Group Blog
 
All Blogs
 

10 เรื่องเป็นพ่อแม่เตรียมพร้อม

ตั้งครรภ์

10 เรื่องเป็นพ่อแม่เตรียมพร้อม
(รักลูก)
เรื่อง : สิริพร

         
เมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาสำคัญ คือวันที่จะได้เป็นพ่อแม่เต็มตัว
อาจทำให้เราตื่นเต้นจนละเลยการเตรียมพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ได้
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นนะคะ


1.เตรียมพร้อม...สุขภาพ&ร่างกาย

เรื่อง
ของสุขภาพและร่างกายเป็นสิ่งสำคัญค่ะที่คุณแม่จะต้องจูงมือคุณพ่อมาตรวจเช็ก
ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อความมั่นใจตั้งแต่เริ่มต้น โดยต้องตรวจใน 3
เรื่องหลัก ๆ

ตรวจโรคและสุขภาพทั่วไป
การตรวจเช็กโรคทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์
ช่วยให้รู้ว่ามีโรคแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงและเสี่ยงต่อการตั้ง
ครรภ์หรือไม่ เช่น โลหิตจาง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
หรือโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมต่าง ๆ ซึ่งหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ
คุณหมอจะได้เตรียมการป้องกัน
หรือให้คำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อครรภ์ที่สมบูรณ์และปลอดภัยในอนาคตค่ะ

ป้องกันโรคด้วยวัคซีน
โดยเฉพาะคุณแม่ที่ป่วยง่าย มีภูมิต้านทานโรคน้อย
จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันไว้ก่อน
หากปล่อยไว้แล้วเกิดป่วยเป็นหัดเยอรมันตอนตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงแท้งได้

ออกกำลังกาย...ฟิต
ร่างกาย
การออกกำลังกายเป็นวิธีเตรียมพร้อมร่างกายที่ดีสำหรับการตั้งครรภ์จนถึงวัน
คลอด ควรออกกำลังกายตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ให้ชินค่ะ
เพราะกล้ามเนื้อที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน จะต้องใช้ออกซิเจนเยอะมาก
ทำให้ออกซิเจนที่จะส่งไปยังลูกเหลือน้อยมากตามไปด้วย
คุณแม่จึงควรที่จะต้องเตรียมพร้อมร่างกายด้วยการออกกำลังกายตั้งแต่ก่อนตั้ง
ครรภ์ และต่อเนื่องมาจนถึงตั้งครรภ์ ซึ่งจะส่งผลที่ดีต่อการคลอดด้วยค่ะ

2.เตรียมใจรับ "ลูก" อย่างมีความสุข

รู้สึกสุขใจที่จะได้เป็นแม่
ความพร้อมทางจิตใจนั้นอยู่เหนือความพร้อมทั้งหมด
หากความรู้สึกนี้ได้พรั่งพรูออกมาจากใจของคุณแม่ 9 เดือนแห่งการรอคอย
ก็จะกลายเป็นการรอคอยแห่งความสุขที่สุด

คุณสามีก็สุขใจไปพร้อมกับเรา
คนใกล้ชิดเราที่สุด
อย่างคุณสามีจะต้องเตรียมพร้อมไปด้วยกันในทุกด้านโดยเฉพาะด้านจิตใจจะมาก่อน
ค่ะ ตามด้วยการดูแลช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยความรัก
ความรู้สึกสุขที่จะได้เป็นพ่อนี้จะทำให้การเตรียมพร้อมในด้านอื่น ๆ เช่น
การทำงานหาเงินเพื่อดูแลครอบครัวต่อไปนั้นมีความหมายมากขึ้นค่ะ

3.เตรียมฝากครรภ์ ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน

การ
ฝากครรภ์เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์
ควรเลือกฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือโรงพยาบาลที่สามารถเดินทางไปได้
สะดวกค่ะไม่เสียระยะเวลาเดินทางนานเกินไป
ที่สำคัญโรงพยาบาลนั้นก็ควรจะได้มาตรฐานมีสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่
ประจำ เป็นโรงพยาบาลที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
มีคุณหมอที่ดูแลทารกแรกเกิดโดยเฉพาะด้วย
หากเราเลือกโรงพยาบาลที่พร้อมในทุกด้าน
คุณแม่ก็สามารถวางใจว่าได้ฝากชีวิตของเราและลูกไว้อย่างปลอดภัย

4.เตรียมวางแผนค่าใช้จ่ายอย่างรอบครอบ

คุณแม่และคุณพ่อต้องวางแผนเรื่องการเงินระยะยาว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ตั้งครรภ์ และในวันสำคัญอย่างวันคลอดด้วยค่ะ

เตรียม
เงินสำหรับการคลอด ค่าใช้จ่ายในการคลอด
คุณแม่อาจทราบล่วงหน้าจากโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์
จึงสามารถวางแผนการใช้เงินได้คร่าว ๆ ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
แนะนำให้เผื่อวงเงินไว้ที่อัตราสูงสุดที่โรงพยาบาลตั้งไว้นะคะ
เพราะเมื่อถึงเวลาอาจไม่สามารถคลอดเอง แต่อาจต้องผ่าคลอด
ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต่างกัน

เตรียม
เงินสำหรับภาวะเสี่ยงหลังคลอด หลังคลอดอาจเกิดภาวะต่างๆ ทั้งกับตัวคุณแม่
และลูกน้อยได้ เช่น เมื่อคลอดแล้วลูกเกิดไม่สบาย หรือมีภาวะตัวเหลือง
คุณแม่ตกเลือดหลังคลอด หรือเป็นแผลคลอดอักเสบ
เป็นหนองอาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่หลังคลอด
ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มตามอาการและจำนวนวันที่พักฟื้น

โดย
ส่วนมากการพักฟื้นของคุณแม่หลังคลอด ทั้งที่คลอดเองและผ่าตัดคลอด พอผ่าน 24
ชั่วโมงแรกไป ร่างกายค่อนข้างจะคืนตัวได้แล้ว
แต่การที่คุณหมอให้อยู่โรงพยาบาลก่อน
ก็เพื่อทางโรงพยาบาลจะฝึกให้คุณแม่เลี้ยงลูกได้ถูกวิธี
และประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
และเพื่อเช็กระดับไทรอยด์ฮอร์โมน ในช่วง 48-72 ชั่วโมงหลังคลอดหรือประมาณ
2-3 วัน ถ้าเช็กเรียบร้อยแล้วลูกไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไร
คุณแม่สามารถเลี้ยงลูกและให้นมลูกได้อย่างถูกต้อง
คุณหมอก็จะอนุญาตให้คุณแม่กลับบ้านได้ค่ะ

5.เตรียมลางาน...พร้อมเป็นคุณแม่เต็มตัว

ก่อน
ถึงวันคลอด คุณแม่ต้องศึกษากฎเกณฑ์การลาคลอด สิทธิต่าง ๆ
ที่พึงจะได้รับและเตรียมลางานล่วงหน้าให้เรียบร้อย
ตามกฎหมายคุณแม่สามารถลาคลอดได้ 90 วัน
แต่สำหรับคุณแม่ที่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ต้องศึกษาขั้นตอนการลางาน
หรือนโยบายของบริษัทนั้นๆ ถึงจำนวนวันที่สามารถลาคลอดได้
เพื่อจะได้วางแผนในการจัดการต่าง ๆ รวมถึงการเลี้ยงลูกได้อย่างเหมาะสม

6.เตรียมของสำคัญ...ก่อนไปโรงพยาบาล 2 สิ่งสำคัญนี้ คุณแม่ต้องไม่ลืมนำติดตัวไปด้วย เมื่อต้องไปคลอด

ใบฝากครรภ์
ซึ่งมีข้อมูลสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของคุณแม่ เช่น
มีประวัติการตรวจร่างกายความเสี่ยงต่าง ๆ ที่คุณแม่มี แผนการต่าง ๆ
ที่คุณหมอได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว

การตรวจโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ประวัติการตรวจโรคเบาหวาน โรคธาลัสซีเมียระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงน้ำหนักตัวของคุณแม่ ขนาดมดลูก และการดิ้นของลูกในครรภ์ เป็นต้น

ถ้าเกิดเจ็บครรภ์ฉุกเฉินไม่สามารถไปโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ได้ ใบฝากครรภ์ช่วยให้คุณหมอสามารถดูประวัติและภาวะเสี่ยงต่าง ๆ ของคุณแม่ได้อย่างครบถ้วน

กระเป๋าของใช้จำเป็น

พวกข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวคุณแม่และของลูกน้อยควรเตรียมควรจะจัดใส่ไว้ใน
กระเป๋าที่หิ้วหรือขนย้ายได้ง่าย เตรียมพร้อมไว้อย่างน้อย 1 อาทิตย์
ซึ่งในกระเป๋าใบนั้นควรจะมีเอกสารสำคัญ เช่น ใบฝากครรภ์ สำเนาทะเบียนบ้าน
บัตรประจำตัวประชาชน และของใช้จำเป็น เช่น สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ฯลฯ
เพราะเมื่อถึงเวลาคลอด จะได้ไม่ลืมของทุกอย่างที่จำเป็นค่ะ

7.เตรียมของเตรียมสถานที่รอเจ้าตัวเล็ก

ควร
เตรียมสถานที่เลี้ยงดูลูกไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ค่ะ
เพื่อว่าช่วงหลังคลอดสามารถพาลูกมายังห้องที่เตรียมไว้ได้เลย
ซึ่งควรเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด ปลอดเชื้อโรค มีอุปกรณ์
รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กแรกเกิดครบถ้วน ซึ่งการเตรียมของ
รวมถึงเสื้อผ้าให้ลูก อาจเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามการเจริญเติบโต
และพัฒนาการของลูกเราได้นะคะ

8.คนพร้อม...รถก็ต้องพร้อม

นอกจากตัวคุณแม่ และสิ่งของจำเป็นที่จะต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนคลอดแล้ว 2 สิ่งต่อไปนี้ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน

คนใกล้ชิด
การเจ็บคลอดเป็นภาวะฉุกเฉินอย่างหนึ่ง
หากว่าคุณแม่เกิดเจ็บท้องในช่วงที่คุณสามีสุดที่รักติดธุระกะทันหัน
ไม่สามารถพาคุณแม่มาโรงพยาบาลได้
จำเป็นต้องมีญาติสนิทหรือคนใกล้ชิดที่สามารถติดต่อได้ง่าย
ช่วยเหลือเราได้ทันท่วงทีค่ะ

เตรียมพาหนะ
หากไม่สามารถไปโดยรถส่วนตัวได้
คุณแม่ต้องมีเบอร์ติดต่อรถแท็กซี่หรือรถโรงพยาบาลเตรียมพร้อมไว้ด้วยค่ะ
แต่ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยยานพาหนะชนิดใดก็จะต้องมีคุณสามี
หรือคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้และสามารถพาเราไปส่งที่โรงพยาบาลอย่างปลอดภัยด้วย
เสมอนะคะ

9.เตรียมคำนวณเวลาเดินทาง

การ
เดินทางมาคลอด ควรจะเผื่อเวลาในการเดนิทางไว้เป็นดีที่สุด
เพราะระยะเวลาเจ็บท้องคลอดนั้น ขึ้นอยู่กับการการท้องแรก ท้อง 2
หรือท้องที่ 3 ด้วย ถ้าเป็นท้องแรก การเจ็บท้องคลอดอาจใช้เวลานาน
ซึ่งตามปกติถ้าปากมดลูกเปิดแล้ว จากนั้นจะเปิดชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร
กว่าจะคลอดจึงอาจกินเวลาหลายชั่วโมง
คุณแม่บางคนมาถึงโรงพยาบาลก็คลอดได้ทันที ขณะบางคนอาจต้องรอข้ามวันค่ะ
เมื่อไม่สามารถคาดเดาเวลาได้แน่นอน
คุณแม่จึงควรมาถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
คุณหมอก็จะดูให้เองว่าพร้อมคลอดแล้ว หรือแค่เจ็บเดือนค่ะ

10.เจ็บนี้...พร้อมคลอดแล้วนะ

ส่วน
ใหญ่คุณแม่จะรู้ได้ว่าอาการเจ็บที่เป็นนั้น คือการเจ็บคลอดหรือเจ็บเตือน
การเจ็บเตือนเกิดได้ตั้งแต่ก่อนถึงกำหนดคลอด โดยจะรู้สึกเจ็บไม่สม่ำเสมอ
หรือเจ็บตอนที่มีกิจกรรม เช่น มีการเคลื่อนไหวมาก ๆ เดินบ่อย ๆ หรือยกของ
ก็จะรู้สึกเจ็บเพราะลูกมีการเคลื่อนไหว เมื่อนอนพักอาการจะทุเลาลง

การ
เจ็บคลอดมีลักษณะการเจ็บที่สม่ำเสมอ นอนพักก็ยังไม่หาย
ยิ่งรอไปจะยิ่งเจ็บถี่ขึ้น เจ็บแรงขึ้นถ้ามีมูกเลือดออกในช่องคลอด
หรือมีน้ำคร่ำไหลออกมาก็แสดงว่านั่นเป็นการเจ็บคลอดให้รีบไปโรงพยาบาลโดย
เร็วที่สุด

หาก
เราสามารถเตรียมพร้อมทั้ง 10 เรื่องนี้ได้แล้ว
จะช่วยให้เป็นพ่อแม่ที่มั่นใจ มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
เลี้ยงลูกได้อย่างมีความสุข และเป็นครอบครัวที่มีคุณภาพค่ะ





Free TextEditor




 

Create Date : 11 มีนาคม 2555    
Last Update : 11 มีนาคม 2555 4:06:33 น.
Counter : 603 Pageviews.  

เคล็ดลับผิวสวย จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวหนัง

ผิวสวย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         
ผู้หญิงส่วนใหญ่ย่อมจะมีวิธีการดูแลผิวที่ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว
ทั้งทำความสะอาด เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ บำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ฯลฯ
แต่ช้าก่อน หยุดคิดสักนิดว่า สิ่งที่คุณทำอยู่ทุกวันนั้น
ให้ประสิทธิภาพที่น่าพึงพอใจแล้วหรือยัง
เรื่องราวการดูแลผิวนั้นดูจะมีให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ
เรียนรู้และทดลองได้ไม่รู้จบ แต่อย่างไหนกันเล่าที่จะใช้ได้ผลจริง ๆ
กระปุกดอทคอมจึงได้นำวิธีการดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่แนะนำมาฝากกั
ค่ะ

บำรุงจากภายใน เพื่อพื้นฐานสุขภาพผิวที่แข็งแรง

หาก
ผิวอยู่ในสภาพดี สุขภาพผิวแข็งแรง ก็จะทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษา
ทั้งยังลดโอกาสที่ผิวจะโดนทำร้ายจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสงแดด
หรือปัญหาสิว
เริ่มต้นบำรุงผิวแบบพื้นฐานที่สุดด้วยการรับประทานอาหารให้ครบหมู่
โดยเฉพาะอาหารที่มีโอเมก้า3
รวมทั้งดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสุขภาพแข็งแรง

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว

หาก
คุณกำลังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อจัดการกับปัญหาต่าง ๆ
อย่างเช่นปัญหาสิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเหมาะสมกับสภาพผิวนับเป็นเรื่องสำคัญอย่าง
มาก
ผลการทดสอบปรากฏว่าผิวตอบรับประสิทธิภาพของครีมบำรุงผิวที่สร้างมาเพื่อผิว
ประเภทต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป
โดยจะตอบสนองดีที่สุดกับผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อสภาพผิวของตนเองโดยเฉพาะ
ดีที่สุด
นอกจากนี้ยังต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารไม่จำเป็นอย่างสารแต่งกลิ่น แต่งสี
หรือสารกันเสีย ปนอยู่น้อยที่สุดด้วย

ใช้เครื่องสำอางแบบ มิเนอรัล เมคอัพ

เครื่อง
สำอางแบบ มิเนอรัล เมคอัพ (mineral makeup)
คือเครื่องสำอางที่ได้จากการนำแร่ธรรมชาติมาบดละเอียด ไม่เจือสี สารเคมี
หรือสารกันเสียต่าง ๆ ทำให้ดีต่อผิวหน้า
และใช้ได้แม้กระทั่งในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
ไม่เกาะติดจนอุดตันรูขุมขนซึ่งทำให้ปัญหาสิวตามมา

เผยผิวสวยกว่าเดิม ด้วยการสครับ

การส
ครับผิวก็นับว่าจำเป็นในการกำจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนให้หลุดออกไป
รวมทั้งยังช่วยขัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและตายแล้วออกไปด้วย
จึงทำให้ผิวใหม่ที่สดใสกว่าได้เผยตัว การสครับผิวเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2
ครั้ง จะช่วยให้คุณเผยผิวได้อย่างมั่นใจ
ทั้งยังช่วยให้ผิวซึมซับสารบำรุงจากครีมทาผิวที่คุณใช้ได้ดียิ่งขึ้นด้วย

ริมฝีปากก็ห้ามมองข้าม บำรุงด้วยลิปบาล์มอย่างสม่ำเสมอ

บริเวณ
ริมฝีปากนั้น เป็นส่วนที่ผิวบอบบางมากที่สุด
ทั้งยังมีเม็ดสีเมลานินน้อยกว่าผิวจริงอยู่มาก
อันทำให้ผิวส่วนนี้มีเกราะป้องกันตามธรรมชาติที่ไม่แข็งแรงเท่าใดนัก
เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณที่จะเสริมเกราะป้องกันที่แข็งแรงขึ้นให้
กับเรียวปากที่บอบบาง
ด้วยการใช้ลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้เป็นประจำ
และหากเป็นไปได้เลือกใช้แบบที่ผสมสารป้องกันแดดด้วยก็จะดีมากทีเดียว

ผิวใต้วงแขน ก็ต้องบำรุง

ผิว
ส่วนที่ไม่ค่อยได้เปิดเผยอย่างที่บริเวณใต้วงแขน
ก็ต้องการการบำรุงไปไม่น้อยกว่าผิวพรรณส่วนอื่น ๆ ยามที่คุณสครับผิวกาย
อย่าลืมสครับผิวที่ใต้วงแขนด้วย เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป
ไม่ให้รวมตัวกับคราบไคลและทำให้ผิวบริเวณนั้นดูคล้ำ
นอกจากนี้เว้นจากการใช้โรลออนในวันที่ไม่ต้องออกไปไหน
เพื่อให้ผิวส่วนนั้นได้พักบ้างด้วยนะคะ

คำ
แนะนำเหล่านี้เรามั่นใจจริง ๆ
ว่าเป็นเรื่องที่คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบดีอยู่แล้ว
แต่ยิ่งได้การรับรองจากผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังะว่าเป็นสิ่งที่ดีกับผิวแน่
นอน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะทำตามคำแนะนำเหล่านี้
..เพื่อผิวสวยอย่างที่สาว ๆ ปรารถนา

























 

Create Date : 11 มีนาคม 2555    
Last Update : 11 มีนาคม 2555 4:05:11 น.
Counter : 577 Pageviews.  

10 กิจกรรมชวนลูกสนุกเรียนรู้



10 กิจกรรมชวนลูกสนุกเรียนรู้
(รักลูก)
เรื่อง : สิริพร ภาพ กองภาพ

          ชวนคุณพ่อคุณแม่จับมือลูก ๆ มาสนุกเรียนรู้กับกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านต่อไปนี้ค่ะ

1.ต่อคำ...หาสมบัติ

วิธี...ให้
คุณพ่อคุณแม่คิดคำศัพท์ง่าย ๆ แล้วตั้งเป็นคำถาม
หรือพูดคำศัพท์แล้วให้ลูกนึกคำที่เหมือนกับพยัญชนะลงท้ายที่คุณพ่อคุณแม่พูด
เช่น คำว่า กล้วยไข่ ลงท้ายด้าย ข.ไข่ เมื่อลูกต่อคำถูก เช่น ไข่ไก่
ก็จะได้คำใบ้เพื่อไปค้นหาสมบัติที่ซ่อนไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน
(ของที่นำไปซ่อนควรจะเป็นของใกล้ตัวลูก เช่น ของเล่น ผ้าเช็ดหน้า แรปงสีฟัน
แก้วน้ำ ฯลฯ)
อย่าลืมเพิ่มความสนุกด้วยการสลับกันเล่นให้ลูกเป็นคนคิดคำขึ้นมาแล้วให้คุณ
พ่อคุณแม่เป็นคนต่อคำ แล้วหาสมบัติบ้างนะคะ จบเกมแล้ว
อย่าลืมให้ลูกช่วยเก็บของ (สมบัติ)
ที่หาได้เข้าที่อย่างเป็นระเบียบด้วยนะคะ
นอกจากจะช่วยให้เขาจดจำสิ่งของชิ้นนั้นได้แล้ว
ยังช่วยเรื่องระเบียบวินัยด้วย

2.จะเกิดอะไรขึ้น

วิธี...เกม
นี้ช่วยฝึกให้ลูกคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือลำดับเหตุการณ์ต่างๆ
โดยคุณพ่อคุณแม่อาจยกตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อมที่สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลง
หรือแปลงสภาพได้ มาถามให้ลูกคิดต่อ เช่น
ดอกไม้ในสวนที่บ้านเราจากตอนนี้ที่มันหุบๆ ต่อไปมันจะเป็นยังไงนะ หรือ
มะม่วงที่อยู่บนต้นเขียวๆ ลูกเล็กๆ ต่อไปมันจะเปลี่ยนเป็นสีอะไร
เราถึงจะเก็บมากินได้ เป็นต้น
อย่าลืมแทรกให้ลูกเรียนรู้เรื่องของการรอคอยเข้าไปในเกมด้วยนะคะ
เพราะการลำดับเหตุการณ์ หรือการเปลี่ยนแปลงนั้น
เป็นเรื่องที่ลูกจะต้องเจอในชีวิตประจำวัน

3.เสียงอะไร

วิธี...ให้
เด็ก ๆ ปิดตา แล้วให้ฟังเสียง จากนั้นก็ให้ทายว่านี่เสียงอะไร
อาจเป็นเสียงง่ายๆ เช่น เสียงนาฬิกาติ๊กต่อกๆ เสียงกริ่งของจักรยาน
หรือให้คุณพ่อคุณแม่ทำเสียงเลียนเสียงสัตว์ต่างๆ เช่น หมา แมว นก ฯลฯ
แล้วให้เขาทายว่าเสียงของใคร เขาจะได้ฝึกเรื่องการแยกแยะเสียงได้
เกมนี้ช่วยเรื่องพัฒนาการทางสมองฝึกเรื่องประสารทสัมผัส ความจำ
และฝึกการเชื่อมโยงค่ะ เพิ่มลูกเล่นให้เกมนี้ ด้วยการเอาผลไม้
หรือของกินมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย ให้ลูกปิดตาเหมือนเดิมแล้วลองชิมดู
จากนั้นก็ให้ทายว่ามันคืออะไร
ลูกจะได้ฝึกเรื่องการแยกแยะรสชาติและใช้ประสาทสัมผัสเพิ่ม

4.จับเวลา

วิธี...ให้
คุณพ่อคุณแม่กำหนดกิจกรรมให้ลูกลองทำ
หรือใช้กิจวัตรประจำวันที่ลูกต้องทำจริงๆ ทุกวัน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว
ผูกเชือก รองเท้า ทานข้าว หรือทำการบ้าน ฯลฯ
โดยจำกัดเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ลูกด้วยค่ะ
(จับเวลาตามความเหมาะสมของแต่ละกิจกรรม) คุณพ่อคุณแม่อาจทำแข่งกับลูกไปด้วย
เพื่อเพิ่มความจูงใจให้เขามากขึ้น หากลูกทำไม่สำเร็จตามเวลาที่กำหนด
ก็ควรเปิดโอกาสให้เขาได้ลองทำใหม่ จะช่วยให้เขาเห็นคุณค่าของเวลา
และฝึกความเป็นระเบียบวินัยได้

5.กำแพงจินตนาการ

วิธี...เกม
นี้คุณพ่อคุณแม่อาจต้องยมอสละผนังด้านหนึ่งของบ้าน ไว้ให้ลูก ๆ
ของเราได้ละเลงสีสัน และวาดรูปไปตามจินตนาการอย่างอิสระ
ทั้งยังสามารถชักชวนเพื่อน ๆ และคุณพ่อคุณแม่มาเล่นสนุกด้วยกันได้ด้วย
แต่หากกลัวเลอะเทอะ อาจใช้แผนสำรอง ด้วยการหากกระดาษ หรือผ้าใบผืนโตๆ
มาติดกับผนังไว้ให้ลูกได้วาดแทนผนังจริงก็ได้เหมือนกันค่ะ
เพิ่มสีสัน
ด้วยการคิดเรื่องสนุก ๆ ให้ลูกได้วาด เช่น ตกแต่งงาน ต้อนรับปีใหม่
หรือสนุกสนานในวันสงกรานต์แบบไทยๆ
หรือให้เขาลองเสนอความคิดนี้ด้วยตัวเองก็ได้ค่ะ

6.ลั้ลลาเข้าจังหวะ

วิธี...กิจกรรม
นี้สามารถร่วมสนุกกันได้ทั้งครอบครัวค่ะ ทำง่ายๆ
โดยหยิบจับของใช้ใกล้ตัวมาเป็นเครื่องดนตรี แทนเครื่องดนตรีของจริง เช่น
กะละมัง หม้อ ตะเกียบ ขวดแก้วหรือขวดพลาสติกที่บรรจุทรายหรือกรวดก้อนเล็กๆ
ไว้ข้างใน เพียงแค่นี้เราก็มีทั้งกลองจากกะละมัง มีตะเกียบเป็นไม้ตีกลอง
และขวดแก้วไว้เขย่าประกอบจังหวะ จากนั้นก็อย่ารอช้า ทั้งร้อง ทั้งเต้น
ลั้ลลากันได้เลยค่ะ เพิ่มความคึกคัก ด้วยการเปิดเสียงเพลงจังหวะสนุก ๆ
หรือเพลงที่ลูกชอบคลอเบา ๆ ไปด้วย ก็จะทำให้กิจกรรมนี้มีสีสันมากขึ้น

7.เข้าครัวหรรษา

วิธี...เกม
นี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องครัวเสมอไปค่ะเพียงแค่มีโต๊ะเล็กๆ
หรือว่ามีเสื่อปูกับพื้นให้ลูก
มีอุปกรณ์การเตรียมอาหรที่พร้อมจะทำได้จริงให้ลูกได้ทำ เช่น
ให้ปั้นแป้งบัวลอย เขาก็จะฝึกกล้ามเนื้อมือ ได้ลองผสมสีใส่แป้ง
และสามารถใช้อุปกรณ์จริงได้ เพียงแต่หลีกเลี่ยงของมีคม
เกมนี้สามารถทำร่วมกันได้ในครอบครัวค่ะ ให้ลูกได้ลองคิดเมนูเอง
และจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ โดยแต่งตั้งให้คนเก่งของเราเป็นแม่งานไปเลยค่ะ

8.เล่นบทบาทสมมติ

วิธี...เกม
นี้เล่นง่ายๆ ด้วยการสมมติตัวละครขึ้นมา
แล้วจำลองเหตุการณ์ให้สอดคล้องกับตัวละครนั้นๆ เช่น คุณครู-นักเรียน
คุณหมอ-คนไข้ พ่อ-แม่-ลูก หรือเล่นขายของ
ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถร่วมเล่นกับลูก โดยอาจจำลองเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
หรือที่ลูกเจอในชีวิตประจำวันมาเล่น เช่น ไปซื้อของที่ตลาด
เพื่อเสนอเรื่องการใช้เงิน ตัวเลข ให้ลูกได้รู้จัก การเลือกของ
การต่อรองราคาค่ะ

อย่า
ลืมสังเกตการสวมบทบาทของลูก ในขณะที่เล่นบทบาทสมมติด้วยนะคะ
เพราะสิ่งนี้แหละที่คุณแม่จะนำมาปรับใช้ และส่งเสริมลูกในชีวิตจริงได้


9.ตั้งแคมป์

วิธี...เกม
นี้จะช่วยให้ลูกได้เปิดใจ และพูดคุยในเรื่องต่างๆ
กับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างสนุกสนานเพียงจัดแคมป์ไฟเล็กๆ ที่สนามหญ้าในบ้าน
ถ้าสภาพอากาศเป็นใจก็อาจหาเต็นท์มากางนอน
เปลี่ยนบรรยากาศพูดคุยกันสักคืนก็ยิ่งดี เพิ่มความสนุกด้วยการเล่านิทานเงา
โดยใช้แสงจากไฟฉาย ให้ลูกทำมือเป็นรูปต่างๆ และเล่าเรื่องผ่านแสงและเงา
ก็จะช่วยให้เขาสนุกกับการเล่าเรื่องมากขึ้น

10.หัวใจนักกีฬา

วิธี...เรา
สามารถสร้างลูกให้เป็นนักกีฬาได้ที่บ้านค่ะ
โดยคุณพ่อคุณแม่ทำหน้าที่เป็นทั้งสต๊าฟโค้ช และผู้ร่วมเล่นด้วย
โดยเริ่มจากกีฬาที่ลูกชอบก่อน เตรียมอุปกรณ์และชุดให้สมจริง
จากนั้นก็ลุยกันเลยที่สนามหน้าบ้าน ในสระว่ายน้ำ
หรือจะจัดสถานที่ให้เป็นสนามแข่งฟุตบอลแล้วชวนเพื่อน ๆ มาเล่นด้วยกัน
ก็สนุกแบบเป็นกลุ่มได้นะคะ

คุณพ่อคุณแม่จะต้องไม่ลืมชี้แนะ และเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นเรื่องของการมีน้ำใจนักกีฬา จะช่วยให้ลูกมีอุปนิสัยนี้ติดตัวได้ไม่ยาก

























 

Create Date : 11 มีนาคม 2555    
Last Update : 11 มีนาคม 2555 4:03:36 น.
Counter : 656 Pageviews.  

เคล็ดลับเพื่อผิวนุ่มนวลทั่วเรือนร่าง

เคล็ดลับผิวสวย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         
ใคร ๆ ก็อยากมีผิวเนียนนุ่มกันทั้งนั้น
ยิ่งนุ่มเนียนไปทั่วเรือนร่างได้ยิ่งน่าสัมผัส อยากคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ
แต่วิธีที่จะทำให้ผิวเนียนนุ่มได้อย่างใจนี่สิที่เป็นเรื่องที่สาว ๆ
ทุกคนต่างค้นหา วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำเคล็ดลับเหล่านั้นมาฝากกันค่ะ


1. การสัมผัสทำให้ผิวนุ่มนวล

เรื่อง
ที่ใครหลาย ๆ คนยังไม่ทราบนั่นคือ สิ่งธรรมดา ๆ
อย่างการสัมผัสนั้นช่วยให้ผิวพรรณดูนุ่มนวลขึ้นได้
เพราะการสัมผัสเป็นการส่งสัญญาณให้เส้นประสาทในสมอง
สั่งการให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ช่วยลดระดับความเครียด
ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย  ส่งผลให้ผิวพรรณดูนุ่มนวล สดใสนั่นเอง

2. ถนอมผิวอย่างถูกต้องยามฤดูหนาว

อากาศ
ที่แห้งและความชื้นที่ต่ำในหน้าหนาวทำร้ายผิวทุก ๆ คนได้
และยังเป็นอุปสรรคสำหรับผิวเนียนนุ่มอีกด้วย
เพื่อรักษาสภาพผิวให้คงความชุ่มชื้นเอาไว้ ใช้เวลาในการอาบน้ำให้สั้นลง
ทำผิวให้แห้งด้วยการใช้ผ้าขนหนูซับน้ำที่ผิว แทนการถูไปมา
ทาโลชั่นขณะที่ผิวยังมีความชื้นจากหยาดน้ำ
ส่วนผู้ที่มีต้องเผชิญกับปัญหาผิวแห้งอย่างรุนแรง
ให้หยดออยล์ผสมลงไปในโลชั่นด้วย
จะช่วยทั้งเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้กับผิวได้เป็นอย่างดี

3. ขี้ผึ้งสารพัดประโยชน์

ขี้
ผึ้งหรือแวกซ์นั้นมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่าง
ดี ไม่ว่าจะเป็นผิวกาย ริมฝีปาก แม้กระทั่งผิวที่แห้งแตกเพราะต้องลมหนาว
หรือจุดที่หยาบกร้านเป็นพิเศษอย่างหัวเข่า ข้อศอก
ลองเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นขี้ผึ้งอเนกประสงค์สำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นให้
กับหลาย ๆ ส่วนของร่างกาย พกไว้ตลับเดียวก็อุ่นใจได้แล้ว

4. รับมืออาการผิวแห้งอย่างถูกจุด

อาการ
ผิวแห้งในบางรายอาจมีสาเหตุมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการผิวแห้งมากผิดปกติ โดยเฉพาะอาการ แดง แห้ง แตก คัน
ในบางรายอาจแห้งจนเป็นเกล็ดและลอกออกเป็นแผ่น ๆ
แม้แต่ในบริเวณที่คนอื่นไม่มีอาการอย่างข้อพับที่ขาและแขน
อาการเช่นนี้จำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยรักษาอย่างถูก
วิธี โดยแพทย์จะสั่งยาทาเป็นครีมประเภทไฮโดรคอร์ติโซนเพื่อบรรเทาอาการคัน
อักเสบ จากความแห้งของผิว และยาอื่น ๆ เพื่อการรักษาอย่างถูกจุดต่อไป
ส่วนในเบื้องต้นคุณสามารถเยียวยาอาการของตัวเองก่อนได้โดยทาโลชั่นชนิดที่มี
ความเข้มข้นและไม่ผสมสารแต่งสีและกลิ่น รวมทั้งตัดเล็บมือให้สั้น
และสวมถุงมือผ้าฝ้ายหรือสวมถุงเท้าทับยามนอน
เพื่อป้องกันการเผลอเการะหว่างหลับด้วย

5. ถนอมผิวคุณเหมือนถนอมผิวเด็ก

เคล็ด
ลับการรักษาผิวให้เนียนนุ่มเหมือนผิวเด็กอย่างหนึ่งก็คือ
ดูแลผิวของตัวเองให้เหมือนกับการดูแลปรนนิบัติผิวของเด็กน้อย
ผิวที่บอบบางของเด็ก ๆ ไม้ต้องการสบู่ที่มีฤทธิ์ในการทำความสะอาดมากมายนัก
เพราะเด็กเล็ก ๆ ยังไม่ค่อยได้สัมผัสมลภาวะหนักหนาเช่นเดียวกับผู้ใหญ่
หากคุณมีไลฟ์สไตล์แบบทำงานในห้องแอร์ เหงื่อไม่ค่อยออก
ไม่ค่อยได้สัมผัสมลภาวะภายนอกมากนัก
คุณสามารถใช้สบู่อาบน้ำของเด็กในการทำความสะอาดผิวกายก็ได้
รวมทั้งบำรุงผิวด้วยโลชั่นหรือออยล์ทุกครั้งหลังอาบน้ำ
เช่นเดียวกับที่คุณแม่ทำให้ลูกน้อย
นอกจากนี้หากรู้สึกว่าผิวแห้งหรือมีอาการระคายเคือง ให้แช่เสื้อผ้า
รวมทั้งปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน เพื่อขจัดผงซักฟอก
หรือคราบเคมีต่าง ๆ ที่อาจตกค้างอยู่ในเนื้อผ้าด้วย

6. เท้านุ่มนิ่มไม่แห้งกระด้าง

เมื่อ
ผิวกายนุ่มนวลแล้วก็หันมาใส่ใจผิวที่ฝ่าเท้าของเรากันบ้าง
เท้าที่แห้งแตกคงไม่ทำให้เวลายามนิทรามีความสุขนัก
เพราะมันจะพลอยเสียดสีกับผ้าห่มและผ้าปูที่นอนดังแกรกกรากรำคาญใจ
ให้ใช้หินขัดเท้า ขัดฝ่าเท้าโดยเฉพาะจุดที่แห้งหยาบ
จากนั้นล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
แล้วตามด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์ครีมทันที นวดในซึมลงผิว
แล้วใส่ถุงเท้าทับนอนแบบนั้นตลอดทั้งคืน
รับรองว่าคุณจะตื่นมาพบกับเท้าที่นุ่มนิ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้เพื่อผิวที่นุ่มเนียนทั่วทั้งเรือนร่างกันนะคะ





 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 5:23:39 น.
Counter : 636 Pageviews.  

เมนูเพื่อนสมอง

เมนูอาหาร - อินทรี in บลูเบอร์รี่

เมนูเพื่อนสมอง
(รักลูก)

          
ลูกวัยเตาะแตะ กินอาหารได้หลากหลายใกล้เคียงกับผู้ใหญ่อย่างเราแล้วค่ะ
ซึ่งในวัยแห่งการเรียนรู้โลกกว้างนี้ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
คือเมนูอาหารบำรุงสมองค่ะ



เมนูอาหาร - บร็อกโคลีบอล

บร็อกโคลีบอล

ส่วนผสม

บร็อกโคลี เต้าหู้ชนิดแข็งปานกลาง มายองเนส เกล็ดขนมปัง ไข่ไก่ น้ำมันพืช โยเกิร์ต

วิธีทำ

1. หั่นบร็อกโคลีเป็นดอกเล็ก ๆ ลวกน้ำเดือดจนสุก พักไว้

2. ต้มเต้าหู้จนสุก ตักขึ้นแล้วซับน้ำให้แห้ง จากนั้นยีให้ละเอียด ใส่มายองเนส ผสมให้เข้ากัน

3. นำเต้าหู้ไปหุ้มบร็อกโคลี โดยปั้นให้เป็นก้อนกลม จากนั้นนำไปชุบไข่และเกล็ดขนมปัง

4. ตั้งกระทะให้ร้อน แล้วทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นซับน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมซอสโยเกิร์ต

Tip

ลวกบร็อกโคลี (และผักอื่น ๆ) ให้สีเขียวสวย ทำได้โดยต้มน้ำให้เดือด
ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ใช้เวลาลวกไม่นานนัก
ตักผักขึ้นแช่ในน้ำเย็นเจี๊ยบทันที (ภาชนะที่ใส่น้ำแข็ง)


เมนูอาหาร - อินทรี in บลูเบอร์รี่


อินทรี in บลูเบอร์รี่


ส่วนผสม

ปลาอินทรี บลูเบอร์รี่ สับปะรดหั่นเต๋า เมล็ดถั่วลันเตา น้ำมันพืช เกลือและน้ำตาลทรายขาวเล็กน้อย

วิธีทำ

1.ตั้งกระทะให้ร้อน ทอดปลาอินทรีให้เหลืองกรอบ ตักขึ้น ซับน้ำมันแล้วพักไว้

2.ปั่นบลูเบอร์รี่ให้ละเอียด เทลงกระทะใส่สับปะรด เมล็ดถั่วลันเตา ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ จนสุกดี

3.นำซอสบลูเบอร์รี่ราดลงบนปลาอินทรีตกแต่งด้วยผักต่าง ๆ ตามชอบ

Tip

ปลาทอดกรอบอร่อย... ต้องเริ่มตั้งแต่เลือกซื้อปลาที่สดใหม่
เพราะหนังปลาจะไม่ค่อยติดกระทะเหมือนปลาที่ไม่สด
อาจทาเกลือป่นที่ตัวปลาก่อนนำไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ ด้วยไฟปานกลาง
รอจนปลาลอยขึ้นมา แล้วค่อยพลิกตัวปลาไม่ควรพลิกตัวปลาบ่อย ๆ
เพราะจะทำให้เนื้อปลาเละ




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2555 2:35:05 น.
Counter : 639 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  

bestjingjai1
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add bestjingjai1's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.