Mygazine : เก็บทุกสิ่งที่สนใจ

เก็บตกของเล่นไฮเทคจากงานซีบิต 2007

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วกับมหกรรมแสดงสินค้าไฮเทคระดับโลก "ซีบิต 2007" ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนมีนาคมที่เมืองฮานโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี

เกาะกระแสไอทีเดือนนี้ พาไปเกาะขอบจอคอมพ์ ท่องเวบหาของเล่นไฮเทคแปลกๆใหม่ๆ ที่บริษัทผู้ผลิตมักจะเอามาอวดกันในงานนี้

ว่าแล้วก็ได้มา 3 อย่าง มาดูกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง



หากคุณไม่ต้องการพลาดทุกการติดต่อแม้กระทั่งเวลานอน ขอเสนอ "PerCushion" หมอนหน้าตาธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของบริษัทเออร์แบนทูลของเยอรมัน ที่ว่ากันว่ามีมือถือบลูทูธฝั่งอยู่ข้างในด้วย...จะนอนหรือรับโทรศัพท์ละเนี่ย



เจ้าแม่แฟชั่นทั้งหลาย คงไม่พลาดมือถือปะยี่ห้อ "ปราดา" เครื่องนี้...เอากะเค้าซิ



เจ้ากุงเกงตัวนี้ ตามเนื้อข่าวระบุว่า เป็นกางเกงที่ชาวแคว้นบาวาเรียนิยมสวมใส่กันในอดีต ซึ่งปัจจุบันมีน้อยคนที่จะสวมกางเกงแบบนี้

แต่บริษัท Lodenfry อาจจุดประกายกระแสแฟชั่นแนวใหม่ เมื่อระเบิดไอเดียติดเครื่องเล่นเอ็มพีทรีไว้กับสายเอี๊ยมดึงกางเกง...บรรเจิดค่ะ

ที่มา : ซีเน็ต




 

Create Date : 18 มีนาคม 2550    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 9:46:56 น.
Counter : 874 Pageviews.  

ไทม์ยกย่อง"ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต"เป็นบุคคลแห่งปี

นิตยสารชื่อดัง Time ยกย่อง"ทุกคนในโลกที่ใช้อินเทอร์เน็ต" เป็นบุคคลแห่งปีประจำปี 2549 ในฐานะที่มีส่วนส่งเสริมทำให้เว็บไซต์ที่ผู้ใช้สามารถต่อเติมแก้ไขเนื้อหา ได้ขยายตัวและทรงอิทธิพลมากขึ้นทุกที สะท้อนความสำคัญของเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม และเป็นแรงขับสำคัญในโลกสมัยใหม่

นิตยสารชื่อดัง ไทม์ ได้ยกย่อง "คุณ" หรือผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคน เป็นบุคคลแห่งปีประจำปีนี้ สะท้อนความสำคัญของเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตที่ทุกคนมีส่วนร่วม จากการที่สามารถ "เข้าควบคุมบังเหียนสื่อทั่วโลก" อันถือเป็นแรงขับสำคัญในโลกสมัยใหม่ หลังจากในระยะหลังมีการจัดทำเว็บไซต์ใหม่ๆ ที่เปิดโอกาสให้คนใช้อินเทอร์เน็ตมีส่วนร่วม เช่น YouTube ซึ่งเป็นทิศทางใหม่ในการปฏิวัติอินเทอร์เน็ต และสามารถดึงดูดผู้คนได้หลายล้าน ทั้งยังทำเงินให้คนสร้างเว็บรายนี้ 1,650 ล้านดอลลาร์เมื่อครั้งที่ขายให้กูเกิล

ทั้งนี้ YouTube นับเป็นแนวโน้มใหม่ของอินเทอร์เน็ตที่กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ผู้ใช้ YouTube ได้เข้าไปโพสต์คลิปวิดีโอมากมายหลากหลายตามแต่จะนึกได้ ตั้งแต่โฮมวิดีโอไปจนถึงวิดีโอพิสดาร และแม้กระทั่งข่าวสาร

"มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชุมชนและการร่วมมือกันในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน" เลฟ กรอสส์แมน บรรณาธิการของไทม์ ระบุ

นอกจาก YouTube แล้ว ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังสร้างชุมชนออนไลน์ที่หลากหลายอย่าง Facebook ,Flickr และ Wikipedia ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน เพราะผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถอัพโหลดข้อมูลออนไลน์ ใส่คลิปวิดีโอ รูปภาพ และลิงก์ต่างๆ รวมถึงสามารถเขียนแสดงความคิดเห็นได้เอง แทนที่จะต้องพึ่งพามืออาชีพด้านสื่อดังเช่นเว็บไซต์แบบเก่า

ไทม์ระบุว่าทุกคนที่ใช้อินเทอร์เน็ต ได้มีส่วนร่วมในสิ่งที่เป็นเหมือนการทดลองครั้งใหญ่ทางสังคม ดังนั้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจึงเป็นบุคคลแห่งปี เพราะได้เข้ามากุมบังเหียนสื่อของโลก ทั้งยังร่วมกันก่อตั้งและกำหนดทิศทางประชาธิปไตยใหม่ในยุคดิจิตอล

ไทม์ได้เริ่มการจัดอันดับบุคคลแห่งปีเป็นครั้งแรกในปี 1927 โดยระบุว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติยศชื่อเสียงโด่งดัง หากแต่ไทม์มีวัตถุประสงค์ที่จะเลือกเฟ้นหาบุคคลในข่าว ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือร้าย แล้วชี้ให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีความสำคัญต่อช่วงเวลาในแต่ละปีอย่างไร

นายริชาร์ด สเตนเกล บรรณาธิการบริหารนิตยสารไทม์ กล่าวว่า การจัดให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นบุคคลแห่งปี ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการนิตยสาร และเป็นการมองไปข้างหน้า พร้อมอธิบายว่า บุคคลแห่งปี ไม่จำเป็นต้องเป็นการยกย่องหรือให้เกียรติบุคคลต่างๆ เสมอไป แต่บุคคลแห่งปีควรเป็นผู้ที่ส่งผลกระทบต่อข่าวสารและชีวิตของเรา ไม่ว่าจะแง่ดีหรือร้าย และประมวลได้ว่ามีความสำคัญสำหรับปีนั้นๆ

" การเสนอชื่อสาธารณชนโดยรวมให้ได้รับรางวัลครั้งนี้ แทนที่จะระบุเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงถึงการที่อินเทอร์เน็ตมีบทบาทมากขึ้นในโลกปัจจุบัน ด้วยการเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจในโลกข่าวสารผ่านการเขียนข้อความในบล็อก วิดีโอ และเครือข่ายสังคมต่างๆ" นายสเตนเกล กล่าว

สำหรับบุคคลที่เป็นคนเดี่ยวๆ นั้น ไทม์มองว่าประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์เมดิเนจัดแห่งอิหร่าน อยู่ในอันดับต้นๆ คู่กับประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ทั้งยังมีคิม จองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ, พระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 16, 3คู่หู ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐ รองประธานาธิบดีดิก เชนีย์ และนายโดนัลด์ รัมส์เฟลด์ รัฐมนตรีกลาโหม

ขณะที่ปีก่อนๆ นั้น ไทม์ได้จัดบุคคลแห่งปีอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอดอล์ฟ ฮิตเลอร์, โจเซฟ สตาลิน และคอมพิวเตอร์ ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว โบโน นักร้องนำวงยูทู ซึ่งรณรงค์ต่อต้านความยากจน ได้รับการจัดให้เป็นบุคคลแห่งปี คู่กับบิลล์ และเมลินดา เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์และมูลนิธิช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั่วโลก

ที่มา : //newmediateam.blogspot.com/2006/12/blog-post_18.html

อ่ะนะ อยู่ดีๆ ก็ได้รับการยกย่องให้พวกเราเป็นบุคคลแห่งปี (ที่แล้ว)
เก๋ กรู๊ด มิใช่น้อยกับเหตุผลที่ไทม์ระบุไว้




 

Create Date : 22 มกราคม 2550    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 9:47:51 น.
Counter : 396 Pageviews.  

รวมมิตรมือถือดีไซน์''แปลก''

แม้มือถือในตลาดจะมีหลากหลายรูปทรง ขนาด และสี แต่ยังคงมีมือถือสองสามรุ่นที่มีรูปลักษณ์เด่นแปลกแยกจากเหล่ามือถือที่มีอยู่กลาดเกลื่อน

มาดูกันค่ะว่า เป็นยี่ห้อใด รุ่นไหนกันบ้าง



นำทีมแปลกสุดมาโดย G'zOne Type-V ของเวอริซอน ไวร์เลส จากแดนลุงแซม ที่แน่นอนว่าไม่มีขายกันในบ้านเรา



ตามมาติดๆ คือ SGH-P300 ของซัมซุง ยักษ์ใหญ่ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สัญชาติเกาหลีใต้



ไม่หลุดโผ ด้วยศักดิ์ศรีผู้ผลิตมือถืออันดับหนึ่งของโลก
โนเกีย ส่ง Nokia 7380 ร่วมประกวด



รวมถึง Nokia 3250 ก็แปลกน้อยหน้ารุ่นอื่นซะเมื่อไหร่



ดูกันชัดๆ Pantech C300



ปิดท้ายด้วย Razr V3i Dolce & Gabbana
ของโมโตโรล่า ที่บรรจงปั้นพิเศษสำหรับแบรนด์ดีแอนด์จี แต่มิวายถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งในมือถือดีไซน์แปลก (อยู่ดี)

ที่มา : ซีเน็ต

ห่างหายจากแวดวงข่าวไอที (โดยเฉพาะไอทีตปท.)มา 2 ปีกว่าๆ

แต่พยายามเกาะไว้ไม่ว่าจะด้วยมือเดียว หรือสองมือ

บางทีก็เหลือแค่นิ้วเดียว เกี่ยวติดบ้างไม่ติดบ้างก็ว่ากันไป

เพราะภารกิจรัดตัว (ข้ออ้างแก้ตัว) เหลือเกิน

แต่ความจริง คือ ขี้เกียจแปลค่ะ

รู้กันใช่มั๊ยค่ะ ว่าเจ้าตัวขี้เกียจนี้มันไม่เข้าใครออกใคร

เอาเป็นว่าปีนี้ ปี 2550 ฤกษ์ดี หลังจากชีวิตทุกด้านลงตัวเสียที

ฉันบอกกับตัวเองว่า

"จะพยายามแปลเรื่องที่น่าสนใจ (ในความคิดฉัน) ให้ได้

เดือนละ 1 เรื่อง (ก่องแล้วกัน...กลัวทำไม่ได้ อิ)"




 

Create Date : 14 มกราคม 2550    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 9:48:16 น.
Counter : 870 Pageviews.  

"GREY INTERNET" ภัยแฝง MSN, SKYPE

โลกอินเทอร์เน็ต กำลังเผชิญความเสี่ยงจากอินเทอร์เน็ตสีเทา หรือเกรย์เน็ต เพิ่มขึ้น ตามปริมาณการใช้งาน โดยเฉพาะความนิยมใช้ข้อความทันใจ อินสแตนท์ แมสเสจจิ้ง (ไอเอ็ม) อย่าง MSN, SKYPE ที่คาดว่าจะมีผู้ใช้ปริมาณใกล้เคียงกับจำนวนการใช้อีเมล ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งมีผู้ใช้ทั่วโลกระดับล้านคน

โปรแกรมเหล่านี้ เปรียบเสมือนดาบสองคม มีทั้งคุณอนันต์ และโทษมหันต์ เพราะขณะที่องค์กรปล่อยให้พนักงานใช้เกรย์เน็ตเหล่านี้ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสารไปไม่น้อย แต่เวลาเดียวกัน ก็กลายเป็นช่องทางนำภัยออนไลน์เข้าสู่องค์กร

พร้อมกันนั้น อัตราการเติบโตของภัยจากเกรย์เน็ต ก็สร้างโอกาสการตลาดให้แก่บริษัทผู้พัฒนา และจำหน่ายซอฟต์แวร์ระบบป้องกันด้วย โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชียที่การป้องกันระบบไอทีไม่เข้มแข็งเหมือนสหรัฐอเมริกา หรือยุโรป จึงเป็นช่องโหว่ให้แฮคเกอร์เข้ามาเจาะระบบ เพื่อล้วงข้อมูลของบริษัทข้ามชาติ

นายไคลาส อัมวานี ประธาน และซีอีโอ บริษัท เฟสไทม์ คอมมิวนิเคชั่น อิงค์ กล่าวว่า ปัจจุบัน การใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนไปจาก 8 ปีก่อน ที่อัตราการใช้เอชทีทีพี เคยมีถึง 60% เหลือ 30% อีเมล 16% เหลือกว่า 10% เอฟทีพี 10-15%

และอื่นๆ ได้แก่ เพียร์ทูเพียร์ วอยซ์โอเวอร์ไอพี สตรีมมิ่ง เวบ คอนเฟอเรนซิ่ง ไอเอ็ม จากประมาณ 10% เพิ่ม เป็น 60%

การเติบโตของการใช้งานประเภทอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นแทนที่การค้นหาข้อมูลผ่านเอชทีทีพี เป็นบ่อเกิดของเกรย์เน็ต โดย
เฉพาะไอเอ็ม เพียร์ทูเพียร์ และสปายแวร์ ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยในองค์กร รวมถึงข้อมูลและเครือข่ายที่มีอยู่นับล้านระบบทั่วโลก

เพราะแอพพลิเคชั่นเหล่านี้เป็นพาหะของมัลแวร์ ที่เปิดช่องโหว่ให้โค้ดของอุปกรณ์ที่เป็นไคลเอ้นต์ ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินทางปัญญา และการขโมยข้อมูลส่วนตัว

ประกอบกับแฮคเกอร์ยุคใหม่ ไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มที่มุ่งสร้างไวรัส หรือเจาะข้อมูลเพื่อชื่อเสียงอีกต่อไป แต่กลายเป็นมืออาชีพเจาะข้อมูลหวังเงิน หรือทรัพย์สิน ความร้ายแรงจึงเพิ่มขึ้น

อันตรายของเกรย์เน็ต แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ

1.อินบาวนด์ ที่เกาะติดเข้ามากับการใช้เกรย์เน็ต เช่น หนอน โทรจัน บ็อต แม้จะติดตั้งไฟร์วอลล์ก็ป้องกันการทะลุทะลวงไม่ได้ จึงเป็นภัยคุกคามที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

2. ภัยคุกคามจากภายในออกไปข้างนอก จากเดิมองค์กรได้ป้องกันการส่งอีเมลออกข้างนอก ด้วยการจำกัดขนาดไฟล์ แต่ก็มีองค์กรที่ปล่อยอิสระให้พนักงานใช้ไอเอ็ม หรือสไกป์

3. กฎระเบียบข้อบังคับ ยกตัวอย่างอเมริกาเหนือ มีกฎควบคุมดูแล เช่น ซาบานน์อ็อกเลย์ แต่ก็ยังมีช่องโหว่ให้เกิดเกรย์เน็ต

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การใช้งานเกรย์เน็ต ก็ช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้านโทรศัพท์ติดต่อพูดคุย

ขณะเดียวกัน ก็เป็นช่องโหว่ให้พนักงานแนบไฟล์ข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินบริษัท ส่งออกข้างนอก เช่น ผ่านโปรแกรมไอเอ็มได้

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




 

Create Date : 30 กันยายน 2549    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 9:48:40 น.
Counter : 514 Pageviews.  

โรคร่วมสมัย มาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ

เห็นบทความนี้...หลังจากอ่านผ่านๆแล้ว ใช้ได้เลย สะท้อนมุมมองที่เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบันเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ ว่าแล้ว"ปฏิบัติการลอกเค้าแล้วเอาไปบอกต่อ"ก็เกิดขึ้นบัดเดี๋ยวนี้

"โทรศัพท์มือถือ" กลายเป็นส่วนหนึ่งของคนยุคโลกาภิวัตน์ที่จะขาดเสียมิได้ มีบ้างบางคนที่มี "มือถือ" ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก เพราะพ่อแม่มีวิตามินเอ็ม (Money) ที่จะเสริมให้แต่เยาว์วัย ข้อดีของโทรศัพท์มือถือมีอยู่ไม่น้อย ทำให้เราสามารถสื่อสารถึงกันและกันได้ตลอดเวลา และแทบทุกสถานที่ (ที่สัญญาณไปถึง) หรือในบางสถานที่ที่ไม่มีโทรศัพท์สาธารณะ

กระนั้นก็ตาม สิ่งใดมีคุณอนันต์ สิ่งนั้นก็มักมีโทษมหันต์ หากผู้ใช้นำไปใช้ในทางที่ผิดหรือใช้ไม่เป็น โทรศัพท์มือถือก็เช่นกัน โทษของมันก่อให้เกิดโรคใหม่ๆ หลายประการ งานนี้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม มีความคิดนำเสนอแก่คุณผู้อ่าน ดังนี้

โรคเห่อตามแฟชั่น สมัยก่อนการจะมีโทรศัพท์สักเครื่องเป็นเรื่องที่ขอยากขอเย็น กว่าจะขอคู่สายมาติดตั้งที่บ้านได้บางทีต้องรอเป็นปีๆ ผู้มีโทรศัพท์ใช้แรกๆ จึงมักเป็นพวกที่ทำธุรกิจ พวกมีเงิน มักต้องมีงาน มีเรื่องจำเป็นหรือเร่งด่วนจริงๆ กระทั่งธุรกิจมือถือกลายเป็นแหล่งทำเงินให้แก่ผู้ประกอบการอย่างมหาศาล การแข่งขันมีมากขึ้น จากผู้ซื้อกลุ่มนักธุรกิจ ผู้มีอันจะกินมาสู่ตลาดคนชั้นกลาง คนวัยทำงาน แม่ค้า ประชาชน และกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น

นี่เองจึงเป็นเหตุให้มีการพัฒนาเทคนิค และออกแบบมือถือเป็นแฟชั่นรุ่นใหม่ๆ มาดึงดูดใจลูกค้าตลอดเวลา และทำให้หลายๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ผู้ทำงานด้านเทคโนโลยี เศรษฐี ตลอดจนนักธุรกิจระดับต่างๆ นิยมเปลี่ยนมือถือไปตามแฟชั่นเพื่อให้อินเทรนด์ ดูทันสมัย ไม่ตกรุ่น บ้างก็เปลี่ยนเพื่อให้ดูเป็นคนมีระดับ มีฐานะ ทั้งที่ฟังก์ชั่นหรือประโยชน์ที่เสริมขึ้นมาของแต่ละแบบ บางคนแทบไม่ได้ใช้เพิ่มเติมจากเดิม

มือถือจึงได้กลายเป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกสถานภาพอีกทางหนึ่ง

โรคทรัพย์จาง การเห่อตามแฟชั่น ทำให้หลายคนต้องหาเงินเพิ่มเพื่อหาซื้อมือถือรุ่นใหม่อยู่ บางคนรสนิยมดีเกินฐานะ จึงเกิดสภาวะทรัพย์จาง ต้องหาดิ้นรนหาเงินเพิ่มหรือไปกู้หนี้ยืมสินมาซื้อมือถือที่ตัวอยากได้ โรคเห่อตามแฟชั่นส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเด็กวัยรุ่น วัยเรียน แล้วมีผลข้างเคียงทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองเกิดโรคทรัพย์จางตามมา เพราะต้องหาเงินไปซื้อหาให้ลูก กลัวลูกน้อยหน้าเพื่อน หรือสงสารลูกหรือทนลูกออดอ้อนวอนขอไม่ได้

แล้วยังความถี่ของการใช้มือถือ ที่ไหน เมื่อไรก็ได้ ทำให้หลายๆ คน พ่อแม่มีบัญชีรายจ่ายในเรื่องนี้เดือนๆ หนึ่งจำนวนไม่น้อย ยิ่งคนไหนที่มี "กิ๊ก" จำนวนการใช้ก็ยิ่งมีมากขึ้น แม้มีโปรโมชั่นลดแลก แจก แถมต่างๆ หากไม่รู้จักควบคุมการใช้ให้ดี แนวโน้มเกิดโรคนี้ก็มีสูงขึ้น

โรคขาดความอดทนและใจร้อน อันนี้เป็นข้อเสียที่ทำให้คนเราขาดความอดทน และใจร้อนขึ้นเช่นกัน เพราะความสะดวกสบายในการใช้โทรศัพท์มือถือ กดปุ๊บ ติดปั๊บ ทำให้กลายเป็นคนที่ทนรอใครนานไม่ได้ หรือไม่ยอมทนแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไป เช่น นัดเพื่อนไว้ และเพื่อนมาช้าแค่ 5 นาที ก็ต้องโทร.ตามจิกตามล่าแล้ว คิดอะไรไม่ออก แทนที่จะค่อยๆ ใช้สมองครุ่นคิดทบทวนเอง ก็รีบโทร.หาเพื่อน หาคนถามทันที ทำให้กลายเป็นคนเร่งรีบ ร้อนรน และไม่รอบคอบ เพราะไม่ทันได้ใช้ความคิด หรือขี้เกียจใช้ความคิดอีกต่อไป

โรคขาดกาละเทศะ และมารยาท ความไม่ค่อยอดทนรอ และใจร้อนที่ว่า หลายๆ ครั้ง เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ก็จะกดโทรศัพท์ไปหาบุคคลที่เราอยากจะพูด อยากถามในทันที ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นเวลาประชุม เวลานอน เวลารับประทานอาหาร เวลาพักผ่อน หรือเป็นวันหยุด การโทร.ไปเช่นนั้น โดยไม่ดูเวลาหรือกาละเทศะที่ควรโทร. แม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่จริงๆ แล้วเขาก็อาจจะไม่พอใจ หรือโกรธที่เราไปขัดจังหวะเขาอยู่ก็ได

หรือบางคนไม่รู้จักมักจี่กับเจ้าของเบอร์ แต่ได้เบอร์โทร.มาจากคนอื่น แล้วโทร.เข้ามือถือ หรือนำเบอร์มือถือของคนหนึ่งไปบอกคนอื่นโดยเจ้าตัวไม่ทราบหรือไม่อนุญาต ก็เป็นเรื่องไม่ควร ขาดมารยาทที่ดี เพราะบางคนได้เบอร์แล้วโทร.ไปขายประกัน ขายเครื่องกรองน้ำ เชิญชวนสมัครสมาชิกบัตรเครดิต ฯลฯ ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ทำให้ผู้รับสายเกิดความเดือดร้อน รำคาญใจ

เป็นสภาวการณ์ปัจจุบันคือ ใช้มือถือโดยไม่เลือกเวลา และสถานที่ เช่น ในห้องประชุม โรงหนัง โรงมหรสพ บนรถ/เรือโดยสาร ระหว่างพิธีการต่างๆ เป็นต้น เสียงโทรศัพท์มือถือมักจะดังขึ้น ทำให้รบกวนสมาธิของผู้อื่น แถมบางคนก็คุยเสียงดัง แบบไม่เกรงใจใคร ลืมตัวว่าอยู่ในที่สาธารณะ อาจใช้ภาษาไม่สุภาพ หรือพูดๆ แล้วเกิดอารมณ์โกรธก็ด่าว่าอีกฝ่ายทางโทรศัพท์ ซึ่งโดยมารยาททางสังคมนั้น ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

โรคขาดมนุษยสัมพันธ์ คนส่วนใหญ่จะใช้มือถือพูดคุยกับญาติสนิท มิตรสหายที่ใกล้ชิด ทำให้ขาดความใส่ใจที่จะสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น เมื่อไปงานเลี้ยงสังสรรค์ แทนที่เราจะไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ในงาน สร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้น หลายคนกลับหลบมุมโทร.ไปคุยกับเพื่อน หรือวัยรุ่นอยู่บ้าน แทนที่จะพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองหรือทำกิจกรรม กินข้าวปลาอาหารร่วมกับญาติพี่น้อง ก็มักรีบกินรีบหนีขึ้นห้องโทร.ไปหาเพื่อน และใช้เวลาพูดคุยกันเป็นชั่วโมงๆ

นานๆ ไปความสัมพันธ์ในบ้านก็ห่างเหิน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้โทรศัพท์โทร.หาเพื่อนหรือติดต่อธุรกิจของตน โดยไม่สนใจผู้อื่นอีกต่อไป หากวันไหนไม่ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อน ก็อาจจะเกิดอาการเฉาหรือเหงาหงอย กลายเป็นคนแยกตัวออกจากสังคม มีโลกของตัวเองต่างหาก และเป็นโรคติดโทรศัพท์ในที่สุด

โรคไม่จริงใจ การพูดคุยทางโทรศัพท์ไม่ต้องเห็นหน้าตา ท่าทาง สายตาและปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทำให้หลายคนใช้คำหวานหลอกลวง พูดโกหกผู้อื่น หรือนิยมส่ง sms ไปยังอีกฝ่าย ทำเสมือนรักใคร่ ผูกพันหรือห่วงใย แต่ใจจริงมิได้คิดเช่นนั้น นอกจากโรคดังกล่าวแล้ว โทรศัพท์มือถือยังมีผลข้างเคียงทำให้เสียสุขภาพด้านอื่นๆ อีก เช่น ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น เพราะมัวแต่คุยทั้งวันทั้งคืนจึงนอนดึก นอนไม่พอ ทำให้หูตึงหรือมีโรคเกี่ยวกับหู เกิดอาการปวดหัว ไมเกรนหรือมีปัญหาทางเส้นประสาท เพราะคลื่นจากมือถือที่มีกำลังส่งแรงสูง

ทั้งยังทำให้เกิดพวกโรคจิตเพิ่มขึ้น คือพวกที่ชอบแอบถ่าย บางคนก็ถ่ายภาพหวิวของตัวเองไปลงตามอินเตอร์เน็ต เพราะทำได้ง่าย หลายครั้งมือถือทำให้ขาดความระมัดระวัง ขับไปพูดไป จนเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน หรือชนคนอื่น นอกจากนี้ มือถือยังก่อให้เกิดอาชญากรรม ถูกคนร้ายติดตามมาทำร้ายร่างกายหรือแย่งชิงทรัพย์ได้ง่ายอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้ คือโรคร่วมสมัยที่มาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเราควรรู้จักฉลาดใช้ "โทรศัพท์มือถือ" ให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อตัวเราทั้งด้านส่วนตัว การเรียน และหน้าที่การงาน อย่าทำให้โทรศัพท์มือถืออยู่เหนืออิทธิพลจิตใจของเรา โดยไม่รู้ตัว

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2549    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 9:49:32 น.
Counter : 540 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Never be Afraid to Dream
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









หมายเหตุ :
1. ขอขอบคุณเจ้าของโค้ด รูป และของแต่งบล็อกที่รวมกันเป็นบล็อกนี้ทุกท่านและขออภัยที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ เนื่องจาก จขบ.เซฟมาเยอะจนไม่สามารถจำได้ว่าเอามาจากบล็อกของท่านใดบ้าง

2. ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ สำหรับทุกท่านที่แวะมาเยี่ยม มาแสดงความเห็นค่ะ และขออภัยหากไม่ได้กลับไปเยี่ยม
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Never be Afraid to Dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.