นกน้อยพาเที่ยว - ญี่ปุ่น 'NIKKO 日光' ตอน 1 มุ่งหน้าสู่เมืองมรดกโลก


ตี้ดติ้ด...ตี้ดติ้ด...ตี้ดติ้ด...ตี้ดดดดดดดดดดดดดดดด...ผัวะ!!


เสียงจากเหตุการ์ณจริงที่เกิดขึ้นตอนเช้าตรู่ของวันที่หก...โอยย ปลุกกันทำไม นี่มันยังไม่เช้าเลยนะ...


สักพักเริ่มรู้สึกตัวว่าจะมานอนต่อไปไม่ได้แล้ว เดี๋ยวไปไม่ทันรถไฟรอบเช้าสุด แย่กันพอดี


จึงต้องพยายามพาร่างกายอันบอบช้ำจากการใช้งานอย่างหนักหน่วงตลอดห้าวันที่ผ่านมา


ไปฟื้นฟูความสดชื่นจากมวลไม้ธรรมชาติแสนบริสุทธิ์กันที่เมืองมรดกโลก....นิกโก้ 日光



Nikkō 日光


อยู่ทางตอนเหนือห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 140 กิโลเมตร


ตั้งอยู่ในจังหวัด Tochigi 栃木県


เมืองนิคโก้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก


เนื่องจากในอดีตเป็นพื้นที่ในอาณาเขตของโชกุนตระกูลโทกุกาวะ อิเอยาสุ ผู้ก่อตั้งเมืองเอโดะเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่


และปัจจุบันเป็นสถานที่ที่เก็บพระบรมอัฐิของท่านโชกุนไว้ด้วย มีสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายและมีอายุยาวนานกว่า 1,200 ปี


โดยจุดเริ่มต้นของเมืองนั้นเริ่มขึ้นโดยที่มีการสร้างวัด ก่อนตามมาด้วยศาลเจ้า Futarasan และศาลเจ้า Tōshō-gū


หมู่บ้านนิคโก้จึงพัฒนาในรอบบริเวณนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเขตมรดกโลก


นิคโก้นั้นเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธและชินโตมานานหลายศตวรรษ ก่อนที่ศาลเจ้า Tōshō-gūจะถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์ในปี 1617 ซะอีก





เส้นทางที่เราจะใช้เดินทางกันในวันนี้ต้องไปตั้งต้นที่ อาซากุสะ 浅草 โดยจะเดินทางกันด้วย Tōbu Nikkō Line 東武日光線


ออกจากสถานีใต้ดินอาซากุสะที่ตั้งอยู่ด้านล่างของห้าง Matsuya Asakusa ก็มีป้ายบอกว่าจะต้องไปต่อสายโทบุที่ไหน


เดินมาตามทางถนน Edo Dōri 江戸道路 มาอีกทางเข้าหนึ่งคือ North Ticket Gate


แต่ก่อนถึงทางเข้าจะมี Tourist Information Center สามารถสอบถามข้อมูลท่องเที่ยว ขอแผนที่ท่องเที่ยวได้


และพนักงานสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษพอได้ด้วย ท่าทางจะมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเยอะ





เลยตัดสินใจขอคำปรึกษาเรื่อง Nikko Discount Pass ทางเจ้าหน้าที่เลยแนะนำมาว่าถ้ามีเวลาวันเดียวน่าจะเที่ยวเฉพาะที่หลักๆ


ให้เลือกแบบ World Heritage Pass น่าจะดีกว่าเพราะสามารถเข้าสถานที่สำคัญๆได้หมดแถมรวมตั๋วรถไฟไป-กลับไว้แล้วด้วย


ในราคาสุดประหยัด เพียง 3,600 เยน เท่านั้น แต่ถ้าใครที่อยากจะออกไปไกลนิดหน่อยเพื่อเที่ยวที่บริเวณทะเลสาปและน้ำตกเคกอน


เลือกแบบ All Nikko Pass ราคา 4,400 เยนที่จะประหยัดค่าโดยสารระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวได้มาก แต่จะไม่รวมค่าเข้าชมสถานที่ไว้





หลังจากนั้นเดินไปสถานีขึ้นไปชั้นสองตรงชานชาลา โชว์ World Heritage Pass ให้กับนายสถานีได้เลย


ขึ้นไปถึงรถไฟก็จอดรออยู่แล้ว เช็คชื่อขบวนนิดนึงว่าเป็นรถด่วนพิเศษรึเปล่า ไม่มีอะไรผิดพลาดก็ขึ้นไปจับจองที่นั่งตามสะดวก


เพราะเช้านี้รถไฟโล่งมาก รถไฟไม่ใหม่แต่ก็ดูสะอาดสะอ้าน โดยเลือกขบวนเร็วที่สุดคือ Limited Express 特急 เรียกว่า SPACIA





เผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว แป้บเดียวใช้เวลาเกือบ 2 ช.ม. ก็ถึงสถานี Tōbu Nikkō 東武日光駅 เป็นที่เรียบร้อย


พาหนะหลักที่ใช้สำหรับเดินทางเที่ยวในเมืองนิคโก้คือ รถบัส ที่มีชื่อว่า World Heritage Bus โดยจะมีวิ่งตลอดทั้งวัน


ตารางเดินรถบัสจะมีแจกให้ตั้งแต่ตอนที่ซื้อตั๋วแล้ว ถ้าเค้าไม่ให้ก็อย่าลืมขอ


เจ้าหน้าที่บอกให้ไปรอที่ป้ายรถบัสเบอร์ 2C ซึ่งเป็นจุดที่รถบัสคันนี้จะมาเทียบจอด




บรรยากาศรอบๆสถาณี สงบเสงี่ยม เงียบเชียบ




จุดเริ่มต้นของ World Heritage Site คือ วัดรินโนจิ 輪王寺 เป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดของนิคโก้


สร้างขึ้นโดยพระสงฆ์นามว่า Shōdō Shonin 勝道上人 ขึ้นในปี 766 ผู้ที่นำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 8


ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ที่อยู่ในหุบเขา ทำให้ต่อมาวัดแห่งนี้เป็นที่นิยมของพระหลายองค์ที่แสวงหาความสงบ


เพื่อสามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูง




นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Omotesandō 表参道 พอหันหลังก็จะพบกับรูปปั้นของท่าน Shōdō Shonin


และมีป้ายเขียนต้อนรับเป็นภาษาญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ว่า


Welcome to Nikkō Mountain - The Entrace of World Heritage Site


ตื่นเต้นๆๆ ลิ่นความขลังเก่าแก่โชยมาแต่ไกล เห็นทางเข้าใหญ่ๆอยู่ด้านหน้าให้เดินตรงเข้าไป


จะเห็นจุดจำหน่ายตั๋วให้เอาพาสที่เรามีอยู่ไปแลกตั๋วเข้าชมสถานที่ได้




โดยทางเจ้าหน้าที่จะเก็บพาสของเราไปและให้เป็นกระดาษสีขาวมาหนึ่งใบ


โดยจะแบ่งเป็นช่องๆ ระบุส่วนที่สามารถเข้าไปชมได้เป็นลำดับ


ถ้าหากเข้าไปที่แรกทางพนักงานก็จะฉีกหรือตัดตรงบริเวณภาพของสถานที่นั้นๆ


เพื่อแสดงว่าเราได้เข้ามาชมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอแรกตั๋วเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปลุยกันเล้ย Smiley




แต่ก่อนเข้าไปด้านใน เยื้องกับบริเวณซุ้มขายตั๋วจะมีสวนญี่ปุ่นสไตล์โบราณขนาดเล็ก


ตกแต่งสวนด้วยหินอ่อนชื่อว่า Shōyōen 逍遙園 เดินชมนกชมไม้กันพอเป็นพิธี อย่าใช้เวลามากเพราะของดียังมีอีกเยอะ


ใกล้ๆกันนั้นจะมีศาลาที่จัดแสดงสมบัติทางพระพุทธศาสนาของตระกูลโทกุกาวะเอาไว้ด้วย


แต่หากจะเข้าชมทั้ง 2 ที่นี้จะไม่รวมกับส่วนที่เราแลกตั๋วมาเมื่อครู่นี้ ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่ม 300 เยน




ภายในบริเวณวัดรินโนจิประกอบไปด้วยศาลาหลายหลัง แต่ที่มีความสำคัญที่สุดคือ


Sanbutsudō 三仏堂 หรือ Three Buddha Hall


สร้างขึ้นภายหลังในปี 1648 ด้านในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปไม้สามองค์คือ


พระอมิตาภพุทธะ (Amida) เจ้าแม่กวนอิมพันกร (Senju-Kannon) และ พุทธรูปซึ่งมีเศียรเป็นม้า (Bato-Kannon)


คุ้มครองชาวเมืองนิคโก้มานานแสนนาน ล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ แกะสลักจากไม้ขนาดใหญ่และปิดสีทองอร่าม




ด้านในนั้นห้ามถ่ายรูปอย่างเด็ดขาด บรรยากาศด้านในเงียบสงบ น่าวังเวงทำเอาขนลุกแบบไม่ใช่เพราะความหนาว


และที่สำคัญมีความเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มากแบบสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก


สามารถเขียนขอพรบนแผ่นไม้ที่เตรียมไว้ให้ได้ด้วย ทำบุญแล้วแต่ความศรัทธา





นอกจากนี้ในบริเวณยังมีสุสานของท่านโชกุนโทกุกาวะ อิเอะมิตซุ โชกุนลำดับที่สามของตระกูลโทกุกาวะ Taiyū-in Reibyō 大猷院霊廟


พร้อมกันนั้นยังเป็นจุดที่ตั้งของศาลเจ้า Futarasan และ Tōshō-gū โดยทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่าเป็นแหล่งมรดกโลก


Shrines and Temples of Nikkō UNESCO World Heritage Site



อย่างที่บอกว่าที่นี่ตั้งอยู่ในหุบเขา นอกจากอากาศจะหนาวเย็นจับใจแล้วทางเดินยังชันสุดชีวิต เดินทีทำเอาเมื่อยเหมือนกัน


ระหว่างทางเดินหลังจากชมวัดรินโนจิเสร็จแล้ว จะเห็นต้นไม้ที่มีอายุนานหลายร้อยปีสูงค้ำฟ้าอยู่ทั้งสองข้างทางเยอะแยะมากมาย


เรียงรายให้สมศักดิ์ศรีขุนเขาแห่งธรรมชาติอันเก่าแก่ สุดทางเดินนี้เราจะพบกับเป้าหมายต่อไปของเราคือ วัดโทโชกุ 東照宮


สังเกตได้จากแท่นหินด้านข้างที่สลักชื่อวัดไว้ พร้อมกับที่ด้านบนมีตราสัญลักษณ์สีทอง เป็นรูปใบไม้สามใบประจำตระกูลโทกุกาวะ




วัดโทโชกุสร้างขึ้นในสมัยของโชกุนโทกุกาวะรุ่นที่สอง คือ ท่านฮิเดทาดะ ในปี 1617


ก่อนท่านโชกุนโทกุกาวะ อิเอะยะสึ สิ้นพระชนม์ลงในปราสาทที่จังหวัดชิซุโอกะนั้น ท่านมีประสงค์ว่าให้ทำการฝังพระศพที่นิคโก้แห่งนี้


ดังนั้นวัดนี้จึงสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของท่านอิเอยาสุนั่นเอง ในสมัยโชกุนโทกุกาวะรุ่นที่สามคือ ท่านอิเอะมิตซึ


ได้ทำการบูรณะครั้งใหญ่ในปี 1634-1636 โดยใช้แรงงานคนมากถึง 4,533,648 คน ใช้เวลาทั้งหมด 17 เดือน


ด้วยจำนวนเงินมหาศาลถึง 4 หมื่นล้านเยน (เทียบเป็นเงินเยนในปัจจุบัน) 


ทั้งบริเวณวัดมีงานประติมากรรมมากถึง 5,173 ชิ้นกระจายตามจุดต่างๆนับเป็นจุดเด่นที่สำคัญของสถานที่แห่งนี้



บริเวณทางเข้ามีโทริอิขนาดใหญ่ทำจากหินเรียกว่า Ishi-Dorii 石鳥居 มีความสูง 9 เมตรและเป็นโทริอิที่ทำจากหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด


รู้สึกทึ่งว่าสามารถแบกหินท่อนโตขนาดนั้นไปอยู่ด้านบน แล้วยังคงตั้งปักหลักอยู่ที่ฐานอย่างแน่นหนาโดยที่ไม่ล้มลงมาได้อย่างไร


เลยจากทางเข้าศาลเจ้าทางด้านซ้ายมือจะมี เจดีย์ 5 ชั้น Five-story pagoda


มีความสูง 34.3 เมตร สร้างขึ้นภายหลังในปี ค.ศ. 1650 หลังจากที่ถูกไฟไหม้เสียหายจึงได้มีการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1818


โดยแต่ละชั้นแสดงถึงส่วนประกอบต่างๆคือ พื้นดิน, น้ำ, ลม, ไฟ และ สวรรค์




บรรยากาศดูร่มรื่นย์ผสมให้อารมณ์ขลัง เพราะบรรดาป่าต้นสนด้านหลังสูงเทียมทัดยอดของเจดีย์เลยทีเดียว


ภายในได้รับการออกแบบให้รับกับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว โดยที่แกนหลักนั้นถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ขนาดใหญ่


ประตูชั้นนอกสุด หรือ Omote-mon 御殿表門 มีสีแดงและที่สองฝั่งของประตูมีรูปปั้นยักษ์ 2 ตนที่ชื่อว่า Niō 仁王 สูง 4 เมตร


และด้านในเป็นรูปปั้นของสิงโต มีศาลาอยู่ทางซ้ายมือคือ Shinkyu-sha 神厩舎 พอดูจากชื่อแล้วถึงรู้ว่าที่นี่เคยเป็นคอกม้ามาก่อน




ที่นี่เราจะพบกับรูปแกะสลักของลิงแสนรู้สามตัว Three Wise Monkeys 三匹の猿


ถ้าสังเกตที่นี่จะเป็นศาลาเดียวที่ไม่ได้มีการขัดเงาบนไม้ ลิงสามตัวนี้เป็นภาพปริศนาธรรมที่มีใจความหลักและสอนว่า


“ไม่เห็นในสิ่งที่ไม่ดี ไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี ไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดี” (See-no-evil, Say-no-evil, Hear-no-evil)



ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่ารอบศาลาจะมีภาพไม้แกะสลักภาพลิงเป็นเรื่องราว


ลิงแต่ละตัวมีชื่อว่า Mizaru 見ざる ใช้มือปิดตา, Kikazaru 聞かざる ใช้มือปิดหู, และ Iwazaru 言わざる ใช้มือปิดปาก


จริงๆแล้วอาจจะมีลิงตัวที่สี่มาเกี่ยวข้องชื่อว่า Shizaru しざる ใช้มือปิดท้องหรืออวัยวะเพศ คือสื่อว่าไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี



โดยชื่อของลิงทั้งสามตัวนั้นมาจากการเล่นคำโดยการนำคำกิริยามารวมกับคำว่า Saru ที่แปลว่าลิง


และนำไปสอดคล้องกับหลักคำสอนโบราณที่อยู่ในคัมภีร์ของขงจื้อ ความหมายของลิงทั้งสามตัวนี้ถ้าพูดเอาให้เข้าใจง่าย


นั่นคือ การพูดดี คิดดี และกระทำดี หรือมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่า ไม่เกิดความประมาทในการไม่มองอีกมุมหนึ่ง คือการแสร้งที่จะไม่รับรู้



โดยรอบด้านของศาลาเล่าเรื่องราวของลิงแสนรู้ทั้งสามตัวนี้ มีทั้งหมดแปดภาพ



ภาพ 1 สื่อว่า “แม่ลิงกำลังมองมุ่งไปข้างหน้าเพื่ออนาคตของลูกลิงและลูกลิงแหงนหน้าขึ้นมองแม่ลิง” 


ภาพ 2 สื่อว่า “ลูกลิงแสนรู้ทั้งสามบอกว่าเด็กไม่ควรมอง ฟัง และ พูด ในสิ่งที่ไม่ดี” 



ภาพ 3 สื่อว่า “เมื่อลูกลิงเติบโตขึ้น ก็จะต้องดำรงชีวิตตามลำพัง” 


ภาพ 4 สื่อว่า “ลิงที่กำลังมองขึ้นข้างบนด้วยความทะเยอทะยาน” 



ภาพ 5 สื่อว่า “ลิงกำลังสับสนในชีวิตและมองลงจากหน้าภาพอย่างโดดเดี่ยวโดยที่มีเพื่อนลิงให้กำลังใจอยู่ข้างกาย”


ภาพ 6 สื่อว่า “เจ้าลิงกำลังมีอาการป่วยด้วยโรครัก”



ภาพ 7 สื่อว่า “ลิงสองตัวที่เพิ่งตกลงเป็นคู่ชีวิตกัน กำลังจะลงเรือลำเดียวกันเพื่อผ่านมรสุมในชีวิตไปด้วยกัน”


ภาพ 8 สื่อว่า “ลิงตัวเมียกำลังอุ้มท้อง และ เรื่องราวก็ย้อนกลับไปที่ภาพแรก”




ใช้เวลากับเจ้าลิงแสนรู้กันพักใหญ่ ที่ใกล้ๆกันก็มีร้านของของที่ระลึกกันเลยทีเดียว แบบว่าประทับใจปุ้บก็หันมาซื้อเก็บเป็นที่ระลึกได้ปั้บ


ของที่ระลึกมีหลากหลายตั้งแต่ชิ้นเล็กจนถึงชิ้นใหญ่ และแน่นอนที่จะขาดไม่ได้ก็คือ ลิงแสนรู้สามตัว


เลยเก็บพวกกุญแจเครื่องรางลิงสามตัวที่ทำออกมาหน้าตาน่ารักคิกขุมาเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง ราคาก็ไม่แพงแค่ชิ้นละ 300 เยน


ส่วนเพื่อนอยากจะซื้อดาบญี่ปุ่นไปฝากคนที่บ้านก็เลือกซื้อกันตามใจชอบ ของแต่ละชิ้นล้วนมีความหมายทั้งสิ้น


โดยจะมีป้ายบอกไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ อย่างเช่นดาบที่เพื่อนซื้อไปนั้นคือเพื่อให้ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจของที่บ้าน



ยังไม่จบเท่านี้นะครับ เดี๋ยวกลับมาเที่ยวนิคโก้ต่อกันตอนหน้า 


Smiley นกน้อยพาเที่ยว Smiley




Create Date : 06 สิงหาคม 2554
Last Update : 6 สิงหาคม 2554 15:19:59 น.
Counter : 11089 Pageviews.

2 comments
  
ตามมาดูเพื่อเป็นไกด์ไลน์
คุณนกน้อยอธิบายได้ชัดเจนดีมากเลยคะ

ขอบคุณนะคะ
โดย: คาการิ IP: 61.90.18.171 วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:7:36:14 น.
  
ขอบคุณคุณนกน้อยมากเลยค่ะ
นอกจากจะบอกวิธีไปสถานที่สวยๆแล้ว ยังมีความรู้เพิ่มให้อีกด้วย
เพราะ Blog ของคุณนกน้อย ทำให้สามารถไปเที่ยวทั้ง Hakone และ Nikko ได้เอง โดยไ่ม่ต้องพึ่งทัวร์

ขอบคุณจากใจจริงคะ
โดย: SoM(a) Akito IP: 118.22.131.123 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:44:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bird Freedom
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]



All Blog