|
สารเคมีที่คนท้องต้องระวัง!
ในการใช้ชีวิตประจําวันคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับสารเคมี ที่มากับเครื่องอุปโภค บริโภค และ มลภาวะต่างๆ รอบตัว จึงจำเป็นจะต้องป้องกันตัวเองให้ห่างจากสารเคมีที่อันตราย โดยเฉพาะในช่วงที่ตั้งท้องด้วยแล้ว สารเคมี ที่คุณแม่ได้รับจะส่งผลไปสู่ลูกน้อยด้วย ดังนั้น คุณแม่จึงต้อง หลีกเลี่ยงและป้องกันตัวเองจากสารเคมีเหล่านั้นเพื่อสุขภาพของตัวคุณแม่และ ลูกน้อยในท้องค่ะ
** สารตะกั่ว **
มักพบใน สีทาบ้าน หรืออาจปนเปื้อนมาในอาหาร อากาศ และน้ำ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม
หากแม่ท้องสูดอากาศที่มีสารตะกั่วเข้าไปจะเป็น อันตรายต่อระบบสืบพันธ์ุ เพราะสารตะกั่วจะสะสมอยู่ในกระดูกและเม็ดเลือดได้นาน สามารถซึมผ่านรกไปสู่ทารกในท้องได้ โดยระดับตะกั่วในสายสะดือจะมีค่าเท่ากับระดับตะกั่วในเลือดของแม่ ซึ่งพิษของสารตะกั่วจะทําลายสมองและระบบประสาท ตับ ไต หัวใจ ทางเดินอาหาร ทําให้ทารกแรกเกิดมีอาการพิการทางสมอง ตาบอด หูหนวก หรือเสียชีวิตได้ นอกจากนี้สารตะกั่วยังไปทําลายอวัยวะต่างๆ หรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะบางส่วนของทารกด้วย
นอกจากทารกในท้องจะสามารถรับสารตะกั่วจากแม่ได้ทางสายสะดือแล้ว เด็กอาจได้รับสารตะกั่วจากการหยิบสิ่งที่มีสารตะกั่วปนเปื้อนเข้าปาก หรือรับจากน้ำนมแม่ที่มีสารตะกั่วได้เช่นกัน คุณแม่ท้องจึงต้องระมัดระวังไม่ไปในสถานที่หรือกินอาหารในที่ที่ใกล้กับ แหล่งที่มีควันพิษจากรถยนต์หรือโรงงานอุตสาหกรรม และควรพกผ้าปิดจมูกติดตัวไว้เพื่อป้องกันมลพิษเสมอ
** สารปรอท **
พบปนเปื้อนอยู่ในอากาศ น้ำ และดินจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การเผาขยะ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตามบ้านเรือน ปนเปื้อนในเครื่องสําอาง และอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเลจะพบมากในสัตว์ทะเลตัวใหญ่
สารปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรงจากการหายใจ การสัมผัสทางผิวหนัง การกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนสารปรอท นอกจากนี้ สารปรอทที่อยู่ในรูปของเหลวยังสามารถระเหยเป็นไอได้ ซึ่งอยู่ในปรอทวัดไข้ ในกรณีที่เทอร์โมมิเตอร์แตกและหายใจไอปรอทเข้าไป สารปรอทจะดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดทันที แล้วกระจายไปยังสมองและส่วนอื่นของร่างกายอย่างรวดเร็ว ปรอทจะจับยึดเม็ดเลือดแดงแล้วกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ไปทําลายเนื้อเยื่อสมองส่วนควบคุมการมองเห็นและความรู้สึก สารปรอทยังสามารถผ่านทางรกไปยังทารกในท้องได้ด้วย
คุณแม่ท้องสามารถหลีกเลี่ยงสารปรอทได้ด้วยการไม่เข้าใกล้ในสถานที่ที่มี การเผาไหม้ของขยะหรือเชื้อเพลิงต่างๆ เลือกใช้เครื่องสําอางที่มีส่วนผสมหรือผลิตจากธรรมชาติแทนการใช้เครื่อง สําอางที่เป็นสารเคมี ล้างอาหารทะเลให้สะอาดทุกครั้งก่อนนํามาปรุงอาหารและไม่กินอาหารทะเลที่ปรุง ไม่สุก
** สารหนู **
มักพบปนเปื้อนอยู่ในผัก ผลไม้ น้ำดื่ม อาหารทะเล เครื่องสําอาง ยาแผนโบราณ และยากําจัดศัตรูพืช หากร่างกายได้รับสารหนูทางการหายใจหรือจากการกินอาหารที่ปนเปื้อน เมื่อสารหนูเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือด ก่อนไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และจะถูกขับออกทางปัสสาวะ อุจจาระ แต่บางส่วนจะสะสมอยู่ในเลือด เล็บ และเส้นผม
ทารกที่ได้รับสารหนูที่ปนเปื้อนในน้ำนมแม่ จะทําให้มีระดับสารหนูในเลือดสูง เกิดภาวะโลหิตจาง มีจํานวนเม็ดเลือดขาวน้อยลง และการเต้นของหัวใจผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีอาการผิวหนังลอกและโปรตีนขับออกมาในปัสสาวะด้วย ซึ่งคุณแม่ท้อง สามารถป้องกันได้โดยล้างผัก ผลไม้ให้สะอาดทุกครั้งก่อนนําไปปรุงอาหาร
ที่มา : นิตยสาร Mother&Care
Create Date : 06 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 12:58:12 น. |
|
1 comments
|
Counter : 481 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ป้าจะอิ๊บ (jipnaja ) วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:11:29:36 น. |
|
|
|
| |
|
|