Group Blog
 
All Blogs
 

ตลท.ลุ้น "โรงกลั่นสตาร์ฯ" เข้าตลาดหุ้นทันปีนี้ หวังดันมาร์เก็คแคปแสนล.

      ตลท.ลุ้น "โรงกลั่นสตาร์ฯ" เข้าตลาดหุ้นทันปีนี้ หวังดันมาร์เก็คแคปเพิ่มทะลุเป้าแสนล.

      นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นมากว่า 1 แสนล้านบาทที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากหุ้นที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ทยอยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้

      ที่ผ่านมาก็มี บมจ.ธนายง(TYONG) ที่จะนำหุ้นเพิ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามาเทรดภายใต้ชื่อใหม่ คือ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในเดือนพ.ค.มีมาร์เก็ตแคปขนาด 3 หมื่นล้านบาท, บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (IVL) เป็นต้น ซึ่งรวมมูลค่ามาร์เก็ตแคปราว 7-8 หมื่นล้านบาทแล้ว และหากโรงกลั่นสตาร์ ปิโตรเลียม เข้าจดทะเบียนได้ทันในปีนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มาร์เก็ตแคปจะเพิ่มขึ้น อีกมาก เพราะโรงกลั่นสตาร์ฯ มีมาร์เก็ตแคปเป็นหลักหมื่นล้านบาท

      สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทยตอนนี้ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี มีการเคลื่อนไหวตามตลาดโลกและการที่วอลุ่มคำสั่งซื้อขาย 20% ยังเป็นของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ดี แต่ก็เป็นการขายเก็งกำไรจากภาวะต่างประเทศที่มันไม่ดี

      อย่างไรก็ตาม หากดูจากเหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย.ที่แม้ว่าจะมีเหตุรุนแรงแต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังปรับขึ้นมาได้ ดังนั้น สภาพตลาดหรือการลงทุนคงสามารถแยกแยะจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้

      ส่วนการลงทุนโดยตรง แม้ว่าจะไม่มีเข้ามาเพิ่มแล้ว แต่เม็ดเงินลงทุนเดิมก็ยังอยู่ ถ้าเป็นเม็ดเงินใหม่คงจะมีการพิจารณาว่าหากเข้ามาลงทุนแล้วจะมีกำไรหรือไม่ โดยต่างชาติจะดูในเรื่องของสภาพคล่องเป็นหลัก

โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์.




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 17:38:04 น.
Counter : 261 Pageviews.  

“กลาโหม” ยันไม่ประกาศอัยการศึก ควบคุมม็อบถ่อยแดง

      ครม.นัดพิเศษเริ่มแล้ว!! นายกฯ พร้อม “สุเทพ” ตบเท้าเข้าประชุม โดยไม่ปริปากใดๆ กับสื่อ ด้าน “ประวิตร” ยันรัฐบาลไม่ประกาศอัยการศึกควบคุมชุมนุมม็อบแดง ขณะที่ โฆษก รบ.ออกโรงชี้ ครม.นัดพิเศษ หาหนทางแก้ไขสถานการณ์

      วันนี้ (2 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินเท้าเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พร้อม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

      ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อควบคุมการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง

      ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในวันนี้ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า การประชุมในวันนี้จะมีการหารือถึงการแก้ไขปัญหาและสถานการณ์โดยรวมในการ ชุมนุม

โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 17:32:55 น.
Counter : 313 Pageviews.  

ฮิวแมนไรท์วอทช์ สับ นปช.สันติแค่ลมปาก - เหวี่ยงแหด่าทุกฝ่ายล้วนรุนแรง

      ฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกรายงาน ชำแหละ นปช.ชุมนุมสันติแค่ลมปาก แต่กลับใช้อาวุธต่อสู้เจ้าหน้าที่ ตั้งด่านตรวจค้นละเมิดสิทธิผู้อื่น ขณะแกนนำปลุกระดมใช้ความรุนแรงต่อเนื่อง ติงรัฐบาลใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมผู้ชุมนุม อาจละเมิดสิทธิ ซ้ำ อนุญาต จนท.ใช้อาวุธ เสี่ยงรุนแรงบานปลาย ตำหนิใช้ พ.ร.ก.สั่งปิดทีวีแดงเท่ากับปิดกั้นสื่อ แนะใช้ กม.อื่นจัดการ ด่าคลุมฝ่ายหนุนรัฐบาล-พธม.ล้วนสร้างความรุนแรง

      เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2553 องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ สำนักงานใหญ่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ออกรายงานเรื่อง “ประเทศไทย: ยุติการต่อสู้บนถนน ดำเนินคดีกับทุกฝ่ายที่ก่อความรุนแรง” โดยมีเนื้อหาเรียกร้องให้รัฐบาล, เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง, กลุ่มเสื้อแดงในเครือข่ายของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ประท้วงต่อต้านรัฐบาล และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งรวมถึงเครือข่ายคนเสื้อเหลืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยุติการใช้ความรุนแรงในทันที และเรียกร้องให้รัฐบาลจัดให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระเกี่ยวกับเหตุการณ์ รุนแรงที่เกิดขึ้น

      แบรด อาดัมส์ ผู้อำนวยการแผนกเอเชียขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังถลำลึกลงไปในความรุนแรง เพราะผู้ชุมนุมประท้วงฝ่ายต่างๆ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยั่วยุ และใช้ความรุนแรงตอบโต้กันไม่มาอย่างต่อเนื่อง” “ทุกฝ่ายจะต้องออกคำสั่งให้ผู้ที่อยู่ในสังกัดยุติการใช้ความรุนแรง และจะต้องดำเนินให้มีการปฏิบัติตามนั้นในทันที รวมทั้งยังจะต้องเร่งเจรจาเพื่อหาทางออกด้วยมาตรการทางการเมือง ก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามไปมากกว่านี้”

      ความรุนแรงเกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กับผู้ชุมนุมฝ่าย นปช. รวมทั้งการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมฝ่าย นปช.กับกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล ได้แก่ เหตุการณ์ที่บริเวณถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เมษายน, เหตุการณ์ที่บริเวณถนนสีลม เมื่อวันที่ 22 เมษายน และเหตุการณ์ที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ถนนวิภาวดี-รังสิต เมื่อวันที่ 28 เมษายนนั้น ในระยะหลัง ทหาร และตำรวจมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นที่จะละทิ้งความอดกลั้นที่เคยยึดถือมาเกี่ยว กับการใช้กำลัง รวมทั้งการใช้ความรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้เสียชีวิต เมื่อเผชิญกับการยั่วยุจากผู้ชุมนุม ส่วนในอีกด้านหนึ่งนั้น ผู้ชุมนุมฝ่าย นปช.กลุ่มต่างๆ ก็ได้กระทำการที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชนทั่วไปหลายครั้ง

      อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยับยั้งการตัดสินใจสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใช้กำลังสลาย การชุมนุมของ นปช. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งมีการตั้งเวที และปิดกั้นการจราจรมาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เนื่องจากเกรงว่า ปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งได้รับการผลักดันจากผู้สนับสนุนรัฐบาลบางกลุ่มนั้น จะนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และความเสียหายของทรัพย์สินอย่างมาก ในระดับที่ร้ายแรงมากกว่าที่เกิดขึ้นจากปฏิบัติการเมื่อครั้งที่รัฐบาล พยายามสลายการชุมนุมของ นปช. ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อวันที่ 10 เมษายน ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ใช้วิธีการระดมกำลังทหาร และตำรวจจำนวนมากมาตั้งด่านสกัดตามเส้นทางหลัก ทั้งในเขตพื้นที่ชั้นใน และเขตรอบนอกของกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามายังบริเวณแยกราชประสงค์

ปัญหาการปกป้องเจ้าหน้าที่ไม่ให้ต้องรับผิด และความกังวลเกี่ยวกับการจับกุมโดยพลการ และการควบคุมตัวในสถานที่ที่ปิดลับ

      นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ 7 เมษายน ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริการราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก. ฉุกเฉิน) จับกุมผู้ชุมนุมฝ่าย นปช.ไปแล้วหลายคน พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจอย่างกว้างขวางแก่เจ้าหน้าที่ในการควบคุมบุคคลไว้ใน สถานที่คุมขังที่ไม่เป็นทางการ โดยไม่มีการตั้งข้อหา และไม่มีหลักประกันเกี่ยวกับการควบคุมตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพตามกระบวนการ ยุติธรรม นอกจากนี้ ยังมีการปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่ถูกควบคุมตัวสามารถแต่งตั้งทนายความในการให้ ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย และปิดกั้นไม่ให้ครอบครัวเข้าเยี่ยมผู้ที่ถูกควบคุมตัว จนถึงขณะนี้ ศอฉ.ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดว่า มีผู้ที่ถูกควบคุมตัวภายใต้อำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกี่คน และคนเหล่านนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ไหน ซึ่งนำไปสู่ความกังวลว่า จะเกิดการทำให้บุคคลเหล่านั้น “สูญหาย” ไป

      องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์เรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกควบคุม ตัวภายใต้อำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างมีมนุษยธรรม และสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งจะต้องแจ้งให้ครอบครัวของบุคคลเหล่านั้นรู้ว่า พวกเขาถูกควบคุมตัวอยู่ที่ไหน และจะต้องเปิดช่องทางให้บุคคลเหล่านั้นสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางกฎหมาย ได้ด้วย

      แบรด อาดัมส์ กล่าวว่า “การที่รัฐบาลใช้อำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้สร้างความกังวลอย่างมาก”

      มาตรา 17 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน กำหนดว่า ผู้ที่ใช้อำนาจฉุกเฉินไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง, ทางอาญา และทางวินัย ถ้าหากได้ดำเนินการดังกล่าวไปโดยสุจริต และเหมาะสมต่อสถานการณ์ บทบัญญัติดังกล่าวครอบคลุมการดำเนินการทุกอย่างของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการดำเนินการที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วย ดังนั้น มาตรา 17 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงขัดต่อพันธะของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น และจะต้องนำตัวผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน มาลงโทษตามความผิดที่เกิดขึ้น

      เมื่อวันที่ 22 เมษายน ศอฉ.มีคำสั่งให้ใช้ค่ายทหารสามแห่งในจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดกาญจนบุรีสำหรับควบคุมตัวบุคคลที่ถูกจับกุมภายใต้อำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน องค์การฮิวแมนไรท์วอท์ชรู้สึกกังวลใจต่อการที่ ศอฉ.ใช้อำนาจตามมาตรา 12 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการควบคุมตัวบุคคลไว้ในสถานที่คุมขังที่ไม่เป็นทางการ (นอกเหนือไปจากสถานีตำรวจ และเรือนจำ) เพราะเป็นที่ยอมรับกันว่า มีความเสี่ยงที่มีการบังคับให้บุคคล“สูญหาย”, การซ้อมทรมาน และการปฏิบัติที่เลวร้ายอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ในกรณีที่ผู้ควบคุมตัวถูกนำตัวไปไว้ยังสถานที่คุมขังที่ไม่เป็นทางการ และอยู่ภายใต้การควบคุมของทหาร ซึ่งไม่ได้รับการอบรม และขาดประสบการณ์ในการบังคับใช้กฏหมายของพลเรือน

      ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน เป็นต้นมา ศอฉ.ได้เรียกตัวนักการเมือง, อดีตข้าราชการ, นักธุรกิจ, นักกิจกรรม, นักวิชาการ และผู้จัดรายการวิทยุชุมชนจำนวนมากกว่า 100 คน ให้มารายงานตัว และชี้แจงข้อกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม และกิจกรรมอื่นๆ ของ นปช. ทั้งนี้ ศอฉ.มีอำนาจภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะจับกุมตัวผู้ที่ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

      แบรด อาดัมส์ กล่าวว่า “เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า การใช้สถานที่ที่ปิดลับเป็นที่ควบคุมตัว และการที่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิดต่อการกระทำของตนนั้นเป็นที่มาของการ ละเมิดสิทธิมนุษยชน” “ผู้ที่ถูกควบคุมตัวจะต้องถูกนำตัวมาแสดงต่อศาล และจะต้องมีการตั้งข้อหาโดยเร็ว มิฉะนั้นแล้ว ก็จะต้องปล่อยตัวบุคคลเหล่านั้นเป็นอิสระ”

ความรุนแรงจากการต่อสู้บนถนน เมื่อวันที่ 28 เมษายน

      เมื่อวันที่ 28 เมษายน นายขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งเป็นแกนนำของ นปช.ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมมากกว่า 2,000 คน เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกจากบริเวณแยกราชประสงค์มุ่งหน้าไปยังบริเวณตลาดไท จังหวัดปทุมธานี โดยประกาศจะสลายด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ทุกด่านที่ตั้งอยู่บนเส้นทางถนนวิภา วดี-รังสิต เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใช้แผงกั้น, ลวดหนาม, แก๊สน้ำตา และกระสุนยางเพื่อหยุดยั้งผู้ชุมนุมที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ใกล้กับท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยการขว้างปาก้อนหิน, ยิงหนังสติ๊ก และยิงบั้งไฟ-ตะไลเข้าใส่ทหาร และตำรวจ นอกจากนี้ ภาพวิดีโอ และภาพถ่ายจากรายงานของผู้สื่อข่าวต่างชาติ รวมทั้งปากคำของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ที่องค์การฮิวแมนไรท์วอท์ชได้สัมภาษณ์ ยังยืนยันว่า ผู้ชุมนุมบางคนใช้ปืน และระเบิดปิงปองโจมตีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เมื่อเวลาประมาณ 13.30 นาฬิกา เจ้าหน้าที่เริ่มใช้กระสุนจริงในการปะทะกับผู้ชุมนุม และเหตุการณ์ได้ลุกลามกลายเป็นการต่อสู้บนถนนที่เต็มไปด้วยความชุลมุนสับสน นานมากกว่า 3 ชั่วโมง รายงานของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินเอราวัณ ระบุว่า มีผู้ชุมนุม 18 คน และทหาร 2 คนได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้เสียชีวิต 1 คนที่เป็นทหารนั้น เชื่อได้ว่า น่าจะถูกยิงจากพวกเดียวกันระหว่างที่เกิดความชุลมุนระหว่างการปะทะกันกับผู้ ชุมนุม

      นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ว่า ทหารได้รับอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงใน 2 กรณี คือ การยิงปืนขึ้นฟ้า และการยิงปืนเพื่อป้องกันตัวขณะที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย

      หลักการพื้นฐานว่าด้วยการใช้กำลัง และอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมาย (United Nations Basic Principles on the Use of Force and Firearms by Law Enforcement Officials) กำหนดให้เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการที่ไม่รุนแรงเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่จะหัน ไปใช้กำลัง และอาวุธปืน ทั้งนี้ เมื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง และอาวุธปืนไม่ได้แล้ว เจ้าหน้าที่จะต้องมีความยับยั้งชั่งใจ และกระทำการไปอย่างได้สัดส่วน เหมาะสมต่อความร้ายแรงของการละเมิดกฏหมายที่เกิดขึ้น อนึ่ง การใช้กำลังในระดับที่ทำให้เสียชีวิตจะสามารถใช้ได้เฉพาะในกรณีที่เป็นการปก ป้องรักษาชีวิตเท่านั้น นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการรายงาน และตรวจสอบการใช้กำลัง และอาวุธปืนที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส

      องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์เรียกร้องให้รัฐบาลจัดให้มีการสอบสวนที่เป็น อิสระ, โปร่งใส และเป็นกลางเกี่ยวกับความรุนแรง และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เมื่อวันที่ 28 เมษายน โดยจะต้องรวมถึงการตรวจสอบว่า ใครเป็นผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยิงกระสุนจริง และการยิงปืนด้วยกระสุนจริงนั้นเกิดขึ้นภายในสถานการณ์แบบใด ทั้งนี้ ในการคุ้มครองความปลอดภัยของสาธารณะ และการปกป้องรักษาชีวิตนั้น เจ้าหน้าที่มีพันธะที่จะต้องใช้กำลังอย่างได้สัดส่วนเหมาะสมกันกับระดับของ ภัยคุกคาม หรือวัตถุประสงค์ที่มีความชอบธรรม

      แบรด อาดัมส์ กล่าวว่า “รัฐบาลจำเป็นจะต้องสร้างความชัดเจนอย่างมากเกี่ยวกับกฎการใช้กำลัง และจะต้องทำให้ ทหาร และตำรวจปฏิบัติตามกฎเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด” “รัฐบาลควรที่จะแสดงให้เห็นว่า ไม่มีใคร ทั้งในฝ่ายบริหาร และในฝ่ายความมั่นคง ที่จะสามารถปฏิเสธรับผิดต่อการใช้ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน”

ความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของ นปช.และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล

      ทั้ง นปช.และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

      ตรงกันข้ามกับคำกล่าวอ้างว่า นปช. เป็นขบวนการที่ยึดแนวทางสันติวิธี และไม่ใช้ความรุนแรง ภาพถ่าย, ภาพวิดีโอ และปากคำของพยานผู้เห็นเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่า การ์ดของ นปช. และผู้ชุมนุมจำนวนมากมีอาวุธ เช่น ปืน, วัตถุระเบิด, ระเบิดเพลิง, หนังสติ๊ก, ท่อนเหล็ก, มีด และไม้ไผ่ปลายแหลม เป็นต้น

      การ์ดของ นปช.และผู้ชุมนุมใช้อาวุธดังกล่าวโจมตีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง, กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล และประชาชนทั่วไปหลายครั้ง เมธี อมรวุฒิกุล นักแสดง และผู้ชุมนุมฝ่าย นปช.ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยตำรวจพบว่า เมธี มีอาวุธซ่อนอยู่ในรถ รวมทั้งปืนทาวอร์ ทีเออาร์ 21 และมีรายงานว่า เขายอมรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมในการยิงปืนเข้าใส่ทหารระหว่างที่เกิดการปะทะ กันเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่บริเวณถนนราชดำเนิน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจ และทหารที่ตั้งจุดตรวจอยู่รอบๆ บริเวณแยกราชประสงค์ และพื้นที่อื่นๆ สามารถจับกุมผู้ที่ถือบัตรของ นปช. ที่พกพาอาวุธปืน และอาวุธอื่นๆ ได้หลายคน นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมยังยิงบั้งไฟ-ตะไลเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์ของทหารที่บินอยู่เหนือแยก ราชประสงค์หลายครั้ง

      นายแพทย์ อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน การ์ด นปช.และผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีไม้ไผ่ปลายแหลมเป็นอาวุธได้บุกเข้าไปในโรงพยาบาล และหอผู้ป่วย เพื่อค้นหาว่า มีทหาร หรือกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลหลบซ่อนอยู่หรือไม่ เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ จนทำให้ต้องระงับการให้บริการส่วนใหญ่ และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจำนวนมากออกไปยังโรงพยาบาลอื่น ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เมษายน จตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเป็นแกนนำของ นปช. ได้สั่งให้ พายัพ ปั้นเกตุ นำการ์ด นปช.และผู้ชุมนุมมากกว่า 300 คน ซึ่งบางคนมีไม้ไผ่ปลายแหลม และค้อนเป็นอาวุธ บุกเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งยังได้มีการจับตัวคนงานก่อสร้าง 2 คน (ซีงถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ) จากโรงพยาบาลไปสอบสวนที่ด้านหลังเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์

      อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ซึ่งเป็นแกนนำของ นปช. กล่าวหลายครั้งในลักษณะที่ข่มขู่ว่า จะตรวจค้น และยึดรถพยาบาลของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินเอราวัณ โดยอ้างว่า ทหารอาจนำอาวุธมาซ่อนในรถพยาบาลเหล่านั้น

      นปช.สร้างเครื่องกีดขวางด้วยไม่ไผ่ และยางรถยนต์ปิดกั้นการจราจรบริเวณรอบแยกราชประสงค์ โดยการ์ด นปช. ตรวจค้นประชาชน และยานพาหนะที่เดินทางผ่านเส้นทางเหล่านั้น องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ได้รับคำร้องเรียนจากบุคคลจำนวนมากที่ถูกการ์ด นปช.ทำร้ายร่างกาย เช่น เมื่อวันที่ 25 เมษายน จักรกฤษณ์ มงคลรัตนสิทธิ์ ถูกการ์ด นปช.5 คน บังคับตรวจค้นกระเป๋า และทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินออกจากที่ทำงานไปขึ้นสะพานลอยรถไฟฟ้าบริเวณแยกชิดลม หลังจากนั้น เขาถูกการ์ด นปช. บังคับนำไปสอบสวนที่ด้านหลังเวทีปราศรัยแยกราชประสงค์ ในวันเดียวกัน เดช ฮาดทักษ์วงศ์ ถูกการ์ด นปช.และผู้ชุมนุมมากกว่า 20 คน ทำร้ายร่างกายระหว่างที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณใกล้แยกราชประสงค์

      ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งเป็นแกนนำของ นปช.ประกาศบนเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์หลายครั้ง ในลักษณะที่กระตุ้นให้ผู้ประท้วงบุกเข้าไปฉกชิงสินค้า และทำลายห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ถ้าหากมีการสลายการชุมนุมประท้วง เช่น เมื่อวันที่ 8 เมษายน เขากล่าวว่า “พวกเราเป็นคนจน เป็นคนบ้านนอก พวกเราตกใจง่าย เวลาที่เห็นทหารบุกเข้ามา พอพวกเราตกใจ ก็จะวิ่งไปคว้าก้อนหินมาทุบกระจกหน้าห้าง และพากันวิ่งเข้าไปข้างใน ... พอพวกเราวิ่งเข้าไปข้างใน พวกเราก็จะมองหาของติดมืออย่างพวกกระเป๋าแพงๆ ... ตอนนี้พวกเราน่าจะเริ่มคิดกันแล้วว่า อยากจะได้อะไรจากในห้างแถวๆ นี้มาเป็นของฝากให้ตัวเองกับเพื่อนๆ”

      นอกจากนี้ ยังมีรายงานเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายประชาชน และความรุนแรงรูปแบบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดต่างๆ ระหว่างที่ผู้ชุมนุมฝ่าย นปช.ปิดกั้นการจราจร และตรวจค้นพาหนะตามถนน โดยอ้างว่า ทำไปเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการเสริมกำลังทหาร และตำรวจเข้ามาที่กรุงเทพฯ

      เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้ชุมนุมฝ่าย นปช.(กลุ่มชักธงรบ) มากกว่า 300 คนในจังหวัดอุบลราชธานี บุกเข้าไปในราชธานีอโศก ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเชื่อมโยงกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นแกนนำของ พธม. ตำรวจที่มาถึงจุดเกิดเหตุไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมทำลายทรัพย์สินภายใน ราชธานีอโศก และจับสมาชิกของชุมชนจำนวน 7 คนไปควบคุมตัวไว้นานหลายชั่วโมง

      กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลเริ่มออกมาเผชิญหน้ากับ นปช.มากขึ้นเรื่อยๆ โดยมี พธม.เป็นแกนนำ (พธม.ใช้การชุมนุมอย่างยืดเยื้อ และรุนแรงสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 และสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลที่เป็นหุ่นเชิดของทักษิณ 2 คณะ เมื่อปี 2551) กลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนรัฐบาลนั้นเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ และกองทัพใช้มาตรการทางกฏหมายอย่างเข้มงวด รวมทั้งใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์ และปราบปราม นปช.ในพื้นที่อื่นๆ

      เมื่อวันที่ 22 เมษายน กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลปะทะกับ นปช.ที่บริเวณใกล้กับแยกศาลาแดง โดยทั้ง 2 ฝ่ายโจมตีกันด้วยก้อนหิน, ขวดแก้ว, ระเบิดปิงปอง, ระเบิดขวด และหนังสติ๊ก ต่อมาเมื่อตำรวจปราบจลาจลมาถึงจุดเกิดเหตุก็ได้บุกเข้าทุบตี และไล่จับกุมกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล จนทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลวิ่งหลบหนีเข้าไปหลังแนวของทหารที่บริเวณถนน สีลม เมื่อเวลาประมาณ 20 นาฬิกา คนร้ายไม่ทราบกลุ่มได้ยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลที่บริเวณแยกศาลาแดง และถนนสีลม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 และบาดเจ็บอย่างน้อย 85 คน

      อนึ่ง นับตั้งแต่ที่ นปช.เริ่มการชุมนุมเมื่อวันที่ 12 มีนาคม เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นในกรุงเทพฯ 70 ครั้ง

      แบรด อาดัมส์ กล่าวว่า “คำอ้างของ นปช.ที่บอกว่า พวกตนเป็นกลุ่มการเมืองสันติวิธีนั้นกลายเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะบรรดาแกนนำใช้ความรุนแรง และมีส่วนสนับสนุนให้เกิดความรุนแรง” “แต่ถึงกระนั้น พธม. และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลจะต้องปฏิเสธการใช้ความรุนแรง”

การโจมตีสื่อมวลชน และการปิดกั้นสื่อมวลชน

      องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ยังคงมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความ ปลอดภัยของผู้สื่อข่าว และการที่รัฐบาลปิดกั้นสื่อมวลชน

      นปช.ยังคงแสดงความก้าวร้าวต่อผู้สื่อข่าวชาวไทยที่วิพากษ์วิจารณ์การ ชุมนุมประท้วง หรือเปิดโปงการใช้ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวในสังกัดของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 27 และ 30 เมษายน ผู้ชุมนุมฝ่าย นปช. หลายร้อยคนได้เคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที จังหวัดขอนแก่น และกดดันให้ยุติการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาโจมตี นปช.

      องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า รัฐบาลได้บั่นทอนเสรีภาพของสื่อมวลชน และเสรีภาพในการแสดงออกเป็นอย่างมาก เมื่อรองนายกรัฐมนตรีสุเทพใช้อำนาจฉุกเฉินสั่งปิดเว็บไซต์มากกว่า 400 เว็บไซต์ และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม รวมทั้งยังมีการปิดกั้นการส่งสัญญาณโทรทัศน์ และวิทยุทางอินเทอร์เน็ตด้วย โดยมีการกล่าวหาว่า เผยแพร่ข้อมูลเท็จ และยั่วยุให้เกิดความไม่สงบ ทั้งนี้ เว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่ถูกปิด, สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และการส่งสัญญาณโทรทัศน์ และวิทยุทางอินเตอร์เน็ตนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ นปช.องค์การฮิวแมนไรท์วอท์ชเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการใช้อำนาจฉุกเฉินปิด กั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน และเสรีภาพในการแสดงออกในทันที รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลหันมาใช้กฏหมายอาญาที่สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศใน การดำเนินคดีกับสื่อมวลชนที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงแทนการใช้อำนาจฉุกเฉิน

      แบรด อาดัมส์กล่าวว่า “รัฐบาลบ่อนทำลายคำความเป็นประชาธิปไตยของประเทสไทย ด้วยการปิดกั้นความคิดเห็นทางการเมืองอย่างกว้างขวาง” “การแก้ไขวิกฤติทางงการเมืองในประเทศไทยจำเป็นจะต้องพึ่งพาเสรีภาพในการนำ เสนอ และเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งยังจะต้องมีการแสวงหาจุดยืนร่วมกัน และการทำให้มีการรับผิดต่อความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย”

โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์.




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 17:27:26 น.
Counter : 287 Pageviews.  

คนไข้-หมอ-พยาบาลนัดเปิดใจสื่อ 10 โมงครึ่งวันนี้

      เครือข่ายผู้ป่วยฯ และเอ็นจีโอด้านสุขภาพ นัดสื่อมวลชน ฟังปากคำจากแพทย์-พยาบาล-ผู้ป่วยที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวิกฤตการชุมนุม ของม็อบเสื้อแดง ที่สมาคมนักข่าวฯ ถ.สามเสน 10.30 น.วันนี้

      เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ชมรมผู้ป่วยโรคไต เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ประเทศไทย เครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง องค์กรผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิสุขภาพไทย และ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมฟังปากคำแพทย์ พยาบาล ผู้ป่วย ที่ต้องที่ต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางวิกฤตการเมือง ณ ห้องประชุม สมาคมนักข่าว (ตรงข้าม รพ.วชิระ) วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคมนี้ เวลา 10.30 น.

      ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ และองค์กรพันธมิตรได้ออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มเสื้อแดงที่ บุกค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย.ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการข่มขู่คุกคาม ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้บริการผู้ป่วยได้ตามปกติ และขัดหลักสิทธิผู้ป่วยและการเข้าถึงการรักษา พร้อมเรียกร้องให้แกนนำคนเสื้อแดงหยุด อ้างว่า การบุกค้นโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ใช่มติ และคนเสื้อแดงให้ย้ายการชุมนุมออกจากข้างโรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมให้หยุดพฤติกรรมคุกคามสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนโดยทั่วไป และให้จัดการชุมนุมโดยสงบอย่างแท้จริง หากทำไม่ได้ให้ย้ายไปชุมนุมที่อื่นหรือยุติการชุมนุมไปเลย




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 17:18:16 น.
Counter : 301 Pageviews.  

"วีระ" เจรจา ผอ.รพ.จุฬาฯ เปิดบริการเต็มรูปแบบพรุ่งนี้

      "โหวงเหวง" แถลง "วีระ" เจรจาผอ.รพ.จุฬาฯพรุ่งนี้(2พ.ค.) พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ด้าน"จตุพร"ยันบุกค้นบ้าน "สุภรณ์" เจ้าตัวยืนยันหนักแน่นเกิดมาไม่เคยถืออาวุธสงคราม โทษ จนท.ยัดหลักฐานป้ายสี

      เมื่อวานนี้ (1พ.ค.) นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. แถลงข่าวว่า วันนี้นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานนปช. ได้เจรจากับผ.อ.รพ.จุฬาลงกรณ์แล้วโดยได้ข้อสรุปว่านปช.ยินดีอำนวยความสะดวก ให้คนป่วยไปใช้บริการได้ โดยรพ.จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 2 พ.ค. แต่พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกภทม.ให้ข้อมูลบิดเบือนกับองค์การกาชาดสากล ดังนั้นในวันที่ 3 พ.ค.นปช.จะยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายคริสเตียน บรูนเนอร์ หัวหน้าฝ่ายภูมิภาคองค์กรกาชาดสากล โดยอธิบายความจำเป็นที่นปช.ต้องเข้าไปตรวจสอบภายในรพ.ว่าเป็นการป้องกัน ชีวิตของผู้ประท้วง เพราะได้ข่าวว่ามีการซ่องสุมกำลังทหารเอาไว้ภายใน โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาทำอันตรายหรือข่มขู่ใคร ให้กับเจ้าหน้าที่

      ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า คาดว่าในการประชุมครม.ในวันที่ 2 พ.ค.นั้นนายอภิสิทธิ์ จะเสนอให้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งเนื้อหาสาระส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ทำให้ผู้ชุมนุมลดน้อยลงอย่างแน่นอนมีแต่จะเพิ่มขึ้น ขณะนี้นายก่อแก้ว พิกุลทอง ซึ่งเป็นวิศวกร เตรียมจัดสถานที่การชุมนุม เพื่อรองรับฤดูฝนโดยอาจจะยกพื้นให้สูงขึ้น

      ส่วนที่นายสุเทพ กล่าวหาว่านปช.มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันนั้น นายจตุพร ถามว่าเหตุใดนายสุเทพ จึงไม่จับตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร ในข้อหาหมิ่นพะรบรมเดชานุภาพด้วย และทำไมชื่อของนายสนธิ ไม่อยู่ในผังกลุ่มคนล้มสถาบัน แต่ในทางกลับกันข้อกล่าวหาล้มสถาบันนายสุเทพ ต้องเป็นจำเลยในศาลของพวกตนในขณะนี้

      นายจตุพร กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลเชื่อมโยงว่าการยิงวัดพระแก้วเป็นฝีมือของแกนนำคนเสื้อแดงพัทยา นั้น ขอปฎิเสธว่าไม่มีคนเสื้อแดงคิดชั่วขนาดนั้น พวกตนเป็นคนพุทธ จะมีประโยชน์อะไรที่จะยิงวัดพระแก้วเพื่อให้ยุบสภา ตนสงสัยการทำหน้าที่ของ พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ตร.ว่ากระบวนการสืบสวนสอบสวนนั้นถูกตามวิธีการทางอาญาหรือไม่ แต่พร้อมต่อสู้ตามกฎหมายของบ้านเมือง ส่วนบทบาทของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒกองทัพบก นั้นเป็นเพียงผู้ชุมนุมคนหนึ่ง ถ้าจะอยู่ที่นี่ได้ก็ต้องปฎิบัติตามกฎเกณฑ์และมติของนปช.ไม่มีสิทธิแถลงข่าว หรือเป็นผู้นำเดี่ยวได้

      ส่วนกรณีที่ตำรวจกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บุกค้นห้องพักของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง นั้นนายจตุพร กล่าวว่า นายสุภรณ์ ยืนยันกับตนว่าภายในห้องพักไม่มีอาวุธแต่อย่างใด โดยสิ่งที่ตรวจพบในห้อง ตนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการยัดหลักฐานโดยรัฐบาลมากกว่า

      ขณะที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีถูกค้นสถานที่พักและพบชิ้นส่วนระเบิดเป็นจำนวนมากว่า ขอยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ว่าในห้องไม่มีอาวุธสงครามหรือหนังสือล้มเจ้าตามที่ เป็นข่าว โดยสถานที่พักซึ่งเป็นคอนโดนั้นเป็นห้องที่เช่ามาเพียงแค่ 1 เดือน สำหรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ยังไม่เคยนอนแม้แต่คืนเดียว อย่างไรก็ตามได้ให้แม่บ้านไปทำความสะอาดบ้าง นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นแผนของรัฐบาลในการคุกคามแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้มวลชนอยู่ในสภาพหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าร่วมชุมนุม โดยรัฐบาลมียุทธวิธี 4 ขั้นคือ 1.ตั้งด่านเพื่อสกัดคนเข้าร่วมชุมนุม 2.นำกองกำลังมากดดันโดยที่ยังไม่มีการสลาย 3.มีการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีทางจิตวิทยา อาทิ ระบุว่ามีระเบิดตามสถานที่ต่างๆ 4.พยายามตรวจค้นจับกุมไล่ล่าแกนนำ โดยการล่อออกไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อรวบตัว

      “ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถืออาวุธสงคราม ไม่มีอาวุธ เชื่อว่าเป็นการยัดเยียดข้อกล่าวหาให้กับผม ถามว่าการไปตรวจค้นนั้นใช้สิทธิ์อะไรเข้าไปตรวจค้น เพราะคอนโดนี้ก็มีเจ้าของ ผมจะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนใครที่ยัดเยียดข้อหาให้นั้นถือเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งก็ขอให้รับกรรมนั้นกลับไป” นายสุภรณ์ กล่าว.

โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์.




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2553 17:05:26 น.
Counter : 340 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.