิม และแวะถ่ายรูประหว่างทางเป็นระยะๆ


เดินผ่านอันดามันรีสอร์ท ที่อยู่ใกล้ Mountain Resort ที่สุด
คนที่อันดามันรีสอร์ท คงมาเดินเล่นที่ชายหาด Mountain Resort ด้วยแหละ
เพราะอยู่ใกล้ขนาดนี้



ดวงไฟ ริมหาดหน้าอันดามันรีสอร์ท
สังเกตว่าบรรยากาศเดี๋ยวครึ้ม เดี๋ยวสว่าง เอาแน่ไม่ได้



นักท่องเที่ยวเตรียมขนของขึ้นเรือ



อันดามันรีสอร์ทส่วนที่เป็นบ้านปูน ใกล้ทะเลมาก



ป้ายประกาศ ว่าแถบนี้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยสึนามิ



เดินมาถึงหน้าตะรุเตารีสอร์ท มีคนทำบุญตักบาตรกันอยู่



หน้าหมู่บ้านชาวประมง จะมีขอนไม้แบบนี้วางอยู่
เป็นขอนไม้ที่มาจากรากต้นสนจากเกาะอาดัง คราวที่เจอพายุถล่ม



จากนั้นก็เดินลัดเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวอุรักลาโว้ย



เดินต่อมาเรื่อยๆ ก็มาถึงนี่ LOTUS DIVE ที่สอนดำน้ำ



Pooh's Bar



แล้วก็มาถึงร้านโรตีผลไม้ เจ้าดังเจ้าเดียวบนเกาะ
เปิดแต่เช้า ตั้งแต่ 7.00-23.00 น. เลยแวะเข้าไปซื้อมาทานรอบสอง
ตอนเช้านี่ไม่ต้องรอคิวเลย ตอนกลางคืนแทบไม่มีที่นั่งแถมรอคิวนานมาก



ทานแบบธรรมดาๆ จะได้ถือเดินทานสะดวกๆ หน้าตาน่าทาน
ส่วนใหญ่ที่ขายก็จะเป็นโรตีผลไม้ มีให้เลือกหลากหลาย
ราคาตั้งแต่ 25 30 35 40 45 50 แล้วแต่จะเลือกผลไม้อะไร



เดินมาอีกนิดก็จะเจอร้านไก่ทอดข้างทาง ไม่รู้อร่อยไหม ไม่ได้ซื้อ



ในที่สุดก็ทะลุหาดพัทยาแล้ว



เรือจอดรอรับนักท่องเที่ยวกลับ
แถบนี้จะมีเรือจอดเยอะกว่า หน้ารีสอร์ที่เราพัก



วารินทร์รีสอร์ท



เจ้าตัวนี้นอนหลับสบาย บนทรายนุ่มๆ ขาวๆ



แล้วก็กลับถึงรีสอร์ท สวยดี ใครมาเรียงไว้ไม่รู้



รูปหัวใจ โรแมนติกซะ



กว่าจะเดินมาถึง สายไป 20 นาที เกรงใจเพื่อนร่วมโต๊ะจริงๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จก็มารอเรือเล็กเพื่อไปส่งที่เรือใหญ่ บริเวณหน้ารีสอร์ท



บ้างก็ขึ้นเรือแล้วออกไม่ไหว ก็ต้องช่วยกันเข็น



บ๊าย บาย หลีเป๊ะ



วิวระหว่างเดินทางกลับ



วิว 2



วิว 3



วิว 4



เห็นท่าเรือปากบาราอยู่ไกลๆ



บริเวณนี้มีรีสอร์ทด้วย



ถึงท่าเรือบ่ายกว่าๆ
ร้านค้าบริเวณท่าเรือ



จากนั้นไปแวะซื้อของฝากที่ ตรังและแวะโคออปที่สุราษฎ์
ทานข้าวเย็นที่พลับพลาซีฟูดส์



หิวมาก อาหารเลยอร่อยทุกอย่าง



ปิดท้ายด้วยของฝากที่ซื้อมา



เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ กลับมาใช้ชีวิตใน ก.ท.ม. ตามเดิม เฮ้อ
ตอนหน้าจะรีวิวที่พัก และดอกไม่สวยๆ บนเกาะค่ะ

ติดตามชมต่อตอนที่ 6 ตอนจบ นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:31:54 น.
Counter : 2241 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

bombik
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add bombik's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.