สุดท้ายแล้ว เรื่องที่เราเล่าก็คือเรื่องของตัวเอง
|
|||
สิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย วันนี้ฉันได้ตระหนักถึงสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในระหว่างที่อ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับครูคนหนึ่ง ที่พอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่แทนที่จะมานั่งโศกเศร้าให้กับชะตาชีวิตของเค้า เค้ากลับทำวันที่เหลืออยู่ให้มีคุณค่ามากที่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่า "ถ้าผมกำลังจะตาย ผมจะเลือกอยู่อย่างคนตายไปแล้วหรือคนที่ยังมีชีวิตอยู่" ฉันร้องไห้ น้ำตาไหลออกมา แทบจะตลอดเวลาระหว่างที่อ่านหนังสืออยู่ บางครั้งก็ด้วยความเสียใจ แต่บางครั้งก็ด้วยความสุข ครั้งแรกที่ฉันต้องประเชิญหน้ากับความตาย คือตอนที่ฉันอยู่ม.๑ ในคืนวันนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แม่ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ ฉันที่แกล้งทำเป็นนอนหลับได้รับรู้ข่าวการตายของอาของฉันอย่างเงียบๆ ฉันร้องไห้เบาๆจนหมอนชุ่มโชกไปด้วยน้ำตาแล้วหลับไป วันรุ่งขึ้นฉันพยายามจะถ่วงเวลาที่จะอยู่บนเตียงให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ฉันก็หลอกตัวเองเพิ่มได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงแค่นั้น "เฮีย เสียแล้วนะ" แม่บอกฉันตอนที่เห็นฉันเดินลงมาจากห้องนอน แต่ฉันรู้อยู่แล้ว... มีเกมอยู่เกมนึง ที่ฉันจะเล่นกับเพื่อนเสมอๆ คือการยิงคำถามแล้วพวกเราก็ตอบสั้นๆ มีครั้งนึงที่เพื่อนถามว่า "พวกแกกลัวอะไรมากที่สุด?" ท่ามกลามสิ่งของที่น่ากลัวที่สุด ผี แมลงสาบ จิ้งจก สอบตกซ้ำชั้น ฉันตอบไปว่า "การสูญเสียคนที่เรารักไป" แน่นอนว่าฉันโดนโห่แซวซะจนอายไปหลายวัน แต่จริงๆแล้ว การกลัวการสูญเสีย เป็นสิ่งน่าอายรึเปล่านะ? สิ่งที่ฉันชอบทำมากๆอย่างหนึ่งคือ การวางแผนอนาคต อีกไม่เกินสองปี ฉันจะต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อีกหนึ่งปี ฉันจะลาออกกลับประเทศไทย อีกสองเดือนข้างหน้าฉันจะต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นพร้อมแวะไปทักทายเพื่อนที่เกาหลี อาทิตย์หน้า ฉันจะชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้าน วันพรุ่งนี้ฉันจะซื้อรองเท้าใหม่ คืนนี้ฉันจะโทรศัพท์หาแม่ ตลอดเวลาฉันชอบที่เผ้าถามตัวเองว่า อนาคตฉันจะทำอะไร ไปไหน อยู่กับใคร ในวันนี้ ฉันรับรู้ว่าตัวเองกำลังใช้ชีวิตราวกับว่ามันจะไม่มีวันหมดไป ฉันในตอนนี้ที่ตื่นนอน ไปทำงาน กลับบ้าน นอนรอให้วันหนึ่งจบไป จากนั้นก็เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน แล้วก็เป็นปี โดยมีเป้าหมายมุ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว จนลืมไปว่าสิ่งที่จะเกิดในอนาคตก็เป็นแค่จินตนาการชนิดหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ ตอนนี้ ขณะนี้ เวลานี้ต่างหาก เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าอนาคตคือปัจจุบัน และสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย คือการไม่ได้ใช้ชีวิต น่าจะเป็นแบบนี้ต่างหากนะ |
อย่าลังเล
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
เป็นอีกแง่มุมนึงที่ชวนให้คิดค่ะ
สู้ ๆ นะค่ะ