BEST CHOICE INSURE เราคัดสรรแผนประกันที่คุ้มค่า เบี้ยประกันไม่แพงครับ โทรศัพท์ 086-391-4220
Group Blog
 
All Blogs
 
มาดูกันว่าวิธีลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) ในรอบครึ่งปีแรกปี 2550 กับกองทุนบัวแก้ว ผลจะออกมาเป็นเช่นไร

หลังจากที่เคยทำตัวอย่างการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย 24 เดือน ลงทุนเดือนละ 2,000 บาทกับกองทุนเปิดบัวแก้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตามกระทู้นี้
//topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2007/02/I5173172/I5173172.html

มาวันนี้หมีพูจะมาทำโจทย์ใหม่ เพื่อให้เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะลงทุนในกองทุนหุ้น แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปลงทุนซะที กลัวไปสารพัด หรืออยากจะลงทุนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปซื้อช่วงไหนดี หรือจะลงทุนแบบม้วนเดียวจบ หรือว่าจะทยอยลงทุนดี ฉะนั้นเพื่อมิให้เสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยนะครับ

*************************************

โจทย์ :

- ซื้อกองทุนเปิด "บัวแก้ว" ทุกวัน "จันทร์" (ถ้าวันจันทร์ตรงกับวันหยุดให้ใช้วันทำการถัดไป)
- ซื้อลงทุนจันทร์ละ 2,000 บาท
- เริ่ม 1 มกราคม 2550 ถึง 18 มิถุนายน 2550 (รวม 25 จันทร์ คิดเป็นเงินต้นรวม 50,000 บาท)
- ขายคืนให้เกลี้ยงครั้งเดียว โดยใช้ราคารับซื้อคืนในวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2550

*************************************

วันที่ซื้อ ราคาขาย ได้หน่วยลงทุน
03/1/50 10.3460 193.3114
08/1/50 09.8651 202.7328
15/1/50 10.3402 193.4199
22/1/50 10.4833 190.7796
29/1/50 10.4537 191.3198
05/2/50 10.7685 185.7269
12/2/50 10.9993 181.8298
19/2/50 10.8089 185.0327
26/2/50 10.9361 182.8806
06/3/50 10.8429 184.4525
12/3/50 10.8732 183.9385
19/3/50 10.9171 183.1988
26/3/50 11.9062 167.9797
02/4/50 11.3176 176.7159
09/4/50 11.5180 173.6413
17/4/50 11.6263 172.0238
23/4/50 11.4855 174.1326
30/4/50 11.6901 171.0849
08/5/50 11.8495 168.7835
14/5/50 11.8425 168.8833
21/5/50 12.0524 165.9421
28/5/50 11.9875 166.8405
04/6/50 12.8630 155.4847
11/6/50 12.6734 157.8108
18/6/50 13.0144 153.6759

รวมเงินลงทุน 50,000 บาท ได้หน่วยรวม 4,431.6222 หน่วย
ขายทิ้งทั้งหมดในวันศุกร์ที่ 22/6/50 ที่ราคารับซื้อคืน 12.8607 บาทต่อหน่วย (NAV=12.9907)
ได้รับเงินมาทั้งสิ้น 56,993.76 บาท (4,431.6222 x 12.8607)
= กำไร 6,993.76 บาท คิด 14% ของเงินลงทุน หรือเทียบเท่าดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 28% ต่อปี !!!! โอ้ว....สุดยอด....

*************************************

เห็นมั้ยครับว่า การเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น ทุกวันจันทร์ โดยไม่ต้องกลัวหรือกังวลกับตลาดหุ้นที่มีขึ้นและลงเป็นกิจวัตร แม้จะเป็นการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นเพียงแค่ 6 เดือน ก็ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีมากได้อย่างง่าย ๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ แต่ก็เป็นไปแล้ว เพราะนี่คือราคาซื้อขายจริงจากกองทุนเปิดบัวแก้วครับ ดูสิครับว่าราคาขายในแต่ละครั้งที่เข้าซื้อ ไม่เท่ากันเลย บางครั้งแพง บางครั้งถูก

ฉะนั้นถ้าเราต้องการลงทุนในกองทุนหุ้นคุณภาพสูง แต่ไม่รู้ว่าควรจะเข้าลงทุนอย่างไร บางครั้งคิดจะลงทุนเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ก็กลัวว่าในแต่ละครั้งที่ลงทุนจะได้ของถูกหรือไม่ก็ของแพง เลยยังไม่ซื้อซะงั้น ขอรอดูไปก่อน (รอไปรอมา ก็ปาเข้าไปร่วมครึ่งปีไปแย้ววว....)

ดังนั้นเราก็ใช้วิธี "กระจายความกลัว" นั้น (ไม่ใช่กระจายความเสี่ยงนะครับ) ด้วยการเข้า "ลงทุนเป็นประจำ" ด้วย "เงินลงทุนที่เท่ากันทุกวันจันทร์" ไปเลยครับ เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ให้เงินทำงานไปด้วยซะเลย และไม่เอาภาวะตลาดหุ้นในขณะนั้นเข้ามาตัดสินใจ ไม่ต้องสนใจว่าภาวะตลาดหุ้นในอาทิตย์ที่แล้วหรือตอนเช้าวันจันทร์นั้นจะเป็นอย่างไร

ขอเพียงแค่มาถึงวันจันทร์ ก็แวะไปที่ตู้เอทีเอ็มบัวหลวงเพื่อกดเอทีเอ็มซื้อกองบัวแก้ว หรือไม่ก็โทรศัพท์เข้าไปที่บัวหลวงโฟน 1333 เพื่อซื้อบัวแก้ว ซื้อเสร็จแล้วก็ไม่ต้องไปพะวงใด ๆ ทั้งสิ้น ทำงานของเราไปตามปกติ พอถึงวันจันทร์หน้าก็ทำแบบนี้ใหม่

ลองดูกันสิครับว่า ถ้าถึงสิ้นปี 2550 นี้คุณ ๆ จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นกันอีกคนละเท่าไหร่ ผลตอบแทนจะเป็นเช่นไร เรามาเริ่มกันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้เลยดีมั้ยครับ สู้ สู้......

--------------------

ถ้าลงทุนด้วยเงิน 50,000 บาทกับบัวแก้ว ในวันที่ 3 มกราคม 2550 ซึ่งถือเป็นวันทำการแรกของปีนี้ และถือยาวเรื่อยมาจนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2550 แล้วขายทิ้งให้หมด

ก็จะได้กำไร 12,153.60 บาท คิดเป็น 24.30% หรือเทียบเท่าดอกเบี้ยเงินฝาก 48.61% ต่อปี

พอเห็นตัวเลขผลตอบแทนแล้ว ก็จะพบคำตอบของคุณ audy ที่บอกว่า "รู้งี้" ทำไมถึงไม่ลงทุนตั้งแต่ตอนนั้นนะ....

อย่าลืมว่าช่วงนั้นเพิ่งผ่านวิกฤตหุ้นร่วงเป็นร้อยจุดมาไม่ถึงสิบวันทำการ แถมวันสิ้นปีเก่าก็ยังมีระเบิดอีก 9 จุดในกรุงเทพ พอเปิดตลาดมาวันทำการแรกของปี ตลาดหุ้นโดยรวมก็เป็นขาลง กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ร่วมเดือน

จิตใจของคนเก็บออมเงินในช่วงนั้น คิดไม่ตก และเริ่มไม่มั่นใจว่าจะลงทุนในกองทุนรวมหรือฝากแบงก์ดี กระทู้ในสินธรช่วงนั้นจะมีแต่ถามเรื่อง จะฝากเงินที่ไหนให้ได้ดอกเบี้ยสูง จะฝากเงินรายเดือนแบบปลอดภาษีดีมั้ย ฯลฯ (แต่ในขณะนี้กลับกลายเป็นว่าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่ไหนให้ได้ผลตอบแทนดี)

ด้วยเหตุนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หมีพูจึงได้ทำโมเดล DCA บัวแก้ว แบบ DCA ลงทุน 24 เดือน เพื่อมาเปรียบเทียบกับฝากแบงก์ แบบรายเดือนปลอดภาษี มาให้พวกเราได้ลองพิจารณาดูเป็นอีกทางเลือกนึง กอปรกับหมีพูก็เคยลงทุนใน JB25 และบัวแก้ว ด้วยวิธี DCA อยู่แล้ว จึงเห็นว่าเหมาะสมสำหรับผู้ที่ไม่รู้จะเข้าไปลงทุนช่วงไหนดี

หลายคนบอกว่า DCA คือวิธีกระจายความเสี่ยงในการเข้าลงทุน แต่หมีพูคิดใหม่ว่า DCA คือวิธีกระจายความกลัวในการเข้าลงทุน เพราะทุกครั้งที่เข้าลงทุน นักลงทุนทั่วไปก็จะรู้สึกเป็นกังวลใจกับการลงทุนนั้นทุกครั้งไป แล้วก็จะเป็นที่มาว่า "รอไปก่อน" หรือ "รู้งี้..." ดังนั้น DCA ช่วยตรงจุดนี้ได้ เพราะ DCA ไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากในแต่ละคราว มีกำหนดเวลาในการเข้าลงทุนที่แน่นอน

เห็นจากตัวอย่างได้ว่า ถ้าให้ลงทุนจันทร์ละ 2,000 บาท กับเลือกลงทุนในวันทำการแรกของปีนี้ไปเลย 50,000 บาท คุณคิดว่า

- ใครจะมีความวิตกกังวลในการเข้าลงทุนน้อยกว่ากันครับ ?
- ใครจะกล้าเสี่ยงมากกว่ากันครับ ?
- ใครจะตัดสินใจลงทุนได้เร็วกว่ากันครับ
- ใครจะมีสติในการทำงานประจำของตัวเอง โดยไม่หวาดระแวงต่อภาวะตลาดหุ้นมากกว่ากันครับ ?
- ใครจะอดทนต่อการผันผวนของราคากองทุนได้มากกว่ากันครับ ?
- ใครจะกล้าถือลงทุนได้ยาวนานกว่ากันครับ ?

--------------------

ใครที่คิดจะเตรียมเงิน เพื่อเอาไว้ไปจับจ่ายใช้สอยในช่วงปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึงในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ เชิญลองทำ DCA กันดูนะครับ

สมมติว่าทำ DCA ในกองทุนหุ้นของบัวหลวง ก็ให้คุณขายทิ้งให้เกลี้ยงได้เลยในวันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม 2550 ก่อน 16.00 น.ทางเอทีเอ็มหรือบัวหลวงโฟน

แล้วคุณก็จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ ในวันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม 2550 ตอนเที่ยง (เร็วสุดคือสิบโมงเช้า ช้าสุดคือบ่ายสองโมง) เท่ากับว่าคุณยังมีเวลานำเงินเก็บพิเศษส่วนนี้ ไปหาซื้อของขวัญปีใหม่ได้ทันเวลาครับ

หรือบางท่านที่ลงทุนในกองทุน RMF หรือ LTF เอาไว้แล้ว และยังลงทุนไม่เต็มพิกัดอย่างละ 15% ตามสิทธิที่ได้รับ คุณก็ยังมีเวลานำเงินเก็บพิเศษจากส่วนนี้ ไปซื้อ RMF หรือ LTF เพื่อลงทุนต่อได้ทันเวลาเหมือนกัน แถมยังได้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น รวมถึงเงินที่จะได้รับคืนจากลดหย่อนภาษีก็ยังเป็นกำไรเพิ่มเข้ามาอีก ทีนี้ล่ะก็ ยิ้มกว้าง ๆ ได้เลยนะครับ

--------------------

หมีพูขอขอบพระคุณทุกท่าน ทุก ๆ ความเห็น ขอบพระคุณจากใจจริงครับ ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น อันเป็นการแบ่งปันความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลายมากครับ

ตั้งแต่หมีพูเข้าโต๊ะสินธรมาปีเศษ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่มีข้อมูลในเชิงลึก และเนื้อหาเข้มข้นมากจริง ๆ ครับ มีการต่อยอดความรู้นี้ออกไปอีกหลายแขนง ช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ให้พวกเราได้นำไปวิเคราะห์และพัฒนาต่อไป จนกลายเป็นแนวทางของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว....ซาบซึ้งใจจริง ๆ ครับ....

--------------------

และสำหรับหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านแล้วลายตาไปหมด จนอาจจะลืมไปว่า โมเดล DCA บัวแก้ว นี้ทำขึ้นเพื่ออะไร หมีพูขอยกข้อความนั้นมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ

".....เพื่อให้เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะลงทุนในกองทุนหุ้น แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปลงทุนซะที กลัวไปสารพัด หรืออยากจะลงทุนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปซื้อช่วงไหนดี หรือจะลงทุนแบบม้วนเดียวจบ หรือว่าจะทยอยลงทุนดี

ถ้าเรามัวแต่กลัว มัวแต่รอให้หุ้นตกมากกว่านี้อีกแล้วค่อยเข้าไปซื้อ หรือจะรอให้หุ้นเป็นขาขึ้นจริง ๆ ก่อนแล้วถึงเข้าไปซื้อ ทำนองว่าหุ้นขึ้นก็ไม่กล้าซื้อ หุ้นลงก็ไม่กล้าซื้อ ขอถามว่าแล้ว "เมื่อไหร่" ล่ะครับ เราถึงจะได้ลงทุนกันอย่างจริงจังซะที

บางท่านบอกมาตั้งแต่ต้นปีว่าขอรอไปก่อน ขอให้สถานการณ์ชัดเจนเสียก่อน ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังรออยู่ รวมถึงผู้ที่ไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ แล้วก็เจ็บตัวในช่วงที่ผ่านมา (และอาจจะเป็นระยะอันใกล้นี้อีกด้วย) ซึ่งเคยเตือนกันไปล่วงหน้าแล้ว (แต่ก็ไปติดกับดักดอกเบี้ยกันอีกจนได้)

หมีพูก็เลยทำมาเปรียบเทียบให้ดูว่าถ้าเราเริ่มลงทุนเท่ากันเป็นประจำทุกวันจันทร์ เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ป่านนี้เขาก็จะได้ผลตอบแทนเทียบเท่าดอกเบี้ยเงินฝากถึง 28% ต่อปีแล้วนะครับ

นี่คือการเสียโอกาสแบบน่าเจ็บใจ เพราะไม่รู้ว่าโอกาสดี ๆ แบบนี้จะมีอีกหรือไม่ คงต้องลุ้นกันอีก 6 เดือนให้หลัง แต่ก็อย่ารอเลยครับ

หมีพูถึงบอกว่า พวกเราที่เข้าใจการลงทุนในกองทุนหุ้นอยู่แล้ว ลองมาทำ DCA กันอย่างจริงจังดูมั้ยครับ ถ้าตลาดเป็นขาขึ้นจริง เราก็ยังได้กำไรเช่นกัน แต่ถ้าตลาดเป็นขาลง เราก็จะลงในสัดส่วนที่น้อยกว่าเป็นไปตามหลักทฤษฎีของ DCA ครับ เมื่อถึงสิ้นปีนี้ อย่างน้อยทุกท่านก็จะมีเงินเก็บเพิ่มอีกก้อนนึง เผื่อจะได้เอาไว้จับจ่ายใช้สอยช่วงปีใหม่ไงครับ..."

และลืมไม่ได้ที่จะต้องขอบคุณ Mr.Messenger ที่ช่วยเหลือกระทู้นี้ในด้านข้อมูลเชิงลึก และคำนวณค่าทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อให้เพื่อนนักลงทุนของเรา ได้เห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขอบคุณจากใจจริงครับ

กระทู้นี้แสดงให้เห็นถึงความประทับใจอีกอย่างนึงว่า กลุ่มคนที่รักการลงทุนกองทุนรวมในโต๊ะสินธรนี้ ล้วนมีน้ำใจแบ่งปันและเอื้อเฟื้อข้อมูลซึ่งกันและกันด้วยจิตใจที่เอื้ออารีเสมอมาครับ.....ประทับใจจริง ๆ ครับ

--------------------

การลงทุนแบบ DCA ไม่ใช่การออกจากความกลัวนะครับ แม้ขณะที่ลงทุนด้วยวิธี DCA ก็อาจจะมีความกลัวอยู่บ้าง กลัวว่าจะได้ของแพง (เพราะดันได้ยินมาว่าหุ้นขึ้นกระฉูด นึกในใจว่าไม่น่าซื้อวันนี้เลยเรา....) กลัวว่าจะได้ของถูก (เพราะดันได้ยินมาว่าวันนี้หุ้นร่วงกระจาย นึกในใจว่าไม่น่าซื้อวันนี้เลยเรา....)

ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าหุ้น ก็มีขึ้นและมีลงครับ ความเสี่ยงมีอยู่ตลอดเวลาควบคู่ไปกับความกลัวของนักลงทุน (กลัวได้ของถูกแบบถูกแล้วถูกอีก หรือไม่ก็กลัวได้ของแพง)

ถามว่าหมีพูกลัวมั้ย ตอบเต็มปากเต็มคำว่า "กลัวเหมือนพวกคุณ ๆ นั่นแหละ" แต่ถ้าเรากล้ายอมรับว่าที่จะอยู่กับความกลัว น่าแปลก...ดูแล้วมันไม่เห็นจะน่ากลัวเลยสักนิดเดียว

ดังนั้นลองดู DCA แบบ 2 ปีย้อนหลังดีกว่าครับ เผื่อจะช่วยตัดสินใจ "กระจายความกลัว" ได้ดีกว่าครับ เชิญที่กระทู้นี้นะครับ เพิ่งทำเมื่อต้นปีนี้เอง แต่ก็ย้อนหลังไปถึง 2 ปี ผ่านช่วงตลาดหุ้นขึ้นและลงจนถึงลงระเนระนาดมาแล้ว
//topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2007/02/I5173172/I5173172.html

--------------------

DCA คือ Dollar Cost Averaging เรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยครับ โดยกำหนดจำนวนเงินลงทุนและวันที่จะลงทุนให้แน่นอน โดยไม่สนใจภาวะตลาดหุ้น (เพราะอาจทำให้ไขว้เขวได้) เป็นการช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการลงทุนผิดจังหวะ และทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของเงินลงทุนในระยะยาวลดลง อีกทั้งยังเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนด้วยครับ

การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยนั้น ผู้ลงทุนจะได้รับหน่วยลงทุนจำนวนมากในช่วงที่ราคาหน่วยลงทุนต่ำ และจะได้รับหน่วยลงทุนจำนวนน้อยในช่วงที่ราคาหน่วยลงทุนสูง โดยทั่วไปการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยเป็นระยะเวลาพอสมควร (ไม่ได้บอกว่านานนะครับ เรื่องเวลานี่แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน) จะดีกว่าการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยที่มีระยะเวลาสั้น หรือการซื้อลงทุนแบบครั้งเดียว

สำหรับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยของ บลจ.บัวหลวง ถ้าจะให้ธนาคารกรุงเทพตัดเงินจากบัญชีสะสมทรัพย์เป็นประจำเพื่อซื้อหน่วยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ทางธนาคารจะตัดบัญชีให้ทุกวันที่ 1 และ/หรือ 16 ของทุกเดือนครับ (ต้องไปกรอกรายละเอียดที่ธนาคารด้วยครับ) แต่ถ้าใครอยากจะทำ DCA นอกเหนือจากวันที่ธนาคารกำหนด ก็ต้องทำรายการซื้อด้วยตัวเองครับ สามารถทำรายการซื้อได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีความปลอดภัย ได้ทั้งตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพและผ่านบัวหลวงโฟนครับ

--------------------

ระยะเวลาในการลงทุน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ลงทุนแต่ละท่านเองครับ ว่าพึงพอใจในผลตอบแทนรวมในขณะนั้นหรือไม่ หรืออยากจะให้เงินมันทำงานแทนเราไปเรื่อย ๆ

วิธี DCA ที่หมีพูเคยทำอยู่ก็กินเวลา 2 ปีกว่าครับ (ผ่านทั้งหุ้นรุ่งเรืองและหุ้นรุ่งริ่ง) แต่ก็ได้ผลตอบแทนรวมดีเชียวครับ แถมไม่ต้องเสียเวลามาคอยนั่งลุ้นหรือติดตามตลาดทุกวัน ไม่เครียดด้วย (หุ้นตกก็ช่างมัน ดีใจซะอีก เป็นโอกาสซื้อของถูก ๆ ถ้าหุ้นขึ้นก็ช่างมัน ดีใจเหมือนกัน เพราะเห็นตัวเลขกำไรพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ) เอาเวลาไปทำมาหากินอย่างอื่นหรือทำงานการให้สนุกสนานกันดีกว่าครับ (ไม่ใช่นั่งทำงานไป ในใจก็กลุ้มคิดแต่เรื่องหุ้นไปเรื่อย)



Create Date : 03 ธันวาคม 2552
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 13:07:18 น. 0 comments
Counter : 218 Pageviews.

หมีอ้วนหน้าตาดี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมีอ้วนหน้าตาดี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.