S-Class ย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถหรู
Mercedes Benz ปีนี้ นำเสนอ "the new generation S-Class"พร้อมกันถึง 3 รุ่น ทั้งที่เป็นเครื่องยนต์แบบเบนซิน แบบวี 6 และ วี 8 และดีเซลคอมมอนเรล วี 6 ได้แก่ S 300 L, S 500 L และ S 350 CDI BlueEFFICIENCY L โดยเฉพาะรุ่นดีเซลเป็นแบบ BlueEFFICIENCY ที่ได้รับการปรับโครงสร้างของรถเพื่อเพิ่มแอโรไดนามิก หรือให้มีความลู่ลมมากที่สุด เพื่อให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ทำงานพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7GTRONIC รถรุ่นนี้สามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้
S 300 L เครื่องยนต์ขนาด V6 ปริมาตรกระบอกสูบ 2,997 ซีซี. พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 161 กิโลวัตต์ 219 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 8.2 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ย 10.8 กม./ลิตร
S 350 CDI Blue EFFICIENCY L เครื่องยนต์ขนาด V6 ปริมาตรกระบอกสูบ 2,987 ซีซี. พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 155 กิโลวัตต์ 211 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 7.8 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ย 12.9 กม./ลิตร
S 500 L เครื่องยนต์ขนาด V8 ปริมาตรกระบอกสูบ 5,462 ซีซี. พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 285 กิโลวัตต์ 388 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตรที่ 2,800-4,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 5.4 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ย 8.8-9.0 กม./ลิตร
มาตรฐานความปลอดภัยของเบนซ์ได้พัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เพื่อช่วย ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและได้เริ่มติดตั้งทั้งในยนตรกรรม E-และ S-Class ซึ่งระบบนี้จะทำงานเหมือนเป็นเพื่อนผู้ร่วมทางให้ผู้ขับขี่แบบชาญฉลาด รถเบนซ์จึงสามารถทำหน้าที่ปกป้อง คือมอง "เห็น" และมีความ "รู้สึก" ในการตอบรับจากอันตรายหรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
The new generation S-Class ยังประกอบไปด้วยนวัตกรรมอันล้ำสมัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่และ ผู้โดยสาร อันประกอบด้วย ATTENTION ASSIST ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ นวัตกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ทางไกล ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว 80-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเซ็นเซอร์ภายในรถจะทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ลักษณะการขับขี่ต่างๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณเสียงและภาพเตือนทันที Adaptive Highbeam Assist ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่าง ชัดเจนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น Night View Assist Plus ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน ประกอบด้วยแสงอินฟราเรดและกล้องขนาดเล็กเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการมอง เห็นและลดอุปสรรคสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน
นอกจากนี้ the new generation S-Class ยังประกอบด้วยCOMAND APS ระบบมัลติมีเดียซึ่งควบคุมการทำงาน ให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงทุกฟังก์ชั่นอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ วิทยุ และเครื่องเล่นดีวีดีที่รองรับไฟล์เพลงแบบ MP3 หรือเลือกสั่งการทำงานโดยใช้เสียง ผ่านระบบ LINGUATRONIC ทั้งยังสามารถบันทึกเพลงโปรดในหน่วยความจำได้มากถึง 2,500 เพลง (MUSIC REGIS TRATION) และจอภาพแสดงผลแบบ SPLITVIEW ซึ่งสามารถแสดงภาพสองมุมมองภายใต้จอแสดงผลเดียว เป็นครั้งแรกของโลกยานยนต์ในการนำเทคโนโลยีชั้นสูงนี้มาใช้ ซึ่งในขณะที่ผู้ขับขี่อ่านแผนที่จากระบบ NAVIGATION ผู้โดยสารด้านหน้าก็สามารถชมภาพยนตร์จากเครื่องเล่นดีวีดีได้ นับเป็นเทคโนโลยีที่หรูหราสมฐานะในระดับ S-Class อย่างแท้จริง
The new generation S-Class มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่เพิ่มความโดดเด่นภูมิฐานและหรูหราด้วยโคมไฟคู่หน้า โฉมใหม่ไฟไบซีนอนเพิ่มหลอดไฟแบบ LED ที่ด้านล่าง ทำให้ส่องสว่างกว่าเดิมถึง 10 เท่า และทำงานควบคู่กับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ กับระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย กันชนหน้าและหลังแบบใหม่มาพร้อมกับหลอด LED และไฟท้ายที่เพิ่มมุมมองแบบสปอร์ตขึ้นด้วยเทคโนโลยี LED ถึง 52 ดวงในรูป "C คู่" ที่ส่องสว่างไกล ให้รถที่ตามมาเห็นสัญญาณไฟได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในยามค่ำคืน
สำหรับราคา The new generation S-Class รุ่น S 300 L ราคา 7.799 ล้านบาท, รุ่น S 350 CDI BlueEFFICIENCY L ราคา 7.999 ล้านบาท และรุ่น S 500 L ราคา 10.999 ล้านบาทส่งสุดยอดแห่งยนตรกรรมระดับแฟล็กชิพ "the new generation S-Class" สู่ตลาดตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถหรู
The new generation S-Class มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ซึ่งมีทั้งเบนซินและดีเซลที่นอกจากจะเพิ่ม สมรรถนะในการขับขี่แล้ว ยังมีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม นอกจากนี้เจเนอเรชั่นที่ 9 ของเบนซ์ SClass ยังได้บุกเบิกนวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเซ็นเซอร์ที่รายล้อมตัวรถ รวมทั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์และ Intelligent partner ระบบช่วยเหลือในการขับขี่แบบอัตโนมัติต่างๆ อีกมากมาย ที่จะปกป้องผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง ทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับอุปกรณ์ความบันเทิงที่สร้างสรรค์มาเป็นพิเศษ the new generation S-Class จึงเป็นผู้นำของยนตรกรรมหรู ในทุกๆ ด้าน
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 20:34:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 317 Pageviews. |
|
|
|
| |