Group Blog
 
All Blogs
 
iPad จะอยู่หรือไป เวลาเท่านั้นที่ตอบได้?

ในวินาทีนี้คงไม่มีกระแสอะไรจะแรงกว่าเรื่องของ iPad หรือ tablet ตัวใหม่ของแอปเปิลที่ใครๆ ก็ลือกันมานานแสนนาน กระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ทั้งแง่บวกและลบต่างหลั่งไหลกันมา ตกลงแล้ว iPad นี่คืออะไร และจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับโลกใบนี้?

อย่างที่หลายๆ ที่บอกกัน ไม่มีคำอธิบายอะไรที่ดีกว่าการบอกว่า iPad คือ iPhone / iPod touch ขนาดยักษ์ ด้วยรูปลักษณ์พื้นฐานที่แทบจะถอดแบบกันมา ทั้งกรอบดำ จอขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ทั้งหมด ปุ่ม Home ที่อยู่ด้านล่าง พร้อมปุ่มและพอร์ทต่างๆ ที่แทบจะไม่แตกต่างกัน สิ่งเดียวที่แตกต่าง คือขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมมาก ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว iPad มีความหนาสูงสุดอยู่ที่ครึ่งนิ้ว และมีน้ำหนักประมาณ 0.68 กิโลกรัม หรือครึ่งหนึ่งของ MacBook Air พอดี

ในงานเปิดตัว แอปเปิลได้แสดงจุดยืนที่ชัดเกี่ยวกับการพัฒนา iPad นี้ว่าเป็นอุปกรณ์กลุ่มใหม่ที่จะมาคั่นกลางระหว่าง iPhone / iPod touch กับ Mac / PC โดยการที่จะเป็นอุปกรณ์กลุ่มใหม่ได้นั้น จะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าของที่มีอยู่เดิม โดยได้มีการกล่าวถึงเน็ตบุ๊กว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช้า และทำอะไรไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นคำเหน็บแนมสไตล์แอปเปิล (ที่สามารถตอกกลับได้ง่ายๆ ว่า “ทำให้ราคาถูกเท่านี้ได้หรือเปล่า?”)

การออกแบบ iPad ที่สำคัญคือการนำเอาเทคโนโลยี Multi-touch ที่แอปเปิลมีอยู่ใน iPhone / iPod touch มาสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ให้มีขีดความสามารถเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ทั่วไป แอปเปิลเลือกที่จะใช้ iPhone OS แทนที่จะเป็น Mac OS เพราะการสัมผัสยังเป็นการติดต่อกับผู้ใช้ที่สำคัญ และคงง่ายกว่าที่จะพัฒนาแอพพลิเคชันที่ทำงานได้ทั้งบน iPhone และ iPad หากเทียบกับ iPad และ Mac OS X โดยในงานนี้แอปเปิลยังรักษาจุดยืนที่เคยประกาศไว้เมื่อ 3 ปีก่อนว่า “ใครกันต้องการ stylus?”

แม้ว่า iPad จะสามารถใช้งานแอพพลิเคชันบน iPhone เดิมทั้งหมดได้ แต่แน่นอนว่าในสภาพการใช้งานจริงโปรแกรมที่ออกแบบไว้สำหรับจอเล็กๆ มาถูกแสดงผลบนจอใหญ่ๆ ก็คงจะรู้สึกแปลกหูแปลกตาและเสียดายพื้นที่ (เว้นแต่พวกเกมที่อาจจะไม่มีปัญหามาก) แต่สิ่งนี้คือการสร้างความมั่นใจให้กับเหล่านักพัฒนาว่าองค์ความรู้เดิมทั้ง หมดที่พวกเขามีกับ iPhone OS จะสามารถต่อยอดบน iPad ได้ทันที ในขณะที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ไปในตัวว่า แอพพลิเคชันทั้งหมดที่พวกเขาเคยชื่นชอบบน iPhone OS มีโอกาสจะมาลง iPad อย่างสมบูรณ์แน่นอนเช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเสียด้วยซ้ำ (หากผู้พัฒนาตัดสินใจที่จะอัปเดทให้ฟรี)

คงไม่มีใครกังขาว่า iPad จะสามารถทำหน้าที่พื้นฐานที่ iPod ทำได้อย่างดูหนัง ฟังเพลง อีเมล หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่มีปัญหา​ (เว้นเสียแต่ว่ายังคงไม่มี Flash เหมือนเดิม) แถมในบางมุมยังจะดีกว่าด้วยซ้ำเนื่องจากพื้นที่หน้าจอที่ใหญ่กว่า การพิมพ์อีเมลด้วยคีย์บอร์ดบนจอใหญ่ๆ หรือท่องเว็บที่ไม่ต้องเพ่งซูมไปซูมมาก็คงง่ายขึ้น จึงเหลือคำถามหนึ่งที่สำคัญว่า แล้ว iPad จะสามารถใช้งานแอพพลิเคชันในระดับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไปหรือไม่?

แอปเปิลได้ลองนำเสนอ iWork (ชุดแอพพลิเคชันสำนักงานของแอปเปิล) เวอร์ชันสำหรับ iPad โดยได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาส่วนติดต่อกับผู้ใช้ใหม่เกือบทั้งหมด การพยายามรักษาพื้นที่หน้าจอโดยหลีกเลี่ยงให้เหลือแต่สิ่งที่จำเป็น ในขณะที่ตัวเลือกต่างๆ พยายามย้ายหรือซ่อนให้ไปอยู่ในเมนูหรือองค์ประกอบต่างๆ แทน หลายๆ สำนักที่ได้ทดสอบกันพบว่าหากใครที่ใช้ iPhone OS เป็นอยู่แล้ว จะสามารถจับจุดและใช้งานมันได้ทันที สำหรับผู้ใช้ใหม่อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าหากเทียบกับ iPhone หรือ iPod touch พอสมควร ปัญหานี้จึงเป็นความท้าทายใหม่ของเหล่าพัฒนาที่จะพยายามใช้การติดต่อแบบ สัมผัสนี้กับแอพพลิเคชันต่างๆ ที่เราอาจคุ้นเคยกับการคลิกด้วยเมาส์ แน่นอนว่าในช่วงเวลาแรกอาจมีความสับสนวุ่นวาย เหมือนกับเกม Wii ในช่วงแรกๆ ที่ยังจับจุดการใช้ Wii Remote กันไม่ค่อยได้ แต่เวลาจะค่อยๆ พิสูจน์ว่าระบบสัมผัสนี้จะสามารถใช้ได้จริงในแอพพลิเคชันเหล่านี้หรือไม่ รวมถึงว่าแม้จะใช้ได้จริง เราจะมีเหตุผลอะไรที่จะเลือกใช้โปรแกรมเหล่านี้บน iPad แทนบนคอมพิวเตอร์ของเราที่คุ้นเคยอยู่แล้ว?

สำหรับในการเล่นเกม จุดที่น่าสนใจของ iPad ที่สุดน่าจะเป็นขนาดจอ ใน iPhone / iPod touch เดิมที่มีปัญหาสำคัญคือการควบคุมที่ต้องใช้การสัมผัสหลายๆ ครั้งมักจะทำให้นิ้วของผู้เล่นไปบังหน้าจอโดยไม่จำเป็น แต่ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นมากของ iPad จุดนี้อาจจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป คงจะเหลือเพียงความรู้สึกของการได้ขยี้ปุ่มเท่านั้นที่ยังไม่มีทางทดแทนได้ จากอุปกรณ์เล่นเกมเจ้าอื่นๆ

แอปเปิลได้อ้างว่า iPad มีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติที่ตัวเลขนี้จะมากกว่าสภาพการใช้งานจริงที่เราจะได้ใช้ มัน แต่คำถามที่น่าสนใจคือ เราคาดหวังให้ตัวเลขนี้สูงแค่ไหน?

หากเปรียบเทียบกับอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์ตัวเลขนี้จะถือว่าน้อย ในขณะที่หากเราเทียบกับสารพัดโน๊ตบุ๊กและเน็ตบุ๊ก ตัวเลขนี้กลับกลายเป็นตัวเลขที่น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาทันที และเพราะสิ่งนี้คืออุปกรณ์จำพวกใหม่ จึงยากที่เราจะมีตัวชี้วัดที่จะมาเปรียบเทียบว่าสภาพการใช้งานจริงๆ แล้วเราต้องการแบตเตอรี่นานแค่ไหน อย่างไรก็ตามหากดูจากภาพที่แอปเปิลนำเสนอมาในวีดีโอต่างๆ ดูเหมือนอุปกรณ์นี้จะมุ่งเน้นให้มีการใช้งานในสภาพที่เราอยู่กับที่มากกว่า เช่นนั่งอยู่กับบ้าน หรือที่ออฟฟิศ ซึ่งทำให้การหาที่เสียบสายชาร์จไปด้วยใช้ไปด้วยไม่ใช้เรื่องยากเท่าไหร่ รวมกับว่า iPad มีขนาดที่ใหญ่พอสมควร การจะพกพาติดตัวไปทุกวันอย่าง iPhone คงไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้

ยังมีอีกสัญญาณหนึ่งที่แอปเปิลแสดงถึงการที่ iPad ไม่ใช่อุปกรณ์ที่เน้นให้ใช้คนเดียวอย่าง iPhone / iPod touch นั่นคือการเลือกใช้จอ LED LCD แบบ IPS ที่มีจุดเด่นที่สำคัญคือมุมมองที่กว้างกว่าจอแบบอื่นๆ มาก และย่อมทำให้ประสบการณ์การใช้ iPad กับคนอื่นที่นั่งหรือยืนอยู่ข้างๆ เราง่ายขึ้น แต่แน่นอนว่ามีข้อเสียที่สำคัญ นั้นคือการใช้พลังงานที่สูงกว่าตัวเลือกอื่นๆ อย่าง AMOLED ที่ Zune HD หรือ Nexus One ใช้

แอปเปิลยังเปิดตัว iBooks โดยนำเสนอ iPad นี้ไปเปรียบเทียบกับ Kindle ของ Amazon แน่นอนว่าในตอนนี้ iBooks ยังเสียเปรียบอยู่มากทั้งในเรื่องของจำนวนหนังสือที่ให้เลือก จนถึงตัว iPad เองที่ไม่ได้ออกแบบมาไว้สำหรับให้อ่านอย่างเดียวอย่าง Kindle ที่เบาหวิว แต่ iPad เองก็มีฟีเจอร์อื่นๆ มากมายที่อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกอยากที่จะจ่ายเงินก้อนเดียวเพื่อทุกอย่างไป เลยได้เช่นเดียวกัน และจอสีก็เป็นอีกจุดขายสำคัญ แม้ว่าคนอย่างพวกเราๆ กันเองจะรู้ดีกว่าจอ e-Ink มีข้อดีในเรื่องของพลังงานและราคา แต่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สนใจเรื่องนี้ ผมเคยดูรายการ Martha ที่มีการเอา Kindle มาโชว์ มาร์ธา (ซึ่งน่าจะแทนผู้ใช้ทั่วไปได้ดีกว่าพวกเรา) มีการพูดอย่างชัดเจนว่า “อยากได้จอสี” ซึ่งออกจะขัดจากความตั้งใจของ Amazon ที่อยากให้ Kindle ถูก เบา และใช้ได้นานๆ สักหน่อย แต่ผู้ใช้ทั่วไปไม่มีทางรู้หรือเข้าใจถึงเหตุผลเชิงเทคนิกเหล่านี้นอก จากราคา ซึ่ง iPad ก็ชดเชยราคาด้วยฟีเจอร์อีกมากมายได้เป็นอย่างดี

อีกผู้เล่นหนึ่งที่น่าถูกเปรียบเทียบคือ Chrome OS แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีความชัดเจนในตัวฮาร์ดแวร์ที่จะออกมา แต่สิ่งที่เราคงยืนยันได้แน่ๆ คือ iPhone OS น่าจะทำทุกอย่างที่ Chrome OS ทำได้ แต่แน่นอนว่าตัว Chrome OS เองน่าจะมีอิสระของฮาร์ดแวร์ที่สูงกว่าที่อาจจะมาทั้งในรูปแบบ tablet หรือโน๊ตบุ๊กให้เลือกใช้ก็ว่ากันไป รวมถึงความต้องการทางฮาร์ดแวร์ที่น่าจะต่ำกว่า และส่งผลถึงราคาที่ถูกกว่าอย่างแน่นอน และเมื่อถึงจุดนั้นหากแอปเปิลคิดจะมาสู้ด้วยจริงๆ คงไม่ยากสำหรับแอปเปิลแล้วที่จะทำอุปกรณ์ที่มีแต่ Safari บน iPhone OS กับฮาร์ดแวร์พอประมาณราคาถูกมาสู้ด้วย ดังนั้น Chrome OS คงจะต้องหาจุดขายอื่นๆ (นอกเหนือจากอิสระของฮาร์ดแวร์) มาต่อสู้ให้ได้เช่นเดียวกันเมื่อถึงเวลานั้น

อีกข้อกังขาหนึ่งที่ทุกคนสงสัย คือทำไมแอปเปิลถึงเลือกใช้จอขนาด 4:3 ยิ่งกับตัวเลข 1024 x 768 ที่มีกลิ่นไอของความโบราณซ่อนอยู่ เหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้คือ อุปกรณ์นี้จำเป็นต้องถือได้ด้วยมือเดียว (เพราะอีกมือต้องใช้สัมผัสเป็นหลัก) ในขณะที่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง การจับอุปกรณ์ลักษณะนี้ในแนวนอนที่มีอัตราส่วน 16:9 ด้วยมือซ้ายที่ขอบด้านซ้ายคงไม่ง่ายเท่าใดนักจนอาจจะต้องหาวิธีการจับแบบ อื่นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่แอปเปิลไม่ต้องการ หากเราสังเกตการออกแบบของ iPad จะพบว่ามีขอบรอบจอที่หนาผิดปกติ และเท่ากันรอบๆ ทุกด้าน ซึ่งแตกต่างจาก iPhone / iPod touch ที่จะมีเฉพาะด้านบนและล่างเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับอุปกรณ์พวกพอร์ทต่างๆ จะเห็นได้ว่าแอปเปิลตั้งใจให้ผู้ใช้จับ iPad ในสภาพที่สามารถหมุนไปหมุนมาได้โดยง่าย โดยมือที่จับก็ยังไม่ไปสัมผัสจอจนทำให้โปรแกรมเข้าใจผิดไป

นอกจากนี้เรายังสังเกตได้ว่า แอปเปิลพยายามที่จะนำเสนอ iPad ว่ารูปแบบพื้นฐานของมันคือแนวตั้ง ทั้งจากภาพประชาสัมพันธ์ต่างๆ การถือของสตีฟบนเวที การเสียบบน Dock ตำแหน่งของปุ่ม Home หรือแม้แต่หน้าจอ Home Screen ก็ตาม เพราะนั่นคือแนวทางที่เหมาะสมในการถือ iPad นี้ อาจจะเป็นไปได้ว่าแอปเปิลต้องใช้เวลาในการสร้างความเคยชินนี้ ก่อนที่จะออก iPad ที่กลายเป็น 16:9 หรือ 3:2 ต่อไป

คุณสมบัติอื่นๆ ทางด้านฮาร์ดแวร์ก็ไม่มีอะไรที่คาดเดาไม่ได้หรือแตกต่างจากเจ้าอื่นถ้าจะทำ เป็นพิเศษ มี Accelerometer, Ambient Light Sensor, Wi-Fi a/b/g/n, Bluetooth 2.1 EDR, Digital Compass นอกจากนี้หากเป็นรุ่นที่มี EDGE/3G ก็จะมี A-GPS เพิ่มขึ้นมา

จุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือราคาของ iPad ที่เริ่มต้นเพียง $499 หากเราเทียบกับ JooJoo ที่มีราคาเท่ากัน iPad เหนือกว่าในแทบทุกแง่มุม ทั้งขนาด 16GB เทียบกับ 4GB, ความบาง 0.5 นิ้วเทียบกับ 0.7 นิ้ว น้ำหนัก 0.68 กิโลเทียบกับ 1.1 กิโล แบตเตอรี่ 10 ชั่วโมงเทียบกับ 5 ชั่วโมง ทิ้งไว้สิ่งที่เหนือกว่าของ JooJoo คือจอที่ใหญ่กว่า ละเอียดกว่า

หากเราลองมาเปรียบเทียบ iPad 3G 16GB กับ iPhone 3GS 16GB องค์ประกอบที่ต่างกันหลักๆ ทางฮาร์ดแวร์มีเพียงกล้อง ขนาดเครื่อง ขนาดจอที่สุดท้ายแล้วน่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า แต่ iPad กลับขายที่ $630 เทียบกับ iPhone 3GS ที่ราคาประเมินอยู่ที่ $700 จะเห็นได้ว่าแอปเปิลตั้งใจตั้งราคา iPad ไว้ในจุดที่ต่ำกว่าปกติมาก และน่าจะมีกำไรสุทธิจริงๆ ต่ำกว่ามาตรฐานทั่วไป

คำถามคือ...ทำไม?

ประเด็นแรกที่อาจเป็นไปได้ คือการที่แอปเปิลอาจคาดหวังการได้กำไรจาก iTunes Store, App Store และ iBookstore แต่ประเด็นนี้ก็อาจจะขัดกับประกาศผลประกอบการเมื่อไม่นานนี้ของแอปเปิลที่ ระบุว่า กำไรจาก iTunes Store และ App Store น้อยมากหากเทียบกับรายได้จากการขายฮาร์ดแวร์

อีกประเด็นหนึ่ง คือการรีบแย่งพื้นที่นี้ไว้เพราะเป็นสมรภูมิที่หลายๆ คนกำลังจะเตรียมลงมาเล่น อุปกรณ์นี้ไม่ใช่ของที่จะมาแทนโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ แปลว่าผู้ใช้ต้องเจียดเงินเพิ่มเพื่อที่ว่างตรงนี้ จึงแน่นอนว่ามันต้องมีราคาถูกพอที่ผู้ใช้จะยอมจ่าย แม้ว่า $499 อาจจะยังแพงไปสำหรับหลายๆ คนในตอนนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็คงสร้างฐานลูกค้าได้มากกว่า $999 ที่เคยลือกันไว้ และฐานลูกค้าเหล่านี้ก็จะมีประโยชน์กับตัวแอปเปิลเองในอนาคต เหมือนที่ iPod สามารถดึงให้ผู้ใช้หลายๆ คนมาใช้ Mac ได้ เป็นต้น

คงไม่มีใครกังขาว่า iPad มีจุดเริ่มที่น่าสนใจมากมาย มีฟีเจอร์และแนวทางการใช้งานมากมายที่เราหลายๆ คนจินตนาการกันไว้ แต่ปัญหาเดียวและใหญ่ที่สุดที่จะชี้ชะตา iPad คือ พวกเราจะมีที่ว่างในชีวิตให้กับอุปกรณ์ประเภทที่สามนี้จริงๆ หรือ?

เวลาเท่านั้นที่ตอบได้ครับ...
Best Ultra Compact Digital Camera Olympus PEN Camera Cheap Waterproof Digital Cameras Night Vision Security Camera Pentax Waterproof Camera Kodak DUAL Lens Camera Kodak Easyshare M893 IS Digital Camera Discounted Sony Cybershot T70 Digital Camera Canon Refurbished Camera Cheap Olympus FE 370 8MP Digital Camera Cheap Wireless Security Cameras Dummy Security Cameras Fujifilm J38 FinePix 12.2MP Digital Camera Nikon D3000 DSLR Camera JVC Digital Video Camera Best Underwater Digital Cameras Underwater Compact Digital Housings Camera Wireless Home Security Internet Cameras 180 Degree Security Camera Leica Digital Cameras Tamron Lenses for Canon EOS Cameras Canon Digital SLR Camera Canon Rebel Digital Camera Navigon Speed Camera Digital Underwater Camera Underwater Fish Camera Indoor Surveillance Cameras Outdoor CCTV Cameras Digital Point and Shoot Cameras Kodak Zi6 Pocke Video Camera Refurbished Cameras Refurbished DSLR Cameras Panasonic Lumix DMC LZ8 Discount Camera Panasonic Video Camera Canon EOS Digital Cameras Infared Security Camera IR 5-50mm Security Camera Video Security Cameras Konica Minolta Digital Cameras Memory CARDS for Digital Cameras VistaQuest Digital Cameras Canon PowerShot Digital Camera Sony Cyber-shot W220 Digital Camera Small Video Cameras Canon Waterproof Camera Olympus Stylus 1010 Digital Camera Olympus Tough 8000 Digital Camera Video Surveillance Cameras Cheap Wholesale Digital Cameras Cheap Security Camera




Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 21:45:03 น. 0 comments
Counter : 453 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.