Mygazine : เก็บทุกสิ่งที่สนใจ

Celeb's lifestyle: คุณแม่คนดัง

นอกจากพวกเธอเหล่านี้จะมีหน้าตาดี รายได้งามแล้ว พวกเธอยังมีลูกๆที่น่ารัก น่าชังอีกด้วย แต่การเป็นแม่ที่ทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้สำหรับเหล่าเซเลบคนดัง มาดูซูเปอร์สตาร์ ที่เป็นซูเปอร์มัมในแวดวงฮอลลีวูดกันค่ะ



เดนิส ริชาร์ดส กับโลลา โรส และแซม ขณะชอปปิ้งที่แอล เอ



เกวน สเตฟานี อุ้มคิงส์ตัน ร็อคสตาร์ตัวน้อยของเธอ ขณะอยู่ในลอนดอน



กวินเนธ พัลโทรว์ กับแอปเปิล ลูกสาวตัวน้อยของเธอ



จาดา พิงเก็ตต์ สมิธ เดินบนพรมแดนงานออสการ์พร้อมสามี และจาเดน ลูกชาย



เคท มอสส์ เล่นกับ ลิลา เกรซ ลูกสาว ที่ลอส แองเจลิส



เคที โฮล์ม พาซูริ ลูกสาวสุดที่รัก ออกสูดอากาศบริสุทธิ์ที่เบเวอรี ฮิลส์



มาดอนนา เดินเล่นกับลอร์เดส ลูกสาว และเดวิด ลูกบุญธรรม ขณะเยี่ยมเด็กกำพร้าในมาลาวี



รีส วิเธอร์สปูน เดินหาไข่อีสเตอร์กับลูกๆ ดีคอน และเอวา




วิคเตอเรีย เบ็คแฮม สนุกสนานกับบรูคลิน และโรมิโอ ที่ดิสนีย์แลนด์

ที่มา : glam.com




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:29:34 น.
Counter : 701 Pageviews.  

My Mix&Match : (มือใหม่หัดมิกซ์)ชุดทำงาน

ไม่เคยคิดว่าจะเปิดกรุ๊ปบล็อกที่เกี่ยวกับการแต่งตัว เนื่องเพราะเป็นคนแต่งตัวไม่เก่งเอาเสียเลย

แต่หลังจากหลงเข้าไปในห้องแป้งฯ ได้เห็นสิ่งสวยๆงามๆของพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ (หลานๆ ด้วยเอ้า) แล้วให้เกิดความสบายตา สบายใจ อย่างบอกไม่ถูก

เลยคิดการณ์ใหญ่ จะเปิดห้องแต่งตัวเป็นของตัวเองบ้าง

ด้วยวัตถุประสงค์ เอาไว้ดูยามเมื่อเวลาผ่านไป และเป็นการรีเช็คสมบัติที่ขนซื้อมา +การชอปปิ้งของตัวเองไปด้วยในตัว

เจิมบล็อกแรกของกลุ่มบล็อกใหม่ด้วยภาพที่ตัวเองพยายาม Mix&Match ชุดทำงานกับแอคเซสซอรี่เท่าที่มี

ปล. ถ้าดูแก่ไปนิดนุง ก็ขออภัย เนื่องเพราะจขบ.เหมาเอาเองว่า มันเหมาะกับวัย บุคคลิก และความชอบของจขบ.ที่สุดแว้ววว



ชุดที่ 1-เสื้อลายชมพูจับคู่กางเกงสีน้ำตาลอ่อน เป๋าน้ำตาล รองเท้าน้ำตาลโบว์ชมพู



ชุดที่ 2-จับคู่ขาวดำ คลาสสิค เพลย์เซฟไว้ก่อน



ชุดที่ 3-เอาเสื้อจากเซ็ต 2 มาใส่กับกระโปรง ถือกระเป๋าใบเดิม แต่เปลี่ยนรองเท้าเป็นสีครีม



ชุดที่ 4-เสื้อขาวระบายตรงหน้าอก+กางเกงน้ำตาลลายทาง+เข้มขัดน้ำตาล+เป๋าน้ำตาลเข้ม+รองเท้าครีม



ชุดที่ 5-ตัวเสื้อ กางเกง เข็มขัดเหมือนเซ็ต 4 แต่เปลี่ยนกระเป๋าเป็นสีขาว รองเท้าสีน้ำตาลอมส้ม



ชุดที่ 6-เสื้อคอเต่าสีทองประกาย+กางเกงน้ำตาลลายทาง+เป๋าน้ำตาลเข้ม+รองเท้าสีครีม



ชุดที่ 7-เสื้อครีม+กางเกงขาว+กระเป๋าขาว+รองเท้าครีม




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:30:12 น.
Counter : 958 Pageviews.  

Metabolic Syndrome มฤตยูร้ายทำลายสุขภาพ

โรคอ้วนลงพุง ถือเป็นภัยเงียบใกล้ตัวที่หลายคนคาดไม่ถึง “ยิ่งพุงใหญ่เท่าไร ยิ่งตายเร็วเท่านั้น” ทั้งยังเสี่ยงจากโรคร้ายที่จะตามมาทั้งโรคหัวใจ หลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ซึ่งสาเหตุนั้นก็ไม่ใช่อื่นไกลแฝงมากับพฤติกรรมการกินแบบผิดๆ นั่นเอง

พญ.รัชดา เกษมทรัพย์ อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ให้ข้อมูลในการสัมมนาที่จัดโดยชมรมโภชนวิทยา มหิดล ร่วมกับ บ.ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ว่า โรคอ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome) เป็นฆาตกรเงียบที่หลายคนคาดไม่ถึง ส่วนใหญ่จะเกิดจากพฤติกรรมการบริโภค กรรมพันธุ์ และไม่ออกกำลังกาย

คนที่อ้วนลงพุงจะมีการสะสมของไขมันในช่องท้องมากเกินไป ซึ่งไขมันเหล่านี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ มีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน จนเกิดภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเรื้อรังตามมา เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน เป็นต้น ซึ่งเราสามารถวางแผนในการควบคุมอาหารด้วยการควบคุมน้ำหนัก ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ถูกชนิด ปริมาณ และถูกเวลา รวมทั้งเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น

ด้าน อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ให้การปรึกษาด้านโภชนบำบัด กล่าวว่า แม้ว่าไขมันจะเป็นสาเหตุของโรคอ้วนลงพุง และโรคร้ายต่างๆ แต่ไขมันเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ ทั้งยังเป็นส่วนประกอบของอาหารทุกมื้อจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุด คือ การเลือกใช้ชนิดของไขมันและน้ำมันที่ดีที่มีองค์ประกอบของกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ และไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันคาโนลา เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลโดยไม่ลดเอชดีแอล ช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ได้ และสามารถนำไปใช้แทนคาร์โบไฮเดรตได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันจะต้องเลือกชนิดละอ่านฉลากด้านโภชนาการอย่างละเอียด เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้าย ส่งเสริมสุขภาพ และห่างไกลภาวะโรคอ้วนลงพุง

ขณะที่ ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล แนะถึงวิธีการกินต้านโรค-เสริมสุขภาพว่า ให้หันมาทานผักผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้ายและสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนส่วนใหญ่กินอาหารนอกบ้าน ทำให้ไม่สามารถควบคุมวัตถุดิบในการทำได้ทั้งผัก เนื้อ หรือชนิดของน้ำมัน ดังนั้น จึงควรทำอาหารกินเองอย่างน้อยในวันหยุด นอกจากนี้ต้องหันมากินผัก ผลไม้ให้มากขึ้น ซึ่งคนที่อ้วนลงพุง รวมถึงเด็กๆ ส่วนใหญ่จะไม่ชอบกินผักและผลไม้ เราจึงต้องช่วยหาวิธีการในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยอาจใช้วิธีบดผัก และผลไม้ผสมลงไปในอาหารเพื่อง่ายต่อการบริโภค รวมถึงการออกกำลังกาย สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการเดิน พยายามเดินให้มาก เป็นต้น

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 10:12:56 น.
Counter : 493 Pageviews.  

ผลวิจัยพบ"กวาวเครือขาว"อนาคตฮอร์โมนทดแทน

จุฬาฯ ระบุ กวาวเครือขาว มีผลต่อระบบสืบพันธุ์ มะเร็งเต้านม และการป้องกันโรคกระดูกพรุน ใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนในหญิงวัยทอง และใช้เป็นยาป้องกัน หรือรักษาโรคกระดูกพรุนในเพศหญิง และเพศชายวัยสูงอายุที่อยู่ในภาวะพร่องฮอร์โมนเพศ

รศ.ดร.สุจินดา มาลัยวิจิตรนนท์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์เชิงเอสโตรเจนของกวาวเครือขาวต่อระบบสืบพันธุ์ มะเร็งเต้านม และกระดูก โดยทำการทดลองในหนูไมซ์ หนูแรท และลิง ซึ่งผลงานวิจัยเรื่องนี้ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีมาก จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี 2550

รศ.ดร.สุจินดา กล่าวถึงผลงานวิจัยในเรื่องนี้ว่า เป็นการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ เกี่ยวกับฤทธิ์เชิงเอสโตรเจนของกวาวเครือขาวต่อระบบสืบพันธุ์ กระดูก และมะเร็งเต้านม โดยทำการทดลองในสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนูไมซ์ หนูแรท จากนั้นได้ทำการศึกษาในลิงหางยาว ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงคนมากที่สุด ผลการศึกษาวิจัยพบว่า กวาวเครือขาวมีฤทธิ์เอสโตรเจนเช่นเดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจนสังเคราะห์ กวาวเครือขาวสามารถกระตุ้นระบบสืบพันธุ์ได้โดยตรง กระตุ้นการเจริญของเซลล์เยื่อบุผนังช่องคลอดและมดลูก ช่วยลดระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์และความสามารถในการสืบพันธุ์ในสัตว์ทั้งสองเพศ

ผลของกวาวเครือขาวในการป้องกันโรคกระดูกพรุนในหนูแรท พบว่า กวาวเครือขาวมีผลในการรักษาสภาวะกระดูกพรุนแตกต่างกันไป ในกระดูกแต่ละส่วน แต่ละชนิด ทำให้ค่าความหนาแน่นและมวลกระดูกของหนูที่อยู่ในสภาวะกระดูกพรุน สามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้

นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาถึงผลข้างเคียงของกวาวเครือขาวในการกระตุ้นให้เกิดมะเร็งเต้านมหรือไม่ โดยทำการทดลองในหนูแรทเพศเมีย ที่ชักนำให้เกิดมะเร็งเต้านม พบว่าอัตราการเกิดมะเร็งและการเจริญของก้อนมะเร็งลดลง เมื่อหนูได้รับกวาวเครือขาวในขนาดที่สูงขึ้น

ดังนั้น กวาวเครือขาวจึงเป็นพืชสมุนไพรทางเลือกที่มีศักยภาพ สามารถนำไปใช้ทดสอบต่อทางคลินิกเพื่อพัฒนาเป็นยาคุมกำเนิดในหญิงเจริญพันธุ์ ใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนในหญิงวัยทอง และใช้เป็นยาป้องกันหรือรักษาโรคกระดูกพรุนในเพศหญิง และเพศชายวัยสูงอายุที่อยู่ในภาวะพร่องฮอร์โมนเพศ รวมทั้งมีแนวโน้มในการลดอัตราการเกิดและการเจริญของมะเร็งเต้านมอีกด้วย

ที่มา : สำนักข่าวไทย




 

Create Date : 15 เมษายน 2551    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 10:16:03 น.
Counter : 1412 Pageviews.  

คนอดนอนต้องระวัง!!

เรื่อง: รศ.นพ.วิเชียร มงคลศรีตระกูล

หลายคนอาจจะคิดว่าการอดนอนเป็นเรื่องชิลชิล ไว้ไปนอนชดเชยเอาแล้วกัน แต่จริงๆ การอดนอนเป็นเรื่องควรใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคุณสาวๆ (และไม่สาวทั้งหลาย) ที่เป็นห่วงสุขภาพใบหน้าและความงาม เพราะการอดนอน จะทำให้รอบดวงตามีสีคล้ำ ใบหน้าอิดโรย ผิวหนังเหี่ยวเฉา อารมณ์ไม่แจ่มใส สมองมึนตื้อ คิดอะไรไม่ค่อยออก ซึ่งหากปล่อยให้ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยๆ ตอนดูกระจกอาจจะตกใจ ว่านี่คือ ใบหน้าของตูเองหรือนี่ อายุ ....เท่านี้เอง!!!

แต่ผลของการอดนอนไม่เพียงทำให้ความงามลดลงเท่านั้นนะครับ มีข้อควรคำนึงอีกหลายๆ อย่างสำหรับการอดนอนกับสุขภาพของคุณเอง เช่น การอดนอนมักจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ดังนั้นคนที่เป็นโรคความดันสูงอยู่พึงระวัง ให้มีการพักผ่อนนอนหลับที่เหมาะสมเพียงพอกับตัวเอง

สารอาหารบางอย่างหรือยาบางชนิดจะมีผลกระทบต่อการนอนได้ เช่น สารคาเฟอีนที่อยู่ในชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือแม้กระทั่งน้ำอัดลม ซึ่งหากดื่มมากๆ ก็จะกระตุ้นประสาททำให้นอนหลับยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กๆ จะมีผลมากกว่าผู้ใหญ่ คุณอาจจะไม่เคยสังเกตุเลยว่าลูกหรือเด็กๆ ในบ้าน บางคืนดึกแล้วยังไม่ยอมนอนสักที ปกติจะหลับปุ๋ยไปตั้งนานแล้ว ลองย้อนกลับไปว่าเด็กอาจจะดื่มน้ำอัดลมมากไปหน่อยช่วงตอนเย็นหรือก่อนนอนก็เป็นได้ครับ

นอกจากนี้ยาบางตัวก็ทำให้นอนไม่หลับได้ เช่น ยารักษาไข้หวัดบางชนิด จะมีตัวยาที่สามารถกระตุ้นประสาทและกระตุ้นหัวใจ บางคนที่ไวต่อยามากๆ อาจทำให้เกิดอาการใจเต้นใจสั่น นอนไม่หลับเลย ก็เป็นได้เช่นกัน

การอดนอนนอกจากจะทำให้ไม่สดชื่นแล้ว ยังมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคนเราด้วยอย่างชัดเจน หากเรานอนหลับไม่เพียงพอจะมีผลต่อการทำงานของสมอง จะเชื่องช้า ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร การตัดสินใจผิดพลาด ได้มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำในแพทย์ประจำบ้าน (แพทย์ที่จบแล้ว มาศึกษาต่อสาขาเฉพาะทาง) ที่จะต้องทำงานอยู่เวรตอนกลางคืน อดหลับอดนอนเป็นประจำ โดยศึกษาจากการใช้เครื่องทดสอบการขับขี่ยานพาหนะ (simulator driving test)ในช่วงที่ทำงานไม่หนัก (ทำงาน 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) เปรียบเทียบกับช่วงที่ทำงานหนัก ต้องมีการอยู่เวรถี่ และต้องอดนอนบ่อย (ทำงาน 80-90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ในขณะที่อาจจะได้หรือไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ ผลการทดสอบพบว่าช่วงที่ทำงานหนักอดนอนจะมีการตอบสนองที่ช้าลงกว่าช่วงที่ทำงานเบาๆ ถึงประมาณ 7% และมีความผิดพลาดของการตัดสินใจมากกว่าถึง 40% มีการขับที่ไม่อยู่ในช่องทางที่ถูกต้องมากกว่าช่วงไม่อดนอน 27% มีการขับที่ความเร็วไม่คงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลามากกว่า 71% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงที่พักผ่อนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ยังมีการทดสอบช่วงที่ไม่อดนอนแต่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้ได้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่ความเข้มข้น 0.4-0.5 เทียบกับช่วงที่ทำงานหนักอดนอน (แต่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์) พบว่าช่วงที่อดนอนมีการขับขี่ที่ความเร็วไม่สม่ำเสมอ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สูงมากกว่าถึง 29% แต่อย่างไรก็ตามอัตราการเกิดอุบัติเหตุใกล้เคียงกัน

อันนี้อุปมาอุปมัยหากเปรียบเทียบการขับขี่ยานพาหนะของคนที่อดนอน มาเป็นการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ก็คงพอจะนึกภาพออกว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะต้องบ่อยกว่าช่วงที่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน หากมาดูเรื่องการปฏิบัติงานของบุคลากรสายแพทย์ ซึ่งโดยทั่วไปต้องมีการอยู่เวรยามกันโดยตลอดอยู่แล้ว ผู้ใช้บริการทั้งหลาย ก็ต้องพึงระวัง หากมีอันต้องไปใช้บริการในยามวิกาล ต้องตระหนักว่าแม้ผู้ปฏิบัติงานและโรงพยาบาลเองจะพยายามจะทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดหรือไม่เกิดเลยได้ยิ่งดี แต่บางครั้งเราก็ไม่อาจจะเอาชนะธรรมชาติไปได้ สภาพร่างกายที่อ่อนล้าจากการทำงานในช่วงกลางวัน แล้วต้องมาอยู่เวรยามต่อในช่วงกลางคืน หากต้องทำติดต่อกันหลายๆ วัน ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ต้องถูกบั่นทอนไปเป็นลำดับ

ยกตัวอย่างง่ายๆ... “มีสถิติความผิดพลาดของการได้รับเลือดนั้นพบว่ามักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน” ลองมาดูขบวนการว่าก่อนที่คนไข้หนึ่งคนจะได้รับเลือดนั้นมีขั้นตนอย่างไรบ้าง.... จะต้องโดนเจาะเลือดไปตรวจ เลือดจะต้องถูกส่งไปที่ธนาคารเลือด เจ้าหน้าที่ที่ธนาคารเลือดจะเป็นคนตรวจสอบกลุ่มเลือด และการเข้ากันได้ของเลือด เมื่อตรวจเสร็จแล้วก็จะส่งเลือดที่หาได้ไปที่หอผู้ป่วย พยาบาลก็จะนำเลือดนั้นไปให้คนไข้ หลายคนอาจมองภาพไม่ออกว่า ไม่เห็นจะมีอะไรที่เป็นเหตุให้ผิดพลาดมากมาย แต่อย่ามองข้ามนะครับ จากรายงานที่ผ่านมา สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วคือ การเจาะเลือดผิดคน การตรวจกลุ่มเลือดผิดพลาด การนำส่งถุงเลือดผิดพลาด การติดสลากเลือดผิดพลาด การนำเลือดไปให้คนไข้ผิดคน ...ต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้นนะครับ ดังนั้นหากเป็นไปการรับเลือดในช่วงกลางวันโอกาสจะเกิดปัญหาก็จะน้อยลงครับ

ดังนั้นข้อควรปฏิบัติของคนป่วยและญาติที่จะไปใช้บริการของโรงพยาบาลยามค่ำคืนมีหลายประการที่ต้องคำนึงครับ เช่น หากหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการยามวิกาล เพราะข้อผิดพลาดมีโอกาสเกิดได้บ่อยครั้งกว่า ยิ่งดึกยิ่งความเสี่ยงสูง คนไข้บางคนทำงานเป็นกะ เลิกงานตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง แล้วไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินด้วยปัญหาที่ไม่ฉุกเฉิน เช่น เจ็บคอ หรือเป็นหวัด นอกจากตัวเองจะมีความเสี่ยงแล้ว ยังจะไปเพิ่มความเสี่ยงให้กับคนไข้คนอื่นๆที่มาด้วยปัญหาฉุกเฉินจริงๆ เนื่องจากบุคคลากรก็อ่อนล้ามากจากการที่ต้องดูแลคนไข้ที่ไม่ได้มีปัญหาฉุกเฉินก่อนหน้า

ข้อควรปฏิบัติอีกอย่างคือ หากต้องมีการเจาะเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือรับเลือด ต้องยืนยันความเป็นตัวเองด้วย จะได้ไม่ผิดตัว ดูเอกสารเท่าที่ดูได้ว่าเป็นชื่อของเราแน่นอน หากมีการรับยา ดูที่ฉลากยาให้ดีว่าเป็นชื่อเรา ต่างๆ เหล่านี้หากช่วยกัน ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นก็จะน้อยลง

เห็นแล้วหรือยังครับ ถึงความสำคัญของการอดนอน มีผลเสียทั้งต่อตนเองและอาจเลยไปถึงผู้อื่นที่เราเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม ดังคำกล่าวของพระพุทธเจ้าว่า “มัชฌิมา ปฏิปทา” ทางเดินสายกลาง ดีที่สุดครับ มากเกินไป หรือน้อยเกินไป มีปัญหาทั้งนั้น การนอนน้อยไม่ดีฉันใด การนอนที่มากเกินไปก็ไม่ดีเช่นเดียวกัน โอกาสหน้าจะมาคุยเรื่องนี้ให้ฟังนะครับ.....

ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 10:16:49 น.
Counter : 467 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

Never be Afraid to Dream
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









หมายเหตุ :
1. ขอขอบคุณเจ้าของโค้ด รูป และของแต่งบล็อกที่รวมกันเป็นบล็อกนี้ทุกท่านและขออภัยที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ เนื่องจาก จขบ.เซฟมาเยอะจนไม่สามารถจำได้ว่าเอามาจากบล็อกของท่านใดบ้าง

2. ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ สำหรับทุกท่านที่แวะมาเยี่ยม มาแสดงความเห็นค่ะ และขออภัยหากไม่ได้กลับไปเยี่ยม
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Never be Afraid to Dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.