Group Blog
 
All Blogs
 

7 สมุนไพร ช่วยย่อยอาหาร



อาหารไทยได้ชื่อว่าอุดมด้วยสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ แถมบ่อยครั้งที่ช่วยเยียวยาอาการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพายา วันนี้มีสมุนไพรที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีมาฝากคนที่มัก จะมีอาการท้องอืดท้อง เฟ้อ จุกเสียดแน่นเป็นประจำ

กระเทียม

กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้าน เมื่อรับประทานเข้าไป สารในกระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหาร และยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจ ากอาหารไม่ย่อยอยู่ บ่อยๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือก นำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียด รับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหาร อาการจะค่อยๆ หายไป

หอมเล็ก

มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญหาอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด โดยเฉพาะยำต่างๆ

พริกสด

พริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อย ก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมามาก ซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อน ช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนู แต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

ข่า

ข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดี จึงช่วยย่อยอาหารเช่นกัน วิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้อร่อยเหมือนผักอื่นๆก็ คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็กๆ

ตะไคร้

ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สดๆก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ ก็อร่อยไม่เบา

ใบแมงลัก

ใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะ หอมโล่งจมูก และน้ำมันหอมระเหยหอมๆนี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อย อาหาร คุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที

ใบกะเพรา

มีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป

สมุนไพร ทั้ง 7 ชนิด นี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดี ปลูกไว้ในบ้านก็ได้ เพราะปลูกง่ายทุกชนิด




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2553 23:34:22 น.
Counter : 367 Pageviews.  

ประโยชน์ของเม็ดบัว


คนไทยเรากินเม็ดบัวกันมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังเอ๊าะ เนื่องจากขบมันเคี้ยวเพลินแต่ไม่ทำให้อ้วน
และที่เด็ดยิ่งกว่านั้นก็คือคุณค่าอาหารที่ซ่อนมาแบบ ลดแลกแจกแถม


เพราะในเม็ดบัวอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อี และฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงประสาท ไต รวมทั้งสมอง

คนที่เป็นโรคท้องร่วงหรือบิดเรื้อรัง หมอในสมัยนั้นจะแนะนำให้ทานเม็ดบัวเป็นยารักษาอาการ
ส่วน ต้นอ่อนเขียวๆ ที่ออกขมในเม็ดบัวก็ช่วยรักษาโรคความดัน และเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ เหมาะสำหรับคนสูงอายุที่เริ่มเป็นโรคหัวใจอ่อนๆ ด้วย

นี่ล่ะคุณค่าของยาแบบไทยๆ หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง แต่แซงทางโค้ง ในเรื่องของคุณภาพ

ที่มา spicy




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 22:40:12 น.
Counter : 310 Pageviews.  

แสงจอคอมพิวเตอร์ สาเหตุหนึ่งของผิวหมอง!


ฝ้า กระ และริ้วรอยเ่ยวย่น เป็นปัญหากวนใจของสาวๆ มาทุกยุคทุกสมัย บางคนไม่มีความรู้ ใช้วิธีรักษาและเลือกผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้อง ทำให้ผิวหน้าเสียและหมองคล้ำไปกันใหญ่

ล่าสุด สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพท ย์ กระทรวงสาธารณสุข ผุดกิจกรรม "สมูท อี เวิร์กช็อป: ห่วงใยผิวขาว ของสาวผิวสวยเนียนใส" โดยเชิญ พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผิวพรรณ มาให้ความรู้วิธีดูแลรักษาผิวหน้าอย่างถูกวิธี โดย พญ.วิญญารัตน์เริ่มเปิดฉากถึงต้นเหตุของริ้วรอยแสงแด ด ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าเกิดฝ้า กระ และริ้วรอย ส่วนกรรมพันธุ์,ฮอร์โมน,ไฟสปอตไลต์ หรือแสงไฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ถือเป็นสาเหตุให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้เช่นกัน การดูแลรักษานั้นค่อนข้างยาก บางคนรักษาไม่หาย

ดังนั้น เราควรเน้นการป้องกันจะดีกว่า วิธีที่ดีที่สุดคือทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั ้ง ดื่มน้ำให้มาก อย่านอนดึกเด็ดขาด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญต้องเลือกใช้ครีมบำรุงผิวให้ถูกวิธี!! โดยพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ส่วนผสมต้องมีระบุอย่างชัดเจน

สาวออฟฟิศทั้งหลายทราบอย่างนี้แล้วก็อย่านิ่งนอนใจว่ าอยู่แต่ในห้องแอร์จะไม่มีปัญหาหน้าหมองนะคะ ยังไงกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ

ที่มา Thai Post




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 13:10:15 น.
Counter : 234 Pageviews.  

อาหารแสลงที่ไม่ควรกินตอนเป็นโรค


เคยไหมที่เวลาเราไม่สบาย บางทีจะได้ยินคุณยายหรือคุณแม่บอกว่าห้ามรับประทานโน ่นห้ามรับประทานนี่ เพราะว่ามันเป็นของแสลง

ของแสลง ก็คือบรรดาอาหารที่ไม่ถูกกับโรคทั้งหลายแหล่ แต่บางทีก็ทำให้เรางงเหมือนกันว่าเกี่ยวกันยังไง แต่ของอย่างนี้ อย่าลบหลู่ เพราะขึ้นชื่อว่าภูมิปัญญาชาวบ้านแล้วไซร้ ฟังหูไว้หูก็ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 10 โรคที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้

* เป็นไข้หวัด มีไข้สูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารไม่สุก อาหารที่เย็นมากๆ อาหารทอด อาหารมัน ซึ่งเป็นอาหารที่ย่อยยาก จะทำให้เกิดความร้อนสะสม เปรียบเสมือนอาหารเชื้อเพลิงหรือเป็นการเติมน้ำมันเข ้าไปในกองไฟ

* โรคกระเพาะ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ชาแก่ๆ กาแฟ ของเผ็ด ของทอด ของมัน เพราะอาหารเหล่านี้ ทำให้เกิดความร้อนสะสม ทำให้โรคหายยาก ทางที่ดีควรจะรับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง รับประทานอาหารให้ตรงเวลา และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย

* โรคความดันเลือดสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารที่มีคอเรสเตอรอลสูง เช่น หมูสามชั้น ไขกระดูก ไข่ปลา โกโก้ รวมทั้งเหล้า เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดความร้อนชื้นสะสมในร่างก ายและความชื้นก็มีผลก็ทำให้เกิดความหนืดของการไหลเวี ยนทุกระบบในร่างกายและความร้อนก็จะไปกระตุ้นทำให้ควา มดันสูง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด หรืออาหารหวานมาก รวมทั้งผลไม้อย่างลำไย ขนุน ทุเรียน

* โรคตับและถุงน้ำดี หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาหารมัน เนื้อติดมัน เครื่องในสัตว์ อาหารทอด อาหารหวานจัด เพราะแพทย์จีนถือว่าตับและถุงน้ำดีมีความสัมพันธ์กับ ระบบย่อยอาหาร การได้อาหารประเภทดังกล่าวมากเกินไปจะทำให้สมรรถภาพข องการย่อยอาหารอ่อนแอลงและเกิดโทษต่อตับและถุงน้ำดีอ ีกต่อหนึ่ง

* โรคหัวใจและโรคไต ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัดเพราะจะทำให้มีการเก็บกั กน้ำ การไหลเวียนเลือดจะช้า ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตต้องทำงานขับเกลือแร่มากขึ้น ส่วนอาหารรสเผ็ดก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะทำให้กระตุ้นการ ไหลเวียนสูญเสียพลังงานและหัวใจก็ทำงานหนักขึ้นเช่นก ัน

* โรคเบาหวาน หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานหรือแป้งที่มีแคลอรี่สูง เช่น มันฝรั่ง มันเทศ ควรรับประทานอาหารพวกถั่ว เช่นเต้าหู้ นมวัว เนื้อสันไม่ติดมัน ปลา ผักสด

* นอนไม่หลับ หลีกเลี่ยงชา กาแฟ รวมทั้งการสูบบุหรี่ เพราะอาหารเหล่านี้ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ไม่ง่วงนอนหรือนอนไม่หลับสนิท

* โรคริดสีดวงทวาร หรือท้องผูก หลีกเลี่ยงอาหารประเภทหอม กระเทียม ขิงสด พริกไทย พริก เพราะอาหารเหล่านี้อาจทะให้ท้องผูก หลอดเลือดแตก และอาการริดสีดวงทวารกำเริบ

* ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ หรือโรคหอบหืด ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแพะ เนื้อปลา กุ้ง หอย ปู ไข่ นม และอาหารรสเผ็ด เพราะจะไปกระตุ้นและทำให้อาหารผิวหนังกำเริบ

* สิว หรือ ต่อมไขมันอักเสบ งดอาหารเผ็ดและมันเพราะทำให้เกิดการสะสมความร้อนชื้น ของกระเพาะอาหาร ม้าม มีผลต่อความร้อนชื้นไปอุดตันพลังของปอด ควบคุมผิวหนัง ขนตามร่างกาย ทำให้เกิดสิว




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 13:06:07 น.
Counter : 354 Pageviews.  

ดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร? ให้ได้ประโยชน์


มีวิจัยจากประเทศฝรั่งเศส หรือ เฟรนพาราดอกซ์ (French aradox) งานวิจัยนี้ศึกษาคนที่ดื่มไวน์เป็นประจำ แต่มีปัญหาโรคหัวใจน้อย ทั้งๆ ที่กินอาหารไขมันสูง ความดีจึงถูกยกให้กับสารแอนติออกซิแดนท์ในไวน์แดง แต่นักวิจัยเชื่อว่าสิ่งที่ป้องกันโรคหัวใจที่แท้จริ งคือแอลกอฮอล์ในไวน์ ซึ่งน่าจะหมายความว่าไม่ว่าเบียร์ ไวน์ หรือวิสกี้อาจให้ประโยชน์ต่อหัวใจพอๆ กันถ้าดื่มพอควร

แอกอฮอล์กับหัวใจ

ข้อดี : แอลกอฮอล์ช่วยเพิ่มระดับเอชดีแอลซึ่งเป็นคอเลสเทอรอล ที่ดี ลดการแข็งตัวของเกร็ดเลือด ลดการดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงจาก เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและในผู้ที่มีประวัติหัวใจวายมาก่อน ปัจจุบันนักวิจัยชาวยุโรปเชื่อว่าแอลกอฮอล์เกี่ยวข้อ งกับระดับสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น สารซีอาร์พี หากทำให้สารนี้ลดลงจะป้องกันโรคหัวใจได้
ข้อเสีย : การดื่มแอลกอฮอลล์วันละ 3 ดริ๊งค์ขึ้นไปอาจทำให้อ้วน เพิ่มความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูง เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก หัวใจล้มเหลว ดร.ร็อค แจ็คสัน นักระบาดวิทยาไม่เชื่อในข้อดีของแอลกอฮอลล์เพราะข้อม ูลการวิจัยส่วนใหญ่ไม่สามารถพิสูจน์ผลได้ว่าแอลกอฮอล ล์ให้ผลดีต่อหัวใจจริง

แอลกอฮอล์และสมอง

ข้อดี : การดื่มพอควรช่วยป้องกันความเสี่ยงอัลไซเมอร์และความ จำเสื่อม เมื่อนักวิจัยแห่งศูนย์การแพทย์เบธอิสราเอดีคอเนสในร ัฐบอสตัน เปรียบเทียบผู้ที่ไม่ดื่มเลยกับผู้ที่ดื่มสัปดาห์ละ1-6 ดริ๊งค์ โดยใช้อาสาสมัคร6,000 คน พบว่าผู้ที่ดื่มมีความเสี่ยงโรคความจำเสื่อมน้อยกว่า งานวิจัยจากฮาร์วาร์ดยังแสดงว่าผู้หญิงที่ดื่มวันละด ริ๊งค์มีความเสี่ยงจากสโตร๊คชนิดหลอดเลือดแดงอุดตันเ พียงครึ่งเดียว
ข้อเสีย : การดื่มมากเร่งให้สมองเสื่อมเร็ว ร่างกายขาดวิตามิน บี1 ถ้ารุนแรงอาจทำให้ความจำ การเรียนรู้ลดลง เพิ่มความเสี่ยงสโตร๊ค

แอลกอฮอล์และเบาหวาน

ข้อดี : การดื่มในระดับน้อยถึงปานกลาง ช่วยลดความเสี่ยงเบาหวานลงได้ 36 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังลดความเสี่ยงโรคหัวใจในผู้ป่วยเบาหวานด้วย
ข้อเสีย : ทำให้อ้วนเพราะแอลกอฮลล์ให้แคลอรีสูง ซึ่งอาจนำมาสู่โรคเบาหวาน ความดันและโรคหัวใจ ผู้ดื่มหนักอาจเสี่ยงโรคเมตาบอลิกซินโดรม (อ้วนลงพุงร่วมกับร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ความดันโลหิตสูง คอเลสเทอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง รวมทั้งอันตรายต่อตับ) โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มดื่มเมื่ออายุยังน้อย

แอลกอฮล์และโรคมะเร็ง

ข้อดี : ไวน์แดงและเบียร์ดำมีสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์สูง(เช่นเดียวกับผลไม้ ผัก และชา) ช่วยป้องกันมะเร็งได้ ฮอพซึ่งใช้ผลิตเบียร์มีสารแอนติออกซิแดนท์ที่ชื่อว่า แซนโทฮูมอล (xanthohumol) ช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็งและเพิ่มฤทธิ์เอนไซม ์ซึ่งทำหน้าที่ต่อต้านมะเร็ง
ข้อเสีย : การดื่มมากเกินไปเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะ ตับ เต้านม และลำไส้ใหญ่ สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาเน้นว่าการดื่มเพียงว ันละดริ๊งค์ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้แล้ว

แอลกอฮอล์และกระดูก

ข้อดี : นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทัฟพบว่าเบียร์มีสารซิลิคอนสู ง ซึ่งช่วยสะสมแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆในกระดูก ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกสะโพก ป้องกันกระดูกแตกหัก
ข้อเสีย : ซิลิคอนพบมากในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะธัญพืชไม่ขัดสีและผักประเภทราก จึงไม่จำเป็นต้องดื่มจากเบียร์ เพราะแอลกอฮอล์รบกวนการสร้างกระดูกและการทำงานของแคล เซียม วิตามินดี และฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงเพิ่มความเสี่ยงกระดูกพรุนและทำให้กระดูกแตกหักจา กการหกล้มได้ง่าย

ความอ้วนกับแอลกอฮอล์

แคลอรีจากแอลกอฮอล์มักสะสมที่พุงมากกว่าแคลอรีจากอาห ารชนิดอื่นๆ แต่การดื่มน้อยกลับเป็นผลดีในการลดพุงได้ แต่ต้องเป็นวันละ 1 ดริ๊งค์เท่านั้น งานวิจัยจากคลินิกเมโยในผู้ใหญ่ 8,200 คนพบว่า ผู้ที่ดื่มวันละดริ๊งลดความเสี่ยงพุงพลุ้ยลงถึง 54 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม แต่การดื่มมากกว่า 4 ดริ๊งค์ขึ้นไปเพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน 46 เปอร์เซ็นต์ เพราะแคลอรีที่ได้จากอาหารจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม ในร่างกาย ยกเว้นว่าเพิ่มการออกกำลังกายให้มากขึ้น

ไวน์แก้วขนาด 150 มล. หรือเบียร์ประมาณ 360 มล.(1 กระป๋อง) ให้พลังงานเฉลี่ย 100-150 แคลอรี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผสมเครื่องดื่มอย่างอื่นอาจม ีพลังงานสูงถึงหลายร้อยแคลอรี ยิ่งกว่านั้นเมื่อเวลาที่ดื่มสังสรรค์มักจะมีอาหารที ่มีแคลอรีสูงกินร่วมด้วย จึงทำให้อ้วนได้ง่าย

การดื่มแอกอฮอล์พอประมาณให้ประโยชน์แก่ร่างกายได้ แต่ไม่จำเป็นที่ต้องแนะนำให้ดื่มเพื่อสุขภาพ ผู้ที่ควรงดได้แก่หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือผู้ขับขี่ยานพาหนะ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ผู้มีปัญหาไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ตับอ่อนอักเสบ หัวใจล้มเหลว หรือผู้รับประทานยาบางชนิดเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ถึ งความปลอดภัยในการดื่มด้วย เพราะแอลกอฮอล์อาจมีผลรบกวนต่อการทำงานของยา

ที่มา Health & Cuisine




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2553 23:24:24 น.
Counter : 250 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.