วัฒนธรรมไอพอด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฟังเครื่องเล่นเพลงดิจิตอล (ตอนนี้มีทั้งเล่นเพลง รับฟังวิทยุ เล่นภาพแบบสไลด์โชว์ และวิดีโอขนาดดูหนังทั้งเรื่องยาวๆ ได้แล้ว) ยี่ห้อไอพอดของแอปเปิล คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่กินความรวมถึงเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลหรือที่เรามักเรียกกันว่าเอ็มพี 3 เพลเยอร์ หรือเอ็มพีพี ทั้งหมด ยอดขายของเครื่องเล่นเอ็มพีพีที่ว่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกๆ สัปดาห์ และเพิ่มในระดับที่รวดเร็วอย่างยิ่ง
เร็วถึงขนาดสร้างความกังวลให้กับผู้ผลิตแผ่นเสียง ผู้ผลิตเพลงที่นั่งทำตาปริบๆ จากปัญหาทั้งในแง่ของลิขสิทธิ์ในการดาวน์โหลดเพลงจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และการลดลงอย่างเห็นได้ชัดของยอดขายแผ่นซีดีเพลงทั่วโลก
วัฒนธรรมไอพอด ทำให้ใครก็ตามที่ไม่รู้จัก ไอพอดนาโน ไอจูน พอดคาสต์ ฯลฯ กลายเป็นคนเฉิ่ม เชย เอาท์ไปโดยอัตโนมัติ
ปัญหาก็คือวัฒนธรรมใหม่ๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดโรคหลายๆ อย่าง ก่อนหน้านี้แพทย์ทางประสาทวิทยาออกมาเตือนเรื่องการฟังเพลงหรืออะไรก็ตามผ่านหูฟังแบบพกพามากจนเกินไป หรือด้วยระดับเสียงดังเกินไป จะทำให้ประสาทหูได้รับการกระทบกระเทือนแน่นอน ที่จะเกิดขึ้นตามมาคืออาการเสื่อมของการรับฟังเสียงทั่วไปของหู พูดง่ายๆ ว่า หูจะตึงนั่นแหละครับ
ล่าสุด นายแพทย์คาร์ล เออร์วิน จากแพทยสมาคมประสาทไขสันหลังแห่งอังกฤษ ออกมาเตือนถึงโรคใหม่ที่เริ่มเกิดขึ้นกับสาวกไอพอดหลายคนในประเทศอังกฤษแล้ว โดยแพทย์หลายคนพะยี่ห้อให้มันว่าเป็นโรค "ไอพอด ฟิงเกอร์"
คุณหมอเออร์วินอธิบายถึง "ไอพอด ฟิงเกอร์" ไว้ว่า เกิดจากการที่เครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลแบบพกพาได้รับความนิยมเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ในขณะนี้แล้วคนที่ใช้งานมันก็ต้องมาใช้ปุ่มบังคับขนาดเล็กๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานแล้วก็เป็นการเคลื่อนไหวนิ้วมือ โดยเฉพาะหัวแม่มือในรูปแบบที่ซ้ำๆ กันถี่ๆ และต่อเนื่อง ผลลัพธ์ก็คือ อาการปวดหรืออาการติดขัดและปวดในขณะเคลื่อนไหวนิ้ว ซึ่งเกิดขึ้นทำนองเดียวกันกับเมื่อเราใช้เอสเอ็มเอส หรือเล่นวิดีโอเกมมากๆ นานๆ นั่นแหละ
บางครั้งอาการปวดมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่นิ้ว แต่จะร้าวและลามต่อไปทั่วทั้งฝ่ามือ ขึ้นไปจนถึงแขนและคอโน่นเลยทีเดียว
อาการหนักๆ อย่างนั้นพบในผู้ป่วยหลายคนที่เดินทางมาพบแพทย์ และหลังจากพูดคุยซักประวัติกันถี่ถ้วนก็ชัดเจนว่าเกิดจากการใช้หัวแม่มือสไลด์ไปตามหน้าปัดของไอพอดมากๆ นั่นเอง
ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลพกพาขนาดเล็กนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาการปวดอย่างเดียว ข้อมูลของสมาคมธุรกิจอังกฤษระบุว่า ตอนนี้มีคนลาป่วยเพราะอาการปวดจากการทำซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้ หรือจากการพิมพ์คอมพิวเตอร์นานๆ เป็นจำนวนมาก คิดช่วงเวลาลาป่วยที่ว่านี้แล้วเท่ากับว่าอาการปวดทำนองนี้ก่อให้เกิดการสูญเสียวันทำงานไปถึง 5.4 ล้านวันต่อปีเลยทีเดียว
"เมื่อคำนึงถึงธรรมชาติของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผมเชื่อว่าอุปกรณ์ทำนองนี้นับวันจะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ เพราะงั้นผมถึงไม่ประหลาดใจที่ว่าอีกไม่นานอาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับนิ้วและมือทั้งหลายจะกลายเป็นโรคที่เราพบกันทั่วไป"คุณหมอชาวอังกฤษเตือนไว้อย่างนั้นครับ!
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์มติชน
อ่ะนะ...อะไรที่มันมากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ดี เพราะฉะนั้น พยายามเดินทางสายกลาง...เล่นกันแต่พอดิบพอดีก็แล้วกัน