Group Blog
 
All Blogs
 

อย่างไรเรียกว่าสังฆทาน?

คนไทยที่นับถือพุทธศาสนา ไม่ว่าอยู่ที่ใด มักหาโอกาสทำบุญอยู่เสมอ และการทำบุญที่นิยมกันมากก็คือการทำสังฆทาน ยิ่งชาวพุทธไทยที่อยู่ต่างประเทศด้วยแล้ว ชอบทำสังฆทานมากกว่าการทำบุญชนิดอื่น รวมถึงการใส่บาตร ส่วนหนึ่งก็เพราะสังฆทานนั้นสามารถทำได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเชื่อว่าสังฆทานนั้นมีอานิสงส์มาก

อย่างไรก็ตามทุก วันนี้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสังฆทานได้แพร่หลายไปมาก กล่าวคือเข้าใจว่าหมายถึงการถวายทานแก่พระภิกษุ ถ้าถวายแก่พระรูปใดก็ถือว่าเป็นสังฆทานทั้งนั้น แต่ความจริงแล้วการถวายทานแก่พระรูปใดรูปหนึ่งอย่างเจาะจง ไม่เรียกว่าสังฆทาน แต่เรียกว่า “ปาฏิบุคลิก ทาน”

สังฆทาน หมายถึง การการถวายทานแก่สงฆ์หรือพระทั้งคณะโดยไม่เจาะจง ที่พระรูปใดรูปหนึ่ง เพราะคำว่า “สงฆ์” นั้น หมายถึงหมู่คณะ มิได้แปลว่า “พระภิกษุ”อย่าง ที่มักเข้าใจกัน การถวายแก่สงฆ์หรือพระทั้งคณะ เป็นบุญกิริยาที่พระพุทธองค์ตรัสว่ามีอานิสงส์มาก และมากยิ่งกว่าการถวายแก่บุคคลอย่างเจาะจง แม้ท่านนั้นจะเป็นถึงอริยบุคคลก็ตาม ดังมีพุทธพจน์ว่า “เราไม่เห็นว่าของที่ให้แก่บุคคล (ปาฏิบุคลิกทาน)มีผลมากกว่าของที่ให้แก่สงฆ์ โดยปริยายใด ๆ เลย”

ในขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎก มีเรื่องเล่าถึงการพบปะระหว่างเทพธิดาคู่หนึ่งซึ่งเคยเป็นพี่น้องกันในชาติ ก่อน เทพธิดาผู้พี่หรือนางภัทรามีความสงสัยว่าเหตุใดตนจึงบังเกิดในสวรรค์ชั้นต่ำ กว่าผู้น้อง ทั้ง ๆ ที่เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ตนถวายทานแก่พระภิกษุบ่อยครั้งกว่า เทพธิดาผู้น้องหรือสุภัทราตอบว่า นี้เป็นเพราะตนได้ถวายสังฆทานคือถวายทานแก่หมู่สงฆ์ ซึ่งมีผลมาก “จน ไม่อาจประมาณได้ว่ามีอยู่เท่าไร” ส่วนผู้พี่นั้นถวายทานแก่ภิกษุ “ด้วยความเลื่อมใสเป็นรายบุคคล ดังนั้นจึงมีผลไม่มาก”

หลักการสำคัญประการหนึ่งของพุทธศาสนาคือ ให้ความสำคัญแก่หมู่คณะหรือส่วนรวมมากกว่าตัวบุคคล ส่วนหนึ่งก็เพราะพุทธศาสนาหรือพระธรรมคำสอนจะยั่งยืนสืบต่อไปได้ก็เพราะหมู่ คณะ มิใช่เพราะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แม้ผู้นั้นจะมีคุณวิเศษเพียงใดก็ตาม แต่ก็ต้องมีอันเป็นไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง การฝากพระศาสนาไว้กับคนใดคนหนึ่งจึงเป็นเรื่องเสี่ยงอย่างยิ่ง ตรงกันข้ามกับหมู่คณะซึ่งมีการสืบต่อได้ยาวนานกว่า

การให้ความสำคัญแก่หมู่คณะมากกว่าตัวบุคคลนี้เอง ที่ทำให้พระพุทธองค์ทรงส่งเสริมสังฆทานมากกว่าปาฏิบุคลิกทาน ดังพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญเป็นแบบอย่าง เช่น เมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมีนำผ้าไตรที่ทรงตัดเย็บเองมาถวายแด่พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ปฏิเสธ และตรัสว่า “ดูกรพระนางโคตมี โปรดทรงถวายแก่สงฆ์เถิด เมื่อท่านถวายแก่สงฆั ทั้งเราทั้งสงฆ์จักเป็นอันได้รับการบูชา”

ถ้าเราเข้าใจความหมายที่แท้ของสังฆทาน เราจะไม่มุ่งทำบุญถวายทานแก่เจ้าอาวาส พระเกจิอาจารย์ หรือพระอริยบุคคลเพียงรูปใดรูปหนึ่งเท่านั้น แต่ยังจะให้ความสำคัญกับการอุปถัมภ์พระสงฆ์ในวัด ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างศาสนทายาทเพื่อสืบทอดภารกิจของเจ้าอาวาสหรือพระผู้ เป็นสุปฏิปันโนหลังจากท่านได้ละสังขารไป อีกทั้งยังเป็นการอุปถัมภ์พระศาสนาให้มีความยั่งยืนในระยะยาวด้วย เพราะดังได้กล่าวแล้วว่าพระศาสนาจะยั่งยืนได้มิใช่เพราะความสามารถของบุคคล ใดบุคคลหนึ่งเท่านั้นแต่เพราะมีคณะสงฆ์ที่เข้มแข็งช่วยกันสืบทอดพระธรรมคำ สอน

ดังนั้น จะถวาย “ถังเหลือง” หรือไม่ก็ตาม หากถวายแก่สงฆ์ หรือมีพระรูปใดรูปหนึ่งรับในนามของสงฆ์ ก็ถือว่าเป็นสังฆทานทั้งสิ้น เมื่อถวายแล้วก็ขอให้เกิดความปีติอิ่มเอิบใจในบุญที่ได้ทำ




 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 15:27:46 น.
Counter : 245 Pageviews.  

ทอดอาหารอย่างไร ไม่ให้อมน้ำมัน?

ไม่มีคุณแม่บ้านคนไหนที่จะปฏิเสธนะคะว่า อาหารที่เป็นที่โปรดปรานของลูกๆ และหลายคนในครอบครัวนั้น (รวมคุณๆ แม่บ้านด้วยก็เถอะ) รับรองว่าต้องหนีไม่พ้นเรื่องทอดๆ แน่ๆ เลยค่ะ ก็แหม...กรอบ หอม อร่อย ซะขนาดนั้น แต่กัดทีเนี่ย น้ำมันเยิ้มเต็มปาก (หรือบางทีพุ่งปรี๊ด..ด..ออกมาก็มีค่ะ) แล้วผลเสียก็ คือ เพิ่มไขมันส่วนเกินต่อร่างกาย ยิ่งอาหารที่ทอดแล้วอมน้ำมันด้วย ใช้กระดาษซับน้ำมันก็ช่วยไม่ได้มาก

นี่เลยค่ะ เคล็ดลับก่อนทอดคุณๆ ก็ลองใส่น้ำส้มสายชูลงในน้ำมันประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เท่านี้เอง.. ของที่คุณทอดก็จะไม่อมน้ำมันอีกแล้วล่ะค่ะ ไว้ลองทำกันดูนะคะ หรือแม่บ้านท่านไหนมีวิธีอื่นที่เด็ด ใหม่กว่านี้มาบอกต่อกันก็ได้นะคะ น่า...ถือว่าช่วยๆ กัน




 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 13:18:42 น.
Counter : 233 Pageviews.  

ประวัติวันสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"ตามหลักแล้วเทศกาลสงกรานต์ถูก กำหนดตามการคำนวณโดยหลักเกณฑ์ในคัมภีร์สุริยยาตร์ โดยวันแรกของเทศกาลซึ่งเป็นวันที่พระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ (ย้ายจากราศีมีนไปราศีเมษ) เรียกว่า "วันมหาสงกรานต์" วันถัดมาเรียกว่า "วันเนา" และวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชและเริ่มใช้กาลโยคประจำปีใหม่ เรียกว่า "วัน เถลิงศก" จากหลักการข้างต้นนี้ ทำให้ปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์มักตรงกับวันที่ 14-16 เมษายน (ยกเว้นบางปี เช่น พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2555 ที่สงกรานต์กลับมาตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน) อย่างไรก็ตาม ปฏิทินไทยในขณะนี้กำหนดให้เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการ

สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี

พิธีสงกรานต์ เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริมจนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ

การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

กิจกรรมในวันสงกรานต์

การทำบุญตักบาตร ถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้ตัวเอง และ อุทิศส่วนกุศลนั้นแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การทำบุญแบบนี้มักจะเตรียมไว้ล่วงหน้า นำอาหารไปตักบาตรถวายพระภิกษุที่ศาลาวัด ซึ่งจัดเป็นที่รวมสำหรับทำบุญ ในวันนี้หลังจากที่ได้ทำบุญเสร็จแล้ว ก็จะมีการก่อพระทรายอันเป็นประเพณีด้วย

การสรงน้ำพระการรดน้ำ เป็นการอวยพรปีใหม่ให้กันและ กัน น้ำที่รดมักใช้น้ำหอมเจือด้วยน้ำธรรมดา

การสรงน้ำพระจะรดน้ำพระ พุทธรูปที่บ้านและที่วัด และบางที่จัด สรงน้ำพระสงฆ์ ด้วย

การรดน้ำผู้ใหญ่ คือการไปอวยพรให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ครูบาอาจารย์ ท่านผู้ใหญ่มักจะนั่งลงแล้วผู้ที่รดก็จะเอาน้ำหอมเจือกับน้ำรดที่มือท่าน ท่านจะให้ศีลให้พรผู้ที่ไปรด ถ้าเป็นพระก็จะนำผ้าสบงไปถวายให้ท่านผลัดเปลี่ยนด้วย หากเป็นฆราวาสก็จะหาผ้าถุง ผ้าขาวม้าไปให้

การดำหัว ก็คือการรดน้ำนั่นเอง แต่เป็นคำเมืองทางภาคเหนือ การดำหัวเรียกกันเฉพาะการรดน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ผู้สูงอายุ คือการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว หรือ การขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ ของที่ใช้ในการดำหัวส่วนมากมีผ้าขนหนู มะพร้าว กล้วย และ ส้มป่อย

การปล่อยนกปล่อยปลา ถือเป็นการล้างบาปที่ทำไว้ เป็นการสะเดาะเคราะห์ร้ายให้มีแต่ความสุขความสบายในวันขึ้นปีใหม่

การนำทรายเข้าวัด ทางภาคเหนือนิยมขนทรายเข้าวัดเพื่อเป็นนิมิตโชคลาภ ให้มีความสุขความเจริญ เงินทองไหลมาเทมาดุจทรายที่ขนเข้าวัด




 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 12:59:55 น.
Counter : 273 Pageviews.  

เคล็ด (ไม่) ลับ เก็บเงินได้มากขึ้น!

1. ส่วนหนึ่งของเงินเดือนที่ได้รับจะ มากจะน้อยให้นำไปฝากเข้าบัญชีธนาคารทุกๆ เดือนแล้วอย่าไปยุ่งกับบัญชีนั้นเด็ดขาด ถ้าจำเป็นต้องถอนเงินส่วนนี้ให้ถือว่ากำลังกู้เงิน เวลาคืนต้องคืนทั้งต้นทั้งดอก

2. เก็บเหรียญทั้งหลายลงกระปุก เปิดอีกบัญชีสำหรับเงินหยอดกระปุก อย่าดูถูกการสะสมเงินเล็กเงินน้อย จากก้อนเล็กๆ เติบโตกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ในอนาคตได้เชียวนะ

3. เก็บเงินคืนที่ได้รับจากเรื่องต่างๆเข้าบัญชีธนาคาร เช่น เงินคืนตามโปรโมชั่นการซื้อสินค้าเงินคืนเบี้ยประกัน รายได้เบี้ยใบ้รายทางต่างๆ ให้รวมเป็นบัญชีเดียวแล้วทำบัญชีไว้ คุณจะได้รู้ว่า ณสิ้นปีรายรับที่ได้จากเงินคืนพวกนี้มันมากขนาดไหนรายรับพวกนี้เป็นรายรับ ไม่ต้องเสียภาษี น่าเสียดายที่จะใช้ทิ้งๆ ขว้างๆ

4. จ่ายเงินค่างวดผ่อนสิ่งของต่างๆที่ผ่อนหมดแล้ว เข้าบัญชีตัวเองด้วยเงินจำนวนเท่าเดิมวิธีนี้คุณไม่ต้องเดือดร้อน เพราะคุณเคยชินกับภาระการผ่อนนั้นๆ อยู่แล้วทั้งนี้ภายใต้เงื่อนไขว่าคุณไม่มีภาระผ่อนอะไรใหม่ๆ เข้ามาอีกนะ

5. หยุดนิสัยฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย ตัดทิ้งให้หมด ทำรายการขึ้นมาว่าต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง หลายคนแปลกใจว่ายิ่งคิดยิ่งตัดได้เรื่อยๆ

6. เพิ่มผลตอบแทนการลงทุนไม่ ควรยอมรับผลตอบแทนดอกเบี้ยต่ำเงินออมที่มีอยู่ ควรไปสร้างเงินต่อด้วยการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างสมดุลในการรับความเสี่ยงด้วย

7. เป็นสมาชิกสหกรณ์ เป็นวิธีง่ายสุดของการออมเงิน พร้อมทั้งเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอีกต่างหาก

8. ซื้อพันธบัตรรัฐบาล สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการออกพันธบัตรประเภทต่างๆ ให้ผู้สนใจ ถ้าสนใจเข้าไปดูที่ //www.bot.or.th การจำหน่ายพันธบัตรให้กับประชาชน สิ่งที่ต้องดูคือประเภทพันธบัตร อัตราดอกเบี้ย และวันจ่ายดอกเบี้ย

9. ใช้ประโยชน์จากการโอนเงินบัญชีธนาคาร เมื่อเงินเดือนถูกนำฝากเข้าในบัญชีของคุณแล้ว คุณควรให้มันอยู่ในบัญชีธนาคารให้นานที่สุด (ฮา)

10. เข้าร่วมแผนออมเงินของบริษัท แผนการออมของบริษัทเป็นแผนออมเงินแบบปลอดภาษี และนายจ้างช่วยจ่ายสมทบ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกจ้าง

11. ใช้การเสียภาษีให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้เรื่องภาษี ประโยชน์ที่คุณไม่ควรเสียและประโยชน์ที่คุณควรได้ (เรื่องลดหย่อนนั่นเอง)

12. เข้าโครงการออมเงินที่น่าสนใจ เปิดหูเปิดตาให้กว้าง อาจมีโปรแกรมออมที่นึกไม่ถึง

13. ส้มหล่นอย่า เพิ่งกินหมดในคราวเดียว เงินก้อนใหญ่ไม่มาบ่อยครั้ง เช่น มรดกรางวัลเกมโชว์ ลอตเตอรี่ เงินปันผลกองทุน ฯลฯเงินก้อนนี้ควรนำไปใช้ในการออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ ทั้งนี้อย่าลืมปรึกษามืออาชีพด้านภาษีด้วย

14. รัดเข็ดขัดชั่วคราวอยาก ได้อะไรมากๆ ลองรัดเข็มขัดในช่วงเวลาหนึ่งๆเพื่อออมเงินให้มากกว่าปกติ เก็บเงินได้เท่าราคาของแล้วจึงค่อยกลับสู่การดำเนินชีวิตปกติ

15. ฝากเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลเพื่อการเกษียณอายุสัปดาห์ละ ครั้ง ในต่างประเทศนิยมมากมีการทำบัญชีฝากสะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายก้อนใหญ่ เพียงครั้งเดียวสำหรับเมืองไทยมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งนายจ้างจ่ายสมทบ ให้

16. ให้นำเงินเดือนส่วนที่เพิ่มไปฝากถ้า รับเงินเป็นรายสัปดาห์หรือราย 2 สัปดาห์อาจเป็นได้ว่าบางเดือนคุณจะได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติ เช่นถ้าได้รับเงินเป็นรายสัปดาห์ จะมี 4 เดือนที่ได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติหรือถ้าได้รับเงินเป็นราย 2 สัปดาห์ จะมี 3 เดือนที่คุณได้เงินเดือน 3ครั้ง ครั้งที่เกินมาให้นำไปเข้าบัญชีเงินออม (ทันที)

17. เก็บเงินเบิกรายการต่างๆส่วนที่เกินจากรายจ่ายจริงเข้า บัญชีเงินออมค่า เดินทางหรือรายจ่ายอื่นที่เบิกบริษัทได้ควรเก็บส่วนเกินจากรายจ่ายจริงไว้ หรือคุณอาจได้ค่าล่วงเวลาควรเก็บเงินส่วนนี้มาออมเช่นกัน เช่น ได้ค่าล่วงเวลาเดือนละ 2,000 บาท ถึงสิ้นปีจะมีเงินก้อน 2.4 หมื่นบาทสามารถนำมาใช้จ่ายในกรณีพิเศษโดยไม่ต้องไปถอนเงินออมหลัก

18. ยืมมาออมบาง คนประสบความสำเร็จในการกู้เงินธนาคารแล้วนำกลับไปฝากใน บัญชีเงินออมของตนเองอีกทีหนึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผลกับคนที่กำลังมีค่าหักลด หย่อน (เช่น กู้ซื้อบ้าน)และใช้ได้กับช่วงเวลาที่ดอกฝากมากกว่าดอกกู้ (หลังภาษี) เท่านั้นซึ่งปัจจุบันไม่ต้องพูดถึง

19. นำเงินปันผลและดอกเบี้ยไปต่อเงินโดยอัตโนมัติเมื่อลงทุน หรือฝาก เงินในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดจัดการให้เงินปันผลหรือดอกเบี้ยสามารถนำฝากหรือ ลงทุนต่อได้อัตโนมัติในระยะยาวจะเห็นผลน่าพอใจ

20. ทิ้งเงินไว้ในบัญชีกระแสรายวันให้น้อยที่สุดมีคนจำนวนมาก ทิ้งเงิน ไว้ในกระแสรายวัน (เพราะปลอดดอกเบี้ย)แต่หารู้ไม่ว่ากำลังพลาดโอกาสในการทำเงินที่ควรก็คือมี เงินในกระแสรายวันให้พอกับรายจ่ายรายเดือนหากเงินเหลือให้โอนไปยังบัญชีเงิน ฝากที่มีดอกเบี้ยหรือโอนไปลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินที่มีดอกเบี้ยดีสุดในเวลานั้น




 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 12:56:28 น.
Counter : 354 Pageviews.  

เขาคือคนที่ใช่ สำหรับคุณหรือเปล่า?

เมื่อใดก็ตามที่เกิด ความรัก เรามักสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง มักจะทำในสิ่งที่มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงเพียงเพราะต้อง การให้เป็นที่ ปรารถนาของเพศตรงข้ามแล้วความสุขที่เกิดขึ้นนั้น คุณคิดว่ามันจะยั่งยืนสักเพียงไหน ในเมื่อสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันไม่ใช่แก่นแท้ของคุณ เปิดศักราช ใหม่แล้วเลิก เฟคกันเถอะ หากคุณอยากพบรักที่มั่นคงและมีความสุข ก็ควรเลือกคนที่ "พอดี" กับตัวเรา ไม่ใช่เป็นคนที่เราเห็นแต่เพียงภายนอกและคิดไปเองว่าเขาจะทำให้เรามีความสุข เริ่มปฏิวัติความคิดกันเสียใหม่ก่อนที่จะเสียใจ หันมามองคนที่ใช่กันดีกว่า

มาดูสิว่า เธอ/เขา ที่คบอยู่เป็นคนที่ใช่สำหรับคุณหรือเปล่า ?

1. รู้สึกเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่เมื่อคุณอยู่ใกล้เขา
2. เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย และมอบแต่สิ่งที่ดี ให้แก่คุณเสมอมา
3. เขายอมรับและรักในสิ่งที่คุณเป็น รักตัวตนจริงๆ ของคุณ
4. พาคุณไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก หรือเพื่อนๆ ของเขารู้จัก
5. เขาทำให้คุณรู้สึกมีค่าเสมอ หรือจะเรียกว่าให้ความสำคัญกับคุณเสมือนหนึ่งเป็นเรื่องของเขาเอง
6. เขาจดจำรายละเอียดของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันพิเศษต่างๆ อาหารที่ชอบ สีที่ชอบ สถานที่เที่ยวที่ชอบ ระหว่างคุณและเขา เป็นต้น
7. มักจะแอบทำเซอร์ไพรส์คุณบ่อย ๆ ถ้าเขามีในข้อนี้ เขาช่างเป็นคนโรแมนติกเสียเหลือกัน
8. เขามักชื่นชมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคุณ
9. พูดชื่นชมคุณอย่างภูมิใจกับผู้อื่น (ประมาณว่าเขารู้สึกดีที่ได้เป็นแฟนของคุณ)
10. เขาไม่ค่อยปิดมือถือเมื่ออยู่กับคุณ

11. เมื่อยามเจ็บป่วยนอนชม เขาใส่ใจห่วงใย ทำให้คุณกำรู้สึกดีขึ้นเหมือนเขาเป็นยาวิเศษ
12. เขาทำให้คุณยิ้ม และหัวเราะอย่างมีความสุขได้
13. เวลาคุณท้อแท้ หรือเหนื่อยล้าหมดพลัง เขาอยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจ
14. รู้จักกาลเทศะในการเข้าสังคมไม่ว่าจะเป็นสังคมของเขาหรือของคุณก็ตาม
15. เข้าตามตรอกออกตามประตูอย่างเปิดเผย ไม่หลบหลีกซ่อนเร้น
16. ให้เกียรติคุณทั้งต่อหน้าและลับหลังคนอื่น
17. รับฟังเหตุผล ไม่จู้จี้จุกจิก และไม่ขี้หึง ข้อนี้สำคัญค่ะ
18. เขาทำตัวเป็นมิตรกับเพื่อน ๆ ของคุณเสมือนหนึ่งเป็นเพื่อนเขาเอง (ทำตัวกลมกลืนได้)
19. เขาทำให้คนรอบข้างอิจฉาคุณ ที่มีเขาเป็นแฟน
20. พูดถึงเรื่องอนาคตที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณ (ข้อนี้สำหรับคนที่ถึงวัยที่จะออกเรือนแล้วนะคะ)

"หากเขาหรือเธอคนนั้น ทำให้คุณรู้สึกว่าเห็นอนาคตที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน มีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน รู้จักที่จะรักและให้อภัยกัน นั่นแหละคือคู่รัก คู่ชีวิต ที่ "พอดี" กับคุณ"

นี่แค่คร่าว ๆ ของคนที่น่าคบ หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบเพ้อฝันและอยากได้แฟนรูปร่างหน้าตาดี แต่ไม่มีคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นสักข้อ หรือมีเพียงน้อยนิด ก็ต้องยอมรับว่าอาจมีโอกาสกินน้ำใบบัวบกรักษารอยซ้ำแน่ล่ะ ที่ไม่มีใครเพอร์เฟกต์จนหาที่ดีไม่ได้ แต่อย่างน้อยก่อนที่คุณจะตัดสินใจรักใครชอบใคร มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ไม่มีใครมาบังคับความรู้สึกของคุณให้รักใครได้ ดังนั้นถ้าเราต้องรักใครสักคนต้องดูให้ดี มีคำกล่าวที่ว่า หากอยากให้ใครทำสิ่งไหนกับเรา เราก็ควรทำสิ่งนั้นกับเขาก่อน ฟังไว้ไม่เสียหลายเพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคมันก็ยังมีคุณค่าไว้ให้คิดเสมอ

ไม่ว่าคนที่คุณรักจะเป็นแบบไหน และทำไมคุณถึงเลือกที่จะรักเขา อย่างน้อย ๆ สิ่งหนึ่งที่ควรจะมีนั่น คือความสุข อย่าให้รักแล้วมีแต่ทุกข์ เพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา มีแต่จะฉุดรั้งกันให้เจ็บปวดทั้งสองฝ่าย หรืออีกด้านหนึ่งคือ การหลงรักเขาข้างเดียวได้แค่แอบมองเป็นรักที่ไม่มีวันบรรจบมาเจอกัน หรือรักคนมีเจ้าของ ทั้งเขาและคุณต่างก็ต้องทุกข์กับความรักที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ต้องหลบต้องซ่อน แล้วอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เขาจริงจังจริงใจ ในการคบหาคุณ ไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น เขาเปิดเผย เปิดตัว เปิดใจกับคุณมากน้อยแค่ไหน เคยพาคุณไปที่บ้านเพื่อแนะนำให้ครอบครัวเขารู้จักเราหรือยัง ถ้าได้ทำแล้วก็แสดงว่าความสัมพันธ์ของคุณ และเขาค่อนข้างมั่นคงและถือว่าก้าวไปข้างหน้าอีก หนึ่งก้าวแล้ว อย่างไรก็ดีสรุปได้ว่า หากเขาหรือเธอ คนนั้น ทำให้คุณรู้สึกว่าเห็นอนาคตที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน มีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน รู้จักที่จะรักและให้อภัยกัน นั่นแหละคือคู่รัก คู่ชีวิต ที่ "พอดี" กับคุณ

อย่าเสียเวลาในคนที่ไม่ใช่ เพราะก่อนที่เราจะรักใครต้องรู้จักรักตัวเองก่อน อย่าฝืนความรู้สึกตัวเอง จงเป็นตัวของตัวเอง ให้เขารักในสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา ถ้าคุณจะต้องเก๊ก ทำเป็นใครอีกคนที่แสนดีและเพียบพร้อม คงต้องถามว่าคุณจะฝืนตัวเองไปได้นานแค่ไหน และคนที่เขารักคือภาพที่คุณแสร้งมันขึ้นมา ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของคุณ หากวันใดที่คุณเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาแล้วเขารับไม่ได้แล้วมันเป็นความผิด ของใคร... และถ้าเขาคือคนที่ใช่ของคุณ เขาก็ควรยอมรับความเป็นคุณได้

ฝากไว้สักนิดสำหรับการที่คนเราจะรักกัน ต้องเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ รู้จักเสียสละ เมื่อไหร่ที่เป็นแต่ผู้ให้ แต่ไม่เคยได้รับเลยก็คงทุกข์ หรือหากมีแต่รับ แต่ไม่เคยให้ คงไม่มีใครทนได้ เมื่อใดที่เราสามารถผสานความรักให้มีทั้งสองส่วนนี้ได้ ความรักก็จะสุขสมหวัง แฮปปี้เอ็นดิ้ง ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขมาก ๆ นะคะ




 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 12:53:29 น.
Counter : 282 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.