นินทาลูกค้า (ตามหลัง) : อย่างนี้ก็มีด้วย
ขึ้นชื่อว่าเป็นธุรกิจประกันภัย หรือธุรกิจไหนๆ มันก็มีความเสี่ยงกันทั้งนั้น ทำให้จำเป็นต้องมีกฏระเบียบออกมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวบริษัทเอง ซึ่งตัวฉันตอนนี้ มองธุรกิจนี้ใน 2 มุม คือ มุมของผู้บริโภค หรือลูกค้า และมุมของบริษัท หรือคนขาย
สำหรับบริษัทที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ ขั้นตอนการพิจารณารับประกันลูกค้า ไม่จำเป็นต้องไปตรวจสุขภาพ แต่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพตามความเป็นจริง และถ้าเป็นต่างชาติอายุเกิน 50 ปี ต้องตรวจความดัน และน้ำตาลในเลือด และตอบข้อซักถามของพยาบาล (ชาวต่างชาติ) อีกนิดหน่อย
เรื่องของเรื่องที่เกริ่นมาซะยาวขนาดนี้ ประเด็น ก็คือ จะนินทาลูกค้านั่นแหละค่ะ
ลูกค้ารายหนึ่ง เป็นต่างชาติ อายุที่คุณแกบอก คือ 45 ปี (แต่หน้าตาเห็นแล้ว คิดว่า ตัวเลขน่าจะสลับกัน หรือมากกว่านั้น) เข้ามาซื้อประกันพร้อมกับลูกสาวบุญธรรมคนไทย
ในช่วงสนทนาก่อนที่จะตัดสินใจทำ ฉันก็ทำหน้าที่ของฉัน คือ อธิบายให้ลูกค้าฟัง แต่คุณลูกค้าของเดี๊ยนก็บอกอยู่นั่นแหละว่าไม่ต้อง ผมรู้แล้ว ผมอ่านเองได้ (เธอไม่ต้องการคำอธิบายใดๆทั้งสิ้นค่ะ ยัง ยัง ยังไม่พอ เธอยังตีหน้ายักษ์ แสดงออกเหมือนว่าเดี๊ยนไปรบกวนเธอซะงั้น)
อ่ะนะ....ไม่เป็นไร ลูกค้าฉลาดๆ อย่างนี้ ชอบ ไม่ต้องปากเปียกปากแชะ พูดกันยืดยาว ฉันก็นั่งกับแกและลูกสาวบุญธรรมจนแกตัดสินใจทำนั่นแหละ หลังจากนั้นก็เอาใบสมัครมาให้แกกรอก
พอกรอกเสร็จ ก็ตรวจทานใบสมัคร อ่ะ...ติ๊กว่าเป็นความดันด้วย และก็เคยหาหมอ รักษาตัวในโรงพยาบาล อย่างนี้ต้องให้คุยกับพยาบาลซะหน่อย จะได้ไม่มีข้อสงสัยให้ตะขิดตะขวงใจกันทั้งลูกค้าและบริษัท
ว่าแล้วก็จัดแจงแจ้งให้พยาบาลลงมาคุยกับลูกค้าซักหน่อย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหล่ะค่ะ จากพญาราชสีห์ไอ้ตอนที่คุยกับฉัน ตอนนี้กลับกลายเป็นหมาน้อย นั่งทำตาปริบๆ อยู่กับคุณพยาบาลของเราไปเรียบร้อยแล้ว
มัน Race Discrimination กันขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?????
กับคนไทยเจ้าของประเทศที่คุณมาอาศัย ตักตวงผลประโยชน์ โกยเงินกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง คุณตีกรอบโลกทัศน์ของตัวเองไว้แค่ว่า คนผิวเหลืองจมูกแบนพรรณนี้ จะไม่มีวันสื่อสารภาษาแม่ของตัวคุณเองได้ และคุณจะไม่มีวันจะพยายามเข้าใจคนพวกนี้ แม้ว่าขณะนี้จะยืนอยู่บนผืนแผ่นดินของคนเหล่านี้ก็ตามแต่
ตรงกันข้ามกับคนสายพันธุ์เดียวกันกับคุณ คุณกลับนอบน้อม พินอบพิเทา อย่างนี้ ถ้าไม่เรียกว่า Race Discrimination ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วหล่ะค่ะ
สำหรับผลสรุปของเคสนี้ หลังจากที่คุยกับพยาบาลเสียยืดยาว คือ คุณลูกค้าแกไม่ยอมรับข้อยกเว้นในเรื่องความดันโลหิตสูง และโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า เพราะผมก็เป็นหมอเหมือนกัน ผมรู้ว่า ถ้าผมยอมรับข้อยกเว้นในเรื่องนี้แล้ว ผมก็คงไม่มีโรคอื่นที่จะได้ใช้ประโยชน์จากการซื้อประกันสุขภาพในครั้งนี้ (อะไรทำนองนี้ เพราะไม่ได้นั่งอยู่ด้วยตอนที่เค้าคุยกัน)
เรื่องแบบนี้ตีได้ 2 ความหมาย คือ
1. ตั้งใจเข้ามาซื้อประกัน โดยไม่รู้ว่าตัวเองจะมีข้อยกเว้นในเรื่องความดันโลหิตสูง เพราะไม่คิดว่า บริษัทจะถือว่าเรื่องนี้เป็น โรคที่เป็นมาก่อน
2. ตั้งใจเข้ามาซื้อประกัน โดยรู้ว่าตัวเองจะมีข้อยกเว้นในเรื่องความดันโลหิตสูง แต่ขอเสี่ยงดวงนิดนึง เพราะถ้ามีแต่พนง.คนไทยหมด ก็คงผ่านได้สบายโลด คนไทยคงไม่รู้เรื่องหรอก ยังไงก็ผ่าน เลยซื้อแผนผลประโยชน์สูงสุดไว้ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินๆทองๆ
จะว่าไปแล้ว ก็เข้าใจคุณลูกค้า ที่แกก็คงอยากทำประกัน (เหมือนฉันและคนทั่วไปที่เล็งเห็นประโยชน์ของประกันประเภทนี้) แต่ถ้าคนเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ตอนนี้กรมธรรม์แกอาจจะได้ แต่ระยะยาวปัญหาจะเกิดอย่างแน่นอน เพราะบริษัทประกันเค้าก็ต้องมีระเบียบมาปกป้องตัวเองจากเหล่าคนขี้โกงเหมือนกัน ไม่งั้นธุรกิจก็คงจะอยู่ไม่ได้
จั่วหัวว่านินทาลูกค้า"ตามหลัง" ก็เพราะฉันออกจากงานนี้เรียบร้อยแล้ว แต่คันมือคันปากอยากนินทาอ่ะคะ |
| Create Date : 07 ธันวาคม 2550 |
| Last Update : 7 ธันวาคม 2550 21:32:14 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 432 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: โสดในซอย  วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:22:04:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
