ทอท.ไฟเขียวช่วยชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง
เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ 99.62%
ทั้งนี้ ทอท.จะได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง ในเชิงมนุษยธรรมและตามหลักธรรมาภิบาล แม้ว่าที่ผ่านมาศาลแขวง สมุทรปราการได้มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ทอท. โดยจะมีแนวทางช่วยเหลือ คือให้ ทอท.เจรจาซื้อที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในพื้นที่ NEF มากกว่า 40 หากเจ้าของที่ดินไม่ประสงค์ที่จะขายให้ ทอท.สนับสนุน และปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างเพื่อลดผลกระทบโดยพบว่ามีจำนวนอาคารที่อยู่ในพื้นที่นี้จำนวน 605 อาคาร ส่วนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในพื้นที่ NEF 30-40 ให้ ทอท.ปรับปรุงบ้านเรือนให้สามารถลดผลกระทบด้านเสียงลงโดยพบว่ามี จำนวนอาคารที่อยู่ในพื้นที่นี้จำนวน 15,283 อาคารซึ่งทอท.มีงบประมาณในการชดเชยจำนวน 11,233.70 ล้านบาท และได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้วกว่า 900 ล้านบาท
"หลังจากเกิดกรณีศาลพิพากษายกฟ้องในคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย จาก ทอท.ทำให้ ทอท.ต้องหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงคมนาคมว่าจะดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อไปหรือไม่ ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดให้คำตอบว่ากรณีฟ้องร้องดังกล่าวมีผลเฉพาะคู่กรณี ไม่ผูกมัดรายอื่นด้วย ดังนั้น ทอท.จะจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ทอท. ขณะที่กระทรวงคมนาคม เห็นว่า ทอท.ควรมีหลักธรรมาภิบาลและดูแลประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่ง ทอท.ก็จำเป็นต้องขอมติจากผู้ถือหุ้นโดยยืนยันว่าการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวจะไม่มีปัญหาซ้ำซ้อนหรือจ่ายแล้วต้องจ่ายอีกแน่นอน" นายปิยะพันธ์ กล่าว
ด้านผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง กล่าวว่า การปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถาวร เพราะในอนาคตเมื่อ ทอท.ก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ก็จะมีปัญหากับประชาชนอีก และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างอีกครั้งโดยเสนอให้ซื้อที่ดินบริเวณโดยรอบ แล้วนำที่ดินไปพัฒนาซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาผลกระทบกับประชาชนแล้วยังทำให้ ทอท.มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาวาระรับทราบรายงานผลการดำเนินงานในรอบปี 2552 และวาระพิจารณาและอนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุน สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีผู้ถือหุ้นสอบถามและแสดงความเป็นห่วงเรื่องกำไรที่ลดลงมากโดยกำไร สุทธิลดลงเหลือ 717.26 ล้านบาท ลดลง 90.20% ขณะที่ค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าซ่อมแซมเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1.2 พันล้านบาท จากเดิม 6 ร้อยล้านบาท
พลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียน ผู้ถือหุ้น กล่าวว่ารู้สึกเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายของ ทอท.ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้โลโก้ใหม่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งโลโก้ เดิมของ ทอท. ใช้งปบระมาณประชาสัมพันธ์ไปแล้ว 490 ล้านบาทการจ้างศึกษาความเหมาะสมการบริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมืองซึ่งมีการศึกษาแล้วหลายครั้งมความจำเป็นที่ต้องจ้างศึกษาเพิ่มอีกหรือไม่ รวมทั้งยังมีข่าวว่า ทอท.จะย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความเหมาะสมในการแต่งตั้งบุคคลภายนอกดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจการตลาด โดยนายปิยะพันธ์ กล่าวว่า ทอท.ต้องการเพิ่มรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ที่นอกเหนือจากรายได้จากกิจการบิน ซึ่งปัจจุบัน ทอท.ยังมีสัดส่วนรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่ำประมาณ 40% ขณะที่ตั้งเป้ารายได้สูงถึง 60% ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้จะช่วยให้การทำงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
Create Date : 24 มกราคม 2553 | | |
Last Update : 24 มกราคม 2553 16:14:23 น. |
Counter : 336 Pageviews. |
| |
|
|
|