|
เที่ยววัง.. สวนผักกาด
หากเราอยากรู้อดีตของไม้ เขาบอกให้ดูริ้วลายวงปีกว้างหรือแคบขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของปีนั้นๆ แต่ถ้าเราอยากหารู้เรื่องราวในอดีตของคนแต่ละยุค แต่ละสมัย เขาบอกให้ดูจากบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นอยู่หลายแห่ง ด้วยกัน แต่ถ้าอยากจะให้ได้บรรยากาศความเป็นบ้าน มีสวนไม้ร่มรื่นไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ และอยู่ในเมืองด้วยแล้ว อยากแนะนำที่ พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาดค่ะ ถ้าใครเคยผ่านไปแถวๆ ถนนศรีอยุธยา ลองสังเกตสองข้างทาง จะเห็นสถานที่หนึ่งเป้นแนวรั้วไม้สีทึบทึมแทรกตัวอยู่ระหว่างตึกสูง นั่นล่ะคะ พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของอดีตผ่านหมู่เรือนไทย 8 หลัง และศิลปวัตถุมากมายที่พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร กรมหมื่นครสวรรค์ศักดิพินิต หรือ เสด็จในกรม และ ม.ร.ว. พันธุ์ทิพย์ บริพัตร หรือ “คุณท่าน” ทรงสร้างและสะสมไว้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนภายนอกได้เข้าชมมากว่า 30 ปีแล้วค่ะ
ที่มาของชื่อวังสวนผักกาดนี้ตั้งตามการใช้งานของพื้นที่เดิม ซึ่งเป็นที่เพาะปลูกผักกาดของชาวจีนสมัยนั้น แม้ปัจจุบันจะไม่ใช่สวนผักกาดแล้วก็ตาม แต่ภายในก็ยังคงความเป็นสวนร่มเขียวครึ้มแทรกแซมอยู่ระหว่างเรือนไทยได้ อย่างลงตัว เมื่อเดินเข้ามาในวังสวนผักกาดจะเห็นกลุ่มเรือนไทยหลังที่ 1-4 อยู่ทางด้านซ้ายมือ และด้านขวาเป็นแถวเรือนไทยหลังที่ 5-8 เรียงยาวไปจนสุดโค้งสนามหญ้าด้านในที่ดูเหมือนไข่แดงอยู่ตรงกลาง
เรือนไทยทั้ง 8 หลังยังคงความงามแห่งสถาปัตยกรรมไทยได้ค่อนข้างสมบูรณ์ แม้จะผ่านการรื้อย้ายเรือนมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงทำหน้าที่บอกเล่าและสะท้อนวิถีชีวิตและปฏิภาณในการสร้างบ้านของคน ยุคเก่าได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากลัษณะเรือนใต้ถุนสูงที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างเอนกประสงค์ หลังคาทรงสูงที่ช่วยถ่ายเทความร้อน ชายคากันสาดที่ช่วยกันแดดกันฝน มีชานเชื่อมต่อกับเรือนหลังอื่นๆ และที่น่ามหัศจรรย์ก็ตรงที่สามารถย้ายเรือนทั้งหลังได้โดยไม่ต้องทุบทำลาย และสร้างใหม่เหมือนบ้านในปัจจุบัน
นอกจากเราจะได้จินตนาการว่าคนสมันก่อนเขาอยู่กันอย่างไร จัดแต่งเครื่องเรือนกันอย่างไรจากข้างของเครื่องใช้สมัยเก่า ที่สลักเสลาลวดลายได้งดงาม ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง คันฉ่อง ฯลฯ ในกลุ่มเรือนไทยหลังที่ 1-4 แล้ว ในเรือนหลังอื่นๆ ก็จัดแบ่งเป็นส่วนแสดงศิลปะวัตถุได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแก้วลายทอง เครื่องเงิน ในเรือนหลังที่ 5 เครื่องชามสังคโลก ศิลปะสุโขทัย ในเรือนหลังที่ 6 และวัตถุโบราณบ้านเชียงประเภืภาชนะเขียนสี กำไลสำริดในเรือนหลังที่ 8 เหล่านี้ล้วนกระตุ้นต่อมสงสัยใคร่รู้ของเด็กๆ ได้ดีเชียวค่ะ
สำหรับเรือนหลังที่ 7 เป็นพิพิธภัณฑ์โขนค่ะ จัดแสดงหัวโขนต่างๆ จากเรื่องรามเกียรติ์ เครื่องแต่งกายและขั้นตอนการทำหัวโขนไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งในบางโอกาสเด็กๆ ก็อาจจะได้ต่อยอดความรู้จากห้องนี้ในรูปแบบกิจกรรมทำหัวโขน (จิ๋ว) กันจริงๆ ด้วยเหมือนกัน
ถัดจากเรือนไทยหลังที่ 8 เป็น “ หอเขียน ” สวยเด่นเป็นสง่าอยู่สุดสนามหญ้าด้านทิศใต้ ภายนอกว่างามแล้ว ภายในยิ่งงามกว่า ด้วยภาพเขียนลายรดน้ำอันวิจิตร มลังเมลืองด้วยศิลปะการลงรักปิดทองไปตลอดผนัง 4 ด้าน ส่วนบนบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ส่วนล่างเป็นเรื่องรามเกียรติ์ และเรื่องราวสมัยอยุธยา สร้างขึ้นสมัยพระนารายณ์มหาราช หอเขียนนี้เสด็จในกรมฯ ทรงผาติกรรม (ไถ่ถอนเรือนโบราณ) มาจากวัดบ้านกลิ้ง จ.อยุธยา ซึ่งขณะนั้นเกือบจะร้างอยู่แล้วมาไว้ที่วังสวนผักกาดแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ. 2502 เพื่อเป็นของขวัญในวาระครบ 50 ปีแก่ “ คุณท่าน ”
และสำหรับคนที่สนใจงานโบราณคดีบ้านเชียงโดยเฉพาะ ก็จะมีห้องพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง ซึ่งรวบรวมศิลปะวัตถุชิ้นสำคัญๆ ไว้เพื่อการศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของคนในสมัยนั้น ( 5,600 – 1,800 ปีมาแล้ว ) อยู่บริเวณชั้น 1 ตึกศิลปาคาร ซึ่งในชั้นเดียวกันนี้ก็ยังมีห้อง ศิลปนิทรรศมารศี สำหรับจัดแสดงงานศิลปะของศิลปินรุ่นใหม่อยู่เป็นประจำค่ะ
ใครสนใจอยากแวะมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สามารถเข้าชมได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการค่ะ เขาเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.00 น. ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 50 บาท หรืออยากสอบถามรายละเอียดการเดินทาง ติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2245-4934 , 0-2245-1775-6 ต่อ 229
ที่มา: นิตยสาร KIDS & FAMILY
Create Date : 25 มีนาคม 2553 |
Last Update : 25 มีนาคม 2553 16:09:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 355 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|