Group Blog
 
All Blogs
 

โตโยต้าเมินกระแสเรียกคืนรถยนต์ คาดบริษัทมีกำไรสุทธิปีงบการเงิน 52 ถึง 8 หมื่นล้านเยน

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ประกาศเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2552 ซึ่งจะสิ้นสุด ณ เดือนมี.ค.2553 โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 8 หมื่นล้านเยน เนื่องจากการปรับลดต้นทุนและจากยอดขายที่แข็งแกร่งในญี่ปุ่น นอกจากนี้ โตโยต้ายังปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายทั่วโลกในปีงบการเงิน 2552 จากระดับ 7.03 ล้านคัน เป็น 7.18 ล้านคัน

นอกจากนี้ โตโยต้าเปิดเผยว่า กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบการเงิน 2552 (เม.ย.-ธ.ค.) อยู่ที่ 9.723 หมื่นล้านเยน ลดลงจากระดับ 3.288 แสนล้านเยนในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 5.225 หมื่นล้านเยน ลดลงจากระดับ 2.215 แสนล้านเยน ส่วนยอดขายอยู่ที่ 13.62 ล้านล้านเยน ซึ่งลดลง 19.6%

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปีงบการเงิน 2552 ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แม้ว่าโตโยต้ากำลังเผชิญกับกรณีเรียกคืนรถยนต์หลายล้านคนทั่วโลกซึ่งอาจส่ง ผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ของบริษัทก็ตาม โดยก่อนหน้านี้ โตโยต้าประเมินว่าจะขาดทุน 2 แสนล้านเยนในปีงบ 52 หลังจากที่บริษัทขาดทุน 4.369 แสนล้านเยนในปีงบการเงิน 2551




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 20 มีนาคม 2558 19:52:05 น.
Counter : 281 Pageviews.  

2010 Toyota Auris Minor Change ปรับโฉมแต่ยังไม่มีไฮบริด

สัญญาณของการปรับโฉม – ไมเนอร์เชนจ์ให้กับรถยนต์ C-Segment ตระกูล โคโรลล่า เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อทางโตโยต้า ยุโรปจัดการกระตุ้นตลาดครั้งใหม่ ให้กับตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 และ 5 ประตู ที่ขายในชื่อ ออริส กับการปรับโฉมครั้งล่าสุด พร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ใหม่ๆ แต่โปรเจ็กต์เวอร์ชันไฮบริดที่ประกาศว่าจะผลิตขายกับออริสในชื่อ Auris HSD ยังไม่มีให้เห็นออกมาในตอนนี้ ต้องรอไปจนถึงเดือนกรกฎาคมโน่น

ออริสเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปีปลายปี 2006 ทั้งในตลาดญี่ปุ่น (แทนที่รุ่น Runx) และยุโรป (แทนที่รุ่น โคโรลล่า แฮทช์แบ็ก) โดยใช้พื้นฐานเดียวกับโคโรลล่า ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน หรือ E150 ซึ่งชื่อรุ่นเป็นคำที่แปลงมาจากคำว่า Aurum ในภาษาละตินที่มีความหมายว่า ทอง

 


จริงอยู่ที่การปรับโฉมครั้งนี้ จะสามารถสัมผัสได้ถึงหน้าตาที่สดใสขึ้นทั้งด้านหน้า และหลัง ส่วนภายในห้องโดยสาร ก็มีการเปลี่ยนวัสดุตกแต่งใหม่ แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ออริสรุ่นนี้มีความน่าสนใจคือ การนำระบบไฮบริดมาใช้กับรถยนต์ในไลน์ผลิต ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์คอมแพ็กต์คาร์ ที่ทางโตโยต้าทำตลาดด้วยขุมพลังประเภทนี้ แต่สุดท้ายแล้ว ออริส ไฮบริดก็ยังไม่มีขายในตอนนี้ คงต้องรอกันต่อไป


สำหรับทางเลือกของเครื่องยนต์ก็ยังเหมือนเดิม โดยชูจุดเด่นตามแนวคิด Toyota Optimal Drive ซึ่งโตโยต้าเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ปลายปี 2008 เริ่มกับขุมพลัง 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว Dual VVT-i 1,330 ซีซี ในรหัส 4ZZ-FE 101 แรงม้าที่มาพร้อมกับระบบ Stop&Start ซึ่งจะมีการดับเครื่องยนต์เมื่อจอดติดอยู่กับที่ และสตาร์ทอีกครั้งเมื่อออกตัวคล้ายกับรถยนต์ไฮบริด โดยจะทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ


โดยระบบนี้ถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่ทางผู้ผลิตรถยนต์นำมาติดตั้งให้กับรถยนต์ในสายการผลิต ในยุคที่รถยนต์ไฮบริดยังไม่แพร่หลายอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นตัวเลือกที่แทรกกลางระหว่างเครื่องยนต์ธรรมดากับเครื่องยนต์ไฮบริด เพราะให้ทั้งความประหยัดในระดับ 19.8 กิโลเมตรต่อลิตร และการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 136 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร


ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็มีทั้ง 4 สูบ 1,600 ซีซี Valvematic 132 แรงม้าที่เพิ่งเริ่มขายเมื่อต้นปี 2009 และเทอร์โบดีเซล 4 สูบ 1,400 ซีซี D-4D 90 แรงม้า ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือกึ่งอัตโนมัติ MultiMode ขณะที่รุ่น 1,800 ซีซี Valvematic และเทอร์โบดีเซล 2,000 และ 2,200 ซีซีไม่มีการระบุว่ามีขายต่อไปอีกหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงจะมีตามมาอีกไม่นาน


ราคาขายในอังกฤษเคาะออกมาโดยเริ่มต้นที่ 14,463 ปอนด์ หรือ 795,000 บาท ส่วนโคโรลล่า ซีดาน คาดว่าในตลาดยุโรปก็คงจะมีการปรับโฉมตามมาไม่นานหลังจากนี้




 

Create Date : 27 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มีนาคม 2558 19:43:17 น.
Counter : 351 Pageviews.  

การเมือง-ค่าเงินฉุดตลาดรถ‘เบนซ์’งัดกลยุทธ์รับ

“เมอร์เซเดส-เบนซ์” ผู้นำตลาดรถหรู ไม่กล้าฟันธง! ตลาดสดใส เหตุปัจจัยผันผวนยังมีอยู่ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีปัญหาการเมือง และค่าเงินบาทแข็ง อาจจะพลิกจากบวกเป็นลบได้ทุกเมื่อ ประกาศงัดหลากกลยุทธ์รับมือ Triple Trust หวังสร้างความเชื่อมั่น และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รุ่น อี-คลาส โฉมใหม่ เวอร์ชั่นประกอบในประเทศ และเอส-คลาส ใหม่ ราคา 7.799-10.999 ล้านบาท






ผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยและผู้สื่อข่าวอาวุโส ถ่ายรูปพร้อมอี-คลาสรุ่นประกอบในประเทศ





       ศ.ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2552 ที่ผ่านมาแม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะตกต่ำจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นอีกปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ โดยมียอดขายรถยนต์เติบโตเป็นบวก หรือทำได้ถึง 3,850 คัน และรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดหรูไว้ได้เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน จากการบริหารจัดการด้านสต็อกและราคาอย่างมีประสิทธิภาพ



       “ในปี 2553 นี้ แม้ทุกฝ่ายจะมองภาพรวมตลาดรถยนต์เป็นบวกหมด แต่สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังไม่มั่นใจมากนัก เพราะยังมีความไม่ชัดเจนอยู่พอสมควร โอกาสที่จะบวกหรือลบเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะปัจจุบันโลกมีความอ่อนไหวในสถานการณ์ต่างๆมาก จึงย่อมส่งผลในแง่บวกและลบได้อย่างรวดเร็ว และประเทศไทยเองก็ยังมีสิ่งที่น่าวิตกกังวลอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ ปัญหาทางการเมือง และค่าเงินบาทแข็งค่าบาท ที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจได้ทุกเมื่อ”




       ทั้งนี้ปัญหาทางการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งยังคงมีความแตกแยกและประท้วงกันอยู่ โดยเฉพาะการประกาศว่าจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิอีก ตรงนี้ย่อมส่งผลเสียหายต่อประเทศอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การส่งออกและนำเข้าเกิดปัญหาในการสร้างรายได้ และที่สุดย่อมส่งผลกระทบต่อการขายรถยนต์



       ศ.ดร.อเล็กซานเดอร์กล่าวว่า แม้เมอร์เซเดส-เบนซ์จะมองภาพรวมเศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์ไทยเป็นบวก แต่ก็ยังไม่สามารถไว้วางใจสภาวะผันแปรที่มีอยู่ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวางแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ให้สามารถรับมือสถานการณ์ทั้งบวกและลบได้ตลอดเวลา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขายประมาณ 4,000 คัน หรือบวก-ลบลงไม่มาก



       “ปีที่แล้วเรานำกลยุทธ์ The Operation Tune-up มาใช้ในการบริหารจัดการเรื่องสินค้า สต็อก และการบริการหลังการขาย จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีความพร้อมและไม่มีปัญหาเรื่องสต็อกแล้ว จะเน้นกลยุทธ์ Triple Trust สร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานบริษัท ตัวแทนจำหน่าย และผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่ดีและเหมาะสมกับตลาด รวมถึงการปรับปรุงบริการทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นและพึงพอใจสูงสุด” ศ.ดร.อเล็กซานเดอร์กล่าวและว่า



       สิ่งสำคัญเมอร์เซเดส-เบนซ์จะต้องสร้างความเชื่อมั่น ก่อนอื่นจะต้องเริ่มที่ตัวของพนักงาน และตัวแทนจำหน่าย เพื่อสร้างแรงผลักดันให้เขามีความเชื่อ และมั่นใจที่ดำเนินงานตามแผน และสุดท้ายย่อมส่งผลถึงผู้บริโภค ส่วนการบริการจะเน้นการอบรมและเพิ่มความรู้ให้กับบุคลากร ภายใต้กลยุทธ์ “3Q++” คือ Quality และ Qualify ในการเพิ่มประสิทธิภาพช่างเฉพาะทาง และบริการหลังการขาย ส่วนของเครือข่าย และการกำหนดราคาสินค้าอะไหล่-บริการอย่างเหมาะสม




       ศ.ดร.อเล็กซานเดอร์กล่าวว่า ขณะเดียวกันจำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ดี และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ดังนั้นล่าสุดเมอร์ซเดส-เบนซ์จึงได้แนะนำรถยนต์ใหม่ 2 รุ่น คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส โฉมใหม่ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ประกอบในประเทศไทย(ซีเคดี) และการเปิดตัว เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ใหม่ สู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมนี้เป็นต้นไป



       โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส เวอร์ชั่นซีเคดีรุ่นแรกของปีที่แนะนำสู่ตลาด เป็นรุ่น E300 AVANTGARD Saloon เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ 219 แรงม้า พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยทางความปลอดภัย และความสะดวกสบายครบครัน ในราคาที่ 4,999,000 บาท



       ส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ได้ทำการปรับโฉมใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ S300, S350 CDI Blue EFFICIENCY L และ S500L โดยทั้งหมดมาพร้อมดีไซน์ใหม่ โดยในรุ่น S300 มีราคาจำหน่าย 7,799,000 บาท รุ่น S350 CDI ราคา 7,999,000 บาท และรุ่น S500L ราคา 10,999,000 บาท





 

Create Date : 27 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มีนาคม 2558 19:38:27 น.
Counter : 367 Pageviews.  

Ford Mustang GT ม้าพยศตัวใหม่ ปี 2011 เครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร 32 วาล์ว 412 แรงม้า


Mustang 5.0 หรือบางคนชอบที่จะเรียกว่า 302 ได้กลับมาอีกครั้งในฐานะรถยนต์รุ่นปี 2011 โดย Mustang GT ใหม่รุ่นนี้ได้เปิดตัวไปเรียบร้อยในงาน Detroit Auto Show ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ สื่งที่น่าสนใจสำหรับรถยนต์รุ่นนี้ก็คือ ขุมกำลังที่เป็นเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร รุ่นใหม่ 32 วาล์ว พร้อมเทคโนโลยี Twin Independent Variable Camshaft Timing (Ti-VCT) ของ Ford ที่ทำให้เจ้า Mustang GT ขับกำลังออกมาได้ 412 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 390 ปอนด์ฟุต จากเดิมที่ Mustang GT รุ่นปี 2010 เครื่องยนต์ V8 4.6 ลิตร ให้กำลังเพียง 315 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 325 ปอนด์ฟุต

 




Ford เผยว่า เครื่องยนต์ V8 ใหม่นี้มีน้ำหนัก 195 กิโลกรัม เบากว่าเครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร รุ่นก่อนหน้านี้ถึง 20% นอกจากการใช้เครื่องยนต์ใหม่แล้ว ระบบเกียร์ 5 จังหวะแบบเก่าจะถูกแทนที่ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6R80 แบบ 6 จังหวะหรือเกียร์ธรรมดา MT80 6 จังหวะเช่นกัน




ในกรณีที่ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ Mustang GT รุ่นปี 2011 นี้ จะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับในเมืองและนอกเมืองอยู่ที่ 17 และ 25 ไมล์/แกลลอน ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นปี 2010 ซึ่งทำได้ 17 และ 23 ไมล์/แกลลอน สำหรับการขับในเมืองและนอกเมือง และในกรณีที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา คาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 16 และ 24 ไมล์/แกลลอน สำหรับการขับในเมืองและนอกเมือง หรือเท่ากับรุ่นปี 2010 โดยรวมถือว่า ทั้งรุ่นปี 2010 และ 2011 กินน้ำมันพอๆ กัน





 

Create Date : 27 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มีนาคม 2558 19:37:33 น.
Counter : 1053 Pageviews.  

ออดี้ปิดเป้าขายทั่วโลก 9.4 แสนคัน

ออดี้ปิดยอดขายรวมทั่วโลกในปี 2009ทำได้ 9.49 แสนคัน ตก 5.4% เมื่อเทียบกับปี 2008 เผยตลาดจีนสดใส ช่วยดันยอดรวมทะลุ 1 ล้านคันแน่นอน

รูเพริ์ด สเตดเลอร์ ประธานกรรมการบอร์ดบริหารของ AUDI AG เปิดเผยว่า ในปี 2009ออดี้ทำยอดขายรวมทั่วโลก 949,700 คันลดลง5.4% เมื่อเทียบกับปี 2008( 1,003,469 คัน) ซึ่งต่ำกว่าอัตราถดถอยของตลาดรถยนต์โดยรวมทั่วโลก ทั้งนี้ในปี 2010 บริษัทมองว่าสภาพตลาดจะกลับมาสดใส พร้อมตั้งเป้าจะส่งมอบรถยนต์ให้ได้ 1,000,000 คันอีกครั้ง

 


รูเพริ์ด สเตดเลอร์ ประธานกรรมการบอร์ดบริหารของ AUDI AG เปิดเผยว่า ในปี 2009ออดี้ทำยอดขายรวมทั่วโลก 949,700 คันลดลง5.4% เมื่อเทียบกับปี 2008( 1,003,469 คัน) ซึ่งต่ำกว่าอัตราถดถอยของตลาดรถยนต์โดยรวมทั่วโลก ทั้งนี้ในปี 2010 บริษัทมองว่าสภาพตลาดจะกลับมาสดใส พร้อมตั้งเป้าจะส่งมอบรถยนต์ให้ได้ 1,000,000 คันอีกครั้ง


“ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2009 ออดี้สามารถทำยอดขายมากกว่าที่ประมาณการไว้เดิม 900,000 คัน เป็น 925,000 คัน โดยมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายสูงเพิ่มขึ้น คือ การเติบโตของตลาดรถ ออดี้ที่สูงมากในประเทศจีน ซึ่งมียอดขายรวม 12เดือนถึง 158,941 คัน เพิ่มขึ้น 32.9% เมื่อเทียบกับปี 2008


ในยุโรปตลาดรถพรีเมียมมียอดขายลดลง 12.8% ดังนั้น ออดี้นับว่ามีผลประกอบการที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง โดยบริษัทสามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ 618,850 คัน พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดของรถพรีเมียมที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรป




 

Create Date : 27 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มีนาคม 2558 19:32:38 น.
Counter : 215 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

DeWalt
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add DeWalt's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.