ดึ๋ง ดึ่ง ดึ่ง ดึ๊ง
Group Blog
 
All blogs
 
Review รีวิว PARKROYAL ON PICKERING โรงแรมดีไซน์สุดเท่ห์ ใกล้ชิดธรรมชาติใจกลางสิงคโปร์



⁞ เมื่อปลายเดือนสิงหาที่ผ่านมา เบลล์ไปธุระที่สิงคโปร์แล้วมีโอกาสได้พักโรงแรมที่มีความเก๋ไก๋ 
ดีไซน์สวยงาม บรรยากาศดี และได้รับประสบการณ์สุดประทับใจ 
เลยรีบกลับมาเขียนบรรยายถ่ายทอดความรู้สึกดีๆมาฝากกันค่ะ 
เผื่อว่าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวสิงคโปร์ ลองมองโรงแรม PARKROYAL on Pickering
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนะคะ เบลล์ชอบที่นี่มากจริงๆ



อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าไปสิงคโปร์ คือไปมารอบนี้ เบลล์ไปร่วมงานปาร์ตี้ฉลองครบรอบ 10 ปี บริษัท Netccentric 
ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Nuffnang ที่เบลล์ร่วมงานอยู่นั่นเองค่ะ



ก็เลยมีโอกาสได้พักที่โรงแรมนี้เป็นเวลา 2 วัน 1 คืนค่ะ แม้ว่าจะเป็นระยะสั้นๆ 
แต่บอกเลยว่า ประทับใจทุกช่วงเวลา ตั้งแต่ Check-in จนถึง Check-Out เลยจ้า 

วินาทีแรกที่มองเห็นโรงแรมจากในรถ TAXI คือ กรี๊ดมากกกกก 
ยังกะหลุดมาจาก Design Magazine คือถ้าเรียนถาปัดมาจะต้องกรี๊ด 
เพราะโรงแรมนี้ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดังระดับโลก WOHA
เป็นบริษัทสถาปนิกที่มีผลงานออกแบบอันเป็นเอกลัษณ์



(ตอนอยู่บนรถมัวแต่กรี๊ด ถ่ายไม่ทันขอใช้รูปจากโรงแรมนะคะ Photo Credit: Patrick Bingham Hall) 

PARKROYAL on Pickering เป็นโรงแรมที่ถูกออกแบบขึ้นบนแนวคิด "โรงแรมในสวน"
พยายามสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้าไปในตัวอาคาร ไม่ใช่ในแนวราบบนพื้นดิน 
แต่เป็นสวน sky-gardens ในแนวสูงแทรกไปกับชั้นต่างๆของตัวอาคาร 
แม้ว่าสิงคโปร์จะมีตึกสูงเพิ่มขึ้นมากมาย มีพื้นที่แนวราบน้อยลง 
แต่โรงแรมนี้สามารถถ่ายทอดความมุ่งมั่นที่จะทดแทนพื้นที่อาคารสูงด้วยพื้นที่สีเขียวไว้ได้อย่างน่าสนใจ 
ด้วยแรงบันดาลใจจากนาขั้นบันไดที่บาหลี (the rice-paddy fields of Bali) นำมาลดทอน 
ใช้เส้นสายเรขาคณิตที่ยังมีความลื่นไหล ก่อให้เกิดอาคารที่มีหน้าตาโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์



ประกอบกับแนวคิดอาคารประหยัดพลังงาน มีการออกแบบตัวอาคารแบ่งออกเป็นส่วนๆ 
แต่ละส่วนคั่นด้วย court เป็นพื้นสีสวนสีเขียว เปิดรับแสงธรรมชาติ และรับวิวจากภายนอก



(Photo Credit: Patrick Bingham Hall) 

สังเกตว่าการเลือกใช้กระจกของที่นี่ จะเป็นกระจกบานใหญ่สูงเต็มเพดาน ทำให้พื้นที่ภายในดูโปร่ง โล่ง 
แสงเข้าในตัวอาคารได้เต็มที่ เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจเพื่อการประหยัดพลังงานในอาคาร



งานออกแบบของที่นี่เค้ามีความละเอียดมากๆ ถ่ายทอด concept ออกมาในทุกดีเทล 
ตั้งแต่โครงสร้างหลัก วัสดุที่เลือกใช้ Space ที่เราเข้าไปอยู่ การตกแต่งภายนอก 
รายละเอียดส่วนตกแต่งภายใน แม้กระทั่งพรมปูพื้นยังคง Concept หลักของโครงการเอาไว้ 
คือ เก็บทุกเม็ดจริงๆค่ะ ทุกอย่างทุกรายละเอียดของที่นี่เค้าคิดมาเยอะ และมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจ 
เบลล์อาจจะเล่าได้ไม่ครบ แต่เดี๋ยวเบลล์จะค่อยๆเล่าเท่าที่เบลล์ได้ไปสัมผัสมา 
โดยบรรยายไปตามรูปที่ถ่ายมาแล้วกันเนอะ 
(ตอนไปนี่ตื่นเต้นมากๆ เลยถ่ายรูปไว้ซะเยอะเลย 555) 

ก่อนอื่นเรามาดูข้อมูลที่ตั้งกันนิดนึงค่ะ 

ที่ตั้ง
โรงแรม PARKROYAL on Pickering ตั้งอยู่ที่ 3 Upper Pickering St, Singapore 058289 

แผนที่ (คลิกที่รูปจะ link ไป google map ค่ะ)



สภาพแวดล้อม
โรงแรม PARKROYAL on Pickering ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ในย่านธุรกิจ Central Business District 
ด้านหน้าเป็น Hong Lim Park และยังอยู่ใกล้ China Town และ Clarke Quay 



(Credit: Darren Soh) 

อย่างที่ได้เล่าในส่วนของ Concept คร่าวๆไปแล้ว จริงๆโรงแรมนี้เค้ามีรายละเอียดต่างๆอีกมาก 
ถ้าจะเขียนบรรยายลงในบล็อกเดียวอาจจะยาวเกินไป (เพราะลำพังแค่ดูรูปเพลินๆก็ยาวมากแล้ว ฮ่าๆๆ) 
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจในเชิงการออกแบบ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งก์ตามนี้ค่ะ 
(อ่านข้อมูลเชิงการออกแบบเพิ่มเติมได้ที่ Arch Daily คลิ๊กเลยจ้า
เรามาเริ่มกันที่ทางเข้าโรงแรมค่ะ 
จุด Drop off เล็กๆ ด้านซ้ายเป็นทางเข้า lobby ด้านขวาเป็นอาคารจอดรถค่ะ



แค่ทางเข้าก็ดูไม่ธรรมดาแล้วล่ะค่ะ มีการเล่นดีเทล Contour ของผนังไล่ไปเพดาน 
ล้อไปกับโครงสร้างที่เห็นได้จากด้านนอก เป็นเส้นสายชั้นๆที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาขั้นบันไดที่บาหลีนั่นเองค่ะ 
ด้านหลังเคาน์เตอร์นี้ เค้ามีห้องรับฝากกระเป๋า เราสามารถฝากกระเป๋าไว้ก่อนหรือหลังเช็คอินได้นะคะ 
พนักงานบริการยอดเยี่ยมมากๆ จะเรียกแท๊กซี่ก็จัดให้ได้ค่ะเราเดินเข้า lobby กันเลยดีกว่าค่ะ



เมื่อเดินพ้นประตูเข้ามา จะเจอกับการตกแต่งที่สวยงามอลังการของส่วน reception ค่ะ 
ยังคงเส้นลายคอนทัวร์ คงความเป็นชั้น เป็นขั้นๆ คล้ายการตกแต่งภายนอก 
แต่มีการเปลี่ยนวัสดุจากคอนกรีต เป็นไม้ ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น แต่ยังคงความต่อเนื่อง 
มีความเป็น unity ดูเก๋ไก๋มากทีเดียวค่ะ 

ระหว่างรอเช็คอิน ทางโรงแรมมีเครื่องดื่มเย็นๆเป็น welcome drink คลายร้อนให้ด้วยนะคะ



ในแก้วไม่แน่ใจเรียกว่าน้ำอะไร คล้ายๆน้ำมะนาวแต่มีกลิ่นสมุนไพรนิดๆ หอมเย็นสดชื่นดีค่ะ 

เดินเข้ามาอีกนิดจะเจอกับบาร์เครื่องดื่ม ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ reception ค่ะ



ในโซนล๊อบบี้ของโรงแรม ดูโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด แต่ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวได้บ้าง 
ด้วยการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ การวางเก้าอี้และโซฟา มีฉากกั้นเป็นบางส่วน 
ทำให้เราสามารถนั่งรอเพื่อน นั่งคุยธุระได้โดยไม่รู้สึกเขอะเขิน หรืออึดอัดจนเกินไปค่ะ



นอกจากโซนที่นั่งเป็นกลุ่มๆแล้ว ยังมีโซนที่เราสามารถนั่งทอดอารมณ์คนเดียว 
มองน้ำพุ มองชีวิตคนเมืองเดินผ่านไปมาบนท้องถนนได้โดยไม่รู้สึกโจ่งแจ้งเกินไป



จากในรูป ด้านซ้ายคือแถวของที่นั่งที่เบลล์พูดถึงตะกี้นั่นเองค่ะ ตัวเก้าอี้จะหันไปหาวิวริมถนน 
แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวด้วยระเบียงไม้ที่แทงทะลุออกไปนอกอาคาร มีบ่อน้ำพุวางตัวในแนวยาว 
มีต้นไม้เรียงตัวไปตามความยาวของทางเดินค่ะ
ตอนกลางคืนได้ลองเดินแล้วมองเข้ามาจากด้านนอก โอ้โห เป็นมุมที่เท่มากมุมนึงเลยล่ะค่ะ 
เมื่อหันมาด้านหลังจะเจอกับประตูโลหะสีเงิน หน้าตาคล้ายลิฟต์ 



ประตูสีเงินที่ว่า ไม่ใช่ลิฟต์นะคะ แต่เป็นห้องน้ำในส่วน public นั่นเองค่ะ 
ห้องน้ำได้ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของต้นไม้สีเขียวที่แทรกตัวออกมาจากผนังไม้ 
เป็นต้นไม้จริงนะคะ ไม่ใช่ต้นไม้ปลอม ส่วนนี้ทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ 
ที่แทรกลึกเข้ามาอยู่ในอาคาร ไม่รู้สึกแปลกปลอม แต่กลับรู้สึกสดชื่นจริงๆค่ะ 

และหลังจากที่เราเช็คอินเรียบร้อย 
เบลล์ก็มีโอกาสได้ขึ้นไปดื่มกาแฟ ทานขนมที่ Orchid Club Lounge บนชั้น 15 ค่ะ 



บรรยากาศดี มองออกไปเป็นวิวเมืองในมุมกว้าง 
มองเห็นสวน Sky Gardens ของโรงแรม เขียวเป็นเส้นโค้งไปมา สวยมากค่ะ



(รูปนี้เบลล์ขอใช้รูปจากโรงแรมนะคะ ตอนไปฝนตกครึ้มมาก ถ่ายออกมาแล้วไม่สวย 
อยากให้เห็นของจริงว่าสวยขนาดไหน… )



การตกแต่งภายในให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีความเป็นกันเอง 
เหมือนเดินเข้าครัวที่บ้านหยิบขนมกินชิลๆ มีเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย 
ทั้งน้ำชา น้ำผลไม้หลายชนิด กาแฟดีงาม ขนมหวานอร่อย ไม่เชื่อ ดูจากรูปนะคะ 5555



สำหรับในโซนนี้ จะมีบริการ Champagne breakfasts, afternoon tea และ evening cocktails 
ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละวันค่ะอ่านข้อมูลเพิ่มเติมคลิกค่ะ  

หลังจากได้รับคาเฟอีนเข้าไปแล้ว ร่างกายก็เริ่มกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง ฮ่าๆๆ 
เบลล์จะพาไปดูห้องพักกันนะคะระบบของที่นี่ก็จะเป็นคีย์การ์ด ให้ห้องละสองใบ ไม่มีกุญแจค่ะ 
เวลาขึ้นลิฟต์ก็จะต้องใช้คีย์การ์ด แตะที่ลิฟต์แล้วกดชั้นตัวเอง เราจะไม่สามารถไปชั้นอื่นๆได้ 
ยกเว้น ชั้น 15 Orchid Club Lounge และชั้น 5 Pool & Terrace สามารถเข้าได้ปกติค่ะ 

เมื่อถึงชั้นที่พักแล้ว ก็จะเจอกับทางเดินแบบ outdoor ก่อนจะแยกไปแต่ละห้อง
เบลล์ได้พักชั้น 14 มีสวนหย่อมเล็กๆหน้าห้องด้วย ร่มรื่นมากๆค่ะ 



ที่หน้าห้องจะมีแผงต้นไม้ สูงทะลุฝ้าเพดานขึ้นไป คั่นประตูห้องแต่ละห้องออกจากกัน
ดูมีความเป็นส่วนตัว และคงคอนเซ็ปต์หลักของอาคารไว้ได้ดีค่ะ



เปิดประตูเข้าห้องกันค่ะ



เปิดประตูเข้ามา จะเจอกับห้องโปร่งโล่ง สวยสะอาดน่าพักมากๆค่ะ 
คือเข้ามาแล้วไม่อยากออกไปไหนเลยล่ะ



เตียงใหญ่ หนานุ่ม ไม่ยวบจนเกินไป 
เดินพ้นเตียงไปจะเป็นโซฟาเล็กๆขนาดสองที่นั่ง



(รูปนี้ถ่ายจากห้องป้าพิม plan ห้องจะกลับด้านกันนะคะ แต่เฟอร์ทุกอย่างเหมือนกันค่ะ) 

ด้านหน้าโซฟามีโต๊ะทำงาน อุปกรณ์ครบครัน



มีผลไม้สดกรอบ วางต้อนรับด้วยนะคะ ผลไม้ที่นี่อร่อยมากๆค่ะ



สังเกตถังขยะนะคะ เค้ามีถังสำหรับแยกชนิดขยะด้วย คง concept ECO รักษ์โลกมากๆค่ะ 
มองไปนอกหน้าต่างมีสวนเขียวๆ ร่มรื่นมากๆ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือชั้น 14 นะคะ 
เค้าออกแบบมาได้ดีมากๆ เข้าไปอยู่แล้วรู้สึกถึงความตั้งใจจริงๆ 

ด้วยหน้าต่างบานกระจกที่สูงชนเพดาน ทำให้ได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติเต็มที่มากๆ 
แต่ก็ต้องแลกด้วยความไม่เป็นส่วนตัว ทางโรงแรมก็เลยแนะนำให้เราปิดม่านลงทุกครั้งที่เข้าไปพักผ่อนค่ะ 
เพราะบางห้องจะสามารถมองเห็นทะลุปรุโปร่งได้จาก lounge ชั้น15 นั่นเองค่ะ 

เมื่อมองย้อนกลับมาจากด้านในห้อง มาดูอีกมุมนึงกันบ้างนะคะ 
ด้านตรงข้ามเตียง เป็น TV จอใหญ่ มีแผง control อยู่ที่ข้างโซฟาค่ะ



ข้างๆ TV มีตู้ขนมและตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกันค่ะ 
มาเปิดดูข้างในดีกว่า....



ตู้ด้านซ้ายเป็น mini bar ของกินที่อยู่ในตู้กระจกจะชาร์จเพิ่มนะคะ 
ส่วนที่เป็นชากาแฟ ทานได้ ไม่ชาร์จเพิ่มค่ะ 
ที่เลิฟมากๆคือ เค้ามีเครื่องทำกาแฟ Nespresso วางไว้พร้อมแคปซูลให้เลือก 3 รส ด้วยล่ะค่า 
คอกาแฟอบ่างเบลล์ มีหรือจะพลาด อิอิ 

ส่วนตู้ขวาสุด เป็นตู้เสื้อผ้า มีไม้แขวนหลายแบบ มีตู้เซฟจิ๋ว รองเท้าสำหรับใส่ในห้อง มีเสื้อคลุม 
และที่สำคัญมากๆเวลาไปงานต่างประเทศคือ เค้ามีเตารีดพร้อมโต๊ะรองรีดด้วยล่ะค่ะ ดีงามๆๆ 
เอาชุดราตรีไปไม่ต้องกลัวยับเลยทีนี้ เริ่ดๆ 

พาชมรอบๆห้องไปแล้ว มาถึงห้องสุดท้าย ที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นก็คือ ห้องน้ำนั่นเองค่ะ



เมื่อเรามองผ่านโต๊ะทำงานเข้าไปอีกด้าน จะเจอกับห้องน้ำแบบ See-through กั้นส่วนเปียกและแห้งด้วยกระจกใสปิ๊ง 
ตอนแรกว่าจะเขินแล้ว แต่ลืมไปว่าอยู่คนเดียว อ๊ะไม่เกี่ยวๆ 555
จริงๆเค้ามีบานไม้ซ่อนอยู่หลัง TV ค่ะ เราสามารถดึงมาปิดโซนห้องน้ำได้มิดชิดเลยค่ะ



ห้องน้ำที่นี่เค้ามีครบเลย ทั้งฝักบัวและอ่างอาบน้ำ



ฝักบัวมีทั้งแบบฝักบัวปกติ และ Rain Shower ให้เลือกใช้นะคะ ส่วนอ่างอาบน้ำเป็นขนาดพอดีตัว 
มีขอบกันน้ำล้นด้วย แช่น้ำไปเพลินๆไม่ต้องกลัวน้ำกระเฉาะ ล้นมานองพื้น 
ที่ข้างอ่างล้างมือ มีเซ็ทสบู่ โลชั่น มีดโกน หมวกคลุมผมพร้อมมากๆค่ะ 
และขวดแก้วที่เห็นด้านบน คือ ขวดน้ำดื่ม เค้าจะมาเติมให้ทุกวันค่ะ 
ที่นี่เค้าใช้ขวดแก้ว เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกนั่นเองค่ะ 

อ่างอาบน้ำที่นี่เค้าวางชิดหน้าต่าง ที่ด้านนอกเป็นสวน ได้บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ท สปา อะไรแบบนั้นเลยค่ะล่ะ 
ข้างๆอ่างอาบน้ำ มีพื้นที่พอที่จะวางของเล็กๆ มี bath salt ให้กระปุกนึง 
แต่ใจจริงอยากจะพก Bath bomb ไปใช้ แช่น้ำร้อนๆฟองฟูๆนุ่มๆ โอ้โห.. 
ไว้มีโอกาสไปพักอีกเมื่อไหร่จะไม่พลาดเลยค่ะ 

ในส่วนของระบบไฟและแอร์ แผงสวิทช์ต่างๆในห้องเป็นแบบปุ่มสัมผัสทั้งหมด 
ใช้งานง่าย สะดวกมากค่ะ 

โอเค ในส่วนของภายในห้องก็เล่าไปละเอียดมากๆแล้ว อีกจุดของโรงแรมที่พลาดไม่ได้เลย 
หรือจะเรียกว่าเป็น Climax ของโรงแรมนี้ก็ว่าได้ น่าจะเป็นชั้น 5 ค่ะ 



เป็นชั้นที่มีลานโล่ง ฟิตเนส สปา bird-cage cabanas หรือ กระโจมทรงกรงนกหลากสีสัน
ที่เราสามารถเข้าไปนั่งคุย พักผ่อนกับเพื่อน ครอบครัวได้อย่างมีความเป็นกันเอง



บางกระโจมจะวางแทรกเข้าไปกับบริเวณสระว่ายน้ำ เวลาเราเข้าไปนั่ง จะรู้สึกเหมือนอยู่บนแพกลางน้ำ 
และบางจุดจะยื่นออกไปนอกตึก เพื่อรับวิวเต็มๆ เข้าไปนั่งแล้วเหมือนอยู่ในกรงนกที่ลอยอยู่กลางอากาศจริงๆ 
เวลามองจากนอกตึกจะเห็นกระโจมที่ยื่นออกมาลอยๆ ดูเท่ห์สุดๆไปเลยค่ะ


หรือในส่วนที่เป็น terrace กระโจมก็จะแทรกตัวเข้าไปในส่วนของสวนเขียวๆ ก็ดูสงบร่มรื่นดี 
น่านั่งอ่านหนังสือเงียบๆชิลๆ



นอกจากซุ้มหรือกระโจมที่พูดถึงไปแล้ว เค้ายังมีสระว่ายน้ำที่ขอบด้านนึงอยู่ชิดขอบอาคาร 
เวลาเราอยู่ในสระจะมองเห็นวิวเมืองได้เต็มๆ เสมือนว่าสระไม่มีขอบ ประมาณนั้นค่ะ



พื้นที่ทั้งหมดในชั้นนี้ ถูกล้อมไว้ด้วยทางเดินเล็กๆ จะเข้าไปเดินเล่น วิ่งจ๊อกกิ้งรอบตึกก็สามารถทำได้ 
บรรยากาศในชั้นนี้คือที่สุดจริงๆ ร่มรื่น น่าพักผ่อน อยากอยู่ที่นี่นานๆ 
อยากมีเวลาลงไปว่ายน้ำ นอนชมวิวให้อิ่มไปเลย



พูดถึงจุดชมวิว จุดที่สวยที่สุดของโรงแรมไปแล้ว มาถึงอีกจุด Climax ที่เบลล์ว่าพี๊คกว่าวิวสวยๆ 
นั่นก็คือของกินนั่นเองค่ะ 5555555 

ตอนเช้าเราก็เอาบัตรห้องเราไปยื่นที่เคาเตอร์ที่โซนภัตตาคาร LIME ชั้นเดียวกับล๊อบบี้นั่นเองค่ะ



อาหารเช้าที่นี่เค้าจัดเต็มมาก เรียกได้ว่ากินอย่างราชา 
เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย จะจีน ญี่ปุ่น อินเดีย หรือฝรั่งก็มาครบ 
ที่จี๊ดใจมากคือเค้ามีอาหารแบบ Healthy ให้เลือกทานด้วย มีสลัด โยเกิร์ต ผลไม้สด น้ำผักผลไม้คั้นสดแบบไม่อั้น 
อยากกินผักอะไรผสมผลไม้อะไรคิดสูตรเองได้เลยค่ะ 
เบลล์ลอง Celery ผสม Carrot ก็อร่อยแบบสวยๆเฮลที้ๆ 
พวกเครื่องดื่มต่างๆมีครบเลยนะคะ นอกจากน้ำผัก น้ำผลไม้แล้ว 
ยังมีชากาแฟหลากหลายเมนู สั่งได้เรื่อยๆค่ะ 
สำหรับเด็กๆก็มีนมสดที่เราสามารถเลือกทานพร้อมซีเรียล คอร์นเฟลก โกโก้ครันช์ มีครบสุดๆ 

จะดื่มกาแฟเปล่าๆก็จะเบาไป พามาชมซุ้มขนมปังดีกว่าค่ะ 
มีครบ ทั้งปังจืดปังหวาน ไปจนถึงขนมปังธัญพืช ครัวซอง พายหน้าผลไม้ น่าทานทั้งนั้น 
เบลล์ว่าเบลล์กินเก่งแล้วยังลองได้ไม่ครบเลยค่ะ เยอะ น่าทานทุกอย่างเลย 



ถ้าใครต้องการโปรตีนและไขมันเพิ่มอีกนิด เดินเลี้ยวขวามาค่ะ 
จะเจอกับโซนชีส และบรรดาของที่ทานกับขนมปัง



มีชีสหลากหลายชนิดให้เลือกทาน มีแฮม ซาลามี่ 
และที่เด็ดมากคือแซลมอนรมควัน โอ้โหยยยย กินอันนี้ไปเยอะเลยค่ะ อร่อยมากจริงๆ 

สำหรับใครที่ยังโหยหาโปรตีนเพิ่ม ขอให้เดินลึกเข้ามาด้านในค่ะ 
คุณจะเจอครัวไฟ มีอาหารจีน ซาลาเปา ขนมจีบ บะหมี่ผัด ของหนักๆให้เลือกทาน 
หรือใครอยากทานแบบฝรั่ง ก็ยังมีไส้กรอก แฮม เบคอน ให้เลือกทานคู่กับแพนเค้ก วาฟเฟิล หรือมัฟฟิน 



ในรูปบนนี่บอกเลยว่า เป็นมะเขือเทศกริลที่เด็ดโคตรๆค่ะคุณ หอม หวาน อร่อยมากๆ 
ใครไม่ถนัดอาหารหน้าตาแปลกๆ อยากได้อะไรพื้นๆ อารมณ์ Back to Basic 
บรรดาเมนูไข่เค้ามาครบเลยนะคะ จะไข่ต้ม ไข่เจียว หรือแม้แต่ egg benedict สวยๆก็มาค่ะ 
จานนี้เด็ดมากจริงๆ พี่จัดไปสองกระทะหน่าคะ โฮ๊ะๆๆๆๆ



โอเค บรรยายแล้วก็อยากกลับไปอีกจริงๆ คือมันประทับใจในหลายๆอย่าง 
เบลล์ว่าใครที่เลือกไปพักโรงแรมนี้ เลือกแบบมีอาหารเช้านะคะ คุ้มมากจริงๆค่ะ 

เอาล่ะ เบลล์ก็เขียนรีวิวไว้ละเอียดมากๆๆๆ นี่ก็เป็นประสบการณ์ดีๆที่เบลล์ได้รับมา 
ก็หวังว่าจะเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่กำลังมองหาที่พักดีๆเจ๋งๆในสิงคโปร์นะคะ 
สำหรับข้อมูลราคาที่พัก ประเภทห้องต่างๆ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากช่องทางต่างๆ ตามนี้ค่ะ 


สุดท้าย ขอขอบคุณ Nuffnang Netccentric และ โรงแรม PARKROYAL on Pickering
สำหรับประสบการณ์ดีๆในทริปนี้นะคะ 

เจอกันใหม่บล็อกหน้าค่ะบายๆๆๆๆ
Smiley





Create Date : 11 กันยายน 2559
Last Update : 11 กันยายน 2559 19:43:29 น. 1 comments
Counter : 3058 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมชมบล็อก ดูหนัง ดูหนัง


โดย: สมาชิกหมายเลข 3392475 วันที่: 18 ตุลาคม 2559 เวลา:15:48:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bellyly
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]





สวัสดีจ้าสาวๆ เบลล์ bellyly อาจจะเงียบหายไปจาก bloggang นานเลย
จริงๆยังไม่ได้เลิกเขียนบล็อกนะคะ ช่วงนี้ย้ายเว็บค่ะ เริ่มขยับขยายเปิดบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะปรับแต่งหน้าตาได้ตามใจชอบ และปรับปรุงหน้าบ้านให้ดูเป็นระเบียบ สวยงามอ่านได้ง่าย สบายตามากขึ้นด้วย



เบลล์ขอเชิญชวนให้ไปติดตามกันต่อ ที่



เพื่อนๆสามารถกดรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการอัพเบล็อกใหม่ได้ที่ Tab Subscribe ด้านขวาในหน้าเว็บใหม่นะคะ



CONTACT
Email: bellyly_ly@hot หรือ bellyly@gmail
Facebook : http://www.facebook.com/BellyBlog
Instagram : http://instagram.com/bellyly#
Twitter : https://twitter.com/bellyly_ly







Friends' blogs
[Add bellyly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.