Group Blog
 
All Blogs
 
ชะลออายุด้วย 'อาหาร'

เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น คงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความชราไว้ได้ แต่วิธีที่จะช่วยชะลออายุได้ก็คือ การเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีที่สุด สุขภาพที่ดีมาจากร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน



องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้มีสุขภาพดี ตามที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฯลฯ



ดังนั้น อาหารการกินจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่จะกำหนดให้เราแก่ไปตามวัยที่ล่วงเลย หรือก่อนวัยอันสมควร ยิ่งเมื่อวิทยาการก้าวหน้า อาหารยิ่งถูกปรุงแต่งมากขึ้น จนแทบไม่เหลือคุณค่าของอาหารไว้ ปัจจุบันความคิดทางการแพทย์เก่า ๆ ที่ให้บริโภค เนื้อ นม ไข่ มาก ๆ จึงเริ่มเปลี่ยนไป และให้หันกลับมาสนใจอาหารธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นฐานชีวิตของคนสมัยก่อนแทน



หลัก 10 ประการของการบริโภคอาหารต่อไปนี้ จะช่วยให้ท่านชะลออายุไว้ได้



1. กินคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกดัดแปลง ขณะนี้อาหารเกือบทุกอย่างที่วางขายในท้องตลาด มักถูกดัดแปลงปรุงแต่งใหม่ เพื่อหลอกล่อผู้บริโภคว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่า แต่แท้จริงกลับเป็นผลเสียต่อร่างกาย คาร์โบ ไฮเดรตมักถูกดัดแปลง หรือแฝงในรูปต่าง ๆ เช่น ข้าวที่ถูกสีจนขาว น้ำตาลทรายขาว ขนมหวาน ลูกกวาด น้ำอัดลม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ควรบริโภคแต่คาร์โบไฮเดรตธรรมชาติที่ไม่ถูกดัดแปลง และมีคุณค่าสูง ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ผลไม้สด ถั่ว ผัก และเมล็ดพืช



2. ต้องกินโปรตีนให้เหมาะสม โปรตีนมีอยู่ในเมล็ดพืช ผัก มันฝรั่ง ถั่ว นมพร่องไขมัน และอาหารทะเล บางคนเข้าใจผิดว่าเนื้อวัวมีโปรตีนสูง แท้จริงแล้วไม่ถูกต้องนัก การที่เนื้อวัวให้พลังงานสูง เพราะมีโปรตีนมาก แต่ร่างกายย่อมต้องการโปรตีนให้ได้สัดส่วนกับอาหารอื่น ถ้ากินมากเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนโปรตีนเป็นไขมันสะสมไว้ และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานมาใช้ได้อีก



3. ควรหลีกเลี่ยงไขมัน ยามเมื่ออายุมากขึ้นไขมันเป็นสิ่งที่พึงหลีกเลี่ยง เพราะก่อให้เกิดโรคหลายอย่าง นั่นคือ ควร หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ น้ำมัน เนย มายองเนส กรดไขมันที่จำ เป็น ซึ่งเป็นกรดที่สำคัญที่สุดสำหรับร่างกายนั้น พบในเมล็ดพืชทุกชนิด ผลไม้เปลือกแข็ง และข้าว การเก็บรักษาอาหารประเภทนี้ต้องใส่ภาชนะปิด เพราะแสง ความร้อน และอากาศสามารถทำลายกรดไขมันที่จำเป็นได้


4. กินวิตามินที่ได้จากพืช และสัตว์ วิตามิน ธรรมชาติมีคุณภาพสูงกว่าวิตามินสังเคราะห์ ยิ่งถ้าเราถูกกระทบจากความเครียดมาก ร่างกายยิ่งต้องการวิตามิน และเกลือแร่ทดแทนมากกว่าคนปกติ



5. ควรเน้นผัก และผลไม้สด อาหารในแต่ละวันควรเป็นผักสด และผลไม้ประมาณ 70% อีก 30% ควรเป็นอาหารประเภทอื่น ๆ เพราะจะเป็นการเพิ่มพลังตับสูงให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้จากนักกีฬาชั้นนำระดับโลกต่างหันมาบำรุงร่างกายด้วยผัก และธัญพืชกันมากขึ้น



6. หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง ได้แก่ อาหารหวานจัด อาหารสำเร็จรูป อาหารที่มีสารเคมีเป็นส่วนผสม และโซเดียมซึ่งมีอยู่ในเกลือ ผงชูรส ผงฟู และสารผสมอาหารต่าง ๆ อาหารเหล่านี้ไม่มีคุณค่าแต่กลับมีโทษต่อร่างกาย



7. ดื่มน้ำ สะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 60-70% แต่ละวันเราสูญเสียน้ำไป 6-8% ของจำนวนน้ำทั้งหมด น้ำจะเป็นตัวพาสารอาหารไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควรดื่มน้ำสะอาดก่อนหรือหลังอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำย่อยทำงานเต็มที่ และเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ควรดื่มน้ำ 3-5 แก้ว งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เนื่องจากน้ำอัดลม และน้ำเกลือแร่ไม่มีคุณค่าอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย



กินอาหารแต่ละมื้อให้เหมาะสม ไม่ควรกินอาหารจนแน่นอึดอัด ควรกินแค่เกือบอิ่ม มื้อเช้าควรได้อาหารที่ให้พลัง เพราะต้องทำงานทั้งวัน มื้อกลางวันไม่ควรทานมากจนแน่นท้อง เพราะอาจทำให้ง่วงนอนในตอนบ่าย ส่วนมื้อเย็นควรเป็นอาหารที่เบาท้องเพราะใกล้เข้านอน ในขณะที่เรานอนหลับ ควรให้กระเพาะ และสำไส้ได้พักผ่อนบ้าง



8. กินอาหาร ตามฤดูกาล และที่มีอยู่ในท้องถิ่น พืช ผัก ผลไม้ ตามฤดูกาลจะทำให้ร่างกายมีความสมดุลกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ดี อาหารที่ผิดฤดู หรือที่เข้ามาจากต่างประเทศ อาจเคลือบสารเคมีหรืออาบรังสีบางอย่างเอาไว้ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่มีภูมิต้านทานได้ ในฤดู ร้อน ควรลดอาหารหนัก และในฤดูหนาวควรกินอาหารที่ให้พลังงาน และความอบอุ่น หลายคนชอบกินอาหารฝรั่ง ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารที่มีไขมันสูงเกินความต้องการของคนในประเทศ ซึ่งเป็นเมืองร้อน แต่เหมาะกับต่างประเทศที่เป็นเมืองหนาว



9. กินให้ เหมาะสมกับการใช้พลังงานในแต่ละวัน หากทำงานนั่งโต๊ะในออฟฟิศ ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศทั้งวัน ไม่ควรรับประทานอาหารแต่ละมื้อมากเท่ากับกรรมกรที่ทำงานใช้แรงงานกลางแดด



หลัก การกินทั้ง 10 ประการนี้ ช่วยให้ท่านที่ปฏิบัติตาม ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายผนวกกับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองด้วยการ ออกกำลังกาย และปฏิบัติธรรมแล้วสุขภาพกาย และจิตใจของท่านจะแข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัย ไม่ว่าอายุจะล่วงเลยไปเท่าไรก็ตาม


ข้อสรุปในเรื่องอาหาร และการปฏิบัติตนสำหรับผู้สูงอายุ



- จัดอาหารที่ให้พลังงานลดลง เช่น ลดอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมันลง



- จัดหารอาหารที่เคี้ยวง่าย และย่อยง่าย โดยจัดหาอาหารให้มีลักษณะน่ารับประทาน และรสชาติถูกใจผู้สูงอายุ



- จัดอาหารให้ครั้งละน้อย ๆ แต่จัดให้กินบ่อยขึ้น เช่น มีมื้อของว่าง



- จัดอาหารให้กินตามเวลา และไม่ควรให้ท่านรอเมื่อหิว



- ให้ดื่มน้ำมากๆ อาจเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้สด ไม่ควรดื่มชา กาแฟแก่ ๆ เพราะจะทำให้ท้องผูก และนอนไม่หลับ



- ไม่กินยาระบาย ยาลดกรด และยาอื่น ๆ โดยแพทย์มิได้สั่ง



- ห้องหรือที่อยู่อาศัย ควรมีการระบายลมที่ดี และอยู่ในที่ที่ไม่ร้อนจัด เมื่อหนาวก็มีผ้าห่ม และเสื้อกันหนาวให้อย่างเพียงพอ



- ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ



- รักษาสุขภาพจิตให้ดี ควรใช้เวลาในวันนี้ศึกษาพระธรรม และฝึกปฏิบัติเพื่อได้มีสติสัมปะชัญญะอยู่เสมอ





Create Date : 12 เมษายน 2553
Last Update : 12 เมษายน 2553 23:09:08 น. 0 comments
Counter : 238 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

DeWalt
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add DeWalt's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.