|
One shot
Title : Double you (W) Author : Anatomy2125 Couple : TVXQ and YooSu Rate : G, One shot Talk ::ฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแนวชายรักชาย หากผู้ใดไม่ชอบ ไม่ใช่ รับไม่ได้ กรุณากด X ปิดหน้าต่างนี้และจากไปอย่างสงบด้วยนะคะ ^ ^
**ิอ่านตรงนี้ก่อนนะคะ**
นี่คือ One Shot ที่เราแต่งขึ้นมาหลังจากที่ได้อ่านข่าวโน่นนี่มากมายในช่วงสองสามวันมานี้ โดยที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าใครหรือโทษใครทั้งนั้น .. เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการที่ผุดขึ้นมาจากความดราม่าเท่าันั้น .. ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าข้างใคร เพราะเราคิดว่า TVXQ ก็คือ JYJ และ JYJ ก็คือ TVXQ .. เรารักผู้ชายทั้งห้าคนนี้ และคิดว่าจะรู้สึกอย่างนี้ตลอดไป
เพราะฉะนั้นแล้วหากใครอ่านแล้วไม่ชอบ ไม่พอใจ คิดว่ามันไม่ใช่ แรงไปหรือไม่ถูกต้องยังไง ก็กด X ได้ทันทีเลยนะคะ ^ ^ .. อ้อ~ ออกตัวไว้ก่อนเลยว่ามันจะดราม่า .. เพราะแท้จริงแล้วมันก็คือฟิคระบายอารมณ์ป่วงๆของเรานั่นเอง .. หุหุ แบบว่าอยากระบายความดราม่าทิ้งไปให้หมด .. ซึ่งการแต่งฟิคนี่แหละช่วยได้ที่สุดละ !! ต่อจากนี้ไปจะคิดบวก Only แล้วน๊า~ .. ได้ปล่อยของแล้วก็อารมณ์ดีแล้วล่ะ อิยะ55+
แต่ เอ~ .. ไหนๆก็ไหนๆ สุดท้ายขออวยนิดนึงดีกว่า .. KIM JUNSU FIGHTING !!!!!! =[]= วะ555+
โอเค .. ถ้าเคลียร์แล้วก็เชิญเลื่อนลงไปอ่านได้ตามอัธยาศัยเลยเจ้าค่า ^O^
One shot
ผมได้แต่นั่งดูไลฟ์เพลงใหม่ของดงบังชินกิซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
’ ดงบังชินกิ ’ .. พวกเขาพูดว่า ’ We are Dong Bang Shin Ki ’ ออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย .. ไม่มีความวูบไหวหรือสิ่งอื่นใดนอกจากความเด็ดเดี่ยวและยึดมั่น ..
.. พวกเขาทำได้ยังไงกันนะ ?
ร่างเล็กเกยปลายคางไว้บนหัวเข่ามนทั้งสองข้าง แขนเรียวโอบกอดตัวเองเอาไว้หลวมๆขณะที่โยกกายเอนไปมาเรื่อยเปื่อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงจับจ้องไปยังหน้าจอโน้ตบุ๊คที่วางนอนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า .. ปล่อยให้เสียงดนตรีหนักแน่นและท่าเต้นอันทรงพลังของคนตัวสูงสองคนดำเนินโลดแล่นต่อไปเรื่อยๆ
และในตอนนั้นเองที่หยดน้ำตาค่อยค่อยไหลลงมา
ชายหนุ่มพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ด้วยการเม้มปากจนมันซีดขาว .. เขาจะร้องไห้ไม่ได้ .. เซียจุนซูแห่งดงบังชินกิจะต้องเข้มแข็ง .. . ให้ตายสิ นายต้องเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะให้กับสมาชิกทุกคนในวงไม่ใช่รึไง ?
เชื่อมั่นหน่อยสิ ! .. เชื่อในตัวของพี่ชายและน้องชายที่รักของนายเหมือนที่เคยทำมาตลอดสิ !!
เสียงเพลงจากลำโพงเงียบหายไปแล้ว .. แต่จุนซูก็ยังไม่สามารถบังคับตัวเองให้ละสายตาไปจากหน้าจอมืดสนิทเบื้องหน้าได้เลย ร่างเล็กยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน ราวกับว่าการเคลื่อนไหวแม้เพียงนิดเดียวจะทำให้เขาขาดใจตายเสียอย่างไรอย่างนั้น
เหนื่อย ..
ใช่ .. เขากำลังเหนื่อย .. . มากมายกว่าครั้งไหนๆในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
อาจเป็นเพราะพวกเราห่างกันมานานเกินไป .. ไม่ได้เจอหน้าหรือกระทั่งพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์เลยสักครั้ง .. เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นได้พบเจอกับอะไรบ้างในระยะเวลาระหว่างที่พวกเขาทั้งห้าคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจ้าของเสียงแหบเป็นเอกลักษณ์จึงเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา
ทั้งที่มักจะมองโลกในแง่ดีมาตลอด ทั้งที่มักจะเป็นคนคอยปลอบใจ คอยสร้างสีสันและบรรยากาศสดใสให้กับคนอื่นตลอดเวลาแท้ๆ .. แต่ตอนนี้จุนซูก็ไม่อาจฝืนคิดเข้าข้างตัวเองได้เหมือนเคยอีกต่อไป
พี่ยุนโฮ .. พี่เคยบอกไม่ใช่เหรอฮะ ว่าเมมเบอร์คือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของพี่ .. แล้วตอนนี้ล่ะ ? ผมไม่ใช่เมมเบอร์ของพี่อีกแล้วเหรอฮะ ?
ชางมิน .. นายเคยพูดว่าถ้าพวกเรามีใครขาดไปสักคนหนึ่งเราก็จะไม่ใช่ดงบังชินกิไม่ใช่รึไง ? แต่ตอนนี้พวกนายก็ยังเป็นดงบังชินกิอยู่นี่
จุนซูรู้ตัวดีว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกโกรธ .. เขาไม่ได้มีใจริษยาคิดเสียดายชื่อเสียงที่เคยมีหรือยึดติดกับเพียงแค่ชื่อวง .. เขาก็แค่เสียใจ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากกว่าความโกรธแค้นมากนัก
ที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายเข้าใจผิดสินะ .. พวกเราทั้งห้าคนไม่ได้มีศัตรูคนเดียวกันอย่างที่เขาคิดใช่ไหม ?
หรือนี่จะหมายความว่าจากนี้เป็นต้นไปพวกเราจะต้องแยกจากกันตลอดไปจริงๆแล้วกันแน่นะ .. พวกเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน เล่นกัน แกล้งกัน งอนกัน .. พวกเราจะไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันอีกแล้วเหรอ ?
กลีบปากอิ่มแค่นยิ้มฝืดเฝื่อน
นั่นสินะ .. ขนาดตอนนี้แม้แต่จะคุยเรายังคุยกันไม่ได้เลย
“ แบบนั้น .. . ไม่เอานะ .. ”
ไหนพี่บอกว่าเราคิดเหมือนกันไง ? .. ตอนนั้น .. . พี่บอกว่าเราจะเดินไปด้วยกัน จะจับมือกันไว้ให้แน่นอย่างนี้ตลอดไปแล้วเดินไปพร้อมๆกันไม่ใช่เหรอฮะ ? .. เพราะพวกเขาคือศัตรู .. พี่เอง .. . ก็คิดเหมือนกันกับผมนี่นา ..
ไม่ใช่เหรอ ? .. ไม่ใช่รึไง ? .. แล้วทำไมล่ะ ? .. . ทำไมตอนนี้มันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ?
นับตั้งแต่วันที่พวกผมสามคนตัดสินใจก้าวออกมา .. วันที่พวกเราทั้งห้าคนถูกขีดเส้นแบ่งไว้ให้เป็นสองกลุ่มผมไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด .. ผมอดทน ผมสู้ ผมตั้งใจและฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายด้วยรอยยิ้มได้ก็เพราะผมรู้ว่าผมยังมีพวกพี่คอยมองผมอยู่ .. ผมยิ้ม .. ยิ้มด้วยรอยยิ้มเทวดาที่พี่เคยบอกว่ามันน่ารัก .. รอยยิ้มที่พี่บอกว่าไม่ว่าใครเห็นก็จะต้องยิ้มตาม ..
แต่เวลานี้ .. ใครกันบ้างล่ะที่ยิ้มตาม ? ใครบ้างที่หัวเราะไปพร้อมๆกับผม ?
ผมมองไม่เห็น .. ไม่เห็นเลยจริงๆ
ดวงตาเรียวฉ่ำน้ำกระพริบไล่ความพร่ามัวของม่านน้ำตาออกไปขณะที่เขาเพ่งมองไปที่โน้ตบุ๊คเครื่องเดิม เลื่อนสายตาลงอ่านข่าวข้อความทวีตเตอร์ที่โชว์หราอยู่บนหน้าเวบบอร์ดด้วยแววตาว่างเปล่า
’ ผมไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ น้องชายเอ๋ย นี่มันไม่ถูกต้อง คิดจะโทษใครกัน? อย่าทำเป็นเศร้าไปหน่อยเลยน่า .. ใครกันแน่ที่เป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด ... ? นายนี่มันน่าเกลียดจริง ๆ ทำแบบนี้ได้ยังไง ... ? ’
.. แจวอนฮยอง
โบอาได้รีทวีตทวีตของแจวอน และแฟน ๆ ได้ตีความหมายของทวีตนี้ว่าต้องการสื่อถึงจุนซูโดยตรง โดยเฉพาะคำว่า ฮยอง(พี่ชาย) และน้องชาย ที่ได้เอ่ยถึงในทวีต
.. โบอา
’ ผมชักจะหงุดหงิดเต็มที ดังนั้น ผมจะพูดอะไรบางอย่าง... ไม่ว่าจะมองยังไง นี่ก็ไม่ถูกต้อง พวกนายตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยความอกตัญญูแบบนี้ได้ยังไง ... พวกนายไม่รู้สึกเลยเหรอว่าเขาทุ่มเทเพื่อพวกนายขนาดไหน? มันเลี่ยงไม่ได้ที่คนเราจะเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้ผมชักจะกลัวแล้ว พวกเขาเริ่มอาชีพนี้เพราะรักในดนตรีและเวทีแสดง แต่ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นมันหายไปไหนหมดแล้วล่ะ? มันน่าหงุดหงิดจริงๆ ... ’
.. จองโมฮยอง
’ หลังจากที่พยายามจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน ในที่สุดผมตัดสินใจที่จะเขียนข้อความนี้เพราะผมคิดว่าเรื่องนี้ชักจะไปกันใหญ่แล้ว (เขา)จำไม่ได้หรือไง เรื่องเมื่อสมัยก่อนที่เราเคยพูดกันไว้ว่าพวกเราจะทำงานหนักไปด้วยกัน? ตอนนั้นพวกเรามีความสุขมากแม้จะเป็นแค่เด็กฝึกหัด (เขา)ลืมช่วงเวลาตอนที่เราคิดว่าการออกทีวีแค่ซักครั้งก็นับว่าเป็นเหมือนความฝันไปแล้วหรือ? ผมอยากให้(เขา)มองส่องกระจกดูตัวเองอีกซักครั้งและพยายามนึกถึงตอนที่(เขา)ยังเป็นหน้าใหม่ในวงการอยู่ ผมเข้าใจและให้อภัยพวกเขาที่ทอดทิ้งพวกเราโดยไม่บอกกล่าวอะไรซักคำเพื่อที่จะตามหาเส้นทางของตัวเอง, แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะหลอกตัวเองโดยการกล่าวคำโกหกที่ไร้สาระและน่าเจ็บปวดพวกนี้ทำไม’
’ ศัตรู : คือคนที่ต้องการจะต่อสู้หรือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม. เนรคุณ : คือคนที่ละทิ้งผู้ที่มีพระคุณและหักหลังพวกเขา ในทางกลับกัน คนที่กล่าวว่าครอบครัวของผมเป็นศัตรูก็คือคนที่เนรคุณ !’
ฮึก .. ซ .. ซองมินฮยอง .. . ชินดงฮยอง ..
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้อความไร้สาระของผมใช่ไหม ? .. ผม .. เพราะผมเองใช่ไหม ?
นี่ผม .. สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกแล้วสินะ
แจจุงฮยอง .. ยูชอน
ทุกคนครับ .. ผมขอโทษ
ขอโทษที่ทำให้หงุดหงิด .. ขอโทษที่ทำให้รำคาญใจ .. ขอโทษที่ทำให้วุ่นวาย .. ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดี .. ขอโทษที่ทำอะไรก่อนคิดอีกแล้ว ..
ขอโทษ .. ขอโทษ .. ขอโทษ
พวกพี่ไม่ต้องให้อภัยผมก็ได้ .. แต่อย่าโกรธพี่แจจุงกับยูชอนเลยนะ .. . ทั้งสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกับความงี่เง่าของผมสักนิดเดียว
’ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมนายถึงเขียนเรื่องพวกนั้น? .. นายทำแบบนั้นทำไม? ’
ผมไม่รู้หรอกว่ายูชอนพูดประโยคนั้นออกมาด้วยสีหน้าแบบไหน เพราะแม้แต่โทนเสียงแสดงอารมณ์ของเขาผมยังจับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ .. แสงแฟลช .. ไมค์ .. นักข่าวที่อยู่รอบตัวเราทำให้สมองของผมสับสนไปหมด
นายเอง ก็โกรธฉันอยู่เหมือนกันสินะ ยูชอน
“ จุนซูยา~ฉันมา .. อ่ะ ! .. จุนซู ! .. . นายร้องไห้ทำไมน่ะ !! เป็นอะไรไป ! เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ !?? .. นี่ ! จุนซู .. มองฉัน .. มองฉันสิ คิมจุนซู !!!! ”
อยู่ๆแขกผู้มาเยือนก็จับใบหน้าน่ารักเปื้อนคราบน้ำตาให้หันมาประจันหน้ากัน ก่อนจะโถมตัวโอบกอดร่างที่กำลังสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นของคนตัวเล็กกว่าไว้แนบแน่น มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายเบาๆอย่างทะนุถนอมพลางกดริมฝีปากอิ่มลงบนขมับของคนในวงแขนอย่างปลอบประโลม
“ ไม่ร้องนะ .. อย่าร้อง .. . อย่าร้องไห้เลยนะจุนซู ”
เสียงทุ้มที่กระซิบแผ่วเบาตรงข้างหู กอปรกับอ้อมกอดแสนอบอุ่นที่หาไม่ได้อีกแล้วจากที่ไหนในโลก ทำให้จุนซูค่อยๆสงบลงได้อย่างไม่ยากเย็น เขาซบใบหน้าลงกับซอกคอระหงส์ของคนตัวสูงกว่าแล้วกอดอีกฝ่ายไว้แน่น .. เสียงแหบแห้งปนสะอื้นเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ..
“ ฉันไม่ได้ทำตัวให้น่าสงสาร .. ไม่ได้อยากเรียกร้องความเห็นใจจากใคร .. . แต่ฉันแค่เสียใจ .. แค่ผิดหวัง .. ค .. แค่อยากถามเขาว่าทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ .. ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครโมโหหรือกล่าวหาใครทั้งนั้น .. พอรู้ตัวอีกที .. ฉ .. ฉันก็พิมพ์ข้อความนั้นไปแล้ว .. ขอโทษ .. อึก .. ฉันขอโทษนะยูชอน .. . ’’
“ .. จุนซู ”
ยูชอนคลายอ้อมกอดออกและพยายามผละตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อให้เห็นสีหน้าของคนพูดประโยคที่แสนเจ็บปวดเหล่านั้น แต่จุนซูกลับเพิ่มแรงกอดเขาไว้แน่นจนไม่สามารถทำได้ดังใจ .. ชายหนุ่มจึงได้แต่กระชับอ้อมกอดตอบกลับไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน
“ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง .. ฉันเป็นคนไปหาเรื่องก่อน ที่โดนอย่างนี้มันก็สมควรแล้ว .. แต่ .. ฮึก .. แต่นายกับพี่แจจุงต้องพลอยมาเดือดร้อนไปด้วย .. ฉันขอโทษจริงๆนะ .. ฉันขอโทษ .. อย่าโกรธฉันได้ไหม ? นายอย่าโกรธฉันเลยนะ .. คนอื่น .. คนอื่น .. ใครจะว่ายังไงฉันก็จะยังไม่เป็นไร .. แต่นาย .. แค่นายคนเดียวก็พอ .. นายอย่าโกรธ .. ฮึก .. อย่าเกลียดฉันเลยนะ ..”
“ จุนซู .. ฉัน .. ”
ร่างในอ้อมกอดสั่นระริกจนเขาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ .. เขาไม่เคยเห็นจุนซูอ่อนแอแบบนี้มาก่อน .. คนคนนี้มักจะมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ใบหน้าน่ารักน่าหยิกที่เขารักแสนรักนี้มักจะถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา .. ทั้งที่ที่ผ่านมาร่างเล็กจะเป็นฝ่ายคอยปลอบใจและเป็นเหมือนหลักยึดเหนี่ยวให้กับเขาและพี่แจจุงรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นได้แท้ๆ
ไม่มีครั้งไหนที่คิมจุนซูจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น .. เขาอดทนและเข้มแข็งยิ่งกว่าใครคนไหนที่ยูชอนเคยพบเจอมา .. แต่เวลานี้คิมจุนซูคนนั้นกำลังร้องไห้จนตัวสั่น ..
คนเก่งของฉัน .. ตอนนี้นายกำลังแบกรับความเจ็บปวดไว้มากมายขนาดไหนกันนะ ?
ในที่สุดยูชอนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างสูงจับไหล่บางทั้งสองข้างและดันคนที่ร้องไห้จนหมดแรงออกไป ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ กดจูบลึกล้ำลงบนกลีบปากแดงชาดของคนรักหนักหน่วงเพื่อปิดกั้นถ้อยคำไม่น่าฟังเหล่านั้นให้จมดิ่งหายไปในส่วนที่ลึกที่สุดในความทรงจำ
คนทั้งคู่ปล่อยให้เข็มนาฬิกาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า จวบจนกระทั่งคนตัวเล็กกว่าครางประท้วงในลำคอเพื่อขออากาศหายใจนั่นล่ะ ยูชอนจึงยอมถอยออกมาอย่างอ้อยอิ่งด้วยความเสียดาย
จุนซูเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ “ ยูชอน ”
ร่างสูงยกยิ้มอ่อนโยนก่อนจะรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ เรื่องทั้งหมด .. ไอ้ข้อความบ้าๆพวกนี้มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะมีทวีตเตอร์ของนายเป็นต้นเหตุก็จริง .. แต่ทั้งฉัน ทั้งพี่แจจุงก็ไม่มีใครโทษนายสักหน่อยนี่ .. ”
เสียงทุ้มหยุดลงครู่หนึ่งเพื่อมอบจุมพิตบนหน้าผากมน
“ ใครจะคิดยังไงก็ช่างหัวมันสิ .. คนนอกอย่างพวกนั้นจะไปรู้อะไร ที่สำคัญคือฉันเข้าใจว่านายเป็นยังไง รู้สึกยังไงต่างหาก .. . จุนซู .. อย่าเป็นแบบนี้เลยได้ไหม ? .. นายกำลังทำให้ฉันเป็นห่วงจนจะบ้าตายอยู่แล้วนะคนดี ”
ร่างเล็กก้มหน้า “ แต่พี่ยุนโฮกับชางมิน .. เนื้อเพลงนั่น .. ”
“ พวกเราเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ ? ”
ยูชอนยิ้ม พลางเชยคางมนขึ้นให้นัยน์ตาใสบริสุทธิ์ที่ทำให้เขาตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นมองสบกับดวงตาคมเข้มของตนตรงๆ
“ สองคนนั้นเป็นยังไง .. แล้วพวกเราเป็นยังไง .. . เราทั้งห้าคนต้องเป็นคนที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ ? .. เรื่องของพวกเราดงบังชินกิคนอื่นน่ะเขาจะมาเข้าใจอะไรได้ ? จนแล้วจนรอดก็แค่พวกอวดรู้เท่านั้นแหละ .. นายก็รู้นี่จุนซูว่าที่ที่เราจากมามันเป็นยังไง .. แล้วยิ่งทั้งสองคนนั่นที่ยังถูกผูกติดไว้แบบนั้นจะไปทำอะไรได้ .. . จำไม่ได้เหรอคนดี ว่าเมื่อก่อนพวกเราเองก็มีสิทธ์เลือกได้ซะที่ไหน .. แค่อ้าปากเถียงคำเดียวยังโดนตบจนหน้าหันแล้ว จำได้รึเปล่า ? ”
“ เพราะฉะนั้นตราบใดที่เรายังไม่ได้ยินจากปากของสองคนนั้น ถ้ายังไม่ได้คุยกันต่อหน้า .. เราจะต้องเชื่อ .. อย่าไปหลงกลยอมให้คนพวกนั้นใช้แผนสกปรกแยกเราทั้งห้าคนออกจากกันโดยเด็ดขาด ”
“ แต่ว่า .. ”
“ หรือเดี๋ยวนี้นายไม่ยอมตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษอีกแล้ว หืม~? .. ไม่เห็นรึไงว่านี่อะไร ? ”
ว่าแล้วมือเรียวก็ยกขึ้นแหวกคอเสื้อสีดำที่ตนใส่อยู่ให้ร่นลงไป เผยให้เห็นรอยสักสุดโด่งดังซึ่งเคยเป็นหัวข้อเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์อยู่เกือบอาทิตย์ที่เจ้าตัวภูมิอกภูมิใจเป็นนักหนา
Always keep the Faith
ร่างเล็กนั่งนิ่งมองมันอยู่พักหนึ่งแล้วก็ร้องไห้ออกมา หัวกลมๆผงกขึ้นลงหลายๆครั้งขณะที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเช็ดคราบน้ำตา
ยูชอนก้มลงจูบซับน้ำตาบนเปลือกตาสีอ่อนอย่างทะนุถนอม แล้วกดจมูกโด่งลงบนผิวแก้มชื้นแฉะเบาเบาอีกทีหนึ่ง พลางแกล้งตีสีหน้าเคร่งเครียดมองคนตัวเล็กเขม็ง
“ เฮ้อ~ . .. อันที่จริงเรื่องที่น่าจะทำให้ฉันโกรธน่ะ คือนายไปเอาความคิดที่ว่าฉันจะเกลียดนายมาจากไหนต่างหากเล่า เด็กโง่! .. ให้ตายสิ .. หรือทุกวันนี้ฉันยังแสดงออกว่ารักนายไม่พอกันห๊ะ คิมจุนซู !! ”
.. และราวกับว่าคำพูดนี้ อ้อมกอดนี้ ทั้งหมดที่ปาร์คยูชอนทำออกมาในวินาทีนี้คือทุกสิ่งทุกอย่างของคิมจุนซู .. เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลท่วมท้นเข้ามาประคับประคองหัวใจที่หนาวเหน็บได้อย่างน่าอัศจรรย์ . .. ร่างเล็กโผตัวเข้ากอดคนรักที่แสนดีของตัวเองเอาไว้อย่างเต็มกำลัง
“ ฮึก .. ขอบคุณ .. ขอบคุณนะยูชอน .. ฉันรักนายนะ .. รักนายที่สุดในโลกเลย .. ”
คนตัวสูงฉีกยิ้มกว้างให้กับคำบอกรักที่สุดแสนจะน่ารักของคนรัก เขาโยกตัวคนในอ้อมกอดไปมาอย่างมีความสุข
“ ฉันก็รัก .. ”
“อ๋า~~! ได้ยังไงกันล่ะ! พี่ก็รักนายเหมือนกันนะจุนซูยา ~!!!!!!!!!!!!!!!! ^O^ ”
ถ้อยคำหวานของยูชอนถูกเสียงแหกปากทุ้มหวานน่าฟังของอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตภายในบ้านกลบไปเสียเกลี้ยงสนิท คู่ยูซูหันหน้าไปมองยังเจ้าของเสียงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าประตูห้องโดยที่ยังไม่คลายอ้อมกอดจากกันและกัน
“ พี่แจจุง ”
เสียงแหบของคนถูกบอกรักอย่างกระทันหันเอ่ยเรียกผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงที่สดใสมากขึ้นกว่าเดิม
คิมแจจุงยิ้มกว้าง ร่างโปร่งทิ้งถุงข้าวของที่เพิ่งซื้อมาจากซูเปอร์มาเก็ตลงกับพื้นอย่างไม่นึกใยดี ก่อนจะกระโจนเข้ามากอดร่างทั้งสองของน้องชายร่วมวงอย่างเริงร่าเสียเต็มแรงจนยูชอนโวยวายเสียงดัง
“ อ๊ากกก~ พี่แจจุง !!! .. ไอ้พี่บ้า !! .. เข้ามาขัดจังหวะได้ตลอดสิน่า !!!!! ”
เสียงหัวเราะหยอกล้อและจิกกัดของชายหนุ่มทั้งสามดังสะท้อนไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมที่เคยถูกครอบคลุมด้วยบรรยากาศเงียบเหงาของคนเพียงคนเดียวก่อนหน้านี้ เหลือทิ้งไว้เพียงความสุขและความอบอุ่นภายที่เอ่อล้นอยู่ภายในจากความรักความผูกพันที่คนสามคนมีให้กัน ..
ไม่ใช่สิ .. ไม่ใช่สาม แต่เป็นห้าต่างหาก ..
เพราะถึงแม้ในตอนนี้พวกเราจะยังถูกขีดเส้นแบ่งให้ต้องแยกจากกัน แต่หัวใจของพวกเราทั้งห้าดวงก็ยังคงผูกติดไว้ด้วยกันตลอดเวลา .. เหมือนเช่นที่แล้วมา และตลอดไป ..
เพื่อตั้งตารอคอยวันใดวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า
วันนั้น .. ที่ดงบังชินกิทั้งห้าคนจะได้กลับมายืนเคียงข้างกันอีกครั้งหนึ่ง
.
.
.
.
.
.
.. Before then, keep in mind that I love you
ปอลอจุด - อย่างน้อยมันก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งล่ะนะ !! ^ ^
Create Date : 12 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 12 มกราคม 2554 18:28:32 น. |
Counter : 237 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|