|
สมาคมเครือข่ายวิทยฐานะผู้ประกอบวิชาชีพครูอุดรธานี ร้อง ก.ค.ศ.ตั้งกรรมการตรวจผลงานe-trainning กลุ่ม 2
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2553 8:35:42 น. |
Counter : 259 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
9 สุดยอดสัตว์มีพิษที่อันตรายที่สุดในโลก
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้ภาพของการล่าเนื้อของสัตว์ใหญ่อย่าง สิงโต หรือ เสือ เป็นภาพที่เลือนลางไปจากสังคม มนุษย์เราสามารถใช้ชีวิตได้ โดยไม่ต้องเกรงกลัวอันตรายจากสัตว์ใด ๆ
อย่างไรก็ตามแม้เราจะหลีกพ้นจากสัตว์ใหญ่ แต่ยังมีสัตว์เล็กมากมายที่มีพิษร้ายแบบที่คุณประมาทไม่ได้ เพราะหากคุณประมาทมันอาจสร้างความสูญเสียให้กับคุณอย่างมหาศาล ทั้งต่อร่างกายและชีวิต และนี่คือ 9 อันดับสัตว์มีพิษที่อันตรายที่สุดในโลก มาฝาก ดังนี้
อันดับ 9 Puffer Fish - ปลาปักเป้า
ปลาปักเป้า คือสัตว์มีพิษที่มีคนนิยมบริโภคมาก โดยเฉพาะในแถบประเทศญี่ปุ่น (ปลาปักเป้าภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "ฟูกุ" ) และเกาหลี (ในส่วนของภาษาเกาหลีจะเรียกว่า "บ๊อค ฮัง")โดยเนื้อปลาปักเป้านั้นจริงๆแล้ว ไม่ได้มีพิษ แต่ส่วนที่มีพิษก็คือพวกผิวหนังและเครื่องในของปลาปักเป้านั่นเอง แต่พิษเหล่านี้มักจะซึมเข้าไปในเนื้อตอนแล่ พ่อครัวที่จะแล่ปลาปักเป้าต้องมีใบอนุญาติกันเลย ถ้าหากกินพิษของปลาปักเป้าไป อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที
อันดับที่ 8 Poison Dart Frog - กบลูกดอก
กบลูกดอกสีน้ำเงินนั้นเป็นสัตว์ที่อยู่ในป่าฝนในทวีปอเมริกากลาง และ ใต้ เป็นกบที่มีสีสันสวยงามแต่พิษของมันร้ายแรงมาก พิษของกบลูกดอก 1 ตัว สามารถฆ่าคนได้ถึง 10 คนและหนูถึง 20000 ตัว พิษของมันเพียง 5 ไมโครกรัม ( เท่ากับปลายเข็ม) ก็สามารถฆ่าคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ๆได้ พิษของมันถูกนำมาใช้ในลูกดอกอาบยาพิษของอินเดียแดง มันจึงถูกเรียกว่ากบลูกดอก
อันดับที่ 7 Inland Taipan -งูไทปันโพ้นทะเล
งูไทปันถูกพบได้มากในทวีปออสเตรเลีย เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก พิษที่มันปล่อยออกมาจากการกัดหนึ่งครั้ง สามารถฆ่าคนได้ถึง 100 คน หรือหนู 250000 ตัว พิษของมันสามารถฆ่าคนได้ภาพใน 45 นาที แต่อย่างไรก็ตาม งูไทปันเป็นงูที่ค่อนข้างขี้อาย ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีคนตายจากพิษของมัน
อันดับที่ 6 The Brazilian wandering spider - แมงมุมบราซิล
แมงมุมบราซิลหรือแมงมุมกล้วย ได้รับการบันทึกลงในกินเนสเวิลด์เรคคอรด์ว่าเป็นแม่งมุมที่มีพิษร้ายแรงที่ สุดในโลก พิษของมันมีพิษทำลายประสาท พวกมันจะอันตรายอย่างมาก เพราะโดยนิสัยของมันแล้วมันชอบแอบอยู่ตามรองเท้า ตู้เสื้อผ้า แม้กระทั่งในรถยนต์ พิษของมันถ้าโดนกัดนอกจากจะทำให้เจ็บปวดอย่างมากแล้ว มันจะทำให้อวัยวะเพศของเราควบคุมไม่ได้ และ ถ้ารอดตายจากการโดนมันกัด มันก็จะทำให้เราเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
อันดับ 5 Stonefish - ปลาหิน
ถ้าแข่งกันในเรื่องของความสวยงามแล้ว ปลาหิน ท่าทางจะแพ้อย่างขาดลอย แต่ถ้าแข่งกันเรื่องความรุนแรงของพิษแล้วละก็ เจ้าปลาหินไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มันได้ชื่อว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของปลาหินนี้จะอยู่ในหนามของตัวมันเอง มีคนบอกว่า ถ้าคุณโดนมันแทงเข้าละก้อ คุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเท่าที่มนุษย์จะเจ็บได้เลยทีเดียว นอกจากจะเจ็บสุดๆแล้ว มันจะทำให้คุณเป็นอัมพาต แล้วก็ตายได้ในที่สุด
อันดับที่ 4 ได้แก่ Death Stalker Scorpion -แมงป่องพันธุ์ เดธท์ สตอลเกอร์
แมงป่องโดยทั่วไปนั้น ถึงแม้ว่าจะโดนกัด พิษของมันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมนุษย์ได้มากนัก
อาจจะเจ็บปวดนิดหน่อย แต่.....มันไม่ใช่สำหรับแมงป่องพันธุ์ เดธท์ สตอลเกอร์ เลย เพราะพิษของมันสามารถทำลายระบบประสาทได้ ถ้าคุณโดนมันกัด คุณจะปวดอย่างมหาศาล จากนั้นจะตามมาด้วยอาการไข้ขึ้น เป็นอัมพาต และตายในที่สุด แต่ถึงแม้พิษมันจะร้ายแรงมาก แต่มันก็ไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้ แต่ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อเด็ก ทารก คนแก่ อย่างมาก ถึงแม้ว่ามันไม่สามารถที่จะฆ่าผู้ใหญ่ได้ แต่มันก็ทำให้เป็นอัมพาตได้นะ
อันดับที่ 3 Blue-Ringed Octopus - ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน
ปลาหมึกแหวนน้ำเงินนั้นมีขนาดที่เล็กมาก ขนาดประมาณลูกกอลฟ์เท่านั้นเอง แต่ขนาดไม่ใช่ปัญหาสำหรับความรุนแรงของพิษมันเลย เพราะพิษมันสามารถฆ่าคนได้ภายในไม่กี่นาที และที่สำคัญมันยังไม่มียาแก้พิษ ถ้าโดนปลาหมึกแหวนน้ำเงินกัดละก็ คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากหรอก แต่ว่าพิษมันจะเริ่มทำลายระบบประสาทของคุณ หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกอ่อนแอ และคุณก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบหายใจการจะเริ่มล้มเหลว หลังจากนั้น ก็ตายในที่สุด
อันดับที่ 2 Marbled Cone Snail -หอยเต้าปูนลายหินอ่อน
หอยเต้าปูน ตัวเล็กๆสีสันสวยงาม แต่!!!พิษของมันนะหรอ เพียงแค่หยดเดียว สามารถฆ่าคนได้ถึง 20 คน ถ้าคุณเล่นน้ำที่ทะเลที่มันค่อนข้างอุ่นๆ แล้วเห็นเจ้าตัวนี้อยู่ อย่าคิดที่จะหยิบมันมาเล่นเลยนะครับ แค่ดูมันอยู่ห่างๆก็พอแล้ว เพราะถ้าคุณโดนพิษมันเล่นงานละก็ คุณจะปวดหลังจากนั้นก็จะเริ่มบวม ระบบการหายใจเริ่มล้มเหลว ร่างกายจะคันหยุกหยิก เป็นอัมพาต แล้วก็ตายในที่สุด อย่างไรก็ตามมีรายงานว่ามีแค่ 30 คนเท่านั้นที่ตายเพราะหอยเต้าปูน
อันดับที่ 1 King Cobra - งูจงอาง
จงอาง หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ophiophagus hannah เป็นงูพิษที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ด้วยขนาดโตสุดที่ 5.6 เมตร งูจงอางนั้น เรารู้กันว่าอาหารโปรดของมันก็คือ งู !!! นั่นหมายความว่ามันกินสัตว์ตระกูลเดียวกัน และเพียงแค่โดนมันกัดเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนตายได้อย่างง่ายๆ และพิษของมันนั้น สามารถฆ่าช้างที่โตเต็มวัยได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ที่สำคัญ มันพบได้ทั่วไป ในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศไทย
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 21:55:58 น. |
Counter : 229 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พืชที่ใช้ทำกระดาษ
ในเรื่องเยื่อกระดาษ (paper pulp) สำหรับทำกระดาษนั้น พืชแทบทุกชนิดให้เส้นใย แต่ต้องพิจารณาด้านการใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพสูง การทำกระดาษหรือเยื่อกระดาษเป็นกระบวนการตีกลุ่มเส้นใยให้เป็นเส้นใย เอาสิ่งเจือปนออกเพื่อให้ได้เซลลูโลส ทำให้เป็นชิ้นสั้น ๆ เพิ่มน้ำ ให้เป็นสารแขวนลอยในน้ำ สั่นให้เข้ากันดี แล้วนำเอาน้ำออกทิ้งให้เยื่ออยู่บน ตาข่ายหรือตะแกรง ตลอดจนทำให้จับตัวกันแน่นเป็นกระดาษเมื่อแห้ง ในกรณีทำเยื่อกระดาษจากไม้นั้น เมื่อเอาเปลือกออกแล้ว ต้มชิ้นไม้พร้อมกับบดด้วยเครื่องบดหรือหินทราย (sand-stones) ป่นให้ชิ้นไม้เป็นเส้นใยป่น ๆ จาก นั้นล้างแล้วกรอง ก็จะได้เยื่อสำหรับทำกระดาษ
นอกจากนั้น มีการใช้สารเคมีช่วยทำปฏิกิริยา โดยต้มชิ้นไม้ในสภาพความกดดันและอุณหภูมิสูง มีด่าง เช่น โซดาไฟ รวมอยู่ด้วย หรือผสมกับโซเดียมซัลเฟต ตลอดจนแคลเซียมไบซัลไฟต์สำหรับไม้แข็ง
ปอสา (paper mulberry tree)
ปอสาหรือต้นสาเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นกลมมีสีน้ำตาลเข้ม เมื่ออายุมากขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีดำลายน้ำตาล มียางสีขาวข้น ใบมี ๒ ลักษณะ คือ ใบหยักหรือเว้า ๓-๕ แฉกและใบกลมซึ่งอาจพบอยู่บนต้นเดียวกัน มีดอกตัวผู้และตัวเมียแยกจากกันคนละต้น (dioecious) ลำต้นส่วนที่เป็นเนื้อไม้จะให้เส้นใยสั้น ส่วนเปลือกให้เส้นใยยาวและเหนียวกว่าส่วนเนื้อไม้เยื่อ (ส่วนผสมของเส้นใยไม้ที่ชื้นจับตัวกันเป็นกระดาษ) ที่ได้จากปอสาเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ทำกระดาษ ร่ม ดอกไม้ประดิษฐ์ หรือดอกไม้กระดาษสา
โดยทั่วไปแล้ว พืชที่ปลูกแล้วนำไปใช้ทำเยื่อกระดาษหรือกระดาษในประเทศไทยนั้นปอแก้วซึ่ง เป็นพืชที่ลอกเอาเส้นใยไปใช้ในอุตสาหกรรมเชือกและสิ่งทอ ก็สามารถนำไปใช้ทำเยื่อกระดาษได้ โดยโรงงานซื้อทั้งต้นที่ตากแห้งไปป้อนโรงงาน นอกเหนือไปจากการใช้ปอสาไผ่ ยูคาลิปตัส และสนเกี๊ยะหรือสนสามใบที่หาได้ยาก ปอสาเป็นผลจากต้นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับไผ่ ส่วนยูคาลิปตัสและสนเกี๊ยะนั้น ก็คงเป็นลักษณะเช่นเดียวกับปอ คือ ปลูกกันเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นนอกเหนือไปจากทำเยื่อกระดาษ สำหรับฟางข้าวและชานอ้อยซึ่งเป็นผลพลอยได้ จากการทำนาผลิตข้าวและอุตสาหกรรมน้ำตาล มีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษเพียงบางส่วน เช่นเดียวกับพืชอื่น ๆ ซึ่งมีเซลลูโลส
พืชที่ใช้ทำกระดาษ
การเขียนหนังสือลงบนวัสดุที่ทำจากพืชที่นิยมกันมากในสมัยโบราณอีกแบบหนึ่ง ได้แก่การจารึกลงใบลาน (Corypha umbraculifera) หรือใบตาล (Borassus flabellifer) เรียกว่า "คัมภีร์ใบลาน" การเขียนตัวอักษรลงบนใบลานเรียกว่า "การจาร" โดยใช้การฝังเขม่าสีดำลงไปในร่องที่ขีดไว้บนใบลาน แล้วขัดตกแต่งใบลานให้สะอาด จะได้ตัวอักษรสีดำฝังอยู่ในเนื้อของใบลานการทำคัมภีร์ใบลานในสมัยก่อน จะใช้เข้าห่อหรือผูกห่อคัมภีร์ตกแต่งปกหน้าหลังเช่นเดียวกับสมุดในปัจจุบัน
กระดาษสาทำจากต้นปอกระสา (Broussonetia papyrifera) และกระดาษข่อยทำจากต้นข่อย (Streblus asper)สมุดไทยที่ทำขึ้นจากกระดาษสาเรียก "สมุดสา" ทำจากกระดาษข่อยเรียก "สมุดข่อย" ใช้ตามชนบท ในสมัยก่อนสมุดมีลักษณะเป็นกระดาษแผ่นเดียวยาวติดต่อกันไปตลอดเล่ม ด้วยการพับทบกลับไปกลับมาจนเป็นเล่มหนา กว้างยาวเท่าใดก็ได้ สามารถเขียนภาพประกอบทั้งภาพลายเส้นและภาพสีประเภทจิตรกรรมลงสมุดได้ด้วย
การเขียนหนังสือลงบนวัสดุที่ทำจากพืช ที่นิยมกันมากในสมัยโบราณอีกแบบหนึ่ง ได้แก่ การจารึกลงใบลาน(Corypha umbraculifera) หรือใบตาล (Borassus flabellifer) เรียกว่า "คัมภีร์ใบลาน" การเขียนตัวอักษรลงบนใบลานเรียกว่า "การจาร" โดยใช้การฝังเขม่าสีดำลงไปในร่องที่ขีดไว้บนใบลาน แล้วขัดตกแต่งใบลานให้สะอาด จะได้ตัวอักษรสีดำฝังอยู่ในเนื้อของใบลาน การทำคัมภีร์ใบลานในสมัยก่อน จะใช้เข้าห่อหรือผูกห่อคัมภีร์ตกแต่งปกหน้าหลังเช่นเดียวกับสมุดในปัจจุบัน
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 21:54:39 น. |
Counter : 960 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
น้ำค้างเกิดขึ้นจากอะไร?
น้ำค้าง เกิดจากไอน้ำหรือความชื้นในอากาศที่จับตัวกันกลายเป็นหยดน้ำแล้วตกลงมาสู่ พื้น น้ำค้างจะเกิดในเวลากลางคืน เพราะเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิของอากาศในขณะนั้นต่ำ เมื่อถึงเวลากลางวันน้ำค้างที่หยดอยู่บนยอดหญ้า เมื่อได้รับแสงอาทิตย์ก็จะระเหยไปหมด ปริมาณความชื้นในอากาศ เราเรียกว่า ความชื้นสัมพัทธ์ ถ้าในอากาศที่มีความชื้นมากจะทำให้เรารู้สึกร้อนและเหนียวตัว แต่เมื่ออากาศหนาวมากน้ำค้างจะแข็งตัวเราเรียกว่า จุดน้ำค้างแข็ง จุดนี้ส่วนมากจะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มฤดูใบไม้ร่วงเพราะอุณหภูมิในช่วงกลางวัน และกลางคืนแตกต่างกันมาก
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 21:53:20 น. |
Counter : 335 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ดวงอาทิตย์ ส่องแสงได้อย่างไร?
ดวงอาทิตย์เป็นกลุ้มก้อนก๊าซที่มีขนาดมหึมาใน ระบบสุริยะจักรวาลของเรา ในใจกลางของกลุ้มก้อนก๊าซก้อนนี้มีอุณหภูมิสูงประมาณ 13,000,000 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นผลมาจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ ทำให้ก๊าซไนโตรเจนเปลี่ยนไปเป็นก๊าซฮีเลียมในระหว่างที่เกิดปฏิกิริยานี้ อยู่ พลังนิวเคลียร์ส่วนหนึ่งก็ถูกปล่อยออกมาซึ่งมีบางส่วนที่มาถึงโลกของเรา ในรูปของแสงและความร้อนเราเรียกว่า แสงอาทิตย์
หากโลกของเราปราศจากแสงอาทิตย์แล้ว สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ก็ไม่อาจจะมีชีวิตดำรงอยู่ได้ เพราะสิ่งมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยแสงอาทิตย์ จะเห็นว่ามนุษย์เราใช้พืชและสัตว์เป็นอาหาร ในขณะที่สัตว์กินพืชเป็นอาหารและพืชก็ใช้แสงอาทิตย์มาช่วยในการสังเคราะห์ แสงต่ออีกทอดหนึ่งด้วย ดังนั้นจุดเริ่มต้นของชีวิตจึงมาจากแสงอาทิตย์
ความร้อนที่เราได้รับจากเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันหรือถ่านหินก็ดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่มีจุดกำเนิดมาจากแสงอาทิตย์ทั้งสิ้น เพราะถ่านหินก็คือซากของพืชในสมัยก่อนประวัติศาสตร์และน้ำมันก็คือซากของ สิ่งมีชีวิตที่หมักหมมกันมานับเป็นล้านๆ ปี นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าอีกประมาณ 1 ล้านปีข้างหน้า ดวงอาทิตย์จะดับ นั่นก็หมายความว่าอีก 1 ล้านปีข้างหน้า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่บนโลกย่อมดับสูญไปด้วย ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นมนุษย์คงจะต้องคิดค้นหาวิธีการเพิ่อความอยู่รอดของตน ต่อไป
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 21:52:15 น. |
Counter : 220 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|