My Diary
Group Blog
 
All blogs
 

เที่ยว 3 คน บนเกาะฮ่องกง ...

ปลายๆ เดือนมิถุนายน 2551 มีโอกาสได้ไปต่างประเทศอีกแล้ว .... วิ๊ดดด วิ๊วววว .... ที่มหาวิทยาลัยมีโครงการให้อาจารย์ได้ไปศึกษาดูงานต่างประเทศ โดยออกเงินให้ส่วนหนึ่ง แล้วแต่ว่าใครจะไปไหน ส่วนเกินเท่าไร ก็ควักกระเป๋าจ่ายกันเอง

จริงๆ โครงการแบบนี้ ปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้วค่ะ ปีที่แล้ว เค้าไป หลายๆ ที่เลย เช่น ปักกิ่ง ฮ่องกง เวียดนาม ... ลงชื่อไว้ว่าจะไปเวียดนาม แต่พอถึงเวลา ก็อดไป เพราะว่ามีงานเข้า ต้องจัดอบรมคอมพิวเตอร์ให้กับโครงการที่เค้าทำไว้แล้ว เลยต้องทำตัวเป็นคนดี ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ... ขอทบมาเป็นปีนี้ก็ไม่ได้ 555 อดเรยยย

พอมาปีนี้ จะไม่ยอมเสียโอกาสอีก ... แต่ก็เกือบทิ้งโอกาสไปอีกเหมือนกัน ปีนี้มี trip ไป เกาหลี เวียดนาม ลาว สิงคโปร์ มาเลเซีย ... แต่ไม่ได้ไปสักที่ ... จนจวนเจียนจะเปิดเทอมแล้ว ก็ยังไม่ได้ไปสักที ... กำหนด trip ว่าจะไป Hong Kong เพราะอยากจะไป Disneyland แต่จนแล้วจนรอด ก็มีแต่คนตั้งท่าจะไป แต่ก็ไม่ตัดสินใจสักที จน....ไม่ไหวแล้ว ไม่มีใครไป เราก็ไปกันเองนี่แหละ เลยชวนน้องที่สนิทกัน .. ขออนุญาตไปกันเองนี่แหละ ตอนแรกขอไป 4 คน แต่น้องอีกคนไปไม่ได้ เลยไปกันแค่ 3 คน ..

ตอนแรก ก็กังวลว่า ... จะไหวเหรอ จะไปกันไงแค่ 3 คน .. ก็เริ่มศึกษาหาข้อมูล .. ก็หาใน pantip นี่แหละ search เจอกระทู้มากมาย ก็เล็งเห็นแล้วว่า ฮ่องกง เที่ยวง่ายจะตาย ไปคนเดียวยังได้เลย ... เลยตัดสินใจ .. เอาวะ ไม่ไปก็ไม่รู้ ....

จากนั้นเราก็เริ่มหาทัวร์ เนื่องจากยังไม่เชี่ยวพอที่จะจองที่พักเอง เลยหาทัวร์ที่ราคาใกล้เคียงกับที่ไม่ต้องควักกระเป๋าเองมากนัก เก็บตังไว้ไป กิน+ช๊อป อ่ะดิ ..... search หาทัวร์ไปเรื่อยๆ ก็มาได้ทัวร์ 3 วัน 2 คืน มี city tour 1 วัน นอกนั้น ก็ให้เราเที่ยวกันเอง ท่าทางจะน่าสนุกอ่ะ

บริษัททัวร์ จองที่พักให้ที่โรงแรม Y.W.C.A. Anne Black 2 คืน และไปสายการบิน Emirates อืมมม ลอง search หาข้อมูลใน pantip (อีกแล้ว) ไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไร แต่เท่าที่ได้ก็รู้สึกว่า ที่พัก OK แต่ไกลจากตลาด shopping ไปหน่อย รวมถึงสายการบิน ก็ OK เหมือนกัน เพราะเห็นว่าถ้าไป HongKong Airlines จะ Delay อืมม .. เอาล่ะ เลือกแล้วนี่ แล้ว package นี้ก็ดูเหมาะกับเราดี .. ก็เลยตกลงจะไปอันนี้แหละ .. ตอนแรกก็กลัวเค้าจะไม่อนุญาตให้ไป เพราะเห็นกำหนดว่าจะต้องไปกรุ๊ปละอย่างต่ำ 10 คนมั๊ง ... แต่เค้าคงจะสงสารว่าปีที่แล้ว เราเห็นแก่งาน (เหรอ ... ) แล้วไม่ได้ไป ปีนี้ก็เลยให้พวกมันไปกันซะ .. 55555

เมื่อตกลงว่าจะไป น้องที่จะไปด้วยอีก 2 คน ก็กังวลนิดหน่อย ว่าเราจะไปกันไงอ่ะ เพราะอีกคนหนึ่งไม่เคยไปต่างประเทศเลย .. เราก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก เพราะเห็นเค้าไปเที่ยวคนเดียวยังมีเลย ฮ่องกงอ่ะ ... เอาน่า ไปกัน 3 คน ไม่เป็นไรหรอก .... อิอิ ส่วนน้องอีกคน ไม่ค่อยห่วง เพราะเคยไปต่างประเทศแล้ว ... เอาน่า ยังไงเราก็มั่วๆ ตามเค้าไปละกันเน้อ ...

คืนวันที่ 25 มิถุนายน จริงๆ ก็เช้าวันที่ 26 นั่นแหละ ประมาณ 02.30 น. ก็ออกเดินทางจากเพชรบูรณ์ไป กทม. ตอนแรกกะว่าจะเอาขาตั้งกล้องไปด้วย เพราะไปกัน 3 คน เอากล้องไป 2 ตัว คงไม่ได้ถ่ายรูปหมู่กันแน่เลย .. เอาขาตั้งไปท่าจะดี แต่ดูแล้ว ทุเรศเกิ้น ... เพราะกล้อง Lumix อันกะเปี๊ยก ขาตั้งอันใหญ่โพด .... 555 แล้วกรู... จะแบกมันไหวเร้อ... เลยทิ้งมันเอาไว้ที่รถแฟนเพื่อนที่มารับนั่นแหละ สรุปแล้วไปกระเป๋าใบเดียวพอ ..

รถถึงหมอชิต 2 ตอน 8 โมงครึ่ง คุณเพื่อนที่แสนดีมารอรับเช่นเดิม (กี่ปี กี่ปี ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ... รักเพื่อนที่ซู๊ดด.... ขอบคุณนะ จุ๊บจุ๊บ )

อืมมม ก่อนไปขอไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหน่อยดีกว่า ... ปกติ เวลาไปทำธุระที่ กทม. ก็จะมารถเที่ยวนี้ และไปเข้าห้องน้ำล้างหน้า แปรงฟัน ทุกที แต่วันนี้ เง้อ ... สงสัยมันจะฤกษ์ไม่ดี ห้องน้ำอย่างเหม็นอ่ะ ... เสียตังเข้าไปคนละ 3 บาท เพื่อเข้าไปดมกลิ่น แล้วเพื่อนก็บอกว่า ออกเหอะ ทนไม่ไหวแล้ว จาอ้วกกกกก ... สรุปแล้ว เลยเสียตังคนละ 3 บาท ไปดมกลิ่นส้วม แล้วก็ออก 5555 เออ ไปเข้าที่สนามบินก็ได้ฟะ ...

จากนั้น คุณเพื่อนก็พาไปส่งที่สุวรรณภูมิ ตอน 9 โมงครึ่ง แต่คุณเพื่อนบอกว่า อยู่รอส่งไม่ได้นะ เพราะจะรีบไปทำงาน ที่ทำงานอยู่ไกลซะด้วยสิ ... อืม แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วจ้า ... ระหว่างทาง คุณผู้จัดการบริษัททัวร์ ก็โทรมาอยู่นั่นแล้ว ว่าเราไปถึงรึยัง .... โฮ่ๆ on the way ค่า .... กะลังรีบไปอยู่ค่า.... คุณเพื่อนก็มาส่งที่ตรงประตู... แล้วก็รีบไป แง่มๆๆๆ ไปได้สักพัก ก็โทรมาบอกว่า ลืมเอา adapter ปลั๊กไปให้อ่ะ .. วนรถขับเอามาให้อี๊ก... ซาบซึ้งๆๆๆๆๆ...

หลังจากรวมกลุ่มกันได้แล้ว และเจอกับผู้จัดการทัวร์แล้ว เค้าก็เอาตั๋ว online ticket ให้เรา จริงๆ เราก็ print มาจากเน็ตแล้วล่ะ แต่เอาอีกก็ได้เนอะ .. จากนั้น ก็อธิบายว่า เมื่อเราไปถึงที่โน่นแล้วต้องทำไง .. บลาๆๆๆๆๆ เราก็ฟังรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง ... ไม่ต้องห่วงคร๊า... ข้อมูลฟิตเปรี๊ยะมาจากในเน็ตแล้ว 555 จากนั้นก็ไปแลกเงิน พอ 10 โมงครึ่ง counter check in ก็เปิด ... อิอิ คราวนี้อิป้า request ขอนั่งติดหน้าต่างนะก๊ะ 3 คนเลยได้ที่นั่งติดกัน 3 ที่ ติดหน้าต่างสมใจอยาก (กระเหรี่ยง 3 สาว ก็สลับกันนั่งข้างหน้าต่างกันใหญ่ อิอิ ...)



ตามธรรมเนียมของสาวไทย ไปที่ไหน ก็ต้องถ่ายรูป ชิมิคะ ... ถ่ายแม้แต่ตรง counter check in ก็เอาง่ะ ...

จากนั้น ก็ไปหาข้าวกินกัน ไปแวะทานข้าวที่ S&P เง้อ ทำไมแพงกว่าข้างนอกหว่า ... แต่เอาเหอะ หิวอ่ะ กินๆๆๆๆ แล้วก็ไปเดินซื้อน้ำ (กระเหรี่ยงอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเค้าไม่ให้เอาน้ำขวดขึ้นเครื่องง่ะ น้องอีกคนซื้อขวดใหญ่ด้วย ต้องทิ้งไว้ตรงประตูทางเข้าแน่ะ .. เง้อ .. บ้านนอกอยากขึ้นเครื่องเฟ้ยยย)

เสร็จแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำ จริงอย่างที่เค้าว่ากันไว้จริงๆ ห้องน้ำที่สุวรรณภูมิน้อยมากๆ แถมไม่ค่อยสะอาดด้วยสิ นึกถึงที่ดอนเมือง ยังเยอะ และดีกว่าเสียอีกง่า .... เข้าห้องน้ำเสร็จ ก็เวลาแทบไม่เหลือแล้ว เรายังต้องไป check boarding pass อีก 5555 กำ ธรรมเนียมอีกอย่างของอิชั้นก็คือ หลงตลอดไง ... เริ่มต้นหลงตั้งแต่สุวรรณภูมิกันเลยทีเดียว ... เริ่มจากหาที่ check boarding pass ไม่เจออ่ะ ก็อิชั้น ไม่เคยมาสุวรรณภูมินี่หว่า ... ของน้องที่เคยมา ก็คนละที่กัน .. เง้อ .. งงเรยยย) งมๆ หากันไปจนเจอ .... เที่ยงครึ่ง เราก็ได้ตรวจ passport กัน เสร็จแล้วก็เดินเข้าประตูไปจนได้ ผ่านเข้าไป duty free เวร... ดันลืมหาข้อมูลอีก ไม่รู้ว่าที่ duty free นี่ถูกที่สุดแล้วหรือยัง ไม่เป็นไร เราไม่คิดจะซื้ออะไรอยู่แล้ว แต่น้องอีกคนเค้าจะซื้อน้ำหอมให้ปะป๊าเค้า ก็เลยเสียเวลาถามราคาตรงนี้นิดหน่อย ... จนใกล้เวลาขึ้นเครื่อง ก็เลยไปขึ้นเครื่องกัน ...



เนื่องจากเป็นสายการบินแขก ดังนั้น สจ๊วต + แอร์ ก็เลยเป็นแขกๆ กันซะส่วนใหญ่ อืมมม.. หล่อๆๆๆๆๆ แต่การถ่ายรูปต้องปรับปรุงหน่อยนะ ถ่ายรูปพวกเราออกมาไม่สวยเยยยยย กร๊ากกกกกก อาหาร ก็พอกินได้นะ จะหวังอะไรกับอาหารบนเครื่องบิน (เอ๊ะ .. หรือหวังได้..) เอาน่า ขนมปังแค่ปาหัวบ๊อกๆ แตกแค่นั้นเอง + น้ำสลัด ที่กระเดือกไม่ลง กะเค๊กรสชาดประหลาด ที่กินได้ ...555 ไม่เอาละ หลับดีกว่า เอาแรง เอาแรง ....

17.40 น. เครื่อง Landing ลงที่สนามบินอะไรนะ อ๋อ.... Check Lap Kok (เขียนถูกป่าว ....) เวลาที่ฮ่องกงจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ก็เลยปรับนาฬิกาซะก่อน เด๋วจะงง .... ออกจากเครื่อง ก็เริ่มงงแว๊ววว จะไปทางไหนดีว๊า ..

อ่านจากในเน็ต เค้าให้ใช้ตำรา เดินไหลๆๆๆ ตามเค้าไป จำคนที่ขึ้นรถเมล์คันเดียวกัน เอ้ยยย ขึ้นเครื่องลำเดียวกัน ไม่หลงแน่นอน 555 อิป้าทั้ง 3 ก็เดินตามเค้าไปเหมือนกัน ไปตามป้าย Arrival นั่นแหละ ... เดินตามไปจนเค้าลงบันไดมาชั้นใต้ดิน .. เฮ้ย ... แตกตื่นละสิ ทำไมเค้าต้องขึ้นรถไฟใต้ดินง่ะ แล้วเค้าจะไปไหน ชั้นยังไม่ได้เอากระเป๋าเลยน๊า ....

555 อิกระเหรี่ยงทั้ง 3 ก็วกกลับขึ้นไปข้างบนอีก ถามคนโน้นคนนี้ ภาษาก็แข็งแรงซะเหลือเกิ้น.... กร๊ากกก นึกแล้วขำตัวเองง่ะ ก็คนที่เค้ามารีวิว เค้าไม่เห็นเล่าให้ฟังมั่งอ่ะ ว่าที่นี่ต้องนั่นรถไฟฟ้าไปเอากระเป๋าอีกที่นึงง่ะ ... 55555 วิ่งวนไปวนมา จนเหนื่อย ถ้าคนโน้นคนนี้ เค้าก็บอกด้วยสายตาเหยียดๆ ว่า ... ที่เมิงไปมาตะกี้อ่ะ ถูกแล้ว จะแตกตื่นอะไรนักหนา ...
เชอะ ... ใครจะไปรู้ง่า ... บ้านอิชั้นไม่มีนี่หว่า .... เอาน่า ... ประสบการณ์แบบนี้ ไม่ได้มีในตำราหรอกน่ะ ...

ฝ่าฟันกับความเงอะงะ จนมาถึงตรงขาออกจนได้ ยังไม่หมดความเฟอะ ยังหากระเป๋าไม่เจออีก เพราะคนที่มาพร้อมเรา เค้าไปไหนต่อไหนกันหมดแล้ว .... ทางอยู่ที่ปากอีกแล้วเรา ถามมันดะ หาเจอมั่งไม่เจอมั่ง (จะรอดไม๊เนี่ยกรู ยังต้องอยู่อีก 2 วันน๊า... ) จนเจอกระเป๋า รีบออกไปกันเหอะ .. ทำเดินเชิด ๆ ผ่าน ตม. ของ HongKong ก็เห็นคนอื่นเดินผ่านไปเนียนๆ แต่ทำไมเรา 3 คน เค้าเรียกง่ะ ถามว่าเรามาจากไหน พอเราบอกว่า from thailand เค้าก็เอะอะกันใหญ่เชียว ไทกั๋ว ไท่กั๋ว ... เออ ไท่กั๋ว แล้วไงอ่ะ ... คราวนี้ก็มาค้นกันใหญ่เลย บร้า... ชั้นเป็นสาวเป็นนาง สวยๆ ทั้งนั้น มาค้นได้ไงอ่ะ อิอิ ... สงสัยหน้าตาเหมือนลักลอบมาทำงานเป็นแม่บ้านฮ่องกงอ๊ะเปล่า .... เล่าให้ตื่นเต้นไปงั้น จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก สักพักเค้าก็ปล่อยให้ผ่านไป

เราก็รีบเดินหารถที่จะมารับเราไปโรงแรมล่ะสิ เพราะเราอ่ะ ช้าที่สุดแล้ว เค้าคงรอพวกเราอีกกลุ่มเดียว ... พอไปถึง ก็เจอคนที่มารับ เค้าหน้าตาตื่นใหญ่ แล้วก็อธิบายให้เราฟังว่าเราต้องไปขึ้นรถคันไหน ยังไง .... พอจะไปขึ้นรถ เราก็ขอเค้าว่า ขอไปซื้อ sim โทรศัพท์ก่อน เพราะเรากลัวหลงกัน ต้องหาโทรศัพท์ไว้ติดต่อกันก่อน ก็เลยไปซื้อตรงร้านในสนามบินนั่นแหละ... ราคา 98 เหรียญฮ่องกง ระหว่างซื้อก็ให้ทางร้านเข้าสอนเปิดใช้บริการ .. ยังสอนไม่เสร็จเลยง่า อีตาบริษัททัวร์ก็มาล้งเล้งใหญ่ บอกว่าเค้ารอเราอยู่กลุ่มเดียว "ลื้อจาปายเหรอม่ายปายยยยย" กร๊ากกกก ไปก็ได้ฟะ ....

ระหว่างอยู่ยนรถ เราก็นึกได้ว่า ไม่ได้ถามเค้าเลยว่าจะ check ยอดเงินยังไง พอดีมันมีเบอร์โทรศัพท์ค้างอยู่ใน list เลยคิดว่าต้องเป็นเบอร์โทรที่ร้านเค้าตอนที่เค้า test โทรศัพท์ แหงๆ เลย ก็เลยลองโทรไป .. ปรากฏว่าใช่ .. ก็ถามเค้า ... แต่ปรากฏว่า ฟังเค้าไม่รู้เรื่องอ่า ... กร๊ากกกกก... โง่นี่ ...

รถที่มารับเราเป็นรถบัสขนาดใหญ่ มีเพื่อนร่วมทางมาตรึมเลย และรถก็แวะวนๆๆๆๆ ส่งกรุ๊ปโน้น กรุ๊ปนี้ จน 2 ทุ่ม ถึงจะมาส่งเราที่โรงแรม ...



ห้องพักโรงแรมก็โอเคนะ 2 เตียง และเสริมเตียงให้อีก 1 เตียง เราไม่ได้จอง 2 ห้องอ่ะ เพื่อความปลอดภัย เลยจองแค่ห้องเดียว ... มาถึง เราก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ไปตลาดกันเลย ที่พักของเราอยู่ใกล้กับ Lady Market (ดูจากแผนที่นะ ..) แต่ปรากฏว่า หลงตั้งแต่ออกจากหน้าโรงแรมแล้วง่ะ .. ดูแผนที่ก็ยังดูไม่ออกเลยว่า จะหันหน้าเดินไปทางไหน ซ้ายหรือขวา 5555

โรงแรมจะอยู่ตรงเชิงเขา เมื่อออกมายืนหน้าโรงแรม ถ้าเดินไปทางซ้าย จะขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เข้าไปถามตรง front เค้าก็บอกว่าให้เลี้ยวขวา เราก็เดินเลี้ยวขวาออกมา ออกมาเจอทาง 3 แยกอีก กำ ... แล้วไปทางไหนเนี่ย ตัดสินใจเดินไปทางซ้าย ข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ยิ่งเดินยิ่งมืดว๊า ... เลยมองหาเหยื่อ อิอิ... นั่นไง เหยื่อเดินมาแล้ว เป็นน้องหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ถามไปถามมาชื่อ rainny (อย่ามากะฝนน๊า พี่ขอร้อง) ... คุยไปคุยมา ปรากฏว่า น้องเค้าเคยไปเมืองไทยด้วยแหละ ... คุยกันถูกคอ เค้าก็เลยบอกว่า เค้าจะไปทางนั้นพอดี ให้เดินไปด้วยกัน ...

ก็สรุปว่า ทางที่เราเดินมาน่ะ มันผิดทาง ต้องเดินกลับไปทางเดิม สรุปแล้วคือ เมื่ออยู่หน้าโรงแรมหันหน้าออกถนน ให้เราเดินมาทางขวา จะเจอทาง 3 แยก ให้เดินขวาอีก ... ไปจนเจอถนนที่เป็นทาง 3 แยกอีก ให้เลี้ยวซ้าย แล้วข้ามถนน หรือข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายก็ได้ ... เดินไปเรื่อย ... ก็จะเจอตลาด Lady Market เดินไปเดินมา น้องเค้าหายไปไหนแล้วอ่า ... ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบคุณมากนะค๊า .. คนฮ่องกงใจดีเจงๆๆๆ

ไปเดินตลาดวันนี้ ก็ไม่มีอะไร หาขนมกิน เออ ที่นี่กินแต่เนื้อนะ ไม่ค่อยมีหมู ไก่ .. เห็นร้านคล้ายๆ ขายลูกชิ้นปิ้ง แต่มันจะเป็นเครื่องในวัว (มั๊ง) กะทาโกะยากิ (ที่ข้างในมันเป็นไส้ปลาหมึกยักษ์ง่ะ) ขอบอกว่า ไม่อร่อยเล้ยยยยย คิดถึงลูกชิ้นปิ้งที่บ้าน .. 555



เดินไปเจอนาฬิกา เห็นสวยดี ก็เลยซื้อมาฝากน้องๆ ที่ทำงาน เรือนละ 20 เหรียญ แต่พอซื้อมาแล้ว เค้าบอกว่า ส่วนมากนาฬิกาที่นี่เป็นนาฬิการักชาตินะ เพราะออกนอกประเทศเมื่อไร มันจะกลั้นใจตายทันที 55555

ขากลับ ... เดินกลับมาทางเดิม ผ่านร้านบะหมี่เกี๊ยว ซึ่งตอนเดินผ่านขาไป พวกเราก็เล็งกันไว้ว่า อืมมม น่ากินเนอะ .. พอขากลับ ก็เลยแวะกินกัน (หา ... ตอนเกือบ 5 ทุ่มเนี่ยนะ .. อ้วนนะน้อง.... 555 ) แต่ก็แวะ เพื่อลอง หลังจากเล็งๆ โต๊ะอื่นๆ แล้ว เรา 3 คน สั่งแค่ชามเดียวก็น่าจะพอ .. เพราะชามมันใหญ่เหลือเกิน แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะเมื่อมาถึง ชามใหญ่จริงๆ แต่อร่อยสู้บะหมี่บ้านเราไม่ได้เลย ฮือ ฮือ คิดถึง ชายสี่หมี่เกี๊ยว หรือ บะหมี่แป๊ะตง จริงจริ๊ง...)

23.00 น. เหนื่อยมากกกกก กลับมาถึงโรงแรม พยายามแข็งใจอาบน้ำ เขียนไดอารี แล้วก็ดูแผนที่สำหรับพรุ่งนี้ นิดหน่อย ... ไม่ไหวแล้ว หลับดีกว่า พรุ่งนี้ ทัวร์นัดจะมารับตอน 7.20 น.

ต่อวันพรุ่งนี้ บล๊อกหน้า นะก๊ะ




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 1:06:47 น.
Counter : 587 Pageviews.  

ไปต่างประเทศครั้งแรก เมื่อปี 2004 ตอน 4 ตอนสุดท้าย

วันที่แปด Free Days ... Shop แหลก แทบไม่มีดะ แอก แล้วอ่า ...

แป่ว จั่วหัวไม่สุภาพเลย

วันนี้เป็นวันฟรี คือไม่มีกำหนดการอะไร ปล่อยให้ทุกคนไปบุฟเฟต์กันเอง ตามมีตามเกิดค่ะ โตๆ กันแล้ว .. 555 สี่สาวเกิร์ลแก๊งค์ ก็ไปมันดะล่ะค่ะ วันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะ Shopping อย่างเดียว ลุยมันตั้งแต่ หวังฟู่จิง ซึ่งจริงๆ ไปมารอบนึงแล้วเมื่อวันที่ 2 แต่มันดึก ... เลยไม่ได้ซื้ออะไร (กลัวกลับโรงแรมไม่ถูก)

ออกจากหวังฟู่จิง ไปเจอกับอีกกรุ๊ปนึงโดยไม่ได้นัดกัน เลยไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารไทย ร้านนึง ชักภาพรวมกันได้ 1 ภาพ ถ้วน ...



จากร้านอาหาร มุ่งหน้าไปตลาดรัสเซียกัน ก่อนถึงตลาด แวะตรงแถวที่เค้าขายของก๊อปแบรนด์เนม จำชื่อไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ รู้แต่ขายพวกของแบรนด์เนม (ก๊อป) เยอะไปหมด แต่เค้าบอกว่า นี่เหลือน้อยนะ เนื่องจากเป็นช่วงที่เค้าเข้มงวดเรื่องสินค้าลิขสิทธิ์ ของจะไม่ค่อยมี แต่ขอบอกว่า ราคานี่ไม่ได้ถูกนะ ยกเว้นว่าจะต่อ จำได้ว่า ต่อราคาสินค้าครั้งแรก ต้องติดปุ่มสตาร์ทไว้ที่เท้า เตรียมวิ่งหนีถ้าแม่ค้าด่า แต่ไม่ยักด่าแฮะ แถมดันลดให้เราซะนี่ ทำเอาเอ๋อไปเลย ต่อเล่งๆ ง่ะ ม่ายล่ายจะเอาจิงๆ ซ๊าโหน่ยยยย ... 555

ก็แค่อยากลองต่อว่า เค้าให้ต่อเหลือแค่ 30% จะจริงหรือเปล่า ซพต. แล้ว ว่า จริงเจ้าค่ะ ... เหอ เหอ

ก็วันนี้ไปเดินซื้อตุ๊กตาห้อยโทรศัพท์ เหลือ 7 อัน 20 หยวน ไง ...

ออกจากตลาดนี้ เค้าก็ไปตลาดรัสเซียกัน ไปซื้อนาฬิกา (ก๊อปอีกแล้วครับท่าน) ... บ้านนอกมากตอนนั้น เห็นเค้าซื้อ Rolex กัน ถูกมักๆ ก็ซื้อตามเค้า เงินที่แลกมาหมดแล้ว ยังอุตส่าห์เอาเงินไทยไปลกเงิน Dollar ของอาจารย์อีกท่านนึง มาซื้อ แล้วไงล่ะ ตอนนี้เอาไปปาหัว ม๋า แล้วอ่ะ

เคยไม๊ ไปซื้อของกับก๊วน แล้วในก๊วนเค้าก็ซื้อกันใหญ่เลย เราไม่ซื้อเหมือนเราตัวดำอยู่คนเดียวเนอะ ต้องงัดมาซื้อกะเค้ามั่ง อยากได้ไม่อยากได้ ไม่รู้ ถ้าเป็นตอนนี้นะ เชอะ ...


กลับมาตัวเบาหวิว .... ทั้งเงินหยวน เงินบาท ... มีแต่ของอะไรก็ไม่รู้ บ้าๆ บอๆ

วันที่เก้า ไปจตุรัสเทียนอันเหมือน พระราชวังต้องห้าม และไปร่วมพิธีปิด ที่ Ethics อะไรสักอย่างนึง 5555 + แอบหนีไป shop อีกต่างหาก ..

วันนี้เป็นวันที่มีพิธีปิด ผู้ร่วมงานจากทุกประเทศ ต้องไปรวมตัวกันที่ศุนย์อะไรสักอย่างนึง เป็นลักษณะคล้าย พิพิธภัณฑ์ของชนเผ่าต่างๆ ของจีนน่ะค่ะ จำได้แต่ชื่อ ethics อะไรนี่แหละ เหอ เหอ ...
ไม่ได้ช่วยอะไรกับชีวิตใครเลย

แต่ช่วงเช้า พาไปชมจตุรัสเทียนอันเหมิน ไม่เห็นมีรูปเลยอ่ะ แสดงว่าช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายรูปละมั๊ง เหอ เหอ ..... จากนั้นก็เดินทะลุไป พระราชวังต้องห้าม (กู้กง) คนเยอะเป็นมดอีกแล้ว ... และที่นี่ เค้าให้เด็กๆ เดินกันเป็นกลุ่มๆ มีหัวหน้าทีมถือป้ายนำเป็นกรุ๊ปๆ ด้วย แต่ตอนหลัง ก็แตกแยกกันไปหมดเหมียนเดิม ... อิอิ





กลับไปกินข้าวโรงอาหารเหมือนเดิม ช่วงบ่าย ไปร่วมพิธีปิด ซึ่งจัดในพิพิธภัณฑ์ที่ว่า ... ระหว่างรอ ถ่ายรูปเล่นกันอย่างเดียวเรยยย





ช่วงพิธีปิด พวกเรา หนีไปชอปปิ้ง กันอีกแล้ว ... ฝากกล้องถ่ายรูปให้อาจารย์พี่เค้าช่วยถ่ายให้ ...



วันที่สิบ กลับแล้วค่า ... บ๊าย บาย ปักกิ่ง .. ช้านนนนนจะคิดถึงคูนนนนนน

เช้านี้ตื่นมา check out เก็บของมารวมๆ กันที่ Lobby โรงแรม ... รถมารับเราไปโรงเรียน (อีกแระ ... ) ชักภาพหมู่ร่วมกันที่โรงเรียน และนั่งรถไปสนามบิน ... ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมาก เพราะคิดถึงบ้านโคตรๆ ....



เครื่องถึงดอนเมือง ทุ่มกว่าๆ ให้เพื่อนจองตั๋วรถทัวร์เที่ยว 5 ทุ่ม ไม่ไหวแล้ว คิดถึงบ้านมากๆ ขอกลับบ้านก่อนละค่ะ อีกอย่างหนึ่ง วันรุ่งขึ้น มหาวิทยาลัยจัดงานวันแม่ด้วย จริงๆ เรามีหน้าที่ต้องไปร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ในงาน ... แต่เค้าคงคิดว่าเรามาไม่ทัน เลยให้คนอื่นร้องแทนไปแระ ... เง้อ... อดเกิดเลย ...

สิ่งที่ได้จากการท่องเที่ยวครั้งนี้

1. ได้ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรก (แต่ไม่ใช่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก เพราะครั้งแรกนั่งเครื่องบินไปหาดใหญ่ เพื่อไปงานศพปาป๊าของเพื่อนรัก) ตื่นเต้นอยู่แล้ว เพราะไปต่างประเทศครั้งแรก

2. ได้พูดภาษาอังกฤษ งูๆ ปลาๆ ครั้งแรก แต่ ปักกิ่ง ตอนนั้น เค้าไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกัน ที่ย่านขายของ แม่ค้าพูดภาษาไทยซะงั้น ... น้องคนหนึ่ง เพิ่งกลับมาจากนอก ภาษาอังกฤษเธอสำเนียงเปรี๊ยะมาก อยู่ถึง 10 วัน มันบ่น ว่า ภาษามันกลายพันธุ์ เป็นภาษาแม่ค้าปักกิ่งแล้ว ประเภท last price เอย cheaper cheaper cheaper เอย ... 5555

3. เพิ่งกล้าต่อราคาแบบโคตรๆ ก็ครั้งนี้ ตอนแรกเค้าบอกมา เราก็ไม่กล้าต่อ แต่พอวันหลังๆ ยอมไม่ได้แล้ว ไทกั๋ว ซะอย่าง ... 555 จนวันท้ายๆ แม่ค้าต้องถามว่า มาจากไหน ไม่กล้าบอกว่า ไทกั๋ว ต้องบอกว่า มาจากมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ซะงั้น

4. ห้องน้ำปักกิ่ง นรกแตกมาก ... ข้างนอกดูดี แต่กลิ่น .. นรกสุดๆ ประตูมี แต่ล๊อกไม่ได้ สงสัยคนปักกิ่งไม่ชอบปิดประตูห้องน้ำ เลยพังกลอนมันซะ ... สาวๆ ปักกิ่ง ขนจั๊กกูแร้ ยาวมาก และชอบใส่เสื้อแขนกุด แถมนุ่งกระโปรงขี่จักรยาน เปิดหวอขอทางตลอดทางเรยยย


5. คนปักกิ่ง เฉพาะเด็กๆ วัยรุ่น เท่านั้น ที่พูดภาษาอังกฤษ นอกนั้น ไม่สนใจโลกภายนอก

6. เด็กปักกิ่ง นรกมาก ไม่ยอมต่อคิว จำได้ว่า ไปต่อคิวซื้อไอติมแม็คโดนัล คิวก็ยาว เด็กนรกตนหนึ่ง มันไม่สนใจใคร กรูจะแซงคิวลูกเดียว ... พอดียืนอยู่ใกล้ๆ กำแพงตึก มันเดินมาทางด้านขวา ชิดกำแพง เลยกางศอกกันมันไว้ มองหน้า และบอกว่า มายคิว ... 55555

7. ดีใจที่ได้รู้จักผู้คนเยอะขึ้น บางคนเพิ่งมาได้เจอกันเมื่อตอนกลางปีนี้ ... บางคนก็เจอบ่อย ทักบ้าง ไม่ทักบ้าง ... แต่สรุปแล้ว ได้ประสบการณ์พอตัว

8. นึกไม่ออกแล้ว นานเกิน .... บลา บลา บลา ...นึกออกเมื่อไรมาต่อ ..




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2551 1:35:32 น.
Counter : 683 Pageviews.  

ไปต่างประเทศครั้งแรก เมื่อปี 2004 ตอน 3

วันที่เจ็ด เที่ยวกันเอง ที่วัดลามะ พระราชวังกู้กง และเจดีย์ขาวเป่ยไห่

วันนี้เค้าปล่อยให้เที่ยวกันเองตามอัธยาศัย เราทั้ง 4 (Girl's Gang) อุทิศ ตัว เวลา และเงิน ให้กับสถานทีท่องเที่ยวที่ใกล้ๆ

โดยเริ่มต้นตอนเช้าที่วัดลามะ .. กางแผนที่ นั่งพี่ Taxi ไปลงสถานี รถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ไปวัดลามะ แถวๆ วัด มีร้านขายพวกเครื่องเซ่นไหว้ เหมือนบ้านเราเลย เข้าไปข้างในเสียตังค์ค่าเข้าด้วยง่ะ และข้างในก็มีพวกเครื่องลางขายด้วย เพิ่งรู้ว่า เค้าไปเช่าปี่เซี้ยะ อะไรกันที่นี่ ตอนเราไปไม่รู้เรื่องเลย เที่ยวอย่างเดียว ตังก็ไม่มีหรอก มีไปแค่ค่าซื้อประสบการณ์ชีวิต ส่วนของอื่นๆ มิมีตังเลยคะ ..








ออกมาจากวัด ... แวะกินข้าวที่ร้านอาหารแถวใกล้ๆ วัด อ่านเมนูไม่ออกหรอกค่ะ ใช้วิธีจิ้มเอา จำได้ว่าที่ภัตตาคารที่ไปกินเป็ดปักกิ่ง มันมีอาหารจานนึงที่กินแล้วถูกปากพวกเรามากที่สุด เป็นลักษณะคล้ายๆ หมูผัดซอสหวานๆ เลยจิ้มเอาอันนี้เลย 555 และที่ร้านนี้เราลืมกล้องดิจิตอล (ของหลวงซะด้วย) ไว้ที่ร้าน แต่เค้าวิ่งออกมาเรียกให้กลับไปเอา ชิ .. กล้องราคาถูกๆ เค้าคงไม่อยากได้ ... ขอบคุณมากค๊า ....ที่ให้คืน ..



อิ่มท้องกันแล้ว เรามุ่งหน้าไปเจดีย์ขาวเป่ยไห่ โดยพี่ taxi เช่นเดิม สบายสุดแล้วง่ะ เจดีย์ขาวเป่ยไห่ อยู่ในบริเวณสวนสาธารณะเป่ยไห่ อยู่ด้านหลังพระราชวังกู้กง (ประวัติศาสตร์อะไร ไม่ค่อยรู้ เพราะไม่มีไกด์ ใครอยากทราบ search หาเอาจาก google ละกันนะคะ)





555 และ ณ ที่นี้ เราได้ถ่ายรูปในชุดบังคับซะที ด้วยราคาที่ถูก... หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว (เพราะขึ้เกียจจะหา) แต่สถานที่ถ่ายต้องมุดลงไปในถ้ำด้วยอ่ะ อิอิ อย่าสงสัย ทำไมพระนางทรงดำนัก ... เกรียมแดดไปหน่อย



ออกจากเจดีย์ขาวเป่ยไห่ เราก็หาทางไปเดินตลาดกัน โดยเค้าบอกว่าข้ามถนนไปไม่ไกลนัก ก็จะมีตลาดนัด คล้ายๆ จะเหมือนแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่เดินไปอีกที ก็คล้ายๆ แถวๆ พาหุรัด เลยอ่ะ

มองหาทางข้ามถนนไม่เจอ สะพานลอยไม่มี อิอิ .. อย่าแกล้งโง่ ที่นี่เค้ามุดใต้ดินกันจ้ะ ตามสี่แยกต่างๆ จะมีอุโมงค์ข้ามถนนใต้ดิน ลำบากหน่อยล่ะ เพราะไม่รู้ว่าไปทางไหน จะไปโผล่ทางไหน เดาๆ เอาละกัน ออกมาจนได้แหละน่า ...

ตลาดมีทั้งขายผลไม้ ของ shopping ร้านชา ที่ขนมอร่อยจัง ชิมได้ไม่อั้นด้วย ... และมีชาวจีนตั้งโต๊ะ เขียนป้ายคำอวยพร .. งึมๆ คิดถึงปะป๊าจัง ต้องชอบแน่ๆ เลย ..







เหนื่อยแล้ว ง่วงด้วย ไว้มา up ต่อ พรุ่งนี้ละกัน ....




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2551 1:44:04 น.
Counter : 453 Pageviews.  

ไปต่างประเทศครั้งแรก เมื่อปี 2004 ตอน 2

วู้ ... review ต่างประเทศทั้งที ไม่มีอะไรเลย ถนนหนทาง สถานที่ที่ไป ไม่รู้สักอย่าง ตื่นเต้นกับการไปครั้งแรก เลยไม่ได้บันทึก จดจำ อะไรสักอย่าง มีแค่รูป ไว้เตือนความทรงจำเท่านั้นเอง วันนี้ เลยต้องค่อยๆ แกะ แคะ ออกจากสมองที่มีอยู่น้อยนิด ..

วันที่สี่ วันทัศนศึกษา พาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และ สวนพฤษศาสตร์


วันนี้ เค้าพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ค่ะ การเดินทางนี่เอิกเกริกมาก เพราะจะนั่งรถบัสเป็นขบวน 10 กว่าคันได้ มีรถตำรวจนำด้วยล่ะ อิอิ ...... ดูเป็นบุคคลสำคัญไม๊ ........

พอไปถึงเป้าหมาย ... เพิ่งรู้ว่า ... พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ไหนๆ ก็เหมือนกันเนอะ เดินไปเดินมา นึกถึง อพวช. (เขียนถูกป่าวอ่ะ ..) ที่คลอง 6 อ่ะ เหมือนกันเลย .. ไม่เชื่อลองดูรูปดิ



ส่วนตอนบ่าย เค้าพาไปชมสวนพฤกศาสตร์ เดินไป เดินมา เหมือนไปเดินอยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จะพระบรมราชินีนาถ ที่ จ.เชียงใหม่ เลย .. จำได้ว่า เริ่มคิดถึงบ้าน 555

ลักษณะสวนพฤกษศาสตร์ คงเป็นแบบเดียวกันทั้งโลก มีพืชป่าดงดิบ พืชเขตร้อน พืชทะเลทราย .. ประมาณนั้นอ่ะ

มีน้ำพุเต้นระบำด้วย เด็กๆ ลงไปเล่น เปียกไปตามๆ กันเลย



ออกจากสวนพฤกษศาสตร์ ก็เดินทางกลับโรงเรียน ไปกินข้าวเย็น (บุฟเฟต์โรงอาหารของโรงเรียน .. นึกภาพออกไม๊คะ ดีจริง น้ำหนักลดเลย ...)

จากโรงเรียน ก็กลับโรงแรม

วันที่ห้า เข้าฟังสัมมนา (ภาษาจีน ??????) และหนีเที่ยวพระราชวังฤดูร้อน

วันนี้โครงการจัดให้เข้าฟังสัมมนาใน forum ที่เราสนใจ เราสนใจนะ แต่ .. ฟังไม่รู้เรื่องอ่า ... พี่ท่านเล่นเว้าแต่ภาษาจีน .. ฮ่วย .. ข้อยสิฟั๊งบ่ฮู้เรื่อง ...

ทนนั่งอยู่ได้สักหน่อย ก็หรอย..ออกจากห้องกันหมด

อิอิ ทำหน้าทำตาทำท่า นักวิชาการมั่กๆ



วันนี้กินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร เลยถ่ายรูปบรรยากาศเก็บไว้ เป็นที่งงงวยมาก เพราะเค้าแบ่งเป็นโซนอาหารคาว อาหารหวาน+snack 555 มี snack เป็นตีนเป็ด + ลิ้นเป็ด ด้วย เข้ากั๊น เข้ากัน กะเค๊ก และผลไม้



ทานข้าวเสร็จ อยู่ไม่ไหวแล้วเรา เด็กใจแตกทั้ง 4 เริ่มหาหนทางหนีเที่ยว ... วางแผนกันแล้ว ว่าวันนี้เราจะไปพระราชวังฤดูร้อน ของพระนางซูสีไทเฮา ... อยากไปดูทะเลสาบที่ใช้แรงงานคนขุด ว่าจะกว้างใหญ่เพียงไหน .. จำไม่ได้แล้วค่าเข้าเท่าไร รู้แต่ว่า เงินหมดไปกับพวกค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เยอะมาก รวมถึงค่านั่งเรือหัวมังกร ข้ามทะเลสาบด้วย (ถ้าไม่นั่งเรือ ก็ต้องเดินกลับไปทางเดิม เดินไม่ไหวแล้วอ่ะ ขาจะลาก)





ขากลับ เราตั้งใจกันว่า วันนี้ต้องไปกินเป็ดปักกิ่งให้ได้ และปรึกษาหารือกันเรื่อง การเดินทางกลับ 555 ไม่ได้วางแผนอะไรกันเล้ย กางแผนที่อย่างเดียวกางไปกางมา ดูไม่ออกอ่ะ เลยคิดจะถามทางจากคนแถวนั้น เค้าว่ากันว่า ให้หาเด็กวัยรุ่น เพราะส่วนมากจะพูดภาษาอังกฤษได้ พอดีเจอคู่รักคู่หนึ่ง แต่ดูสาวเจ้าจะอยู่ก๊วนเดียวกับเจ๊อั้ม พัชราภา นะ เพราะหนุ่มที่มากับสาวเจ้า ดูเด็กจัง ... อิอิ แต่เค้าก็นึกว่าเรารุ่นเดียวกันนะ กร๊ากกกก... ยังหลอกเด็กได้อยู่วุ้ย ....



เริ่มจากถามทาง แล้วก็ถามหาภัตตาคารที่เลื่องชื่อด้านเป็ดปักกิ่ง โห้ โห้ เด็ก 2 คน เลยพาเรานั่งรถเมล์ กลับเข้ามาในเมือง แล้วพาไปกินเป็ดปักกิ่ง ที่อยู่ใกล้ๆ บ้านเค้า ... ไม่ได้ให้น้องเค้าจ่ายหรอก หารกันเอง แต่จำค่าอาหารไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่า เป็ดปักกิ่ง (อ่า..อะไร) ไม่อร่อยเลยอ่ะ เลี่ยนโค๊ด โคด ...

จากร้านอาหาร หรือภัตตาคาร หว่า ... ใกล้ๆ กันนั้น มีห้าง คล้ายๆ คาร์ฟูร์ เลยเข้าไปเดินหาของแปลกๆ แต่มิมีอะไรเลย ..

คลำทางกลับบ้านกันต่อ จำทางได้คลับคล้ายคลับคลา เดินไปเดินมา เลยต้องพึ่งพี่ taxi อีกแล้ว สื่อสารกันไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก ทั้งภาษาใบ้ ภาษาแบ๊ะ ภาษามือ (จิ้มแผนที่) ภาษามั่ว ... จนกลับมาถึงโรงแรมจนได้ 555 นึกแล้วขำ คุยจน taxi บอก เอ๋าวะ ... แปลว่า อะไรไม่รู้ แต่เราเดาเอาว่า เออ เจอแล้ว ... อะไรประมาณนี้ 55555 ..

... แต่เราก็หากันจนเจอ ....... (ร้องเป็นเพลงแบบ กบ & กบ)


วันที่หก ตะลุยกำแพงเมืองจีน และ หอบวงสรวงเทวดดาฟ้า เทียนถาน

วันนี้ขบวนขันหมาก เอ้ย มะช่าย ขบวนทัศนศึกษา พาไปพิชิตกำแพงเมืองจีนค่ะ ...

ไม่มีอะไรจะเล่า เพราะเหนื่อย ขนาดเดินแค่ไม่กี่ป้อม ยังเหนื่อยแฮก แถมมาทางไหน กลับทางนั้นอีกต่างหาก เฮ้อ ...

แอบเห็นมีรถไฟฟ้า (เหาะตีลังกา หรือเปล่าไม่รู้) แต่ยังไม่เปิดให้บริการ รวมทั้งมีชุดให้เช่าถ่ายรูป แบบใส่ชุดมองโกล ชุดซูสีไทเฮา ถ่ายกับอูฐ และอื่นๆ แต่แพงมากๆ ถ่ายไปทำไมกันนี่ ....

ช่วงที่ไป เค้ากำลังจะมีการเอาป้ายผ้า ไปปิดบนกำแพงเมืองจีน เพื่อpromote olympic 2008 (ล่วงหน้า 4 ปีเชียว.... ) แถมในห้าง ยังมีพวกมาสคอท และของที่ระลึก ขายแล้วด้วย แต่ไม่ได้ซื้อ เพราะมันแพงอ่า ...





หลังลงจากกำแพง .. ข้างล่างมีของที่ระลึกขายเพียบ .. ยัง เรายังไม่ซื้อ ... ไว้ซื้อวันท้ายๆ ... อิอิ ตอนนี้ ราคาที่ห้อยโทรศัพท์ เหลือ ประมาณอันละ 10 หยวน ยังซื้อไม่ลง ...



ช่วงบ่าย เคลื่อนขบวนจากกำแพงเมืองจีน ไปยังหอบวงสรวงเทวดา ฟ้าดิน เทียนถาน เชื่อกันว่า บวงสรวงเพื่อให้พืชผล การเพาะปลูก อุดมสมบูรณ์ ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล (ถูกหรือเปล่าเนี่ย ...) ตอนไปถึง ฝนลงเม็ดนิดหน่อย แต่สักพักก็หยุด คนเพียบ ยังกะมดแน่ะ





หลังจากนั้น ก็กลับมาที่โรงเรียน รอกินข้าวเย็น (แบบเดิมๆ เบื่อ ... ถึงตอนนี้ อาจารย์จากแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มจกแจ่วบอง ที่พกมาวางบนโต๊ะแล้ว ... อิอิ ทุกคนตาลุกวาว มีแรงกระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาทันที

รูประหว่างรอโรงอาหารเปิดค่ะ



เหนื่อยเหมือนกันแฮะ ... ยาวแล้วด้วย ไปต่อตอนที่ 3 ดีก่า ...




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2551 1:00:22 น.
Counter : 618 Pageviews.  

ไปต่างประเทศครั้งแรก เมื่อปี 2004

เรียนจบมาตั้งหลายปี

ทำงานมาก็นานนม ...

แต่ไม่เค้ย ไม่เคย ไปต่างประเทศกับเค้าสักที

ปี 2541 กลับมารับราชการที่บ้านเกิด

ก้มหน้าก้มตาทำงานมาเรื่อย

จนกระทั่งปี 2547 ก็มีโอกาสได้ไปต่างประเทศ กับเค้าสักที ..

พอดีปีนั้น เป็นปีที่หมดโครงการ สควค. (โครงการส่งเสริมครูที่มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์) ไม่ใช่โครงการของครูนะคะ แต่เป็นโครงการของนักศึกษา

เข้าใจว่าโครงการหมด เงินยังไม่หมด จึงได้จัดให้ครูผู้ดูแลนักศึกษา ไปศึกษาดูงาน โดยพอดี มีงาน The 3rd APEC Youth Science Festival ที่กรุงปักกิ่ง พอดี สสวท. จะต้องพานักเรียนไปร่วมแสดงนิทรรศการ จึงให้โอกาสมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ที่เป็นเครือข่าย ไปศึกษาดูงานในครั้งนี้ด้วย ต้องขอบพระคุณ คณบดี ที่ให้โอกาสครูผู้น้อย ไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกในครั้งนี้

ไปต่างประเทศครั้งแรก ไม่ลำบากค่ะ เพราะว่า passport + visa ไม่ต้องไปทำเอง ตอนไปประชุมที่ สสวท. ก็แค่เอารูปไปให้ พอวันขึ้นเครื่อง ก็ไปรับ passport + visa ที่สนามบินเลย ได้ passport ราชการ สีน้ำเงินค่ะ

เอ๋อๆ หน่อยๆ เพราะไปคนเดียว แต่ไปสมทบกับมหาวิทยาลัยอื่น ที่สนามบิน

วันที่หนึ่ง จากสนามบิน ถึง ปักกิ่ง

กระเหรี่ยงสาวจากเพชรบูรณ์ นั่งรถทัวร์ไป กทม. แล้วคุณเพื่อนผู้แสนดี ก็มารับ และพาไปส่งที่สนามบิน ก็ได้คุณเพื่อนนี่แหละค่ะ ช่วยจูงมือกระเหรี่ยงไป ทำให้ไม่หลง หรือไปทำอะไรขายหน้าเค้า .......

ไปถึงอิชั้นก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากหาเพื่อนก่อนเรยยย อิอิ ได้เพื่อนใหม่ จริงๆ ต้องบอกว่า เป็นน้องใหม่ น่ะค่ะ



รูปบน น้อง 2 คนจากด้านซ้าย สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คนกลาง อิชั้นเอง ถัดไป วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยนเรศวร และคนสุดท้าย ฟิสิกส์ จาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ถ้าน้องๆ ผ่านมาเจอ พี่คิดถึงนะคะ

กว่าจะไปถึงปักกิ่ง ฟ้าก็มืดซะแล้ว ออกจากสนามบิน มีรถบัสของโครงการมารับ และพาไปลงทะเบียนที่โรงเรียนมัธยมที่เป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ นักเรียนที่ไปในโครงการนี้พักอยู่หอพักของโรงเรียนนี้ค่ะ ส่วนอาจารย์ เค้าพาไปพักที่อพาร์ตเมนท์ของโรงเรียนการบิน เป็นลักษณะ service apartment น่ะค่ะ (แต่ทีแรกบอกว่า พักโรงแรม 4-5 ดาวนะ งึมๆๆๆๆ)


วันที่สอง จากโรงแรม ไปโรงเรียน จากโรงเรียน ไปโรงแรม

อากาศของปักกิ่ง ช่วงที่ไปถึง ไม่หนาว ไม่เย็น แต่มีหมอกหนาๆ ตลอดทั้งวันเลย เหมือนอากาศมันน้อยๆ ยังไงไม่รู้



รถมารับจากโรงแรม ไปที่โรงเรียน (อีกแล้ว) เพื่อไปกินข้าวเช้า ที่โรงอาหาร (เหมือนเด็กๆ เลย) จากนั้น ก็นั่งรถจากโรงเรียน ไปที่ศูนย์แสดงนิทรรศการ จำชื่อไม่ได้แล้วอ่ะ ..



พอไปถึง เด็กๆ ก็ไปเตรียมจัดบู๊ธ มีอาจารย์จากโรงเรียนต่างๆ เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ คุมเด็กๆ มาด้วย ส่วนอาจารย์จากมหาวิทยาลัย มาสังเกตการณ์ ไม่มีหน้าที่อะไรเลย ... ดังนั้น เราก็เลยถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน และถ่ายรูปเล่น .. แล้วก็กลับมาที่โรงเรียน ... ไม่มีอะไรทำเรยยย กลับมาโรงเรียน ก็ยังมาถ่ายรูปเล่นกันอีก รอกินข้าวเย็นที่โรงเรียน แล้วรอรถมารับกลับโรงแรม ไม่มีอะไรเล้ย จากโรงเรียน ไปโรงแรม





วันที่สาม ไปร่วมพิธีเปิดงาน และหนีเที่ยวห้าง

วันนี้หัวหน้าทัวร์ (ฉิ่งฉับ) ให้แต่งตัวเรียบร้อย ไปร่วมพิธิเปิด กระเหรี่ยงจากไทย ก็ใส่สูทกันถ้วนหน้า แล้วดูคนอื่นซิ .. 555 ไม่อยากจะเว้าเล้ยยยยย



พิธีเปิดเสร็จ ก็เดินดูตามบูธต่างๆ



ของเด็กไทย แสดงเกี่ยวกับคุณค่าของผัก ผลไม้ ไทย ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และวิตามินต่างๆ

เบื่อแล้ว ไม่มีอะไรทำ ไม่ได้มอบหมายให้เราทำอะไร เลยแปลงร่าง หนีเที่ยวห้าง ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่น

ตอนแรกกะว่าจะเดิน เล็งเห็นแล้วว่าไม่ไหวแน่ เลยต้องไป taxi คราวนี้เลยต้องแตกกลุ่ม จับกลุ่มละ 4 คน (ห้ามนั่งเกินนี้ ไม่งั้นโปลิศจับเอา) น้อยกว่านี้ก็ไม่คุ้มค่ากับกุลสตรีขี้งกอย่างพวกเรา ในการหารค่า taxi




วันนี้ทั้งวันไม่มีอะไร เดินดูของสอบราคาไว้คร่าวๆ อิอิ จำได้ว่า วันแรก พวกซื้อตุ๊กตาห้อยโทรศัพท์ อันละ 20 หยวน ... (เดินไปจนถึงวันสุดท้าย เหลือ 7 อัน 20 หยวน ) ...

เดินจนเมื่อย ก็นั่ง taxi กลับไปที่โรงแรม เห้อ เห้อ เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะพี่ taxi ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย ดีที่ไปกันหลายคน มั่วเอา จิ้มเอา จนมาถึงโรงแรมจนได้ กร๊ากกกก....

รูปชักเยอะ ไว้ต่อตอน 2 ดีกว่า ...




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2551 23:50:17 น.
Counter : 964 Pageviews.  

1  2  3  

คุณอาผู้น่ารัก
Location :
เพชรบูรณ์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add คุณอาผู้น่ารัก's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.