|
|
|
แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง
การเป็นคนมีรูขุมขนกว้างนั้น มีสาเหตุเกิดจากประการแรกคือ พันธุกรรม
สองคือการมีอายุเพิ่มมากขึ้น คอลลาเจนในชั้นหนังแท้เริ่มมีปริมาณลดน้อยลงจึงทำให้รูขุมขนนั้นดูกว้างขึ้นและดูหยาบขึ้นได้
สาม อาจจะเกิดจากการใช้สารบางชนิดที่ทำให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ในรูขุมขนบนผิวหน้ามากขึ้นทำให้เกิดรูขุมขนกว้างขึ้นได้ อาทิเช่น สารหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ขจัดสิวเสี้ยนบางชนิด
เมื่อเกิดรูขุมขนกว้างแล้วเป็นเรื่องยากที่จะทำให้รูขุมขนนั้นเล็กกระชับลงดังเดิมได้ แต่พอจะช่วยให้เล็กลงได้บ้างโดยเริ่มจากการป้องกันไม่ให้รูขุมขนกว้างไปกว่าเดิม อย่างที่ทราบกันแล้วว่าคอลลาเจนในผิวหนังของเรานั้นมีการสูญเสียไป 1% ต่อปี ทุกปี ดังนั้นวิธีการป้องกันไม่ให้คอลลาเจนในผิวหนังของเราสูญเสียเร็วไปกว่านี้ คืออย่าพยายามทำร้ายผิวหนังของเรา ด้วยการผจญกับมลภาวะทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ควันบุหรี่ ควันพิษ และแม้กระทั่งการพักผ่อนน้อย ก็สามารถทำให้สูญเสียคอลลาเจนได้เร็วขึ้น รูขุมขนจึงกว้างขึ้นได้ วิธีการป้องกันอันดับแรกคือ ทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับมลภาวะทั้งหลาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักสดผลไม้เนื่องจากผักและผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยจัดการกับอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากมลภาวะทั้งหลาย เพราะสารอนุมูลอิสระนี้ถ้าเกิดขึ้นเยอะ ๆ ก็สามารถทำลายคอลลาเจนได้
วิธีการรักษา
ในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีครีมอยู่หลายชนิดทีเดียวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เร็วขึ้น ครีมที่กล่าวถึงนี้คือครีมในกลุ่มของกรดผลไม้หรือเอเอชเอ หลักการของเอเอชเอคือการผลัดเซลล์ผิวหนังให้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ในชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้าได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น ชั้นหนังแท้ที่ถูกกระตุ้นให้สร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่นี้ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อคอลลาเจนถูกสร้างใหม่มากขึ้นก็ทำให้รูขุมขนเล็กลงและกระชับขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้กรดวิตามินซีในการทาร่วมด้วย เพื่อช่วยในการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นหนังแท้และมีการใช้สารต้านอนุมูลอิสระทาผิวเพื่อป้องกันไม่ให้คอลลาเจนถูกทำลายมากขึ้น พร้อมทั้งยังมีการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระ อาทิเช่น วิตามินซีอัดเม็ด อัลฟ่าไลโปอิกเอซิด หรือโคเอสไซม์คิวเท็น เหล่านี้เป็นต้น
นอกจากการใช้ยาทาและยารับประทานดังกล่าวแล้ว ยังมีการใช้นวัตกรรมใหม่ที่ทันสมัยขึ้นซึ่งได้แก่การทำ Microdermabrasion treatment กล่าวคือการใช้เกล็ดอัญมณีในการผลัดเซลล์ผิวชั้นขี้ไคลให้หลุดลอกออกไป และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่มาแทนที่ได้เร็วขึ้น เกล็ดอัญมณีที่ใช้นี้จะมีหลายรูปแบบด้วยกัน อาทิเช่น เกล็ดผงอัญมณีเล็ก ๆ ซึ่งทำมาจากสารอลูมิเนียมออกไซด์ หรือทำจากเกลือที่เรียกว่า โซเดียมคลอไรด์ หรืออาจจะเป็นหัวเพชรเลยก็ได้ ซึ่งจะไม่มีเกล็ดผงเล็ก ๆ กลิ้งอยู่บนผิวหน้าขณะทำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหยาบของผิวหน้าของผู้เข้ารับการรักษา ถ้าผิวหยาบหน่อยก็ใช้เกล็ดเม็ดโตหน่อย ถ้ามีคามหยาบน้อย หรือผิวค่อนข้างไวต่อการสัมผัส ผิวที่ไม่ค่อยมันก็ให้ใช้ เกล็ดเล็ก ๆ ในการผลัดเซลล์ออก หรืออาจจะใช้หัวเพชรแทนก็ได้
การใช้ลำแสงที่เรียกว่า IPL (Intense Pulsed Light)
หลักการคือ ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังตื้น ๆ ทำให้รูขุมขนกระชับขึ้นได้ นอกจากนี้ IPL ยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้เล็กน้อย เพราะจากการสังเกตจะเห็นว่าการที่รูขุมขนกว้างมักจะมีผิวหน้ามัน
มีผู้นำเลเซอร์ซึ่งเป็นเลเซอร์หยุดเวลาอายุผิวมาช่วยในการรักษาคนไข้ ปรากฏว่าผลดีที่ตามมาคือ ผู้ป่วยกลุ่มนี้รูขุมขนจะหดและกระชับตัวเร็วขึ้น หรือแม้แต่คอลลาเจนก็ถูกกระตุ้นให้มีการสร้างออกมามากขึ้น ตลอดจนต่อมไขมันทั้งหลายหดตัวลงทำให้หน้ามันน้อยลงได้
//women.sanook.com/beauty/tips/btip_12355.php
//www.josilvey.com
| Create Date : 29 สิงหาคม 2548 | | |
| Last Update : 30 สิงหาคม 2548 8:06:57 น. |
| Counter : 8133 Pageviews. |
| |
|
 |
|
|
|
เกร็ดวิธีแต่งหน้าให้ผิวดูสวย เหมือนไม่ได้แต่ง
การแต่งหน้าทารองพื้นแล้วจะให้ผิวดูใสเหมือนไม่ได้ทาอะไรไว้นั้นจำเป็นต้องเตรียมผิวให้ดีเสียก่อน
* เริ่มด้วยการล้างหน้าตลอดจนลำคอด้วยนมหรือครีมล้างหน้า แล้วขัดผิวด้วยผง หรือครีมสำหรับขัดผิวหน้า โดยไม่ต้องออกแรงมาก ถูเบา ๆ ก็พอ เพื่อให้ผิวส่วนที่กำลังจะลอกหรือยังขรุขระอยู่หลุดออกไป ผิวจะเนียนขึ้นแยะ
* ต่อไปใช้แปรงถูฟันของเด็กเล็ก แปรงริมฝีปากเบา ๆ โดยรอบ เพื่อให้ริมฝีปากเกลี้ยง นุ่มเนียนและมีสีเลือดฝาดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีครีมทาริมฝีปากก็ทาบำรุงไว้ตอนนี้เลย
* ใบหน้าส่วนอื่นและคอให้ชโลมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ปล่อยมอยส์เจอไรเซอร์ทำความชุ่มชื้นไว้บนผิวสัก 5 นาที นำกระดาษทิชชูมาซับครีมส่วนเกินออก จากตรงนี้บางคนที่มียาทาก่อนรองพื้น เรียก Foundation Primer ก็อาจทา Primer ให้ทั่วเพียงบางเบาได้ สิ่งนี้มีคุณสมบัติที่จะทำให้ผิวลื่นและเรียบ เพื่อช่วยให้รองพื้นซึ่งแม้จะทาเพียงบาง ๆ อยู่ติดทน และเกลี่ยบนผิวได้ง่ายขึ้น
* เกร็ดที่ควรรู้อีกข้อหนึ่งคือ อย่าแตะรองพื้นไว้เป็นจุด ๆ บนผิวหน้า เพราะในรองพื้นมีพิกเมนต์สีอยู่มาก เม็ดสีนี้จะถูกดูดซับลงในผิวเร็ว เป็นเหตุให้จุดเหล่านั้นเห็นชัดกว่าส่วนอื่น ผิวเลยดูเหมือนสีไม่เสมอกัน ทางที่ดีใส่รองพื้นลงบนฝ่ามือแล้วใช้ฟองน้ำชื้น (สำหรับทารองพื้น) แตะไป ไล้ไปทางตีนผม อย่าทาย้อนไปมา
* ส่วนบริเวณรอบดวงตาซึ่งผิวบางมากนั้น ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะรองพื้นที่ทาทับเพิ่มไปเพียงแค่ครั้งเดียว ก็จะแลเห็นได้ มันจะแทรกลงไปแถวร่องผิว แม้จะอายุน้อย ก็จะดูเสมือนมีรอยย่นอย่างละเอียด เขาจึงนิยมใช้รองพื้นพิเศษสำหรับตา หรือถ้าเป็นรองพื้นหน้า ก็ให้เลือกสีเข้มขึ้นอีกหนึ่งเฉดสี แตะใส่เบา ๆ แล้วใช้แป้งแข็งแตะทับตรงนั้น
* สำหรับคนที่มีจุดด่างดำ ใช้คอนซีลเลอร์สีอ่อนอันหนึ่ง สีแก่อันหนึ่ง ใส่ไว้บนหลังมือเพื่ออาศัยไออุ่นจากมือทำให้มันอ่อนตัว ใช้แปรงปลายเล็กผสมสีบนหลังมือ จนสีเข้ากันได้สนิทกับสีผิวหน้าของผู้นั้น แล้วทาเฉพาะตรงรอยที่ต้องการปิด จะไม่มีร่องรอยดำเหลือให้เห็นได้เลย ผิวหน้าจึงจะดูใสและสวยเสมอกันเหมือนไม่ได้เคลือบไว้ด้วยอะไร
* ขั้นตอนสุดท้ายใช้แป้งฝุ่นสีใส (Translucent) แตะ ๆ บนผิวด้วยพัฟชนิดแบน อย่าใช้พัฟถูผิว เพราะรองพื้นจะถูกเช็ดออก ปัดฝุ่นแป้งที่อาจมีหลงเหลือด้วยแปรง สำหรับใช้เกลี่ยแป้ง การที่ต้องใช้แป้งฝุ่นทับรองพื้นก็เพื่อให้รองพื้นติดทน
ที่มา... //women.sanook.com/beauty/makeup/mkuptips_03898.php
//www.number-four.co.uk
| Create Date : 28 มิถุนายน 2548 | | |
| Last Update : 29 สิงหาคม 2548 8:31:07 น. |
| Counter : 382 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
เลือกครีมกันแดดแบบไหนถึงจะดี
เลือกครีมกันแดดแบบไหนถึงจะดี
ก่อนซื้อทุกครั้งควรอ่านฉลากให้ละเอียด และควรมองหาสารประกอบสำคัญ (active ingredients) หลักๆคือ Avobenzone (บางครั้งก็มาในชื่อ Butyl Methoxydibenzoylmethane), Titanium Dioxide, Zinc Oxide และ Mexoryl SX ถ้าหากว่าขาดไปมากกว่าสองก็แสดงว่าครีมกันแดดนั้นไม่ได้มาตรฐานแต่อย่างใด
อีกสิ่งที่ควรจะใส่ใจให้มากเวลาเลือกซื้อครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามที่ระบุว่าช่วยกันแดดได้ก็คือ จำนวนของค่า SPF (Sun Protection Factor) ที่ควรจะมีอย่างน้อย 15 (หรือมากกว่านั้นในกรณีที่ต้องออกแดดจัดๆ) ซึ่งแสดงค่าการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ 15 เท่าของเวลาโดยเฉลี่ยที่เราจะสามารถอยู่กลางแดดได้โดยไม่เกิดอาการผิวแสบไหม้ เช่นหากเราสามารถตากแดดได้นานประมาณ 25 นาทีก่อนที่ผิวจะเริ่มคล้ำ การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ก็จะช่วยยืดเวลาได้นานขึ้นเป็น 375 นาที
แต่บางครั้งครีมกันแดดที่ระบุเฉพาะค่า SPF สูงๆนั้นก็มีฤทธิ์ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีบ๊เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนซื้อจึงไม่ควรลืมมองหาส่วนประกอบสำคัญที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งช่วยป้องกันรังสี UVA ได้ด้วย
จาก
นิตยสาร Marie claire ฉบับเดือนมีนาคม 2548
//www.elegant-smiles.com
| Create Date : 25 พฤษภาคม 2548 | | |
| Last Update : 30 สิงหาคม 2548 9:25:41 น. |
| Counter : 506 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [