|
จี้แก้กฎหมาย รุกแพทยสภาต้องมีคนนอกเป็นกรรมการ รับไม่ได้รับรองหลักสูตรให้ มศว.
เอ็นจีโอร้อง สธ.แก้กฎหมาย รุกถึงเวลาต้องมีตัวแทนบุคลคลภายนอกนั่งเป็นบอร์ดแพทยสภา เหตุแพทย์ขาดความเข้าใจสังคม เอื้อประโยชน์โรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะคณะกรรมการที่เป็นเจ้าของและผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนเป็นกรรมการ ตัดสินใจมีผลประโยชน์ขัดแย้ง ยกกรณีหลักสูตรแพทยศาสตร์ ภาษาอังกฤษเป็นตัวอย่าง ลั่นรับไม่ได้ตอบสนองโรงพยาบาลเอกชนที่ต้องการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ของอา เซียน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัด ใน 46 จังหวัด เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ชมรมเพื่อนโรคไต คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา สมาคมผู้บริโภคขอนแก่น สมาคมผู้บริโภคสงขลา กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เครือข่ายผู้ป่วย และองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสุขภาพ ร่วมกันออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เร่งแก้ไขกฎหมายประกอบวิชาชีพเวชกรรม พศ. 2525 ให้คณะกรรมการแพทยสภามีบุคคลภายนอก ดังเช่นกรรมการแพทยสภาในหลายประเทศที่มีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่แพทย์เป็นกรรมการ เช่น ประเทศนิวซีแลนด์ แคนาดา อินโดนีเซีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย ไอซ์แลนด์ มาลาวี อังกฤษและสิงคโปร์ที่มีกรรมการบุคคลภายนอกมากถึงร้อยละ 50 เนื่องจากการตัดสินใจของแพทยสภาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสังคม กระทบต่อสาธารณะเกี่ยวข้องกับบริการสาธารณสุขที่เป็นบริการจำเป็นพื้นฐานของ ทุกคน ดังนั้นจึงต้องโปร่งใส มีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้ง และมีผู้มีส่วนได้เสียร่วมพิจารณา “จากกรณีที่แพทยสภาได้รับรองหลักสูตรแพทยศาสตร์ภาษาอังกฤษ (English program) ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าเป็นหลักสูตรที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย หรือกระทบต่อการผลิตแพทย์ในหลักสูตรปกติ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เพราะจำนวนอาจารย์แพทย์ ไม่ได้เพิ่มขึ้น ทุกอย่างเท่าเดิม แต่เมื่อมีผู้เรียนมากขึ้นแถมยังกำหนดให้ได้เรียนกับอาจารย์ตั้งแต่ระดับรอง ศาสตราจารย์ขึ้นไป เป็นการเปิดโอกาสให้กับคนรวยเท่านั้น เพราะใช้เงินไม่น้อยกว่า 7 ล้านบาทในการเรียนแพทย์หลักสูตรนี้ ดังนั้นกระทบกับหลักสูตรปกติที่ให้โอกาสทุกคนในการเข้าเรียนแน่นอน ซึ่งการผลิตแพทย์หลักสูตรภาษาอังกฤษนี้ หากพิจารณาให้ดีก็เหมือนการเตรียมการตอบสนองโรงพยาบาลเอกชนที่ต้องการเป็น ศูนย์กลางการแพทย์ของอาเซียน (Medical Hub)” น.ส.สารีกล่าว น.ส.สารรี กล่าวต่อว่า การอ้างว่าคณะที่จะดำเนินการเปิดสอนหลักสูตรได้จะต้องได้รับอนุมัติจากสภา มหาวิทยาลัยของตน ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของแพทยสภา เป็นการปัดความรับผิดชอบ เพราะแพทยสภาควรเสนอให้คณะแพทย์ มศว ขอความเห็นชอบหลักสูตรจากมหาวิทยาลัยก่อน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการเรียน รวมถึงละเอียดเรื่อง ค่าเทอม การจัดการและความพร้อม ตลอดจนกำหนดการเปิดรับนักศึกษาเป็นต้น ไม่ใช่ทำผิดขั้นตอนโดยเห็นชอบข้อเสนอจากคณะแพทย์โดยตรงทั้งที่ยังไม่ผ่านสภา มหาวิทยาลัย น.ส.สารี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ตาม มาตรา 7 (5) แพทยสภามีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำแก่รัฐในประเด็นสุขภาพและปัญหาทางการ แพทย์ ดังนั้นการให้ข่าวของแพทยสภาที่อ้างว่า แพทยสภาไม่ได้มีหน้าที่ในด้านนโยบายเมดิคอลฮับ (medical hub) และแพทย์ต่างชาติ (อินเตอร์) นั้น เพราะเป็นเรื่องของนโยบายประเทศ เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและหน่วยกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง ไม่เป็นจริง เพราะแพทยสภามีหน้าที่โดยตรงในการให้คำแนะนำเรื่องนี้ และสะท้อนให้เห็นว่า การตัดสินใจขาดความเข้าใจวัตถุประสงค์ของตนเองและขัดต่อกระบวนการที่ดีในการ ตัดสินใจทางนโยบายที่ส่งผลต่อผู้ใช้บริการสาธารณสุข ผลประโยชน์สาธารณะ ตัดสินใจโดยไม่รับฟังความเห็นผู้แทนผู้บริโภค ผู้ป่วยตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 61 ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม และกระทบต่อการผลิตแพทย์ในหลักสูตรปกติ หากแพทยสภามีหน้าที่รับรองหลักสูตรตามเกณฑ์มาตรฐานของแพทยสภาเพื่อให้มี สิทธิสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น น่าจะผิดวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งเพราะกระทำการไม่ต่างจากการอนุญาตสอบใบขับขี่รถยนต์
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 16:40:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 253 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|