Group Blog
 
All Blogs
 

ถนอมตาสวยด้วย "วิถีธรรมชาติ"

ปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอบดวงตาโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังต้องพึ่งการดูแลด้วยธรรมชาติควบคู่ไปพร้อมๆกัน ซึ่งในเรื่องนี้ นายแพทย์แอนดรูว์ ไวล์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดได้ ร่วมกับผลิตภัณฑ์ออริจินส์ มาให้คำแนะนำถึงในการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตาโดยเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพโดย ผสมผสานเอาวิธีธรรมชาติเข้าไปด้วย

แนวความคิดในเรื่องการดูแลสุขภาพ ด้วยการผสมสานวิธีธรรมชาติเข้าไปด้วยนั้นมีข้อเด่นคือ คุณเป็นผู้กุมบังเหียนสุขภาพของตัวเองไว้ในมือคุณจะรู้อย่างแน่ชัดว่า สิ่งที่คุณกินหรือทำนั้น ก่อผลต่อสุขภาพอย่างไร

วิธีการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตาที่คุณหมอแนะนำ ก็มีอยู่หลายข้อทีเดียวค่ะ ซึ่งเราสามารถนำไปปฏิบัติกับตัวเองได้อย่างง่ายๆ

   



เคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์ให้ดวงตาดูสวยสดใส



- ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกๆ 2 - 4 ปี แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปแล้ว ควรจะตรวจให้บ่อยขึ้นคือทุกๆ 1 - 2 ปี



- สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรเริ่มฝึกนิสัยในการพักสายตา โดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10 - 15 นาที



- ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถปกป้องและกรองแสงยูวีได้ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดจ้า



- ปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสกับควันและฝุ่นละอองต่างๆโดยตรง



อาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใส



- รับประทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (AntiOxidant) ในปริมาณสูง เช่น ผลบลูเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอทซึ่งจะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตาและช่วยลด ปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้อีกทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืด และมีความไวในที่แสงน้อยๆดีกว่า

- รับประทานผักที่มีสารลูทีน (Lutien) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง มีสีเหลืองพบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผลอะโวคาโด บร็อคโคลี่ข้าวโพด ฟักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้งเหล่านี้ล้วนเป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและ จอประสาทตาทำหน้าที่ช่วยกรอง หรือป้องกันรังสีจากแสงแดดช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา ไม่ให้ถูกทำลายโดยการต้านอนุมูลอิสระพร้อมทั้งกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลาย ดวงตา

- รับประทานสารสกัดของโอเมก้า 3 หรือรับประทานปลาชนิดต่างๆ

เคล็ดลับการนวดกดจุดเพื่อผ่อน คลายบริเวณรอบดวงตา



1. ใช้ปลายนิ้วชี้ กลาง และนาง ยืดคิ้วออกทางด้านข้าง 3 ครั้ง



2. ใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้าง หมุนวนรอบดวงตาพร้อมๆกัน ในลักษณะวนตามเข็มนาฬิกา และแต่ละครั้งให้หยุดกดที่บริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำทั้งหมด 60 รอบ



3. ใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วไปถึงขมับ 3 รอบ



4. กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาไปถึงหางตา 3 รอบ



5. ใช้นิ้วกลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำทั้งหมด 6 รอบ



6. ทำซ้ำข้อ 2 - 5 ทั้งหมด 3 รอบ



7. นำมือทั้งสองข้างปิดที่ดวงตา โดยลากน้ำหนักลงที่ปลายนิ้ว ออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อยๆ ยกฝ่ามือออกจากใบหน้า

ที่มา : นิตยสารหญิงไทย




 

Create Date : 26 เมษายน 2553    
Last Update : 26 เมษายน 2553 11:21:24 น.
Counter : 344 Pageviews.  

อันตรายจากฝาครอบแก้วพลาสติก



ภาพประกอบอินเตอร์เน็ต



อันตราย ! ฝาครอบแก้วชาไข่มุก ... หยุดลมหายใจ



ปุ๊! เสียงหลอดกาแฟอันโตกระแทกเจาะฝาครอบแก้วชาไข่มุก เศษฝาพลาสติกแผ่นกลมขนาดเท่าปลายหลอดตกลงสู่ก้นแก้ว ฉันดูดเครื่องดื่มสุดโปรดอย่างหิวกระหายและกระดกแก้วกินน้ำแข็งจนเกลี้ยงตาม ความเคยชิน เมื่อจะทิ้งแก้วลงถังขยะฉันแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นเศษฝาพลาสติกอยู่ในแก้ว เหมือนทุกคราว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก



สักพัก รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ติดอยู่ในคอ แม้จะพยายามล้วงและดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้อาเจียน แต่สิ่งนั้นก็ไม่ยอมหลุดออกมา ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เริ่มติดขัด อาจารย์และเพื่อน ๆ จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หลังจากรอหมออยู่เกือบสองชั่วโมง หมอก็ให้ลองกลืนน้ำดู ปรากฎว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่จริง ตามด้วยการเอกซเรย์ ซึ่งสูญเปล่า เพราะไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมนั้นเลย จึงตัดสินใจให้วางยาสลบเพื่อส่องกล้องตรวจหาต้นเหตุ ระหว่างนั้นฉันยังรู้สึกตัวดีอยู่ทุกอย่าง จนกระทั่งหลังวางยาสลบ ท่อส่องทางเดินอาหารขนาดใหญ่ประมาณท่อประปาขนาดเล็กสอดจากปากผ่านลงไปตามทาง เดินอาหาร แต่ไม่รู้ด้วยโชคร้ายของฉัน หรือด้วยความประมาทเลินเล่อของใคร แทนที่เจ้าท่อนี้จะเป็นอุปกรณ์ในการตรวจเพื่อช่วยชีวิตฉัน หลังการตรวจมันกลับทำให้ฉันรู้สึกปวดแน่นหน้าอกและหลังอย่างสุดจะบรรยาย เมื่อฟื้นจากยาสลบ แม่บอกว่าฉันปากซีด ตัวเขียว และไข้ขึ้น ผิดกับเมื่อตอนก่อนส่องกล้องราวกับคนละคน จนแม่ใจหาย รีบตามหมอกลางดึก

การกลืนแป้งเพื่อเอกซเรย์เริ่มขึ้น ผลปรากฎว่า หลอดอาหารทะลุ ต้องผ่าตัดด่วน แต่แม่ไม่มีเงิน อย่าว่าแต่ค่าผ่าตัดที่สูงลิบลิ่วของโรงพยาบาลเอกชนเลย แม้แต่ค่าตรวจทั้งหลายก่อนหน้านี้ที่เกินวงเงินการประกันอุบัติเหตุของนัก ศึกษา เพียงไม่กี่พันบาทแม่ก็ไม่มี  ทางโรงพยาบาลจึงขอยึดบัตรประชาชนของแม่ไว้เพื่อเป็นหลักประกันให้แม่หาเงิน ส่วนเกินมาชำระในภายหลัง หมอที่ส่องกล้องแนะนำให้ย้ายฉันไปโรงพยาบาลรัฐบาลที่เขาประจำอยู่ แต่แม้จะเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลก็ต้องคุยกันเรื่องค่าใช้จ่ายเช่นกัน แม่จึงวิ่งวุ่นติดต่อเรื่องใช้สวัสดิการบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบเที่ยง นั่นแหละฉันจึงได้รับการผ่าตัด

การ ผ่าตัดใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง เพราะรอยทะลุที่หลอดอาหารอยู่ใกล้ปอด น้ำย่อยจะไหลเข้าไปในปอดซึ่งอันตรายมาก หมอต้องผ่าตัดเปิดซี่โครงจากราวนมด้านซ้ายไปจนถึงสันหลังอีกข้าง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่สามารถซ่อมแผลได้หมด เพราะแผลในทางเดินอาหารเป็นทางยาว จากต้นคอถึงกระเพาะ ยาวถึง 30 เซนติเมตร

สามวันหลังผ่าตัด ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมสายระโยงระยางเต็มตัว สายจากจมูกทั้งสองข้างเพื่อเอาน้ำย่อยในกระเพาะออกมา สายที่ไว้ดูด น้ำมูก น้ำลาย สายที่ต่อจากบริเวณซี่โครงที่ผ่าตัดเพื่อเอาเลือดจากแผลออกมา สายให้เลือด สายน้ำเกลือ

สิบเอ็ดวันที่อยู่โรงพยาบาลเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด กินอาหารไม่ได้อยู่เป็นอาทิตย์ ยิ่งเวลานอนจะรู้สึกทรมาน เพราะเจ็บที่บริเวณแผลผ่าตัดเป็นที่สุด หมอที่ส่องกล้อง ซึ่งช่วยหาหมอผ่าตัดให้ มาสารภาพในภายหลัง ว่า...แผลในทางเดินอาหารที่ยาวเหยียด เกิดจากการส่องกล้องไปดันเอาเศษแผ่นพลาสติก ซึ่งติดอยู่ที่ระหว่างหลอดลมและหลอดอาหารให้ครูดบาดไปตลอดทางเดินอาหาร แต่อย่างไรเขาก็ติดต่อหาหมอผ่าตัดที่เชี่ยวชาญให้ และเป็นความผิดพลาดที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เพราะมองไม่เห็นแผ่นพลาสติกแก้วที่ติดอยู่ที่หลอดลม/ หลอดอาหาร




 

Create Date : 24 เมษายน 2553    
Last Update : 24 เมษายน 2553 21:42:48 น.
Counter : 270 Pageviews.  

น้ำอัดลม : ทั้งผุทั้งกร่อน

      หน้าร้อนกับน้ำอัดลมดูจะเข้ากันดีเหลือเกิน แต่โปรดฟังข่าวนี้สักหน่อย !!!

      นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมในอังกฤษ ได้ศึกษาวิจัยสารเคลือบฟันของเด็ก วัยรุ่นอายุ 14 ปี พบว่า มีจำนวนถึง 92 เปอร์เซนต์ที่เกิดการสึกกร่อน และเป็นเหตุให้ฟันไม่แข็งแรง อาจทำให้ฟันผอมบางลง หรือขอบฟันแตกกระเทาะได้ เนื่องจากการดื่มน้ำอัดลม ที่มีฟองต่างๆ ทำให้ฟันเด็กสึกกร่อนไปตามๆ กัน

      โดยเพียงแค่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้วันละหน ก็อาจทำให้เด็กอายุ 12 ปี มีโอกาสฟันสึกกร่อน ได้ถึง 59 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งเด็กวัยรุ่นอายุ 14 ปี โอกาสเสี่ยงยิ่งเพิ่มสูงเป็น 220 เปอร์เซ็นต์ และหากเด็กอายุ 12 ปีดื่มมากวันละ 4 แก้ว จะเสี่ยงสูงมากเป็น 252 เปอร์เซนต์ ส่วนเด็กอายุ 14 ปี ก็ยิ่งเสี่ยงสูงเป็นถึง 513 เปอร์เซ็นต์

      รายงานผล การศึกษาของวารสารทันตแพทย์สมาคมอังกฤษแจ้งว่า ฟันสึกกร่อนต่างจากฟันผุ เพราะฟันผุเกิดจากการกินน้ำตาลมาก ส่วนฟันสึกกร่อนเพราะถูกสารที่มีเป็นกรดในเครื่องดื่มกัดกร่อน ซึ่งแม้แต่เครื่องดื่มลดความอ้วนก็ยังอันตราย

      ดังนี้แล้ว ผู้ใหญ่เราคงต้องช่วยกันดูแลเด็กๆ สักนิดหนึ่ง ถ้าห้ามไม่ได้ ก็ขอให้กินน้อยที่สุด เพราะน้ำอัดลมมีทั้งน้ำตาลและกรด ถ้าดื่มมากๆ ฟันก็จะทั้งผุทั้งกร่อน ถึงวันหนึ่งฟันหายไปจากปากเมื่อไหร่ ก็คงได้แต่มองตากันปริบๆ (พลางอดคิดไม่ได้ว่า แล้วกินเข้าไปทำไมล่ะ)

      ข้อมูลจาก สยามดารา




 

Create Date : 24 เมษายน 2553    
Last Update : 24 เมษายน 2553 18:49:58 น.
Counter : 203 Pageviews.  

18 คำ กับมุมมองที่ต่างกันของ "หญิง &ชาย"

1. ความคิดถึง

ผู้หญิง = เพิ่งแยกจากเรามาแค่ครู่เดียว เอง ก็คิดถึงอยากเจอหน้าเจาอีกแล้วน่ะ

ผู้ชาย = ความคิดถึงก็เหมือนการได้ลง เตะฟุตบอลที่เราอยากเตะพอได้เตะแล้วก็หายอยาก


2. การจีบ

ผู้หญิง = เขาเข้ามาคุยกับเราบ่อยๆอย่าง นี้ เขากำลังจีบเราอยู่แน่เลย

ผู้ชาย = บางครั้งการจีบก็เป็นแค่การ ทดสอบความสามารถของตัวเอง ไม่ ได้รู้สึกจริงจังเลย


3. การตกหลุมรัก

ผู้หญิง = การก้าวขาหล่นลงไปในหัวใจของ เขา ลึกจนยากจะปีนขึ้นมาง่ายๆ

ผู้ชาย = การเดินสะดุดขาอ่อนของเธอ อาจจะเซไปบ้างแต่ไม่ถึงกับทำ ให้เสียการทรงตัว


4. หัวใจ

ผู้หญิง = อวัยวะที่ยกให้เขาไปแล้ว ก็ไม่อยากให้เขาส่งคืน

ผู้ชาย = อวัยวะที่ให้ในการหายใจอะดิ


5. แฟนเก่า

ผู้หญิง = คนรักของวันวานที่ถ้าบังเอิญ เจอหน้าในวันไหน ก็ทำให้ใจสั่น

ผู้ชาย = ใคร? เธอคือใครหรอ จำไม่ได้แล้วอะ


6. แฟนใหม่

ผู้หญิง = คนรักของวันนี้ที่เราอยากให้ เป็นคนรักของวันหน้า ไปนานๆ

ผู้ชาย = แฟนของวันนี้ แต่วันหน้าค่อยว่ากันอีกที

7. โทรศัพท์

ผู้หญิง = เครื่องมือสื่อสารที่ช่วยสื่อ ความคิดถึง

ผู้ชาย = เครื่องมือสื่อสารที่เธอมีไว้ คอยโทรจิกตามตรวจสอบเราทุกที่ ทุกเวลา


8. ความเหงา

ผู้หญิง = แค่ไม่มีเขาเราก้อเหงาเหลือ เกิน

ผู้ชาย = 365 วันไม่เหงา เพราะ เราไม่ขาดเพื่อน


9. ดอกไม้

ผู้หญิง = เดินผ่านร้านดอกไม้ทีไร อยากให้เขาซื้อให้เรา แค่ดอกเดียวก็พอ

ผู้ชาย = ก็แค่ดอกไม้ดอกเดียว ทำไมเธออยากได้อะไรนักหนา


10. จูงมือ

ผู้หญิง = เป็นแฟนกันแรกๆ เขาจูงมือเราไม่ยอมปล่อย

ผู้ชาย = โอ้ย ผมไม่ได้เด็กๆแล้วนะ ต้องจูงมือข้ามถนนด้วย


11. หึง

ผู้หญิง = รักคือหึงหึงคือรัก ไม่รักไม่หึง ไม่หึงถ้าไม่รัก

ผู้ชาย = ที่ผมเผลอลงไม้ลงมือกับคุณน่ะ เพราะผมหึงนะ


12. น้ำตา

ผู้หญิง = เครื่องมือที่ช่วยลดความ เครียดตามธรรมชาติ

ผู้ชาย = เครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ของผู้หญิง13.เดทครั้งแรก


13. เหตุการณ์ตื่นเต้น

ผู้หญิง = เหตุการณ์ตื่นเต้นที่สุดอีก ครั้งในชีวิต เขาจะพาเราไปนั่งกินอาหาร ร้านไหนนะ

ผู้ชาย = เหตุการณ์ผลาญเงิน หวังว่าเธอคงไม่เห็นแก่กิน เลือกร้านแพงๆเหมือนยัยคนก่อน


14. ช้อปปิ้ง

ผู้หญิง = กิจกรรมสุดโปรด ได้ทำแล้วเหมือนมีสารเอ็นโดร ฟินหลั่งออกมา

ผู้ชาย = เครียดก็ช้อป มีความสุขก็ช้อป อารมณ์ปกติก็ช้อป ผู้หญิงโรคจิต!


15. การสารภาพรัก

ผู้หญิง = เป็นแฟนกันมาตั้งนาน แค่คำว่ารักคำเดียว เขายังไม่เคยพูดให้เราได้ยินเลย

ผู้ชาย = เป็นแฟนกันมาตั้งนาน คำว่ารักคำเดียวจะสำคัญอะไร นักหนา


16. อกหัก

ผู้หญิง = ทำลายของๆเขา ฉีกรูปคู่ทิ้ง เก็บตัวอยู่ในห้อง ฯลฯ เจ็บนี้อีกนาน

ผู้ชาย = กินเหล้า,จีบดะ,เที่ยวกระจาย ฯลฯ 3 วันหายอกหัก


17. งอน

ผู้หญิง = ดูเขาเถอะ! หาเรื่องให้เราต้องงอนอีกแล้ว

ผู้ชาย = ดูมัน! งอนได้ตั้งแต่สากกะเบือยัน เรือรบ


18. ง้อ

ผู้หญิง = ดีใจจังเขาง้อเราแสดงว่าเขา ยังรักเราอยู่

ผู้ชาย = เซ็ง! ต้องแกล้งง้อไปงั้นแหละ ดีกว่าต้องทนเห็นหน้าที่เป็นตูดของเธอ

FW Mail




 

Create Date : 23 เมษายน 2553    
Last Update : 23 เมษายน 2553 18:16:00 น.
Counter : 242 Pageviews.  

อุณหภูมิของความสุข

อุณหภูมิองศาในชีวิตของเรา..
ก็เปรียบเหมือนอุณหภูมิของ อารมณ์ต่าง ๆ...
ที่มีอยู่ในตัวของเรา..
บางครั้งก็สูง...บางครั้ง ก็ต่ำ..

อุณหภูมิในหัวใจของเราก็เช่นนั้น..
บาง ครั้งก็สุข..บางครั้งก็ทุกข์..

อุณหภูมิที่มีอยู่ในใจของเรา..
หาก เปรียบเทียบกับอุณหภูมิองศาทั่ว ๆ ไป..
จะพบว่า..
อุณหภูมิที่ สูง..จะทำให้เรารู้สึกร้อน..
อุณหภูมิที่ต่ำ..จะทำให้เรารู้สึกเย็น..

หากอุณหภูมิในหัวใจเรา..
ประกอบไปด้วย..
อุณหภูมิของความ โลภสูง...
ก็จะทำให้ไฟคือความอยาก..เกิดขึ้นในหัวใจเรา..

ถ้า อุณหภูมิของความโกรธสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความโกรธ..เผาร้อนในหัวใจเรา..

และถ้าอุณหภูมิของความหลงสูง..
ก็ จะทำให้ไฟคือความหลงผิด..ติดอยู่ในหัวใจเรา..

แต่ตรงกันข้าม..
หากอุณหภูมิในหัวใจของเรา..
ประกอบไป ด้วย..
ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..
ต่ำลง..หรือลดน้อยลง..
ก็จะทำให้อุณหภูมิในหัวใจของเราเย็นลง..

อุณหภูมิของความสุขก็เช่น เดียวกัน..
หากเราใช้ธรรมะควบคุม..
ก็จะทำให้อุณหภูมิความทุกข์ของ เราลดลง..

หากเกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต..
เราต้องรู้จักที่ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิองศาในหัวใจของเ รา..
ให้ได้ระดับปกติ กึ่งกลาง..แบบพอดี ๆ..
คือไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป..
จนทำให้ใจ รู้สึกร้อนรน..เป็นทุกข์..
หรือไม่ให้อุณหภูมิต่ำจนเกินไป..
จนทำ ให้ใจรู้สึกหนาวเหน็บ..เจ็บช้ำใจ..

แต่จงให้พยายามทำใจ..
ให้อยู่ระดับอุณหภูมิองศาปกติ..กึ่งกลาง..
และรู้จัก วิธีทำใจให้เตรียมรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น..
รู้เท่าทัน อารมณ์..อย่างเข้าใจ




 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 22:00:48 น.
Counter : 249 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

DeWalt
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add DeWalt's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.