Group Blog
 
All Blogs
 
รวมคำถาม :งานของวัดพระธรรมกายในการป้องกันน้ำท่วมสูญเปล่าหรือไม่

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2554
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 2
 


เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

คำถามเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม คลองระพีพัฒน์

1.มวลน้ำมหาศาลจำนวนหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตร บริเวณทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสาม มากมายขนาดไหน
2.หากมวลน้ำหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตรนี้ ไหลบ่าเข้าไปถึงกรุงเทพมหานคร จะส่งผลกระทบมากขนาดไหน
3.เกินความจริงหรือไม่ ที่กล่าวว่า "ชาววัดพระธรรมกายและชาวบ้านอำเภอคลองหลวง กำลังสู้ป้องกันมวลน้ำยักษ์นี้ไม่ให้เข้าโจมตีกรุงเทพมหานครอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน"
4.การช่วยกันสร้างทำนบกั้นน้ำที่คลองระพีพัฒน์ ช่วยชาวกทม.ได้อย่างไร
5.มีหนทางแก้ไขปัญหาน้ำที่กำลังเอ่อล้นกทม.ในเขตต่างๆในขณะนี้ หรือไม่
6.สถานการณ์ ณ คลองระพีพัฒน์ ในปัจจุบันเป็นอย่างไร

วิกฤตการณ์อุทกภัยครั้งนี้ เป็นครั้งที่หนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 50 ปีของประเทศไทย มวลน้ำปริมาณมหาศาลได้จู่โจมเข้าทำลายทำนบป้องกันเมืองแห่งแล้วแห่งเล่า นิคมอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนนับแสนล้าน มีทำนบป้องกันอย่างดี ได้ถูกมวลน้ำโจมตีจนทำนบพังทะลายลงแห่งแล้วแห่งเล่า และมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากทางเหนือนี้ ก็กำลังดาหน้ามุ่งเข้าโจมตีกรุงเทพมหานคร ศูนย์กลางของประเทศ

แต่ในท่ามกลางวิกฤตนี้ เหตุการณ์หนึ่งที่น่าประทับใจ คือ การป้องกันทำนบกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์ ตั้งแต่คลองหนึ่งถึงคลองสาม ความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร โดยความร่วมแรงร่วมใจของพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา, ผู้นำบุญ, อาสาสมัคร, พนักงานวัดพระธรรมกาย, พี่น้องประชาชนชาวบ้านตำบลคลองหนึ่ง คลองสอง คลองสาม และ หน่วยงานทางราชการ

ทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสามมีความสำคัญมาก เพราะช่วยกั้นมวลน้ำจำนวนประมาณหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตรไว้เหนือทำนบ ถ้าทำนบช่วงนี้แตก มวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้จะไหลผ่านอำเภอคลองหลวงไปท่วมถนนรังสิต-นครนายก ตัดขาดเส้นทางหลักจากกรุงเทพมหานครไปสู่ภาคอีสานในทันที และมวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้ก็จะไหลผ่านเข้าท่วมอำเภอลำลูกกา, สายไหม, ดอนเมือง, บางเขน และมุ่งสู่กรุงเทพฯเขตชั้นใน ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางประเทศ ส่วนน้ำจากคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองห้าถึงคลองสิบนั้น จะไหลค่อนไปทางอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ระบายออกทางแม่น้ำบางปะกงสู่อ่าวไทย



แผนที่แสดงภาพน้ำท่วม ถ้าคลองระพีพัฒน์แตก



ขณะที่รัฐบาลและชาวกรุงเทพมหานครกำลังโล่งใจที่ช่วยกันกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ไหลผ่านกรุงเทพฯลงอ่าวไทยโดยไม่เอ่อล้นทำนบกั้นน้ำได้สำเร็จ ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ไหลบ่าเข้าท่วมกรุงเทพฯ

แต่ปรากฏว่ามวลน้ำจากแม่น้ำป่าสักและน้ำที่ท่วมทุ่งอยุธยา สระบุรี จำนวนมหาศาล กลับกำลังพยายามทำลายทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสาม มุ่งโจมตีตลบหลังสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากมวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้ทำลายทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ได้สำเร็จ ก็จะสามารถไหลบ่าเข้าท่วมกรุงเทพฯ โดยไม่มีแนวป้องกันที่แข็งแรงใดๆเหลืออยู่ที่จะสามารถรักษากรุงเทพมหานครได้ แต่ในสถานการณ์คับขันนี้ ปรากฏว่าได้มีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่อพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา, ผู้นำบุญ, อาสาสมัคร, พนักงานวัดพระธรรมกาย ได้เป็นแกนนำชักชวนชาวอำเภอคลองหลวงร่วมกับหน่วยงานทางราชการ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยกันป้องกันทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสามได้สำเร็จเป็นเวลาถึง 9 วันแล้ว

แต่ในช่วงเวลาเดียวกันปรากฏข่าวเป็นระยะๆว่า นิคมอุตสาหกรรมมูลค่านับแสนล้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ได้ถูกมวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลบ่าเข้าท่วมจนได้รับความเสียหายอย่างหนักไปทีละแห่งๆ ทั้งๆที่มีทำนบป้องกันที่ถาวรแข็งแรง แต่ทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์เป็นเพียงทำนบดินที่ก่อบนถนน ที่เพิ่งทำขึ้นมาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ทุกคนที่ช่วยกันป้องกันทำนบคลองระพีพัฒน์ จึงเป็นเหมือนชาวบ้านบางระจัน ที่กำลังทำหน้าที่เป็นปราการด่านหน้าป้องกันมวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้ไม่ให้เข้าท่วมกรุงเทพมหานคร

หลังจากพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) หรือ คุณครูไม่ใหญ่ ได้เล่าเรื่อง “ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม” ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2554 ปรากฏว่านักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั้งขาประจำและขาจร ถูกตรึงอยู่กับหน้าจอทีวี ติดตามดูติดตามฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ ชนิดตาหูไม่กระพริบ รวมทั้ง พระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา, ผู้นำบุญ, อาสาสมัคร เด็กดีวีสตาร์ (V-Star) รุ่นโต จำนวนหลายพันคนที่มารวมตัวกันที่วัดพระธรรมกาย ในขณะที่ต่างร่วมด้วยช่วยกันกรอกถุงทราย สร้างทำนบกั้นน้ำ ก็ได้มีการตั้งลำโพงเปิดเสียงของคุณครูไม่ใหญ่ให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง ทุกคนฟังแล้วรู้สึกฮึกเหิม มีกำลังใจอย่างมาก ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของภารกิจที่กำลังทำอยู่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า “เรากำลังปกป้องทั้งกรุงเทพฯเขตชั้นใน ซึ่งเป็นศูนย์กลางประเทศ ปกป้องชาวคลองหลวงและปกป้องวัด”

เนื่องจากมีโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จึงขอถือโอกาสตอบคำถามที่มีผู้ถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อให้นักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทุกคนได้รับทราบข้อมูลโดยทั่วกัน

คำถามข้อที่ 1. มวลน้ำมหาศาลจำนวนหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตร ที่ทุกคนกำลังช่วยกันยันเอาไว้ที่ทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสาม เพื่อไม่ให้ไหลบ่าเข้าท่วมอำเภอคลองหลวง, รังสิต, ลำลูกกา, สายไหม, ดอนเมือง, บางเขน และ กรุงเทพฯเขตชั้นใน นึกภาพไม่ออกว่ามีปริมาณขนาดไหน ขอให้ช่วยขยายความให้เห็นภาพด้วย

คำตอบ มวลน้ำจำนวนหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตรนี้ หากนำมาเรียงเป็นแท่ง ให้มีหน้าตัดกว้าง 1 เมตร สูง 1 เมตร จะได้เป็นแท่งน้ำยาวหนึ่งล้านกิโลเมตร หรือสามารถนำแท่งน้ำนี้พันรอบโลกได้ประมาณ 30 รอบ เพราะฉะนั้นที่ชาววัดพระธรรมกายและชาวบ้านอำเภอคลองหลวง กำลังทำหน้าที่เหมือนชาวบ้านบางระจัน เป็นปราการด่านหน้าสู้เพื่อป้องกันอำเภอคลองหลวง และกรุงเทพมหานคร ให้ปลอดภัยนั้น กล่าวได้ว่า “กำลังสู้อยู่กับมวลน้ำยักษ์ที่สามารถม้วนพันรอบโลกได้ 30 รอบเลยทีเดียว” (กลับขึ้นด้านบน)

คำถามข้อที่ 2. หากมวลน้ำหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตรนี้ ไหลบ่าเข้าไปถึงกรุงเทพมหานคร จะส่งผลกระทบมากขนาดไหน

คำตอบ เพียงแค่เศษๆของน้ำที่ระบายผ่านประตูน้ำลงมา ก็ทำให้ตลาดรังสิตจมน้ำไปเป็นเมตรแล้ว ถ้าทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงสามพัง มวลน้ำจำนวนมหาศาลทั้งหมดจะพุ่งดิ่งเข้ากรุงเทพฯเขตชั้นใน สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ...พื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด เท่ากับ 1,587 ตารางกิโลเมตร หากนำมวลน้ำจำนวนหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตร มาเกลี่ยให้ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทุกตารางเมตร จะได้ระดับน้ำสูง 63 เซนติเมตร กล่าวคือ น้ำจะท่วมกรุงเทพมหานคร สูง 63 เซนติเมตร อย่างทั่วถึง (กลับขึ้นด้านบน)

แต่ในสภาพความเป็นจริง พื้นที่ของกรุงเทพมหานคร มีที่สูงที่ต่ำแตกต่างกัน บริเวณที่สูงน้ำอาจจะไม่ท่วม บริเวณที่ต่ำน้ำคงจะท่วมมาก นอกจากนี้ ในระหว่างเดินทาง มวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้คงจะตกค้างอยู่ตามท้องทุ่งที่ผ่านไปจำนวนหนึ่ง ถูกสูบไปลงแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ น้ำคงจะไปถึงกรุงเทพมหานครน้อยลงกว่าตัวเลขที่คำนวณไว้ดังกล่าว ดังนั้น พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครไม่ต้องตกใจจนเกินไป เพราะเราชาวคลองหลวงจะสู้ จะยันน้ำจำนวนมหาศาลนี้ไม่ให้ไปรบกวนชาวกรุงเทพมหานคร ขอให้ช่วยส่งแรงใจและปัจจัยมาสนับสนุนชาวคลองหลวงที่กำลังต่อสู้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อปกป้องกรุงเทพมหานครก็พอ

คำถามข้อที่ 3. ที่กล่าวว่า “ชาววัดพระธรรมกายและชาวบ้านอำเภอคลองหลวง กำลังสู้ป้องกันมวลน้ำยักษ์นี้ไม่ให้เข้าโจมตีกรุงเทพมหานครอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตลอด 24 ชั่วโมง” เป็นการกล่าวเกินจริงหรือไม่

คำตอบ ทำนบกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์ขณะนี้มีความสูงประมาณ 1.8 เมตร ถึง 2.5 เมตร ช่วงไหนที่ระดับถนนเลียบคลองต่ำ ทำนบกั้นน้ำที่ตั้งอยู่บนถนนก็ต้องทำให้สูง จุดที่ถนนต่ำบางช่วง เช่น ช่วงกลางของคลองสองถึงคลองสาม ทำนบมีความสูงประมาณ 2.5 เมตร เป็นระยะทางยาวประมาณ 300 เมตร เวลาเดินผ่านทำนบจะมีความสูงเลยศีรษะขึ้นไปอีกเกือบ 1 เมตร และอย่าลืมว่า “ทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ไม่ใช่ทำนบถาวร แต่เป็นทำนบดินที่เพิ่งก่อขึ้นบนพื้นถนนเลียบคลองดิน” เมื่อเจอน้ำนานๆเข้าก็จะเริ่มยุ่ย น้ำซึมเข้าไปจนดินอิ่มตัว เอามือกดน้ำก็เป็นฟองออกมาจากดิน และหลายๆช่วง ขอบคันดินเริ่มมีการเคลื่อนตัวแยกออกมาจากช่วงกลางคันดิน สามารถมองเห็นเป็นร่องกว้างประมาณ 5-10 เซนติเมตร และเนื่องจากดินอ่อนตัวมาก ทำให้ไม่สามารถนำกระสอบทรายไปวางบนคันดินได้ ต้องแก้ปัญหาโดยเอากระสอบทรายมาก่อเป็นคันจากพื้นถนนขึ้นมาใหม่ข้างๆคันดินเดิมเพื่อพยุงรักษาคันดินไว้ เฉพาะตรงบริเวณนี้ มีพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา รวมทั้งอาสาสมัคร ประมาณ 300 คน ช่วยกันเสริมความแข็งแรงของทำนบตลอดเวลา

เมื่อคืนก่อนนี้ได้ช่วยกันจนถึงสว่างโดยไม่ได้นอนเลย มืดก็มืด ยุงก็ชุม ต้องก่อทำนบโดยยืนแช่น้ำที่ไหลซึมออกจากทำนบตลอดเวลา และเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะไม่รู้ว่าทำนบจะพังเมื่อไหร่ และหากทำนบสูงท่วมศีรษะนี้พังทลาย น้ำสูงประมาณ 2 เมตรกว่า จะทะลักพุ่งออกมา อะไรจะเกิดขึ้น...มันก็เหมือนสึนามิน้ำจืดดีๆนี่เอง เพราะฉะนั้นทุกคนจึงต้องทำงานกันด้วยความตื่นตัว ต้องคอยสังเกตสภาพทำนบดินตลอดเวลา เพื่อว่าถ้าหากทำนบกำลังจะพังโดยไม่สามารถแก้ไขได้ จะได้รีบหนีออกมาทัน



แนวคันดินกั้นน้ำที่สูงท่วมศีรษะ


หากถามว่า “ทุกคนรู้ถึงอันตรายหรือไม่” คำตอบ คือ “รู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยืนหยัดสู้ไม่ถอย เพราะตระหนักดีถึงความสำคัญของภารกิจที่ตนทำอยู่ว่า กำลังสู้เพื่อชาวกรุงเทพมหานคร ต่อสู้เพื่อศูนย์กลางของประเทศ และต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนา” คำกล่าวที่ว่า “ทุกคนกำลังทำงานอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันตลอด 24 ชั่วโมง” จึงไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว (กลับขึ้นด้านบน)

คำถามข้อที่ 4. การที่ชาววัดพระธรรมกายร่วมกับชาวบ้านอำเภอคลองหลวง ช่วยกันยันมวลน้ำยักษ์นี้ไว้ได้ถึง 9 วันแล้ว มีส่วนช่วยชาวกรุงเทพมหานครอย่างไรบ้าง หากในที่สุด น้ำเหนือไหลบ่ามาเพิ่มเรื่อยๆจนทำนบคลองระพีพัฒน์แตก กำลังที่ทุ่มลงไปจะกลายเป็นการสูญเปล่าหรือไม่

คำตอบ ทุกวัน ทุกชั่วโมง และทุกนาที ที่ชาววัดพระธรรมกายร่วมกับชาวบ้านอำเภอคลองหลวง ช่วยกันยันมวลน้ำยักษ์ก้อนนี้ไม่ให้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯเขตชั้นในนั้น ถือว่ามีส่วนช่วยแก้ไขสถานการณ์อย่างยิ่ง เพราะเป็นการซื้อเวลาให้แม่น้ำเจ้าพระยา, แม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำท่าจีน สามารถระบายน้ำลงอ่าวไทยได้ รวมวันละประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำเหนือที่ไหลบ่าท่วมพื้นที่ภาคกลางในขณะนี้ทั้งหมดมีจำนวนประมาณ 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หากสามารถยันไว้ได้ 1 วัน แรงกดดันของน้ำก็จะลดลงไป 500 ล้านลูกบาศก์เมตร ถึงแม้หากทำนบแตกในภายหลัง ผลกระทบก็จะลดลงไปเรื่อยๆ หากยันได้อยู่ 16 วัน เหตุการณ์ทั้งหมดก็จะคลี่คลาย (กลับขึ้นด้านบน)

คำถามข้อที่ 5. มีหนทางแก้ไขปัญหาน้ำที่กำลังเอ่อล้นกรุงเทพมหานครในเขตต่างๆในขณะนี้ หรือไม่

คำตอบ น้ำที่เอ่อล้นกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ช่วงรังสิต คูคต สายไหม ดอนเมือง หลักสี่ บางเขน อยู่ในขณะนี้ มาจากน้ำที่ระบายผ่านประตูน้ำพระอินทร์ และประตูน้ำคลองหนึ่งถึงคลองหก ที่จำเป็นต้องเปิดเพื่อไม่ให้ปริมาณน้ำเหนือบริเวณทำนบกันคลองระพีพัฒน์สูงเกินไป จนทำนบพัง เพราะถ้าทำนบพัง น้ำจำนวนมหาศาลทั้งหมดจะไหลบ่าเข้ากรุงเทพมหานคร ปัญหาจะหนักหนาสาหัสมาก และน้ำเหนือจากเขื่อนและน้ำค้างทุ่งที่ยังมีปริมาณมหาศาล ก็จะไหลเข้ากรุงเทพมหานครอีกใน 2-3 สัปดาห์ กรุงเทพมหานครมีสิทธิ์จมน้ำร่วมเดือน วิธีการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ การสกัดต้นแหล่งของมวลน้ำจำนวนมหาศาลที่กำลังมุ่งหน้าตลบหลังเข้าโจมตีกรุงเทพมหานคร

เนื่องจากทีมงานจากวัดพระธรรมกาย ร่วมกับชาวบ้านอำเภอคลองหลวง ได้ทุ่มกเทกำลังรักษาทำนบกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์มาถึง 9 วันแล้ว จึงได้ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุและแนวทางแก้ไข โดยมี พระครูสังฆรักษ์พิพัฒน์ ฐิตสุทฺโธ พระภิกษุรุ่นบุกเบิกขุดดินก้อนแรกสร้างวัดพระธรรมกาย ท่านได้วิเคราะห์พบว่า ต้นทางของมวลน้ำก้อนยักษ์นี้มาจากน้ำทุ่งอยุธยาที่ไหลบ่าข้ามถนนพหลโยธิน จากฝั่งทิศเหนือสู่ฝั่งทิศใต้ ช่วงกิโลเมตรที่ 55-79 และเมื่อได้นั่งรถลุยน้ำไปสำรวจจนถึงที่ ทำการวัดระดับน้ำ, วัดระยะทางที่น้ำไหลบ่าข้ามถนนอย่างละเอียด พบว่าจุดที่น้ำบ่าข้ามถนนมากที่สุด คือ ช่วงกิโลเมตรที่ 55-57 เป็นระยะทาง 1,500 เมตร ช่วงน้ำลึกที่สุดประมาณ 80 เซนติเมตร มีความยาวประมาณ 600 เมตร ช่วงที่เหลือก็ตื้นขึ้นตามลำดับ ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะทำแนวป้องกันไม่ให้น้ำบ่าข้ามถนนช่วงนี้ได้

หากทำสำเร็จจะสามารถกันน้ำที่จะไหลบ่าลงไปท่วมกรุงเทพมหานครได้ถึงร้อยละ 70 แรงกดดันของมวลน้ำที่มีต่อทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์จะลดลง ทำให้สามารถปิดประตูน้ำพระอินทร์และประตูน้ำคลองหนึ่งถึงคลองหกได้ แล้วน้ำที่ไหลไปท่วมรังสิตและพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพมหานครในขณะนี้ จะลดลงทันที ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯจะคลี่คลายในเวลาเพียงไม่กี่วัน



น้ำที่ข้ามถนนพหลโยธิน ช่วงกิโลเมตรที่ 55-57 ระยะทาง 1,500 เมตร


เมื่อได้สำรวจพื้นที่อย่างละเอียด และสรุปได้แนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนแล้ว จึงได้ประสานงานแจ้งให้ทางรัฐบาลทราบ ซึ่งต้องขอชื่นชมรัฐบาลของท่านนายกยิ่งลักษณ์เป็นอย่างมาก ที่ได้ทำงานอย่างเข้มแข็งฉับไวตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลแล้ว ทางรัฐบาลก็ได้นำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมทันที และดำเนินการแก้ไขตามที่นำเสนออย่างฉับไว ดังนั้น ในเวลาอีกเพียง 1-2 วัน เราคงจะได้ข่าวดีว่าทางรัฐบาลสามารถสกัดน้ำที่ไหลบ่าข้ามถนนพหลโยธินได้, ระดับน้ำที่อยู่เหนือทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ลด, น้ำที่ท่วมรังสิตลด, น้ำที่ท่วมคูคต สายไหม ดอนเมือง ลดลงตามลำดับ และกรุงเทพฯเขตชั้นในปลอดภัย (กลับขึ้นด้านบน)

คำถามข้อที่ 6. สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร

คำตอบ สรุปโดยย่อ คือ เรายังยันไว้ได้ และทั้งพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา, อาสาสมัคร, ญาติโยม, ผู้นำบุญ, เด็กดีวีสตาร์ (V-Star) และ ชาวบ้านอำเภอคลองหลวง ได้มาช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน กลมเกลียว ทำชนิดไม่มีการเกี่ยงงาน อะไรพอทำได้ ทุกคนช่วยกันทำหมด แม้แต่ น้องน็อต (อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์ส) ก็ยังวางงานการเป็นนักบินชั่วคราว มาวัดพระธรรมกายกับคุณแม่จักรวาล นำรถตู้ของโรงเรียนฉัตรวิทยามาช่วยขนกระสอบทรายด้วยตัวเอง ผู้นำบุญจากต่างจังหวัด เมื่อทราบสถานการณ์ก็มุ่งหน้าเดินทางมาพักค้างที่วัด ช่วยกันทำงานอย่างไม่ขาดสาย

ในขณะที่ชาววัดพระธรรมกายและชาวบ้านอำเภอคลองหลวง กำลังทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพื่อป้องกันรักษาทำนบคลองระพีพัฒน์ และทำระบบป้องกันน้ำทั่วปริเขตสภาธรรมกายสากล แต่ทางวัดพระธรรมกายก็ยังคงแบ่งกำลังผลิตและจัดส่งอาหารกล่อง วันละกว่าสองหมื่นชุด พร้อมถุงยังชีพ อุปกรณ์ข้าวของจำนวนมาก นำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆทุกวัน ขอให้ชาวไทยทุกคนสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราจะชนะศึกครั้งนี้ได้ในที่สุดอย่างแน่นอน และนำพาประเทศไทยไปสู่ความเป็นไทยมหารัฐ เป็นปิ่นนานาประเทศ เป็นแผ่นดินทองของพระพุทธศาสนาของโลก ขออนุโมทนาบุญกับทหารกล้าแห่งกองทัพธรรมทุกท่าน

ศูนย์ประสานงานป้องกันอุทกภัยวัดพระธรรมกาย
วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2554


Create Date : 26 ตุลาคม 2554
Last Update : 26 ตุลาคม 2554 8:03:18 น. 1 comments
Counter : 2898 Pageviews.

 


โดย: zawadio (khonmanrak ) วันที่: 29 ตุลาคม 2554 เวลา:23:17:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.